Thursday, June 26, 2008

MBC DRAMA AWARD 2007

MBC DRAMA AWARDS 2007

เมื่อวันที่ 18 /12/2007 ที่ QUILT มีการลงข่าวว่า ว่า MBC web site มีรายการ the year end voting ตั้งแต่วันที่ 17-30 ธันวาคม 2007 และเป็นการ VOTE ที่ one ID one Vote and it open to overseas too.แล้วในคืน วันที่ 30/12/2007 ตัวคนเล่า อุตส่าห์ อดตาหลับขับตานอน นั่งเฝ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์ เผลอหลับไม่รู้ตัว ตื่นขึ้นมาอีกที่ ไม่แน่ใจว่า ตี 1 หรือ ตี 2 หรือดึกกว่านั้น ไม่ทันดูนาฬิกา เพราะมัวแต่ดู ภาพบนจอ ที่ เบ ยองจุน ในสภาพที่ยังมีไม้ค้ำยันช่วยพยุงตัว มี หัวหน้าโคมิล ฮยอนโก และชอโร ช่วยพยุง เบ ยองจุน ขึ้นไปรับรางวัลบนเวที แล้วก็งง ๆ เพราะฟังภาษาเกาหลีไม่รู้เรื่อง แล้วก็เบลอๆ ว่า เอ๊ะ ทำไม เบ ยองจุน ขึ้นเวทีหลายรอบจัง ก็ดีใจ คืนนั้นเดาได้รางวัลเดียว ตอนที่ ซง อิลกุ๊ก ผู้รับบทบาท กษัตริย์จูมง เป็นผู้อ่านชื่อผู้รับรางวัล เบ ยองจุน และเป็นผู้มอบรางวัล

ได้เห็นภาพความสำเร็จ ของ Drama TWSSG และ ทีมงานทั้ง ผู้กำกับ นักแสดง และที่สำคัญที่สุด คือความสำเร็จของเบ ยองจุน เห็นภาพที่ เบ ยองจุน มีความสุข

แต่ละค่ายสถานี จะจัดงานประกาศรางวัล ของแต่ละสถานีเอง และในปี 2007 นี้ แน่นอนว่า ที่สถานีโทรทัศน์ MBC จะต้องวุ่นวาย กว่าปี ก่อน ๆ เพราะ ในปีนี้ มี Dramaของ เบ ยองจุน

คุณ suehan ได้ Post ที่ Quilt เมื่อวันที่ 30/12/07 ใน article ว่า Update regarding BYJ’s attendance at MBC Awards.
โดยมีข้อความดังนี้

Korean Media, Newsen confirmed BYJ’s attendance at MBC Award tonight. (#45240 on KOB)According to Newsen news, BOF said, “BYJ plans to attend the 2007 MBC Awards.”, and “He had his cast removed recently, but he’s not comfortable enough to move. Probably, he’ll use crutches and wear knee pads.”And according to the posting by Popobi on KOB (#45241, posted at 3:41pm), two Korean fans, Pipiseom and Nanyu, who are lining up in front of the MBC, called her saying that there is a long line of people including Japanese families who arrived early in the morning in front of MBC. MBC staff is writing down the names and they’ll come back at 6:00 pm for the seats (or spaces).

แต่ละปี แต่ละสถานี จะมี Dramaจำนวนมาก (ไม่ทราบว่าเท่าไรนะคะ) แต่เหมือนว่า ได้ ผ่านการคัดเลือก ในเบื้องต้นเหลือนักแสดงจากรายชื่อdrama ดังต่อไปนี้ แต่ในส่วนของ Drama เองที่เข้ารอบเข้าใจว่าจะน้อยกว่านี้

(The 1st Shop Of Coffee Prince 커피프린스 1호점)
(Legend 태왕사신기)
(Yi San 이산)
(Thank You 고맙습니다)
(Attack And Defense Battle 메리대구 공방전)
(Ah Hyun Dong's Madam 아현동 마님)
(White Tower 하얀거탑)
(H.I.T. 히트)
(Bad Woman Good Woman 나쁜여자 착한여자)
(Time Between Dog And Wolf 개와 늑대의 시간)
(Even So Love 그래도 좋아)
(Kimcheed Radish Cubes 깍두기)
(By My Side 내곁에있어)
(Winter Bird 겨울새)

งง งง นิด นิด ว่า ไม่มีชื่อ เรื่อง air city แต่มีรายชื่อ ดาราหญิง ชอย จิวู อยู่ในกลุ่มนักแสดงฝ่ายหญิง ถ้าตกหล่น ผิดพลาด ต้องขออภัย

ข้อมูล มาจาก soompi บ้าง joon family บ้าง รวมทั้ง BYJtogether
ผลการประกาศรางวัล

1.DAESANG (대상)
Bae Yong-joon 배용준 (Legend 태왕사신기)

2. Popularity 인기상
Bae Yong-joon 배용준
BYJ just won the Popularity award (Men). Think this is via voting by audience. He had about 82%. (1,002,615 คะแนน Way ahead of the 2nd guy (I think was LJK).(151,115 คะแนน)

3. LJA won the the Popularity award (Women). Think her votes were about 62%.

4. Best Couple 베스트커플상:
BYJ and LJA just won the Best couple award. 92% . Wow ในขณะที่ อันดับสองได้ 4.81%
Bae Yong-joon & Lee Ji-ah 배용준 이지아 (Legend 태왕사신기)
อันดับ 2 เป็น กงยู และ ยุนอึนแฮ จาก(The 1st Shop Of Coffee Prince )

5. Most Popular drama 올해의 드라마상
Legend 태왕사신기
The legend ได้ 54.65% ขณะที่ อันดับสองได้ 22 .22%

6. Actress 여자: ( best new actress) ( new comer)
Lee Ji-ah 이지아 (Legend 태왕사신기)
อันที่จริง ฟิลลิป ลี ก็ ถูกเสนอชื่อ ใน New comer ฝ่ายชาย แต่ไม่ได้รับรางวัล

7. GOLDEN ACTING HISTORICAL DRAMA AWARD 황금연기상 사극
Choi Min-soo 최민수 (Legend 태왕사신기)

8. SPECIAL PRIZE ACHIEVEMENT 특별상 공로상
Kim Jong Hak 김종학 (Legend 태왕사신기 - CG)

ในการโหวตครั้งนี้ มาจากคะแนนเป็นจำนวนหลักล้านคะแนนโหวต นะคะ รูปแบบการจัดโต๊ะนั่งของงานประกาศผล เหมือนนั่งโต๊ะละ Drama เวทีประกาศผล ก็จัดสวยงามอลังการ

ภายหลัง คนเล่า ได้ มีโอกาส ดู DVD ซึ่งเริ่มจับภาพ เป็นเด็กชายเด็กหญิง นักแสดงที่ ได้รับรางวัลในงานปีนี้สวมชุดราตรีสโมสร ออกมาเปิดงานด้วยการเต้นรำในจังหวะแทงโก้ ดูแล้วน่าเอ็นดู กับท่าเหวี่ยงตัว หมุนตัว สะบัดส่วนต่างๆ ของร่างกาย ของเด็กหญิงสวมชุดสีแดงเพลิง เต้นรำจบเพลง ก็มีคนเอาไมค์มาส่งให้เด็กน้อยทั้งคู่กล่าวเปิดงาน ท่าทางร่าเริงแจ่มใส มีความสุข และมีการกล่าวถึง TWSSG และเอ่ยชื่อ เบ ยองจุน ด้วย เบ ยองจุน นั่งอยู่ที่โต๊ะปรบมือ ชอบใจ หน้าตายิ้มแย้มเช่นกัน แล้ว หนูน้อยทั้งคู่ก็ส่งไมค์ต่อให้พิธีกรชายหญิงตัวจริงของงาน คำพูดของพิธีกรก็ เหมือนออกมาพูดถึงงานวันนี้ พูดคุยกันเองบ้าง ในตอนหนึ่งพิธีกรสาว พูดเสียงสูงว่า OH MY GOD แล้วก็เอ่ยทักทายดารานำชาย เสียง อีจุนกิ SSI ยงจุน SSI และคนอื่นๆ SSI กล้องก็ close ไปที่ดาราตามโต๊ะต่างๆ พิธีกรคุยกับดารานักแสดงว คุยกับกองเชียร์ที่อยู่ในงาน และ ผู้ชมทางบ้าน

ตัวแทนของ Drama ต่างๆจะมีประมาณ 4-5 คน จะเห็นโต๊ะของ เบ ยองจุน ลีซอจิน กงยู อีจุนกิ และดารานำชายอื่น ที่จำชื่อไม่ได้ มีการกล่าวถึง DRAMA และ นักแสดงนำ และมีการแจกรางวัล ครึ่งแรกก่อน

การประกาศรางวัล ก็จะให้ ผู้ที่ได้รับรางวัลนั้นๆ ของปีที่แล้วเป็นผู้ประกาศ ชื่อ นักแสดง ก็จะมีการประกาศ นักแสดงหรือDramaที่เข้ารอบ โดยแต่ละ Drama ก็ จะมีกองเชียร์ นั่งอยู่อีกด้าน มีการให้นักแสดงนำหญิงขึ้นมา present Drama ของตนเองสั้นๆ ฉายตัวอย่างDrama แต่ละเรื่อง แล้วพิธีกร ตัวจริงก็มารับหน้าที่ต่อ

พิธีกร ชายหญิง ก็สง่างามและสวยงาม มีการเดินลงมาสัมภาษณ์ นักแสดงของ Drama เรื่องต่างๆ
ที่โต๊ะของ เบ ยองจุน ก็มีการถาม เบ ยองจุน และ ฟิลลิป ลี คืนวันนั้น ที่โต๊ะ the legend ก็ มี ผู้กำกับ คิมจองฮัก ฮยอนโก ซูจินี ชอโร ทัมด๊ก (สุดหล่อ และแสนสง่างาม แม้จะต้องใช้ไม้ค้ำยัน และ ต้องมีคนช่วยพยุงตอนขึ้นเวทีรับรางวัลแถมต้องเดินขึ้นไปรับหลายรอบ) แทจังโร(ชอยมินซู) ให้ ภรรยา มางานแทน และมาหลังการแจกรางวัลรอบแรกไปแล้ว ภรรยา ชอยมินซูขึ้นไปรับรางวัลแทน สามี โต๊ะของThe legend จะอยู่ใกล้เวที ผู้ที่จะขึ้นไปรับรางวัล จะต้องเดินผ่านโต๊ะนี้ ผู้เล่า สังเกตว่า มีผู้ที่ขึ้นไปรับรางวัล ในระดับอาวุโส ที่เดินขึ้นไปรับรางวัล บางคนจะหยุดทักทายกับ เบ ยองจุน เบ ยองจุน จะสัมผัสมือ กับ ผู้อาวุโสเหล่านั้น พร้อมค้อมตัวคำนับอย่างอ่อนน้อม น่ารัก มากเลย เหตุการณ์คืนนั้น จนบัดนี้ 6 เดือนแล้วก็ยังเพิ่งเหมือนได้ชมเมื่อวันสองวันนี้เอง

จะขอเล่าเฉพาะรางวัลที่เกี่ยวข้องกับ ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์นะคะ

หลังจาก กล่าวชื่อของ DRAMA และนักแสดงนำแล้ว พิธีกรก็เชิญ ยุนอึนแฮ และ ดาราชายอีกคน ออกมาทำหน้าที่ เอ่ยนำชื่อและ ตัวอย่างของ Drama เรื่องต่างๆ รางวัล แรก น่าจะเป็น รางวัล New Comer ผู้ได้รางวัล ชาย 2 หญิง 2 มีลีจิอา เป็น หนึ่งในสองดาราหญิง จากนั้นดารานำหญิง ของDrama มากล่าวแนะนำ Drama และมีการ ฉายตัวอย่าง ลีจิอา แนะนำ TWSSG ฉายตัวอย่างจบ ดูเหมือนจะพักเวลานิดหนึ่ง

พิธีกรสาว เปลี่ยนชุดใหม่ขึ้นเวที แล้วก็พากันเดินลงทักทายนักแสดงนำตามโต๊ะต่างๆ และอย่างที่เล่าข้างบน คือ ที่โต๊ะของ เบ ยองจุน จะเป็นการทักทาย ถามคำถาม เบ ยองจุน และ ฟิลลิป ลี
แล้วก็ มีการเปลี่ยนพิธีกรอีกคู่ชายหญิง

รางวัลที่ 2 ของ TWSSG ก็คือ
GOLDEN ACTING HISTORICAL DRAMA AWARD 황금연기상 사극
ชอยมินซู (แทจังโร ) ได้รับรางวัลนี้ แต่ไม่ได้มาร่วมงาน ภรรยา ขึ้นรับรางวัลแทน และ กลับออกไปจากงานหลังรับรางวัล

มีการประกาศ รางวัลต่อไปเรื่อยๆ บางที ผู้ประกาศก็เป็นหญิงคู่ จนมาถึงรางวัล ที่คนที่เคยรับบทแสดงเป็นยอนทาบัล พ่อของซอซอนโน ในจูมง รับรางวัล ก็เปลี่ยนกลับมาเป็นพิธีกร คู่เดิม แล้วก็ ถึง คราว ยุนอึนแฮ มา present Coffee prince จบแล้ว ก็ เป็นการ Close ไปที่ กองเชียร์ของ Drama ต่างๆ ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด แข่งกัน รวมทั้งมีการสัมภาษณ์ กองเชียร์สาว
เปลี่ยนพิธีกร อีกคู่ นักแสดงชายหญิงรางวัลแรกของพิธีกรคู่ใหม่นี้คือ

POPULAR

ฝ่ายชาย คือ เบ ยองจุน ได้ คะแนน 82.80% คิดเป็นคะแนนดิบ 1,002,615 คะแนน รองลงมา คือ อีจุนกิ ได้ 12.48% และตามมาด้วย กงยู 2.50% และรางวัลนี้ มีชื่อ ชอยมินซู ผู้รับบทบาท แทจังโรได้รับเสนอชื่อด้วย
ฝ่ายหญิง คือ ลีจิอา ได้ 69% คิดเป็นคะแนนดิบ 835, 538 คะแนน และในรางวัล นี้ มีชื่อของ ชอย จิวู จากละคร เรื่อง Air city ได้รับการเสนอชื่อด้วย

จบเสียงประกาศชื่อ ของเบ ยองจุน และลีจิอา ผู้จัดการส่วนตัว ไม่ทราบชื่ออะไร ที่ตัวใหญ่ เป็นทั้งผู้จัดการและ บอดี้การ์ด ด้วย (หรือเปล่า ? )ปราดเอาไม้ค้ำยันมาให้ เบ ยองจุน ฟิลลิปลี หรือ ชอโร ช่วยพยุง เบ ยองจุน ขึ้นเวที เป็นการขึ้นรับรางวัลพร้อม ลีจิอา ที่ได้รางวัลฝ่ายหญิง เบ ยองจุน ส่งช่อดอกไม้และรางวัลตุ๊กตาทอง ให้ฟิลลิปลี ช่วยถือ เพราะ เบ ยองจุนต้องพูดที่ไมโครโฟน เบ ยองจุน หัวเราะน้อยๆ ก่อนพูดสั้น ๆ หัวเราะน้อยๆ อีก น่ารัก น่าปลื้ม
BYJ's speech. Credit to bb's blog

BYJ: Thank you, everyone. I don’t know how to express my gratitude. I’ll continuously repay you. I really appreciate it.
ที่มา joon family โดย Tiffany

แล้วลีจิอา ก็พูดบ้าง OH Kwang Rok (ฮยอนโก ) ปรบมือเบา ๆ กับคำพูดของศิษย์รัก ซูจินี ที่โต๊ะนั่ง
ตอนลงจากเวที ทั้งผู้กำกับ คิมจองฮัก Oh Kwang Rok รวมทั้ง ผู้จัดการส่วนตัวของ เบ ยองจุน ก็ มาคอยรับ เบ ยองจุน กลับไปนั่งที่โต๊ะ

มีการประกาศชื่อ และ ฉายตัวอย่าง Drama อีก เพื่อสำหรับรางวัล

BEST COUPLE

เบ ยองจุน คู่ กับ ลีจิอา จาก TWSSG ได้คะแนน 92.98% เป็นคะแนนดิบ 823,938 คะแนน รองลงมา คือ กงยู และ ยุนฮึนแฮ จาก Coffee Prince ได้ 4.8 % เป็นคะแนนดิบ 42,616 คะแนน

คราวนี้ ฟิลลิป ลี เป็นคนรับไม้ค้ำยันจากผู้จัดการ มายื่นให้ เบ ยองจุน แล้วทั้ง Oh Kwang Rok และ ฟิลลิป ลี ประคอง เบยองจุน ซ้ายขวา เลยทีเดียว มี ผุ้กำกับ คิมจองฮัก เดินมาส่งหน้าเวที อีกคนด้วย (ลุกจากโต๊ะ นั่งหมดโต๊ะเลย) แล้ว ฟิลลิป ลี ก็คอยรับช่อดอกไม้ และรางวัล ต่อจาก เบ ยองจุน คราวนี้ เบ ยองจุน พูดไป ยิ้มไป หัวเราะไป และพูดยาวกว่าครั้งแรก ผู้จัดการคิมจองฮัก ทำหน้าตาชอบอกชอบใจ ปรบมือ ให้ที่โต๊ะ

BYJ's speech. Credit to bb's blog
BYJ: Thank you. My mangers painted these crutches in black.It seems that you liked watching the sad love between Damdeok and Suzinee. The love wasn’t expressed much in the drama, and the viewers felt something was missing. I think we got these awards due to those feelings of the viewers. Thank you very much.If Producer Kim will produce TWSSG Season 2, then the unfulfilled love may be expressed.

แล้ว ลีจิอา ก็พูดบ้าง เมื่อพูดจบ พิธีกรก็มีคำถามถาม เบยองจุน เบยองจุนตอบสั้นๆ แล้วก็มีคำถามอีก เบ ยองจุน ก็ตอบอีก คราวนี้ ลีจิอา หัวเราะชอบใจ รวมทั้ง ยุนอึนแฮ ก็ปรบมือชอบใจ คำตอบของเบ ยองจุน ( ไม่ทราบจริง ๆว่า ชอบใจอะไรกัน) ทั้งหมดลงจากเวที คราวนี้กล้องไม่ Close แล้วก็ต่อด้วยการประกาศและรับรางวัลอื่นๆ จน มาถึง รางวัล

Most Popular drama 올해의 드라마상
แน่นอนว่า จะเป็นเรื่องอื่นได้อย่างไรถ้าไม่ใช่Legend 태왕사신기

TWSSG ได้ 54.72% และตามด้วย COFFEE PRINCE 22.16 % ไม่มีคะแนนดิบให้ดูค่ะ
ทั้ง 5 คน ขึ้นเวทีหมด ผู้กำกับคิมจองฮักเป็นคนรับรางวัล พิธีกร มีคำถาม Oh Kwang Rok แล้วก็ถามผู้กำกับ แล้วก็ถาม เบ ยองจุน พิธีกรชาย ถามคำถามและทำท่าล้อเลียน เบ ยองจุน คงจะถามเรื่องไม้ค้ำยัน เพราะ เบ ยองจุน ยื่นไม้ค้ำยันข้างหนึ่งให้ พิธีกรชายรับไป ยกขึ้นดูแล้วมีคำพูดกับ เบยองจุน แล้วส่งคืนให้ และมีคำถามยงจุนอีกครั้ง
แล้วกล้องก็จับเฉพาะ พิธีกรชายหญิง มีการเปลี่ยนพิธีกรใหม่อีกคู่เป็นการประกาศรางวัลอื่น มีรางวัล

TOP EXCELLENCE (최우수상)Actor 남자:Kim Myung-min 김명민 (White Tower 하얀거탑)Bae Yong-joon 배용준 (Legend 태왕사신기)Lee Seo-jin 이서진 (Yi San 이산)Choi Min-soo 최민수 (Legend 태왕사신기)
เป็นอีกรางวัล ที่มีชื่อทั้ง เบ ยองจุน และ ชอยมินซู ถูกเสนอชื่อ แต่ปรากฏว่า ลีซอจิน เป็นคนได้รับรางวัลนี้

จนถึงรางวัลสุดท้าย

ซงอิลกุ๊ก พระเอก จูมง เดินออกมาจาก ม่านเวที หน้าใสปิ้ง พอๆ กับ เบยองจุน ก็ แหม อายุ ก็ใกล้เคียงกันนี่นา ในมือ ซงอิลกุ๊ก ถือ แผ่นกระดาษรายชื่อ รางวัลสำคัญ พิธีกร สัมภาษณ์ ซงอิล กุ๊ก ขอเดาว่าถามเรื่อง งานแต่งงาน เพราะ ซงอิลกุ๊ก ทำท่าเขินจัด มีตอนหนึ่ง ที่กล้อง close ไปที่ ยุนอึนแฮ ๆ ทำท่าเขิน พิธีกรหญิงพูดบางอย่าง มีการเอ่ยชื่อ เบ ยองจุน และลีซอจิน แล้วซงอิลกุ๊ก ก็อ่านชื่อรางวัลทำท่าจะประกาศรายชื่อ ดนตรีทำจังหวะเสียงให้ตื่นเต้น พิธีกรช่วยพูด แล้ว ซงอิลกุ๊ก ก็ประกาศ
ชื่อ DRAMA ว่า TWSSG ต่อด้วยชื่อ เบ ยองจุน

เบ ยองจุน ลุกขึ้นอีกรอบ ผู้กำกับ คิมจองฮัก เข้ามากอด ต่างคนต่างกอดกันก่อนขึ้นเวที Oh Kang Rok และฟิลลิป ลี ช่วยพาเบ ยองจุนขึ้นเวทีรับรางวัล อันยิ่งใหญ่นี้ ซงอิลกุ๊ก เป็นผู้มอบรางวัลให้ เบ ยองจุน ส่วน ฟิลลิป ลี และ Oh Kwang Rok ถอยห่างออกมา เบ ยองจุน เหลียวไปหา ฟิลลิป ลี ส่งช่อดอกไม้และรางวัลให้ตามเคย ซงอิลกุ๊ก ถอยไปอีกด้าน พิธีกร มีคำถามถาม เบ ยองจุน เบ ยองจุน ตอบคำถาม คนเชียร์ที่มาร่วมงานพากันตบมือ เบ ยองจุน พูด ค่อนข้างยาว มีการกล่าวถึงผู้กำกับคิม จองฮักด้วย มีผู้ชม ขึ้นไปมอบช่อดอกไม้ให้ เบ ยองจุน โดยเป็น ชาย หนึ่ง หญิงสอง รวม 3 ช่อ ในระหว่างที่ เบ ยองจุน พูด เอ้า!!! แล้วกัน ช่อดอกไม้ ร่วงหล่นพื้น พิธีกรสาว ต้องก้มเก็บให้ เดือดร้อน ฟิลลิป ลี ต้องส่ง ดอกไม้ และรางวัลที่ถือให้ เบ ยองจุน แต่แรก ส่งต่อให้ Oh Kwang Rok ถือไว้แทน ตัว ฟิลลิป ลี เอง ต้องมาถือ ดอกไม้ ใหม่ 3 ช่อ แทน เอง จบคำพูดของเบ ยองจุน พิธีกรชาย ก็ จูง ซงอิลกุ๊ก มายืนข้าง เบยองจุน แล้วทั้ง พิธีกรชาย ซงอิลกุ๊ก เบ ยองจุน และ พิธีกรหญิง ทั้ง 4 คน ก็กล่าว อำลาปิดงานพร้อมๆกัน และโค้งคำนับ เป็นอันเสร็จสิ้น พิธี แล้วก็ มีเสียงเพลงและภาพของ TWSSG ดังขึ้น

BYJ has just won the top award, the Daesang award 2007. ^^
Translation of his speech. Credit: bb's blog
MC: Ironically, it happens that Joomong is handing the award to King Gwangto. Congratulations!The TWSSG team got many awards tonight, and BYJ got the grand acting award. I heard that you hurt yourself a lot, and you’re difficult to move around even in the short distances. But you managed to attend and got the grand acting award. Please give us your expressions for the award.

BYJ: First of all, I appreciate it. I wanted to be an action actor, but it seems that it’ll be difficult. I realized that the challenge for the new field is very difficult and rewarding work through this drama. I sincerely appreciate Producer Kim and all of staff and casts finishing this drama for long time. And I appreciate and apologize for the viewers and MBC for trusting and waiting for the drama until the end even though there were a few regrettable aspects.I’ll continuously work hard to be a better actor and man in the future. And lastly, I really appreciate my families who always trust and give me a big strength.

MC: Whom did you remind first when Song Ilkook called you name?
BYJ: Producer Kim Jonghak nim.
MC: I was requested to ask this question to you. Are you going to remain single?
BYJ: Absolutely, not.
MC: What type of girl do you like?
BYJ: I don’t know.
MC : .........It might be troubling for you to answer this question, but when do you think you will marry?
BYJ: I think in 3 years.
MC: Then, we can see him settling down as the head of a family in 3 years
จาก Joon family
TIFFANY IN KIMCHILAND

แม้ จะเป็นข่าวเมื่อ ธันวาคม 2007 แต่ นี่ก็คือ เกียรติคุณ ของละคร ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ ที่มีการโหวตที่ประเทศเกาหลี

และ ตามมาติดๆ กับข่าวการโหวตที่ ประเทศจีนไม่เกี่ยวกับละคร แต่เป็นการโหวตดารา
ที่ใช้เวลาของการโหวต 1 เดือน จากวันที่ 19/12/07 มีรายงาน ถึงวันที่ 14 มกราคม 2008 ที่ เบ ยองจุน ได้คะแนนโหวต 9.702,101 votes, ตามมาด้วย Rain 8,720,055 votes ที่ นำมากล่าวถึงนี้ เพื่อสื่อ ว่า ที่ต่างประเทศ เวลาเขาโหวตกัน ผู้เข้าร่วมโหวต มีมากจริงๆ

หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีข่าว ของ

composer Joe Hisaishi

จาก joon family 25/02/08 โดย Rosiebaba

BEST ORIGINAL SCORE - TELEVISION The International Film Music Critics Association Awards

Events News AWARD WINNERS ANNOUNCED BY INTL FILM MUSIC CRITICS ASSOCIATION Feb 19, 2008, 3:21PM

The members of the International Film Music Critics Association (IFMCA) have announced the winners of the 4th Annual IFMCA Awards, honoring achievements in film and television music in 2007.

The Best Original Score for Television award goes to Japanese composer Joe Hisaishi and his work on the Korean television series Tae Wang Sa Shin Gi (The Story Of The Great King And The Four Gods), while the inaugural award in the new Best Original Score for a Video Game or Interactive Media category goes to John Debney for his epic score for Lair, and recognizes the increasing level of compositional excellence for this exciting and popular media.


มีหลายรางวัล และหลาย composer แต่ขอยกมาที่เกี่ยวข้อง กับ Tae Wang sa shin Gi หรือ The story Of The Great King And Four Gods หรือ The Legend หรือในที่สุดก็คือ ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ ของที่บ้านเรา เพลงทั้งหมดของละครเรื่องนี้ น่าจะ 19 เพลง นะคะ

The complete list:

A - SCORE OF THE YEAR *
Atonement, music by Dario Marianelli

B- FILM COMPOSER OF THE YEAR
* Alexandre DesplatC

C– BREAKTHROUGH COMPOSER OF 2007
*Ilan Eshkeri for Stardust

D- BEST ORIGINAL SCORE FOR A DRAMA FILM
*Atonement, music by Dario Marianelli

E - BEST ORIGINAL SCORE FOR A COMEDY FILM
* Enchanted, music by Alan Menken

F - BEST ORIGINAL SCORE FOR AN ACTION/ADVENTURE FILM
* The Bourne Ultimatum, music by John Powell

G - BEST ORIGINAL SCORE FOR A FANTASY/SCIENCE FICTION FILM
* The Golden Compass, music by Alexandre Desplat

H - BEST ORIGINAL SCORE FOR A HORROR/THRILLER FILM
* Zodiac, music by David Shire

I - BEST ORIGINAL SCORE FOR AN ANIMATED FEATURE
* Ratatouille, music by Michael Giacchino

J - BEST ORIGINAL SCORE FOR A DOCUMENTARY FEATURE
* Earth, music by George Fenton


K - BEST ORIGINAL SCORE FOR TELEVISION
* Tae Wang Sa Shin Gi (The Story of the Great King and the Four Gods), music by Joe Hisaishi




L - BEST ORIGINAL SCORE FOR A VIDEO GAME OR INTERACTIVE MEDIA
* Lair, music by John Debney

M - BEST NEW RELEASE/RE-RELEASE/RE-RECORDING OF AN EXISTING SCORE
* Alien, music by Jerry Goldsmith; Douglass Fake, Michael Matessino and Nick Redman (producers)

N - BEST FILM MUSIC COMPILATION ALBUM
* Amazing Stories: Anthology 3, Douglass Fake (producer)

O - FILM MUSIC RECORD LABEL OF THE YEAR
* Intrada, Douglass Fake

P – FILM MUSIC COMPOSITION OF THE YEAR
* Elegy for Dunkirk from Atonement, music by Dario Marianelli

Q – SPECIAL AWARD
* Hairspray, music and lyrics by Marc Shaiman and Scott Wittman



ปล ต้องขออภัย ที่ยก ภาษาอังกฤษ มาทั้งท่อนแบบนี้ เพราะตัวเองไร้สามารถ ที่จะแปล ช่วงนี้ ทั้ง คุณ Roytavan และ คุณ Kelly มีภาระกิจมาก

และต้องขออภัย ที่การเล่าเรื่องย่อ ผู้เล่า ใช้คำแทนตัว คำว่า หม่อมฉัน ผิดไปมาก ขอแก้ไข ดังนี้ นะคะ

หม่อมฉัน –ส .คำใช้แทนตัวผู้พูด สำหรับเจ้านายที่มีศักดิ์ เสมอกัน หรือสำหรับผู้หญิงที่ใช้พูดกับเจ้านาย เป็นสรรพนามบุรุษที่ 1.

ข้าพระพุทธเจ้า – คำใช้แทนตัวผู้พูด กราบทูลเจ้านายชั้นสูงหรือพระเจ้าแผ่นดิน เป็นสรรพนามบุรุษที่ 1

เกล้ากระหม่อม -ส. คำใช้แทนตัวผู้พูด เพศชาย เพ็ดทูลพระอนุวงศ์ชั้นพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระวรวงศ์เธอที่ทรงกรม และสมเด็จพระสังฆราช ถ้าผู้พูดเป็นเพศหญิง ใช้ว่า เกล้ากระหม่อมฉัน เขียนย่อว่า เกล้าฯ เป็นสรรพนามบุรุษที่ 1.

กระหม่อม-ส. คำใช้แทนตัวผู้พูด เพศชาย เพ็ดทูลเจ้านายชั้นหม่อมเจ้า และพระวรวงศ้ธอที่มิได้ทรงกรม เป็นสรรพนามบุรุษ ที่1.

เกียรติคุณ- เกียรติ, คุณที่เลื่องลือ , ชื่อเสียงโดยคุณงามความดี
เกียรติยศ- เกียรติโดยฐานะตำแหน่งหน้าที่หรือชาติชั้นวรรณะ
เกียรติประวัติ- ประวัติที่ได้รับการสรรเสริญ, ประวัติที่เลื่องลือ


และมีเพื่อนๆอยากดูเบื้องหลังการถ่ายทำ คุณRoytavan หรือคุณ Snowbyj คงหา คลิป หรือภาพมาให้ ดู ส่วนตัวคนเล่าก็จะพยายามเรียบเรียงเสียงประสานเป็นตัวอักษร ขอเวลากันหน่อยนะคะ

Sunday, June 22, 2008

ความคิดเห็นกับละคร ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์

Amornbyj ขอเปิดม่านละคร the legend อีกครั้ง
เนื่องจาก ยังเหลือค้างความชื่นชม อยู่กับละครเรื่องนี้ อยู่อีกมากมาย ทั้ง ทีมงาน ผู้กำกับ นักเขียนบท นักแสดง รวม ทั้งเกียรติคุณ ความสำเร็จของละคร เรื่องนี้เมื่อ สิ้นปี 2007 ที่ผ่านมา แม้ว่า ที่ประเทศไทย กระแสของ the legend ไม่แรงเท่าประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ด้วยเหตุหลายประการ ที่คงไม่เอ่ยถึงเพราะกาลเวลามันล่วงเลยมาแล้ว แต่อยากเชิญชวน เพื่อนๆ ที่ชื่นชอบละครเรื่องนี้ จะด้วยเพราะละคร หรือนักแสดง ก็สุดแล้วแต่ มาแลกเปลี่ยนความรู้สึก ความคิดเห็น กันนะคะ The Legend มีเป้าหมายที่จะสื่อไปที่ประเทศอื่นๆ 90 ประเทศทั่วโลก แต่ว่า เมื่อเร็ว ๆนี้ ได้ยินข่าวว่า น่าจะเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพราะ เหมือนจะเป็น 99 ประเทศ แล้ว อย่างไรเสีย ขอรับรองว่าการกล่าวขวัญถึงเรื่องราว ของ the legend ยังเป็นเรื่อง IN TREND อยู่แน่นอน


ละครเรื่องนี้ ON AIR ที่ประเทศเกาหลี เมื่อวันจันทร์ ที่ 10 กันยายน 2550 เป็น โปรแกรมพิเศษ และในวันอังคารที่ 11 พุธที่12 พฤหัสที่13 กันยายน 2550 หลังจากนั้นก็เป็น ทุกคืนวันพุธ พฤหัส จนปิดท้ายรายการเมื่อ วันที่ 7 ธันวาคม 2550 ในรายการ Special ending program


ในวันเปิดม่านละคร แฟนคลับชาวญี่ปุ่น จัดทัวร์ไปลงที่ประเทศเกาหลี เพื่อ การไปร่วมชม ละครเรื่องนี้ พร้อมๆ ชาวเกาหลี และต่อมา วันจบตอนที่ 24 มีการฉายละครตอนจบบทที่ 24 นี้ ที่โรงภาพยนตร์ รวมทั้งต่อมา ก็มีการ ฉายละคร The legend นี้ ที่โรงภาพยนตร์ในญี่ปุ่น ในลักษณะ ฉายเป็นตอนๆ ชาวญี่ปุ่นตอบรับ ละคร เรื่องนี้ ขนาด นี้ เพราะ ท่าน ยอนซามะของพวกเขา จะเป็นใครเล่า ถ้าไม่ใช่ เบ ยองจุน ผู้เป็นที่รักยิ่งของผู้คนมากมายในญี่ปุ่น ความชัดเจนยิ่งมีมากขึ้น จากการไปเยือน ญี่ปุ่น อย่างเป็นทางการ เมื่อต้นเดือน มิถุนายน 2551 นี้ ของ เบ ยองจุน และทีมงาน เพื่อ โปรโมตละคร ที่จะ ON airที่สถานีNHK ถือเป็นปรากฏการมหัศจรรย์เป็นครั้งที่สอง หลังจากการเยือน ญี่ปุ่น อย่างเป็นทางการ ในปี 2004 ของ เบ ยองจุน และ ปรากฏการใหม่ในครั้งนี้ ยิ่งใหญ่กว่า ปี 2004 เสียอีก ในปี 2004 ที่เกิด BYJ Syndrome ก็ ว่ากันว่า มหัศจรรย์ เกินบรรยาย กันมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ว่า เข้าเรื่องละคร ดีกว่านะคะ


ขอชื่นชม คุณ ซงจีนา สคริปต์ไรท์เตอร์ เธอเป็นสุภาพสตรี ได้เขียนบท ละคร เรื่องนี้ เขียนไปแก้ไป ตามสถานการณ์บังคับของความผันผวนต่างๆ การฟ้องร้องในประเทศเกาหลีเอง ความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศ ความไม่เห็นด้วยของแนวการสื่อละครของนักแสดงและผู้กำกับ จนสุดท้าย คือ อาการบาดเจ็บของนักแสดงคนสำคัญ อ้อ ลืมให้ เครดิต คุณ ปาร์ค คยองซู ที่ตอนหลังมีชื่อว่า เป็นสคริปต์ไรท์เตอร์ด้วย


บทละครของคุณซงจีนา กระชับ ไม่เยิ่นเย้อ ตื่นเต้นเร้าใจชวนให้ติดตาม ไม่มีตัวประกอบรุงรังถ่วงเวลา สื่ออารมณ์ หลากหลาย ตัวคนเล่าเรื่องย่อเอง ดูละคร ไป ยิ้มไป ด้วยในบางครั้ง ไม่เครียด มีอารมณ์ร่วมคล้อยตามกับบทบาทการแสดงทุกฉากทุกตอน


ละครเรื่องนี้หลากหลายสีสัน โศกเศร้าเคล้าน้ำตา ชิงไหวชิงพริบ กุ๊กกิ๊กน่ารัก บางทีก็น่าหมั่นไส้ ขำขัน ก็หลายช็อต มีประโยค คำพูด ดีๆข้อคิดดี ๆหลาย ที่ ประเภท ประโยคเด่น วลีเด็ด การแสดงเยี่ยม ความน่ารักของตัวละครหลายตัวแม้แต่ จูมูชิ บาซอนและ ตัวประกอบอื่นฯลฯไม่ใช่แค่จากพระเอกนางเอก ตัวเอก ความอิจฉาริษยาจากพวกอธรรมกับสวรรค์ ความมืดมัวด้วยความโลภ ความทะเยอทะยาน ทำเรื่องผิดแล้วคิดว่าทำดีเพราะคิดว่าทำเพื่อชนชาติบ้านเมือง ความหลงผิดจากโวหารที่ว่า น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน(จนยอนโฮแกคิดว่า ตนเองคือ กษัตริย์จูชิน) ความรักที่ลุ่มหลงไร้เหตุผล ประเภทหาต้นไม่ได้....หาปลายไม่พบ...(ของยอนโฮแก ที่มีให้โซคีฮา) ความรักที่เห็นแก่ตัว ต้องการแต่การครอบครอง (ของโซคีฮา ที่มีต่อ ทัมด๊ก) ความรักที่เสียสละรักนี้มีแต่ให้ ไม่หวังผลตอบแทน (ของซูจินี ที่มีต่อทัมด๊ก) ความเมตตาที่กษัตริย์มีให้กับพสกนิกร( ของทัมด๊ก) ความรับผิดชอบในหน้าที่ (ของ กษัตริย์หยาง ฮยอนโก ขุนพลโก องครักษ์หญิง Kakdan ) ความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ปณิธาน(ของ ขุนพลโก จอกฮวาน จูมูชิ) ความรักลูกของกษัตริย์ หยาง พระมารดาของทัมด๊ก ท่านหญิงยอน เสนาบดียอน ( ยอมหันหลังให้กษัตริย์จูชิน ยอมตาย ทั้งที่เชื่อว่า ตนตายแล้ว ก็ไม่ได้ไปสวรรค์) และสุดท้าย โซคีฮา ผู้มีสัญชาตญาณเสือ รักลูก และฆ่าทุกคนได้ แม้คนรัก

คำว่าผู้รู้ใจ ของ ฮยอนโก และขุนพลโก ที่รู้พระทัยทัมด๊ก และความจงรักภักดี ของคนทั้งสองที่มีต่อทัมด๊ก

หากจะนับรวม ว่า ผู้นำแคว้นจุนโน ฮีกแก จอมโวยวาย มุทะลุใจร้อนพูดไม่เพราะ แต่ มีความจงรักภักดี กับตำแหน่งกษัตริย์ โคคุเรียวก็น่าจะได้

ตัวอย่างที่ดี ของการไม่พูดปด เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น แม้ กระทั่ง ตัวร้ายทั้งหลาย รวมทั้งความเจ้าเล่ห์ของแทจังโร ไม่ได้เจ้าเล่ห์แสนกลเกินเหตุ เพียงแต่ เป็นนักจิตวิทยาตัวยงใช้คำพูดโน้มน้าวใจอย่างมีหลักการและเหตุผล เมื่อเป็นฝ่ายผู้ร้าย ก็ประกาศตัวโจ่งแจ้ง ว่า ฉันน่ะ ผู้ร้ายนะจ๊ะ

รวมทั้งบทที่สื่อ ความมีวิสัยทัศน์ ของ ทัมด๊ก ในหลายๆด้านในการปกครองประเทศ การขยายดินแดนที่ไม่ได้โหดร้ายมุ่งแต่ชัยชนะ จนได้รับการถวายพระนามกวางแกโตมหาราช (ที่มีการบอกถึงความหมายนี้ไปแล้ว ) ในภายหลัง การพัฒนาเรียนรู้ และยึดตามแบบอย่างที่ดี และการปรับตัวของ คนเร่ร่อน เผ่าซีอู นับแต่ จูมูชิ มันด๊ก

การเขียนบท ทำศึก ที่คุณ ซงจีนา ต้องศึกษามาจากตำราพิชัยสงครามหลายปรมาจารย์ ไม่ยกเมฆความเก่งกล้าสามารถ ทระนงองอาจ เชียวชาญชำนาญศึก ของ ทัมด๊ก ให้เห็นเพียงนามธรรม แต่มีรูปธรรมเด่นชัด สัมผัสรับรู้ได้

มาลองอ่านประโยคดีๆ ที่ คนเล่าเรื่องชอบนะคะ ถ้าท่านใด อ่านแล้ว รู้สึกว่า ไม่เห็นดีตรงไหนเลย ธรรมด้า ธรรมดา ก็ขอให้ นึกถึงกลอน เก่า ที่ขอลอกมาอ้างตรงนี้นะคะ

สองคน ยลตามช่อง
คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม
อีกคนตาแหลมคม
มองเห็นดาวอยู่พราวพราย
ไม่ได้ตีความว่า คนที่มองเห็นดาวอยู่พราวพราย เป็นคนฉลาด หรือ สายตาเฉียบแหลมนะคะ เพราะในกลอนบอกชัด ว่า ยลตามช่อง แปลว่า มองจากคนละช่อง มองคนละมุมต่างหาก สรุปว่า มองคนละมุม กันนะคะ ไม่ได้หมายความว่า คนที่มองเห็นโคลนตม เป็น คนโง่นะคะ ช่องนั้น มุมนั้น มองออกไปแล้วเป็นโคลนจริงก็ได้ หวังว่า กลอนบทนี้คงไม่ทำให้เกิดประเด็นขัดแย้งกันนะคะ

โซคีฮา เล่าว่าตนกำพร้า มีคนอื่นเอามาเลี้ยงดู เขาบอกว่า ความกล้าหาญไม่ได้อยู่ที่การใช้อาวุธต่อสู้ห้ำหั่นกัน นั่นคือความเขลาต่างหาก ความฉลาดต่างหากที่คนกลัว ความฉลาดใช้กลอุบายจับศัตรู การทำบางสิ่งทั้งๆที่กลัวเหมือนการจับเสือโดยใช้กับดัก ต้องใช้ปัญญาเอาชนะ นั่นแหละความกล้าหาญ


ตนเองช่างโง่เขลา เพราะคิดว่า คนอื่นๆจะเห็นยอนโฮแกสมควรจะได้เป็นกษัตริย์ เพราะยอนโฮแก เกิดภายใต้ดวงดาวกษัตริย์จูชิน แต่ตนคิดผิด นั่นเป็นเพราะท่านหญิงยอนผิด เสนาบดียอนบอกต่อว่า ตนจะรอ รอที่คนอื่นจะยอมรับยอนโฮแกเป็นกษัตริย์ ที่สำคัญ คือการรอในครั้งนี้มันจะคุ้มค่าของการรอหรือไม่ ยอนโฮแกถามเสนาบดียอนว่า ถ้าข้าได้เป็นกษัตริย์มันจะเพียงพอสำหรับท่านพ่อหรือไม่ ถ้าข้าได้เป็นกษัตริย์ ข้าจะมีอำนาจเหนือองค์ชายที่ฆ่าแม่ของข้าได้หรือไม่


พระบิดาทรงย้ำว่า พวกนั้นไม่ต้องการเชื่อ “ คนเราจะเชื่อในสิ่งที่เขาอยากเชื่อเท่านั้น”


องค์ชายทรงถามโซคีฮาว่า ถ้าข้าต่อสู้ได้เก่งกาจ ข้าจะเป็นคนดีไหม ข้าได้ฆ่าแม่ของเพื่อนที่แสนดีของข้า ข้าจะยังเป็นกษัตริย์ที่ดีหรือ ช่วยบอกข้าทีว่า ถ้าข้าเรียนรู้วิธีการต่อสู้ทั้งหลายเหล่านี้ ข้าจะเป็นกษัตริย์ที่ดีไหม


องค์ชาย ทรงบอกกับซูจินีว่า มันมีหนี้ที่ต้องจ่าย ข้ามีหนี้ที่ต้องจ่ายให้กับลูกชายของตระกูลยอน วันนี้ข้าจ่ายเพียงดอกเบี้ย

ฮยอนโก ชื่นชม ยอนโฮแก แต่ก็ข้องใจ ว่า ทีมสีเหลืองคือผู้ส่งคนไปวางยาม้าของทีมสีดำ องค์ชายตำหนิว่าไม่มีหลักฐานอย่ากล่าวให้ร้ายผู้อื่น


มันเริ่มจากนั้น ชื่อของเขาทัมด๊ก ข้าขอถามเจ้าข้อหนึ่ง เพื่อชีวิตของคนเล็กๆคนหนึ่ง เจ้าจะยอมเสี่ยงกับความฝันนับพันปีของคนฮวาเซินหรือ แล้วก็ยกสายสร้อยขึ้น อย่าลืม คีฮา.... อย่าลืมเรื่องที่เกิดกับฟินิกซ์ ที่ปล่อยให้ความรู้สึกเหนือนาง นางให้หัวใจและสูญเสียพลังฟินิกซ์ (แล้วก็เป็นภาพ คาจินถูกเทพฮวานอุงเก็บพลังไฟใส่ลูกแก้ว แล้วคาจินหงายหลังลงหน้าผา) แทจังโรสวมสร้อยให้โซคีฮา อย่าลืมเรื่องนั้น ว่าเราสูญเสียพลังและดินแดนอย่างไร แล้วก็เอามือจับไหล่โซคีฮาที่แทจังโรฝังสัญลักษณ์สาวกฮวาเซินไว้ ย้ำว่า ถ้ามีใครมาเอาหัวใจของฟินิกซ์ของเรา เขาจะกลายเป็นศัตรูของฮวาเซิน แล้วก็ใช้ เวทย์มนตร์สะกดโซ คีฮา

เทวีพยากรณ์เป็นห่วงองค์ชายว่า เสนาบดียอนคงไม่ยอมง่าย ๆ และองค์ชายจะมีอันตราย กษัตริย์ตรัสอย่างยอมรับว่า หากนี่เป็นสาเหตุให้องค์ชายต้องตาย เขาคงไม่ใช่กษัตริย์ที่แท้จริง ถ้า ยอนโฮแก จะต้องเป็นกษัตริย์ มันก็ถูกต้องที่เขาจะได้เป็น เทวีพยากรณ์ถามว่า พระองค์ ยังไม่แน่พระทัยในตัวของพระโอรสของพระองค์เองหรือ กษัตริย์ทรงตอบว่า ข้าไม่ได้ปกป้องเขาในฐานะลูกชายของข้า ข้าปกป้องเขาในฐานะประชาชนของจูชิน ถ้าไม่มีใครไปปลุกให้เขาตื่นขึ้นจากการหลับ นั่นเราคงจะปกป้องผิดคน(ที่องค์ชายทัมด๊ก ยังไม่ตื่นจากการหลับใหลที่ดูว่ายาวนาน เพราะสวรรค์ลิขิตไว้แบบนี้นั่นเอง)

ฮีกแก กราบทูลว่า กษัตริย์จะไม่ขอการสนับสนุนจากเสนาบดี กษัตริย์ทรงเป็นหัว ข้าราชบริพารเป็นแขนขา คนประเภทไหนกันที่จะขอให้นิ้วมือนิ้วเท้าของเขาเองทำสิ่งที่เขาต้องการ กษัตริย์ ทรงตรัสว่า ถ้าท่านสนับสนุนข้า ท่านอาจจะไม่ได้เห็นคนของท่านที่ถูกขังอยู่ที่บ้านตระกูลยอน ข้ากำลังขอให้ท่านสละชีวิตเพื่อกษัตริย์พระองค์ใหม่ ฮีกแก หลับตาลงอึดใจ แล้ว กราบทูลว่า ฝ่าบาท อย่าทรงขอสิ่งนั้นจากหม่อมฉัน สิ่งที่ต้องทำก็คือ สั่งหม่อมฉันพะย่ะค่ะ

"สิ่งนี้เป็นของแม่เจ้า ในคืนดวงดาวแห่งจูชิน แม่ของเจ้าซ่อนตัวอยู่ในป่า และเมื่อดวงดาวส่องสว่างเต็มที่ นางก็ให้กำเนิดเจ้า มันเป็นคืนที่หนาวอย่างผิดปกติ ในคืนที่หนาวเช่นนั้น แม่ของเจ้าพาตัวเองขึ้นไปบนภูเขา สามวันจากนั้น นางก็เสียชีวิตในกระท่อมบนเขา เราทำให้วันนั้นเป็นวันเกิดของเจ้าตามที่แม่ของเจ้าต้องการ เพราะเราเชื่อว่าเจ้าคือกษัตริย์จูชิน เพราะเราต้องการปกป้องเจ้า นักพรตหญิงที่มาหาเราคืนนั้นบอกเช่นนี้ มีคนมากมาย ที่อยากได้ชีวิตของกษัตริย์จูชิน เพราะฉะนั้นเขาจะต้องซ่อนตัวและทำตัวสงบเสงี่ยม พวกเขาบอกว่า มันเป็นโองการสวรรค์"


กษัตริย์ทรงย้ำว่า : "แม่ของเจ้าปกป้องเจ้าด้วยชีวิตของนางและข้าจะทำให้เจ้าเป็นกษัตริย์วันนี้คือวันที่มาถึงแล้ว"


แทจังโร ทำสียงเหมือนพ่อมดสะกดจิต โฮแก : "ท่านโฮแก กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่และเมตตาหลายพระองค์ ก็ทรงเคยผ่านการนองเลือดก่อนจะขึ้นครองบัลลังก์ มันไม่สำคัญหรอกว่าจะขึ้นเป็นกษัตริย์อย่างไร สิ่งที่ทรงทำหลังจากการขึ้นเป็นกษัตริย์เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า" แล้วเสริมต่อว่า "ท่านสามารถอยู่ในที่สว่างท่านโฮแก ฮวาเซินจะทำงานในที่มืดเอง"
ยอนโฮแก ยังห่วงว่า : "แต่เลือดของประชาชนโคคุเรียวจะนองท่วมพื้น "
แทจังโรตอบว่า "ในแผ่นดินโคคุเรียวจะมีเพียงเลือดของกษัตริย์และองค์รัชทายาท เท่านั้น ข้าขอสาบานกับท่าน" แล้วก็ทำท่านบนอบค้อมคำนับ ก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มที่ชั่วร้าย


ยอนโฮแก : "ข้าจะเป็นกษัตริย์แต่ต้องด้วยความสง่างาม และเกียรติยศ เพราะฉะนั้นท่านพ่อ..." ยังไม่ทันจบประโยค เสนาบดียอน ก็ตบหน้ายอนโฮแก เสียงดังฉาด
เสนาบดียอน : "เจ้าเอาอันตรายมาสู่บ้านเมือง เพราะผู้หญิงคนเดียว นั่นหรือคือความสง่างามและเกียรติยศของเจ้า"
แทจังโรแอบฟังอยู่นาน เข้ามาเสริมว่า "ถูกแล้วท่านโฮแก มันควรจะจัดการ โดยมิให้ ต้องชักดาบสักเล่มเดียวออกจากฝัก ผู้นำแคว้นที่ถูกลักพาตัวบุตรชายไป จะรวมตัวเข้าเป็นหนึ่ง และหากพวกเขาต้องสละชีวิต เพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองแล้ว ก็ควร กษัตริย์ไม่ต้องมีห่วงอีกต่อไป ท่านควรขึ้นครองราชย์ เหมือนอย่างที่ทุกคนต้องการ ให้ท่านคนที่เกิดภายใต้ราชวงศ์ ภายใต้ดวงดาวจูชิน ก็คือท่านโฮแก ประชาชนในอาณาจักรนี้จะมีแต่ความสงบสุขในดินแดน ไม่มีการบาดหมางอีกต่อไป "


ขุนพลโกเข้าเผ้ากษัตริย์ รายงานว่าประตูทิศตะวันออก ตะวันตก ทิศใต้ แตกแล้ว ทรงโปรดมีพระบรมราชโองการส่งทหารม้าเหล็กออกไป
กษัตริย์ทรงตอบว่า ถ้าส่งออกไปลูกหลานโคคุเรียวต้องนองเลือด ทหารม้าเหล็กประกอบไปด้วย บุตรชายตระกูลขุนนางของ 3 เผ่า หากส่งพวกเขาออกไปเขาจะเอาดาบไปจ่อคอใครเล่า จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อพวกเขาต่อสู้กับทหารเดินเท้า
ขุนพลโกกราบทูลว่า : มันไม่สำคัญว่าจะมีชีวิตสูญเสียไปเท่าไร เราจะปกป้องฝ่าบาทจนกว่าทหารคนสุดท้ายจะสิ้นลมหายใจพะย่ะค่ะ


กษัตริย์ : ท่านเสนาบดียอน ท่านรู้ไหมว่าทำไมข้าถึงต้องมานั่งอยู่บนบัลลังก์ หลายปีที่ผ่านมา ทั้งหมดก็เพื่อให้รัชทายาทขึ้นเป็นกษัตริย์

กษัตริย์ แย้มริมโอษฐ์ : ข้าไม่กลัวอะไรกับความตาย สิ่งที่ข้ากลัวจริงๆ ก็คือไม่สามารถทำให้ความตั้งใจของข้าเป็นจริง ข้าจะทำให้รัชทายาท ทัมด๊ก เป็นกษัตริย์แห่งโคคุเรียวนั่นคือความประสงค์ของข้า


มันเป็นเวลากว่า 2 พันปี ตั้งแต่การก่อตั้งและการล่มสลายของจูชิน สวรรค์กล่าวว่า กษัตริย์จูชินจะทรงกลับคืนมา ข้าไม่รู้ว่าจะเป็น รัชทายาท ทัมด๊ก หรือบุตรชายของเสนาบดียอน แต่ถ้าเป็นองค์ชายทัมด๊ก เจ้าต้องคุ้มครองเขา หากไม่ใช่เขา...จนกว่าเจ้าจะแน่ใจว่า เขาไม่ใช่กษัตริย์จูชิน ทรงถอนพระทัยเช่นนั้นเจ้าต้องเอาชีวิตเขา ถ้าประเทศชาติมีกษัตริย์ 2 องค์ ประชาชนจะเดือดร้อน เพราะฉะนั้นเจ้าต้องเอาคนออกไปและคุ้มครองเขา
ขุนพลโกน้ำตาคลอคุกเข่าลง กราบทูลว่า หม่อมฉัน โกอูซุง ขอรับสนองพระบรมราชโองการพะย่ะค่ะ


องค์ชาย : "ข้าจะทำอะไรได้ เสนาบดีของอาณาจักร พากันเป็นศัตรูกับกษัตริย์ พวกเขาต้องการฆ่าข้า เพื่อยกกษัตริย์ของพวกเขาขึ้นมา ทหารที่มีหน้าที่คุ้มครองข้า กลับขอให้ข้าเสียสละชีวิตตนเอง และ..ผู้หญิงที่ข้าไว้ใจ กลับรับใช้คนอื่นในฐานะกษัตริย์"



แทจังโร เดินไปเดินมาและเหมือนจะรู้ว่า โซคีฮา แอบฟังอยู่ และพูดต่อว่า : "ไม่มีใครในปราสาทโกกแนสนับสนุนฝ่าบาท ไม่มีใครจะหลั่งน้ำตาให้กับความตายของพระองค์" แล้วก็ทรุดตัวลงนั่ง
เสนาบดียอน : "ท่านไม่เคยบอกมาก่อนว่าท่านต้องการสิ่งใดจากเรื่องนี้ มันอาจเป็นเพราะสิ่งนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะให้ได้ใช่ไหม"
แทจังโร : "ข้าเคยบอกท่านแล้วความปรารถนาเดียวของเราก็คือรับใช้กษัตริย์แห่งจูชิน"
เสนาบดียอน : "แล้วท่านได้ประโยชน์อะไร"
แทจังโร ย้อนถามว่า : "เมื่อท่าน โฮแก ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งจูชิน และกษัตริย์แห่งโคคุเรียว มันจะเป็นประโยชน์อะไรกับท่านหรือ ท่านรู้ว่าหน้าที่ของท่านก็คือพ่อของเขา เราก็รู้ว่า หน้าที่ของเราคือ ฮวาเซิน ในวันพรุ่งนี้เช้า กษัตริย์พระองค์ใหม่จะขึ้นครองราชย์ในโคคุเรียว"


แทจังโรและเสนาบดียอน ปรึกษากันเรื่องที่องค์ชายเสด็จมาถวายบังคมพระบรมศพ ที่อารามหลวงแทจังโร : บุตรชายผู้นำแคว้นได้เสียชีวิต นั่นมิใช่โศกนาฏกรรมหรือบางทีนี่อาจเป็นเลือดที่ถวายเพื่อกษัตริย์ จูชิน

แทจังโร สบโอกาสอีกแล้ว : ท่านพูดว่าท่านต้องการเลือดของเขาเพื่อเซ่นดาบของท่านมิใช่หรือ ข้าจะช่วยให้มันเกิดขึ้น ข้าจะทำให้ท่านเป็นวีรบุรุษที่แก้แค้นให้กับความตายของบุตรชายทั้ง 3 ผู้นำแคว้น จะไม่มีใครหลั่งน้ำตาให้กับความตายของเขา ข้าสัญญากับท่าน


โซคีฮา ทูลตอบว่า : "หม่อมฉันมาปกป้องพระองค์และจะพาพระองค์ออกไป องค์รัชทายาททรงรอคอยฝ่าบาทอยู่เพคะ เราเตรียมการที่จะให้ทรงพบกัน"
กษัตริย์ : "ออกไป ออกไป ออกไปจากวังของข้าหรือ" ทรงประทับยืน : "เขาบอกให้เจ้าทำหรือ ให้เจ้ามาหาพาข้าไปพบเขา แล้ววิ่งหนี"
โซคีฮา : "ไม่เพคะ นี่ไม่ใช่สิ่งที่องค์ชายบอกหม่อมฉัน คนข้างนอกนั่น ไม่ได้ต้องการแค่ชีวิตของรัชทายาท แต่พวกนั้นต้องการพระชนม์ชีพของฝ่าบาทด้วย ฝ่าบาทต้องไม่ประทับอยู่ที่นี่อีกต่อไป"
กษัตริย์ : "วิ่งหนี เพื่อรักษาชีวิตตัวเองหรือ"
โซคีฮา : "นั่นเป็นสิ่งที่หม่อมฉันต้องการให้ฝ่าบาททำ หม่อมฉันอยากให้ฝ่าบาทออกจากวัง และทรงมีพระชนม์ชีพ ที่เป็นสุข"
กษัตริย์ : "วิ่งหนีแล้วอยู่อย่างมีความสุขกับเจ้าหรือ"
โซคีฮา : "ฝ่าบาทจะไม่ทรงปลอดภัยหากยังทรงประทับในปราสาทโกกแน ที่นี่สกปรกเกินไป หม่อมฉันจะคุ้มครองทั้งสองพระองค์ และออกไปจากที่นี่ เราไม่มีเวลาแล้ว เราต้องออกไปจากวังก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้นเพคะ "
กษัตริย์ : ทรงระบาย ปัสสาสะ (ลมหายใจออก) : "ข้าก็ปรารถนาที่จะเห็นด้วยกับเจ้า ทรงพระราชดำเนินผ่านหน้า" โซคีฮา : "เมื่อใดที่ข้าเห็นเจ้าทั้งสองอยู่ด้วยกัน หัวใจของข้าก็รู้สึกยินดี ทรงหยุดที่หน้าแท่นบูชา : หากว่าเจ้าทั้งสองออกไปได้และอยู่ด้วยกันอย่างเป็นสุข" แล้วทรงหยิบพระแสงดาบของกษัตริย์จูมงขึ้นมา


กษัตริย์ทรงหันมาทางโซคีฮา ตรัสว่า : "อภัยให้ข้าด้วยเด็กน้อย ลูกข้า...ผู้ซึ่งเกิดภายใต้ดวงดาวจูชิน ไม่ว่า เจ้า...หรือข้า...ก็หยุดโชคชะตานี้ไม่ได้ ลูกชายข้า ทัมด๊ก จะต้องไม่วิ่งหนีสิ่งใด เขาทำไม่ได้ เด็กน้อย…อภัยให้ข้า ที่แยกเขาจากเจ้า"


ยอนโฮแก ตวาด : "ตรัสมา" และตะโกนใส่พระพักตร์ : "ข้ากำลังฟังฆาตกรฆ่าแม่ของข้า องค์ชายทัมด๊ก"
องค์ชาย : "แก้แค้นให้แม่ของเจ้า ถ้าเจ้าเป็นนักรบโคคุเรียวจริง ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็ทำด้วยตัวเอง"
ยอนโฮแก สวนกลับ : "อะไร"
องค์ชาย : "เจ้าไม่รู้ว่าจะสู้ด้วยตัวเองอย่างไรหรือ"
ยอนโฮแก หันไปบอก : "นี่คือสงครามของข้า ใครอย่าได้ยุ่งเกี่ยว"


กั๊กตัง : "หม่อมฉันเห็นด้วยตาของหม่อมฉันเองว่า นางแทงฝ่าบาท" (นี่คือตัวอย่างของความเป็นจริงว่า สิ่งที่เห็นอาจไม่เป็นอย่างที่เห็น สิ่งที่ได้ยิน อาจไม่ใช่เรื่องที่ได้ยิน สรุป คือ อย่าเพิ่งด่วนสรุปสิ่งที่เห็น สิ่งที่ได้ยิน ต้องดู และฟังองค์ประกอบให้ละเอียดถี่ถ้วน ภาพที่กั๊กตังเห็น โซคีฮา ช่วยดึงดาบออก ไม่ใช่แทง แต่เพราะตกใจจึงไม่ได้วิเคราะห์ว่าภาพที่เห็นคืออะไรแน่)
องค์ชาย พระทัยร้ายมากที่ผลัก กั๊กตังล้มลง แล้วยังใช้พระแสงดาบจี้คอกั๊กตัง : "ใคร ใครบอกให้เจ้าโกหกเช่นนี้"
กั๊กตังอุตส่าห์เก็บลมหายใจสุดท้ายของตัวเอง จนมาถึงได้พบองค์ชาย เมื่อเงยหน้าจากท่าที่ล้มลงได้ทูลองค์ชายว่า : "หม่อมฉันนำสาสน์มาส่งพระองค์ขอให้ทรงเป็นกษัตริย์แห่งจูชิน ทรงได้ยินไหมเพคะ เมื่อทรงได้ยิน หม่อมฉันก็ได้ทำงานสำเร็จแล้ว"


โชจูโด รู้สึกสงสัย ไม่ใช่ โฮแก หรอกหรือที่เป็นกษัตริย์จูชิน แล้วทำไมถึงได้มีแสงส่องสว่าง และยังคำจารึกพวกนั้นอีก "ทำไมถึงได้บอกว่า ทัมด๊ก คือกษัตริย์จูชิน"
เสนาบดี ยอน เริ่ม ไม่พอใจ และขู่ โชจูโด ว่า "ถ้าข้าได้ยินข่าวลือประหลาดในปราสาทโกกแน ท่านเป็นคนแรกที่ต้องรับผิดชอบ"
โชจูโด บอกว่า "ข้าจะไปควบคุมคนอื่นได้อย่างไร พวกเขาเห็นแสงสว่าง พวกเขาเห็น"
เสนาบดียอนตอบว่า "นั่นแหละข้าถึงบอกว่าท่านต้องรับผิดชอบ ท่านต้องจัดการกับคนที่ปราสาทดัลจา ผู้บัญชาการปราสาทดัลจาอาจจะต้องการรู้สิ่งที่เขาได้เห็นในคืนนั้น" แล้วออกจากห้องไป

เสนาบดียอน ส่ายหน้าย้อนว่า มันไม่สายไปหรือที่จะเปลี่ยนใจ หรือจะให้ข้ากล่าวหาท่านว่า เป็นคนปลงพระชนม์กษัตริย์ แต่ แทจังโร ย้อนว่า เราสามารถเปิดเผยได้ว่าใครเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง
เสนาบดี ต้องรำพึงขึ้นว่า ข้ากำลังจับหางเสืออยู่หรือนี่ !!
แทจังโรตอบว่า ในเมื่อท่านจับมันได้แล้ว ทำไมไม่ใช้ประโยชน์ให้มันเหมาะสมเล่า


องค์ชายประทับนั่งลง : ข้าบอกกับเจ้าว่านาง...เป็นคนที่ข้าเชื่อใจมาตั้งแต่ข้า อายุ 11 ปี
ซูจินี : ปกติแล้วคนที่ใกล้ตัวเราที่สุด จะเป็นคนที่ทรยศเรา

ซูจินี : มันหายแล้วใช่ไหม ปิดชายเสื้อลง ทูลต่ออย่างแจ่มใสว่า หม่อมฉันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่ว่าจะเจ็บหรือเลือดตกยางออกแค่ไหน วันรุ่งขึ้นหม่อมฉันก็จะหายดี มันมีปัญหาเพราะมันมียาพิษ มีแต่พวกฮวาเซินสารเลวเท่านั้นที่ใช้มัน แล้วก็หันมาหาองค์ชาย หม่อมฉันเชื่อว่าพระองค์เป็นเหมือนหม่อมฉัน ถ้าทรงเป็นกษัตริย์ จะมีคนมากมายสูญเสียชีวิตของเขา แล้วถ้าเกิดสงคราม ถ้ากษัตริย์สั่ง “โจมตี” ทหารนับพันจะต้องเสียชีวิตเพื่อพระองค์
ซูจินี พูดต่อ ว่าถ้ากษัตริย์ท้อถอยทุกครั้งที่มีคนตาย แล้วจะเป็นกษัตริย์ได้อย่างไร (เพราะคงมีเรื่องราวที่ต้องเสียพระทัยมากมายเหลือคณานับทีเดียว)
ทรงรู้ไหมว่า กษัตริย์ควรจะ..อืม.. ทรงควรมีความสามารถในการรักษาแผลภายในวันเดียว เพื่อว่าวันรุ่งขึ้น จะทรงลุกขึ้น และทำในสิ่งที่ต้องกระทำ“ตามข้ามา ข้าคือกษัตริย์ของพวกเจ้า” จะทรงกล่าวเช่นนั้น


แทจังโรและเสนาบดียอน ปรึกษากันเรื่องที่องค์ชายเสด็จมาถวายบังคมพระบรมศพ ที่อารามหลวง แทจังโร : บุตรชายผู้นำแคว้นได้เสียชีวิต นั่นมิใช่โศกนาฏกรรมหรือบางทีนี่อาจเป็นเลือดที่ถวายเพื่อกษัตริย์ จูชิน


แทจังโร : ประชาชนเป็นสัตว์โลกธรรมดา เราได้วางคนไว้ทุกแห่ง เมื่อพวกเขาพูดกัน ปล่อยข่าว ไม่ว่าพวกนั้นจะพูดอะไรมันก็จะกลายเป็นจริง มีคนไม่มากนักหรอกที่ต้องการรู้ความจริงพวกเขาต้องการแค่บางอย่างที่จะพูดกัน

ขอแปลเอาเองว่า เขาต้องการบางอย่างที่จะพูดกัน นั่นคือ ความสะใจ ที่ได้พูดกัน ปากต่อปาก เอามันส์เข้าว่า ใครจะเสียหายช่างหัวมันได้เข้าร่วมสมัยการนินทาว่าร้ายกระจายข่าว ปล่อยข่าวลือ ไม่ก็ ข้ารู้ดี ประมาณนั้น

โซคีฮา : ข้าต้องพบพระองค์ ข้ารู้ว่าถ้ามาจะไม่ทรงรอด ข้าอยากเห็นเขาเป็นครั้งสุดท้าย ข้าต้องการเห็นพระองค์จนลมหายใจสุดท้าย นี่เป็นหนทางทางเดียวที่ข้าเชื่อ ข้าไม่ได้ขอร้องท่าน ถ้าท่านต้องการเก็บหัวใจฟินิกซ์ไว้ ข้ากำลังขู่เข็ญท่าน

(ความรักของ นางเสือ น่ากลัวจริงๆ ลักษณะของโซคีฮา คือ คนที่มั่นใจในตัวเองไม่ได้มีความเกรงกลัวหรือเกรงใจ แทจังโร มาแต่ไหนแต่ไร แต่เพราะถูกปลูกฝังมา นางคือ ผุ้พิทักษ์ ฟินิกซ์ และมีภาระหน้าที่ต่อ ฮวาเซิน จึงยอมทำเรื่อง ที่แทจังโรวางแผนไว้)

หัวหน้า โคมิล ฮยอนโก ใช้ความติ๊งต๊องนิดๆ ปิดบังตัวเอง ที่มีความรอบรู้ลึกซึ้งทั้งด้านการปกครอง การทหาร การสู้รบ สุขุมรอบคอบ เอาเป็นว่าเสนาบดีของเมืองพูยอ ที่เลื่องลือในความสามารถมาถึง 3 รัชกาล ในจูมง สู้ไม่ได้นะคะ เพราะอย่างน้อย ที่เห็นชัด ฮยอนโก มีจริยธรรม มากกว่า ที่จะไม่มีกุศโลบาย เจ้าเล่ห์ เอาแต่ได้(ถึงจะเพื่อให้บ้านเมืองพูยอ ไม่ใช่ส่วนตัวก็เถอะ รักชาติก็จริงแต่ขาด มโนธรรม จริยธรรมขนาดต่อมา องค์ชายให้ ฮยอนโก สอนพระองค์ในการเป็นกษัตริย์ที่ดี ไม่ใช่แค่การเป็นกษัตริย์เฉยๆ

คนที่เก่งกว่า ฉลาดกว่า ฮยอนโก คือ ทัมด๊ก ที่ทรงมองทะลุเข้าไปเห็น ตัวตนที่แท้จริงของฮยอนโก ขนาดยกย่องเป็น ท่านอาจารย์

“ การเป็นกษัตริย์พระองค์ต้องมีความรู้ก่อน การเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่แห่งจูชิน ต้องเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ของโคคุเรียวก่อน ต้องรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของประเทศเพื่อนบ้าน เพราะประเทศพวกนี้ จะต้องรวมกับเราในฐานะอาณาจักรแห่งจูชิน


ทัมด๊ก แย้มพระโอษฐ์ละมุนละไม ยังโน้มองค์ ดำรัสด้วยใกล้ ๆ บาซอน : นี่ทำไมเจ้าไม่ลุกขึ้น ข้าเป็นคนที่ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า นะ อีกไม่ช้า เราจะต้องเข้าสู่สงคราม เจ้าจะช่วยข้าปกป้องคนของข้าได้หรือไม่ หัวหน้า ฮยอนโก เล่าให้ข้าฟังว่า เจ้าสามารถช่วยข้าในเรื่องนี้ได้
บาซอน : เอ้อ ... เอ้อ ... พระองค์ไม่ต้องการให้หม่อมฉัน ทำอาวุธฆ่าคน แต่... ปกป้องเขาหรือเพคะ
ทัมด๊ก : เจ้าช่วยได้หรือไม่

นี่เป็นตัวอย่าง ที่สอดคล้อง กับวาทะแห่งท่านซิงหยุนต้าซือที่ คุณ roytavan นำมาpost ว่า
อักษรคำพูดสามารถพัดเป็นลม
อันอบอุ่นแห่งฤดูใบไม้ผลิ
แต่ก็สามารถตกเป็นหิมะ
ที่ทวีคูณความหนาวเหน็บในเหมันต์
..................
· คำพูดคำหนึ่งสามารถสร้างชาติได้
……..
ยังมีประโยค ที่ทรงตรัสกับดัลบี
ทัมด๊ก ทรงทักว่า : เจ้าเป็นหัวหน้าเสบียงคนใหม่ใช่ไหม ข้าต้องพึ่งเจ้า ชัยชนะของพวกเราขึ้นกับบ่าของเจ้า (ที่ใช้แบกของ) ดูแลพวกเราด้วย แล้วทรงชักม้าผ่านไป



สงครามทำให้คนของเราเสี่ยงอันตราย ถ้าเจ้าเห็นแก่ชีวิตของพวกเขา ควรมีเหตุผลเพียงพอที่จะไปรบ และต้องมีนโยบายในการลดการสูญเสียให้มากที่สุด
ยอนโฮแกทูลว่า เพื่อแก้แค้นให้ประเทศชาติ ที่แพคเจ เคยบุกเข้ามาและสังหาร กษัตริย์ โกดุ๊กวอน นโยบายและกลอุบาย คือความตั้งใจจริงของคนของหม่อมฉัน 4 หมื่นคน และตัวหม่อมฉัน วิญญาณแห่งมังกร และหัวใจเสือ


ทัมด๊ก มีพระดำรัสว่าเหตุผลที่ข้าเรียกท่านว่าอาจารย์ และขอให้คนของท่านมาที่วัง ...ไม่ใช่เพราะข้าต้องการได้ยิน สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ท่านบอกข้าถึงเหตุผล ว่า ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้ แล้วเราจะชนะได้อย่างไรฮยอนโกทูลว่า หม่อมฉันเองก็ไม่ต้องการพูดเช่นนั้น


ฮยอนโก สวนว่า : หม่อมฉันไม่เข้าใจ ทรงกำลังจะไปต่อสู้ กับแพคเจตะวันตก ด้วยทหาร 3 พันนาย เพื่อช่วย ยอนโฮแกหรือพะย่ะค่ะ ทรงต้องการให้พวกเราเป็นเป้าธนู เพื่อ โฮแกจะได้ครอบครองสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์หรือพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : อาจารย์...กษัตริย์ของท่าน เป็นคนไม่รักประชาชนของตัวเองหรือ ทหารของโฮแก ก็คือประชาชนของข้า ข้าไม่ยอมให้พวกเขาตายหรอก


จอกฮวาน กราบทูลความถึงภาคภูมิใจของกองทหารม้าเหล็ก ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่กษัตริย์จูมง การได้เข้าสู่สนามรบเคียงบ่าเคียงไหล่กษัตริย์ได้ถือเครื่องหมายนกสามขาทอง และขณะนี้เฝ้ารอให้กษัตริย์เรียกระดมพล หากกษัตริย์ตั้งพระทัยที่ไม่ไปสนามรบ ก็ขออนุญาตให้กองทหารม้าเหล็ก ได้ติดตาม ยอนโฮแก ด้วยเถิด การไม่ได้อยู่แถวหน้า ต่อสู้กับศัตรู เป็นความอับอายของกองทหารม้าเหล็ก
ทัมด๊ก เสด็จลุกขึ้น พระหัตถ์จับสองไหล่ของจอกฮวาน แล้ว มีดำรัสว่า ข้าอนุญาตให้ท่านส่งทหารม้าเหล็กออกไปได้ แต่..ว่า... ทหารม้าเหล็กต้องอยู่แถวหน้า ส่งข่าวไปให้โฮแก สงครามจะเริ่มโดยไม่มีทหารม้าเหล็กไม่ได้
ทุกคนคำนับ ทัมด๊ก : รับด้วยเกล้า พวกเราจะไม่ลืมพะย่ะค่ะ


ส่วนที่ตลาด ในปราสาทโกกแน มีนักแสดง ตั้งเวที ร้องชื่นชม ยอนโฮแก และกระแทกแดกดันทัมด๊ก ว่าขี้ขลาดในการทำสงคราม กษัตริย์ไม่ทำสิ่งใด ได้แต่รอ รอว่า จะไม่มีธนูเหลือมาเจาะเกราะเหล็กของข้า รอจนกว่าจะมีเกราะเหล็ก ที่ไม่มีดาบเล่มไหนแทงเข้าไปได้ จนกว่าจะมีเสื้อเกราะเหล็ก และไม่มีลูกธนู ข้าจะไม่ไปรบ คนดู ก็ส่งเสียงชอบอกชอบใจ ฮยอนยอง แค้นใจ


ทัมด๊ก : ท่านต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ท่านจะต่อสู้กับแพคเจ หรือ โฮแก
ฮีกแก ทำท่าเหนื่อยใจเสียเหลือเกินแล้ว (เหนื่อย เพราะแผดเสียงออกไปสุดเสียงด้วย)
กราบทูลว่า: ฝ่าบาท มนุษย์เราจะเห็นโลกได้ใหญ่เท่าที่เขาเป็น (คือคนที่จิตใจคับแคบ โลกของเขาก็จะแคบตามไปด้วย) ทรงคิดหรือว่าเขาจะเข้าใจในแผนการพระองค์ ทรงคิดหรือว่าเขาจะก้มหัวและขอบพระทัยฝ่าบาทหรือ


แทจังโร : ผู้ชายจะเปลี่ยนไปตามสายลม เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นเขาก็จะจากไป.. ข้าขอให้เจ้าคิดถึงแต่ฮวาเซินของเรา ที่ได้เฝ้ารอคอยมานับพันปี ... คีฮา... ( ชอยมินซู คนสวมบทบาท ทำเสียง ดีมากๆ...เหมือนปลอบใจในที เหมือนยุแหย่ให้คั่งแค้นไปพร้อมๆกัน เยี่ยมจริงๆ ขอบอก ..บอกครั้งที่เท่าไร นับไม่ถูกแล้ว)


โซคีฮา เดินไปพูดระบายความน้อยใจไปเขา..เขาไม่แม้แต่จะถามข้า เขาไม่เคยถามข้าว่าจริงหรือไม่ เขาไม่เคยมีความจริงใจกับข้า แล้วเขาให้ข้าอยู่ใกล้ชิดเขาทำไม สำหรับเขาข้าเป็นใคร

โซคีฮาก็ทรุดตัวนั่งลงบนพื้นหิน พิลาปรำพัน ข้าไม่รู้ว่า...ข้าทำผิดอะไร..ข้า ผู้พิทักษ์หัวใจฟินิกซ์ ข้าไม่เคยต้องการเป็นแม่ของแผ่นดิน ข้าแค่ทำในสิ่งที่เขาต้องการให้ข้าทำ ทั้งหมดเกิดขึ้นได้อย่างไร (คือการทำตามแผนของแทจังโร) สิ่งที่ข้าต้องการ มีแค่สิ่งเดียว เขา.....ผู้ซึ่งคือสิ่งที่ข้าเคยต้องการ แล้วนั่นคือความผิดร้ายแรงหรือ ฮวาเซินกับเขา พวกเจ้าเหมือนกันหมด ใช้ข้าเพราะเจ้าต้องการข้า แล้วทิ้งข้าในภายหลัง เหมือนที่เขาทำ เจ้าก็เช่นกัน ถึงแม้จะทอดทิ้งข้า เจ้าจะไม่พูดอะไรก่อนหรือ บอกว่าใช้ข้าคุ้มแล้ว บอกว่าเจ้าไม่ต้องการข้า

ซารยางให้เธอคิดถึงลูก ว่า จะพาเขาตายไปด้วยหรือ โซคีฮา ตอบว่า ถึงอย่างไร เด็กคนนี้ก็ต้องตาย เขาจะน่าชังเช่นเดียวกับข้า แล้วก็ตายในที่สุด ข้าไม่ยอม ซารยางบอกว่าให้โซคีฮา ใช้เขา... ใช้โลกนี้... ใช้ฮวาเซิน ...ถ้าไม่ชอบก็ทิ้งไป นั่นเป็นวิธีที่จะปกป้องเด็กไว้ได้
โซคีฮา : เด็กเขาต้องการหรือ เขาต้องการออกมาสู่โลกที่น่าเศร้าเช่นนี้หรือ ข้าเกลียดโลกนี้ เด็กคนนี้คืออะไร


ที่ดาดฟ้าเรือ ดัลบี มีคำพูดให้จูมูชิ : ขอให้ท่านป้องกันตนเองตอนไปสงคราม เมื่อกลับมาข้าจะล้างเสื้อเกราะให้ท่าน ขอให้มีเพียงเลือดของศัตรู ไม่มีใครทำอะไรท่านได้อยู่แล้ว ข้าพูดผิดไหม ท่านได้ยินไหมอย่าบาดเจ็บนะ

พวกเจ้าจำไว้ 3 ประการ
ข้อสุดท้าย ( สำคัญ และกินใจมากเลย) : ห้ามมิให้ใครตาย ข้าไม่ต้องการให้ใครมาตายเพื่อข้า มีชีวิตอยู่เคียงข้างข้า นี่คือคำสั่งของกษัตริย์ของเจ้า


หม่อมฉัน โกอูซุง เป็นแม่ทัพที่ไม่สามารถปกป้องกษัตริย์พระองค์ก่อนได้ หม่อมฉันไม่ยอมให้มันเกิดอีกครั้ง ถึงแม้หม่อมฉันจะไม่สามารถปกป้องกษัตริย์พระองค์ก่อน แต่ทรงได้โปรดให้หม่อมฉันได้รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับกษัตริย์พระองค์ก่อนด้วยเถิด ทรงมอบความปลอดภัยของฝ่าบาทไว้ในมือของหม่อมฉันขุนพลโกเสียงเครือ มอง ทัมด๊ก แบบวิงวอน
ทัมด๊ก แย้มพระโอษฐ์ ให้นิดหนึ่งยกพระหัตถ์วางบนไหล่ขุนพล ดำรัสต่อว่า : ข้าจะทำให้ท่านมั่นใจว่า ท่านจะรักษาสัญญาที่มีกับเสด็จพ่อ
ทัมด๊ก : ข้าจะไม่ตายก่อนท่าน ข้าขอสัญญา


ยอนโฮแก ได้ความกล้าหาญ มาจากแม่คือท่านหญิงยอน เมื่อ ยอนโฮแกเริ่มหัดเดิน นางสอนเขาถึงวิธีการเดินอย่างกษัตริย์ วิธีการพูด การวิ่ง โฮแก ได้รับการสอนเช่นนี้ ทำทุกอย่างตามแม่สอน : ท่านรู้ไหมข้าพยายามพูดอะไร
แทจังโร : ท่านผู้บัญชาการคาดหวังว่าเทวีพยากรณ์จะเหมือนท่านแม่ของเขา นี่คือสิ่งที่ท่านต้องการพูดหรือ เสนาบดียอน : สำหรับแม่ของเขา โฮแก คือท้องฟ้า แล้วเขาเป็นอะไรต่อฟินิกซ์ ที่ท่านรับใช้อยู่


ฮีกแก กราบทูลว่า ถ้าพบว่าบาซอนเข้าไปในค่ายทหารของ ยอนโฮแก จะจัดการกับบาซอน เพื่อไม่ให้สารเลวคนนั้น รู้ว่าสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ไหน
ทัมด๊ก ทรงตอบว่า บาซอนช่วยชีวิตคนของพระองค์มากมาย ด้วยฝีมือตีเหล็กของนาง อย่าทำร้ายบาซอน


ข้าไม่มีความสามารถที่จะไปต่อสู้โดยลำพัง เช่นเดียวกับผู้บัญชาการป้อมปราการควานมี แต่เจ้ารู้ไหม ข้า...ยังคงเป็นกษัตริย์
ทัมด๊ก : ในฐานะกษัตริย์ ข้าไม่ควรจะบอกพวกเขาว่าเราอาจจะพ่ายแพ้ ข้าจะส่งทหารแพคเจกลับไป
ทัมด๊ก : ครอบครัวของพวกเขา แม่ทัพและผู้บัญชาการ ยังคงอยู่ในป้อม
ทัมด๊ก : การเป็นกษัตริย์ช่างยากเหลือเกิน ต้องพูดปดและขู่เข็ญ กษัตริย์ต้องเก่งในเรื่องเหล่านี้ทรงหันมาทางจูมูชิ : ฉะนั้นกษัตริย์ถึงต้องขอร้องต่อ..เพื่อ...เช่นท่าน ที่จะให้อยู่กับเขา และถ้าเขาตาย ก็ตายด้วยกัน
จูมูชิ : การอยู่ด้วยกันมันยากกว่าการตายด้วยกัน

เทวีโซคีฮา ; ถ้าทรงถามหม่อมฉัน หม่อมฉันจะทูลพระองค์เดี๋ยวนี้ หัวใจของหม่อมฉันเป็นของกษัตริย์จูชิน หม่อมฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้ทรงสามารถก่อตั้งชนชาติจูชินอีกครั้งถ้าหากต้องการแล้ว แม้แต่แขวนดวงดาวจูชินบนท้องฟ้า หม่อมฉันก็จะสร้างให้

ดัลโกได้แต่บ่นว่านางช่างดื้อจริง แต่ฮยอนยอง ถามว่า เจ้าไม่เคยมีความรักใช่ไหม เจ้าถึงได้พูดว่าเป็นเรื่องงี่เง่า เจ้าไม่เคยรู้เรื่องแปลกและลึกลับระหว่างชายหญิงที่เรียกว่ารัก ไม่รู้ว่ามันคืออะไร


ทัมด๊ก : ข้าจะถามพวกท่านสักข้อ ในฐานะคนของโคคุเรียว กษัตริย์แบบไหนที่ท่านต้องการ ท่านไม่สนใจว่าจะเป็นใคร ขอให้เป็นคนที่มีสัญลักษณ์เก่าคร่ำคร่าของตำนานก็พอหรือ สองพันปีที่ผ่านมา จูชินมีดินแดนที่กว้างใหญ่ไพศาลครอบคลุมทิศเหนือ ทิศใต้ ตะวันออก และตะวันตก พวกท่านต้องการดินแดนนั้น ท่านถึงได้ต้องการกษัตริย์จูชินหรือ ดินแดนนั้น ข้าจะเอามาให้พวกท่านได้อย่างไร พูดอะไรออกมา ทรงพระราชดำเนิน ทอดพระเนตรเสนาบดี แต่ละคน ๆ ถ้าข้าฆ่า ชาย หญิง เด็ก และสัตว์ร้าย แล้วแผ่นดินของพวกเขา จะกลายเป็นของพวกเรา ลูกหลานของพวกเขาก็คงสาบานแก้แค้นกับเรา แล้วก็ต่อสู้กันอีก ฆ่าและฆ่ากันต่อไป นั่นคือดินแดนที่พวกท่านต้องการหรือ

ทัมด๊ก : แล้วถ้าเราให้แต่ละชาติได้ในสิ่งที่เขาต้องการแล้วเรากลายเป็นศูนย์กลาง ที่ซึ่งพวกเราทั้งหมดกลายมาเป็นพี่เป็นน้องกัน มีความสงบสุขเป็นร้อย ๆปี พวกท่านยังไม่เข้าใจอีกหรือ พวกท่านยังต้องการต่อสู้รบราเพื่อเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งการแก้แค้นอีกหรือ พวกท่านยังไม่เข้าใจว่าข้ารู้สึกอย่างไร


ฮีกแก สงสัยที่ ทัมด๊ก ยังปล่อยให้ โซคีฮา เป็นเทวีพยากรณ์ของอารามหลวง มันเห็นชัดว่านางเป็นคนของฮวาเซิน นางเป็นฝ่ายเดียวกับศัตรู
ฮยอนโก : อารามหลวงเป็นอาณาจักรของสวรรค์ บุคคลธรรมดาไม่สามารถไปแตะต้อง แต่ฝ่าบาท ผู้หญิงคนนั้นปลงพระชนม์กษัตริย์พระองค์ก่อน
ทัมดั๊กทรงถามว่าท่านมีหลักฐานหรือฮยอนโกอ้ำอึ้ง
ฮีกแก : ฝ่าบาทไม่สามารถสำเร็จโทษนางได้ด้วยพระองค์เอง เช่นนั้นหม่อมฉันจะไปจัดการให้ ไม่ว่า จะเป็นการสำเร็จโทษ หรือลอบสังหาร หม่อมฉันก็จะทำทำ
ขุนพลโก : โคคุเรียวตัดสินโดยกฎหมาย อารามหลวงตัดสินโดยสวรรค์


องครักษ์ตอบว่า : ประเทศจะไม่จ่ายเงินใดๆ ให้กับพวกท่าน แต่ ฝ่าบาทจะทรงให้สิทธิทางการค้าเกลือ ขึ้นกับจำนวนความอุดหนุนที่พวกท่านให้ในคราวนี้ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของคอรัล หลังจากข้ามภูเขาไป มีดินแดนแห่งเกลือที่กว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งกว้างใหญ่พอๆกับทะเล เรากำลังจะไปเอาเกลือมาจากที่นั่นและแจกจ่ายให้ทั่วให้กับประเทศอื่นๆ

ซูจินี เอามือจับมือฮยอนโก : ข้ายอมให้ท่านเป็นคนฆ่าข้าไม่ได้ ถ้าท่านเป็นคนฆ่าข้า ท่านต้องร้องไห้ไปตลอดชีวิต ท่านเลี้ยงดูข้ามาเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ตอนข้าเป็นทารก ทุกอย่างที่ข้ารู้ ข้าเรียนมาจากท่าน ข้าไม่สามารถตอบแทนบุญคุณด้วยความเศร้าได้หรอก ท่านหัวหน้า ข้าคิดว่า...ข้าคงไม่สามารถตอบแทนบุญคุณของท่านได้ ..ปล่อยข้าได้ไหม


จูมูชิบอกมันดักว่า : ข้าเรียนรู้บางอย่างมาจากฝ่าบาท เมื่อใดจะสู้และเมื่อใดจะถอย พวกเรารีบไป


ทัมด๊ก : ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อถือทหารของตัวเอง แต่ข้าไม่เชื่อถือตัวเองต่างหาก ท่านที่ปรึกษา ท่านแม่ทัพและทหารลาดตระเวน ให้คำแนะนำมากมากมายแก่ข้า แต่ทั้งหมดข้าต้องเป็นคนตัดสินใจเอง ในแต่ละครั้งข้าก็เต็มไปด้วยความกลัว ถ้าเมื่อใด ที่ข้าตัดสินใจผิด ? ถ้าข้าผิดเล่า ถ้าข้าดื้อดึง.....ข้าอาจจะพาพวกเขาไปตายหมด
ขุนพลโก : ฝ่าบาท ทรงหันมาทางนี้สักครู่ได้ไหมพะย่ะค่ะ ทัมด๊กทรงหันไปทางขุนพลโก
ขุนพลโกใช้ผ้าเช็ดหน้าของตัวเองเช็ดเลือดที่เปรอะติดเสื้อเกราะของทัมด๊กที่ใกล้กับที่ตั้งของดวงหทัย ( เปรอะเลือดของทหารบาดเจ็บที่ทรงเข้าช่วยพยุง) ท่าทางนุ่มนวล แล้วทูลความว่า

หม่อมฉันเข้าสู่สนามรบตั้งแต่อายุ 15 ปี เมื่อใดที่หม่อมฉันได้ยินเสียงสัญญาณรบ หม่อมฉันจะเป็นคนแรกที่ออกไปต่อสู้ แต่ว่า...... หม่อมฉันก็กลัวตายอยู่เสมอ แต่ว่า.... ทรงทราบบ้างไหม เมื่อหม่อมฉันเริ่มรับใช้ฝ่าบาท เป็นครั้งแรกที่หม่อมฉันไม่กลัวตาย คนของฝ่าบาทที่อยู่ข้างนอก ความคิดของพวกเขา ก็เป็นเช่นเดียวกัน พะย่ะค่ะ ถ้าหากเพื่อ ฝ่าบาท หม่อมฉันสละชีวิตของตัวเองได้ ดังนั้น สิ่งที่ต้องทรงทำคือ อยู่ร่วมกับพวกเราพะย่ะค่ะ


องครักษ์ ศิษย์โคมิล เข้ามา และเล่าว่า เคยทูลถามทัมด๊ก ที่ตั้งแต่ขึ้นครองราชย์มายังไม่เคยประทับนั่งบนบัลลังก์ นี้สักครั้งเดียว ทรงบอกว่า เป็นเพราะพระองค์ ยังไม่ได้แก้ไขการบ้านที่กษัตริย์พระองค์ก่อนทรงให้ไว้ เพราะฉะนั้นบัลลังก์นี้ ยังไม่ใช่ที่ของพระองค์

เสนาบดียอน กราบทูล ทัมด๊ก ว่า : หม่อมฉันจำเป็นต้องทูลฝ่าบาทเช่นนี้ ถ้าหากหม่อมฉันต้องเลือก ระหว่างฝ่าบาทและลูกชายของหม่อมฉัน หม่อมฉันจะต้องเลือกลูกชายของหม่อมฉัน แน่นอน พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : เมื่อเวลานั้นมาถึงก็ทำไปเถอะ แต่ตอนนี้บ้านเมืองต้องการท่าน ในแง่การเมืองท่านรู้ไกลกว่าข้าและ ข้ารู้ว่าท่านจงรักภักดีต่อโดคุเรียว แล้วข้าต้องห่วงสิ่งใดอีก ท่านยอนท่านรู้ไหมจูชินหมายถึงอะไร ดินแดนที่พวกเราชาว แพดัล อาศัยอยู่ นั่นแหละจูชิน ถ้าพวกเราจะต้องเอาดินแดนกลับคืนมา ข้ายังมีหนทางอีกยาวไกล ท่านต้องช่วยข้าดูแลที่นี่


สวรรค์กำลังค่อยๆเปิดเผยว่าพระองค์ คือกษัตริย์จูชินที่แท้จริง แต่หม่อมฉันไม่อาจยอมรับได้ ถ้าสวรรค์เป็นผู้ตัดสินทุกอย่าง มันจะมีประโยชน์อย่างไร กับความพยายามของเรา ถ้าสวรรค์ได้เลือกกษัตริย์จูชิน แล้ว การเลือกนั้นใช้เงื่อนไขใด หม่อมฉันจะทรยศต่อความเชื่อถือ ไว้วางใจ และอำนาจหน้าที่ ที่ทรงมอบไว้ให้ และเอาสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ของกษัตริย์จูชินไป หม่อมฉันจะมอบให้กับบุตรชายของหม่อมฉัน โฮแก คนที่ สวรรค์หันหลังให้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถใช้อำนาจของสัญลักษณ์เหล่านี้ หม่อมฉันก็ยังต้องการบอกสิ่งนี้กับเขา “ เวลานี้ฝ่าบาทไม่สามารถพึ่งพา อำนาจและพลังแห่งสวรรค์ได้ ..จงใช้ความพยายามของเจ้า ขึ้นมาเป็นกษัตริย์ให้ได้ ทำให้ประชาชนในดินแดนแห่งนี้ยอมรับและเลือกกษัตริย์ของพวกเขาเอง” .

ฝ่าบาท กษัตริย์แห่งโคคุเรียว เวลานี้หม่อมฉันคิดได้ว่า หม่อมฉันไม่เคยรอคอยกษัตริย์แห่งจูชิน มันดูเหมือนว่า หม่อมฉันต้องการสร้างกษัตริย์จูชินด้วยตัวเอง
เสนาบดียอนนั่งลงที่เก้าอี้ : ถูกต้อง.... นั่นคือสิ่งที่หม่อมฉันต้องการ


มีพระบัญชาให้ ฮยอนคง อาลักษณ์ ตามเสด็จในครั้งนี้ เพื่อคอยจดบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ : ถ้าข้าทำอะไรผิด เขาจะบันทึกไว้ เพื่อมิให้ทำผิดอีก ผิดครั้งเดียวถือเป็นความผิดพลาด แต่ถ้าผิดซ้ำสองถือเป็นบาป นั่นเป็นสิ่งที่เขาพูดกัน (ซูจินี เคยทูลเช่นนี้)

ฮยอนยองและศิษย์โคมิล ที่ซุ่มตัวรอเวลาอยู่ เมื่อมีสายลมแรงพัดมา ฮยอนยองอ่านข้อความในแผ่นกระดาษ ศิษย์โคมิลชูนกกระดาษตัวใหญ่ 2 ตัวขึ้น ฮยอนยองกล่าวว่า “ การต่อสู้ไม่ใช่แค่เพียงการใช้ดาบ เท่านั้น“

แต่ทัมด๊กทรงพระทัยเย็น ดำรัสต่อเหมือนแค่ถูกขัดจังหวะไปชั่วครู่ : ท่านยังอยากฟังต่อหรือไม่ สิ่งใดจะเกิดขึ้น หากโคคุเรียวเป็นพี่ชายของท่าน หรือท่านจะฆ่าข้า และเผชิญหน้ากับโคคุเรียว เมื่อ ยอนโฮแก ขึ้นเป็นกษัตริย์


บาซอน : หม่อมฉันอยากตัดมือตัวเองออก...หม่อมฉันมาที่นี่เพื่อตัดมันออก แต่ว่า... ที่นี่มีดาบและขวานที่ทื่อมากมาย (บาซอนกำลังลับมีด เล่มแล้วเล่มเล่า เพราะรุ้สึกว่า เป็นหน้าที่ของนาง นางต้องทำหน้าที่ก่อน ที่จะทำเรื่องอื่นๆ)
ทัมด๊ก : ฟังข้าให้ดีนะ มือคู่นี้ไม่ใช่ของเจ้าเพียงคนเดียว ข้าจะไม่ยกโทษให้ หากเจ้าทำร้ายมัน ทัมด๊ก แย้มพระโอษฐ์ให้บาซอน ตรัสต่อว่า : และเจ้าของมือนี้ จะต้องกิน และนอนให้หลับ เจ้าเข้าใจหรือไม่

โซคีฮา : ครั้งหนึ่งเคยมีเหตุการณ์เช่นเดียวกัน เกิดที่สุสานหลวง กษัตริย์พระองค์ก่อนทรงบอกข้ามิให้ขวางทางพระโอรสในการขึ้นครองราชย์ แล้วทรงแทงดาบของกษัตริย์จูมงเข้าไปที่พระหทัย ทำให้ข้าถูกประณามข้าบอกความจริงไม่ได้ ข้าบอกใครไม่ได้แม้แต่สวรรค์ แต่ท่านยอนไม่เหมือนกัน เขาขอร้องให้ข้าจากมาอยู่กับท่าน... เขาขอร้องให้ข้าทำท่านเป็นกษัตริย์

สวรรค์ไม่เคยสนใจคนอย่างเรา สวรรค์ มีตาแค่คนคนหนึ่ง สิ่งเดียวที่สำคัญสำหรับสวรรค์ก็คือคนคนนั้นจะผ่านการทดลองไปได้อย่างไร ท่านและข้า เป็นเพียง เบี้ยตัวเล็กๆในกระดานของสวรรค์ ข้าวางแผนที่จะต่อสู้กับสวรรค์ข้าจะทำมัน...เพื่อว่า สวรรค์จะได้ไม่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์อีกต่อไป

โซคีฮา : ข้าไม่สนใจ หากมันจะเป็นขุมนรก อย่างน้อยที่สุดข้าจะกำหนดโชคชะตาของตัวเอง

ทัมด๊ก : นั่นคือแผนของข้า และข้าพร้อมจะเสียใจ เพราะว่าข้าได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้ากำลังต่อสู้กับสวรรค์ การเป็นกษัตริย์จูชิน สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้ง สี่ ท่านรู้ไหม ข้าเกลียดมันแค่ไหน ข้าสูญเสียมากแค่ไหนเพราะสิ่งนี้ เสด็จแม่ของข้า เสด็จพ่อของข้า ประชาชนของข้า ข้าต้องการก่อตั้งชนชาติจูชิน โดยไม่ต้องการความช่วยเหลือจากสวรรค์
ฮยอนโก ค้านว่า: มนุษย์จะก่อตั้งชนชาติจูชินได้อย่างไรโดยไม่มีความช่วยเหลือจากสวรรค์
ทัมด๊ก : ประชาชน อ้อนวอน ขอร้อง และร้องไห้ ขอความช่วยเหลือ นั่นคือสิ่งที่สวรรค์ต้องการหรือ

ฮยอนยอง สงสัยและถามมันดักว่า : ที่ข้าได้ยินว่าเผ่าของเจ้าไม่ยอมรับดินแดนที่ฝ่าบาททรงมอบให้ นั่นเคยเป็นเป้าหมายของพวกเจ้า นี่เกิดอะไรขึ้น
มันดักตอบว่า พวกเราตัดสินใจกันว่า พวกเราต้องการถนนทุกเส้นในโลกนี้
บาซอนสงสัย : เจ้าจะเป็นเจ้าของถนนได้อย่างไรจะไปเขียนชื่อไว้บนถนนเช่นนั้นหรือ
มันดักตอบว่า พวกเรากำลังจัดตั้งกลุ่มการค้าขายขึ้น จนถึงสุดขอบโลก เราจะขนส่ง ซื้อและขาย สินค้าทั่วทุกมุมโลก

(โอ้โฮ เหลือเชื่อ ชนเผ่าเร่ร่อน ทหารรับจ้าง พื้นเพจากพวกชาวป่าพื้นเมืองด้วยซ้ำ มีวิสัยทัศน์กว้างไกลแบบนี้ คงซึมซับมาจาก ทัมด๊ก มั้ง.. มันดัก และซีอู พัฒนาขึ้นตามกาลเวลาจริงๆ)

ซูจินี : แต่ฝ่าบาทเป็นกษัตริย์ ฝ่าบาทต้องประทับอยู่ที่วัง
ทัมด๊ก : จากนี้ไป ที่ใดมีเจ้า ที่นั่นคือวังของข้า
ทรงใช้พระบาท เตะล้อเกวียนโดยแรง : ตอนนี้เจ้าไปไหนไม่ได้อีกแล้ว ข้าจะไปเอาวังและทหารของข้ามาที่นี่

ข้าจะขี่ม้านำหน้าไปยังศัตรู อย่าคลาดสายตาไปจากข้า ตามข้ามาและทำให้ดี
ทหารรับคำ
ทัมด๊ก : คนของข้าและพี่น้องของข้า เจ้าเห็นข้าอยู่ข้างหน้าเจ้าใช่ไหม

ขอเชิญเพื่อนๆเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ กันนะคะ

Amornbyj : Writer