Saturday, June 7, 2008

เตรียมอ่าน ตอนอวสาน TWSSG Version 1 ( Happy Ending )

เนื่องจากตอนอวสานของละครเรื่อง "ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์" หรือ "Taewang Sashingi" ซึ่งบางท่านได้ดูจาก DVD และ IMBC มาก่อน... ทั้งสมาชิกหลายท่านทราบว่าต้นฉบับครั้งแรกในตอนอวสานนั้น Song Ji Na (Script Writer) ไม่ได้เขียนไว้เหมือนใน TV...

....ดังนั้น เรื่องนี้จึงมีตอนจบ 2 Version...
1. Taewang Sashingi (Happy Ending) ซึ่งเป็นบทอวสานในครั้งแรก...
2. Taewang Sashingi ( TV Ending) ซึ่งเป็นบทละครที่ต้องถูกบังคับให้จบ...เนื่องจากนักแสดงหลักของเรา Bae Yong Joon ได้รับบาดเจ็บค่อนข้างหนัก... จึงจำเป็นต้องเร่งการถ่ายทำให้เสร็จสิ้น แต่ยังคงความครบถ้วนของเนื้อหาตามพระปรเวติของพระเจ้ากวางเกโตมหาราชเอาไว้ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์...

.....และเพื่อเป็นการตอบสนองต่อความต้องการของแฟนละคร...TWSSG TEAM (Website Thailand)
ก็ได้สรุปความเห็นร่วมกันว่า...เราจะนำเสนอเรื่องย่อ ใน Version Happy ending ....ให้ทุกท่านได้อ่านอย่างต่อเนื่องนะคะ ซึ่ง คุณ Amormbyj & คุณ Kelly จะนำมาให้ท่านได้อ่านต่อไป...หลังจากละครจบนะคะ

ด้วยรักจากใจจริง
TWSSG TEAM

Friday, June 6, 2008

เต่าดำ ( อูซา) หรือ วารีเทพ

เต่าดำ ( อูซา) หรือ วารีเทพ

เต่าดำ 玄武 (เสวียนอู่ ในภาษาจีน เกนบุ ในภาษาญี่ปุ่น อูซาหรือ ฮยุน มู ในภาษาเกาหลี) วารีเทพ หรือ เทพผู้พิทักษ์แห่งทิศเหนือ ตัวแทนฤดูหนาว เป็นเทพแห่งธาตุน้ำและดิน สีประจำคือสีดำ ซึ่งถือว่าเป็นทิศที่ไม่ค่อยมงคลสำหรับชาวจีน ก็เพราะ คำว่าเต่าในภาษาจีน มีความหมายในแง่ลบ เป็นสัญลักษณ์แห่งศาสนาพุทธ (ลัทธิเต๋า) ความศรัทธา อายุยืนยาว ความสุข มีความเชื่อว่าถ้าเทพผู้พิทักษ์เต่าอายุถึง หนึ่งพันปี จะสามารถพูดภาษาคนและทำนายเหตุการณ์อนาคตได้

กล่าวกันว่ากระดองของเต่าสื่อถึงหลังคาแห่งจักรวาล แต่เดิมมาจากการใช้กระดองเต่าในการทำนายทายทัก ซึ่งหมายถึงการให้เต่านำคำถามลงไปสู่โลกแห่งวิญญาณเพื่อนำคำตอบกลับมายังโลกมนุษย์ อีกทั้งกระดองเต่ามีสีดำ จึงปรากฏในรูปเต่าดำ ภายหลังได้มีการขยายความออกไป โดยเห็นว่าเต่าอาศัยอยู่กับน้ำ ทั้งแม่น้ำลำคลองน้อยใหญ่จนถึงท้องทะเลกว้าง จึงได้รับการขนานนามให้เป็นเทพเจ้าแห่งน้ำ อีกทั้งเต่ามีอายุยืนนาน จึงเป็นสัญลักษณ์แทนการมีอายุวัฒนะ


เต่าดำ ซึ่งจะอยู่ด้านหลัง มีรูปลักษณ์เป็นเต่า แต่มีเกล็ดคล้ายงู มีลักษณะร่วมกันของเต่าและงู บ้างใช้สัญลักษณ์เป็นรูปเต่าที่มีงูพันรัดกลางลำตัว จากสัตว์เทพค่อยวิวัฒนาการเป็นรูปลักษณ์ของครึ่งคนครึ่งสัตว์ จากนั้นกลายเป็นเทพที่มีรูปเป็นหญิง


ตามความเชื่อของจีนโบราณ กล่าวกันว่า เทพเจ้าเสวียนอู่ หรือ ปรมาจารย์เจินอู่ มีที่พำนักอยู่ที่เทือกเขาไท่เหอซัน หรือเขาบู้ตึ๊ง หรือ อู่ตังซัน (ในภาษาจีนกลาง) เป็นเทือกเขาที่มีความสำคัญของลัทธิเต๋า ที่เล่าสืบมาว่า ปรมาจารย์เจินอู่ หรือเทพเจ้าเสวียนอู่ ที่ศาสนาเต๋าเคารพนับถือ ได้บำเพ็ญตบะบนยอดเขาแห่งนี้ รู้สึกติดอกติดใจกับเทือกเขา ที่เสมือนเป็นแดนสุขาวดี ได้ใช้วิชาทั้งบุ๋นและบู้ต่อกรกับภิกษุหลายรูปของฝ่ายพุทธ จนได้รับชัยชนะ สามารถยึดเขาแห่งนี้เป็นที่พำนักสืบมา

และต่อมา... เขาบู้ตึ๊งได้กลายมาเป็นแหล่งฝึกวิชา และเข้าฌานของนักพรตลัทธิเต๋า หลายสำนักมาหลายยุคสมัย และยังเป็นที่กำเนิดสุดยอดวิชากังฟูที่โด่งดัง ตามที่เราเคยคุ้นหูคุ้นตาในนิยายกำลังภายในด้วย
Roytavan : Writer

เรื่องย่อ ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ ( ตอนอวสาน จบตาม TV )


...ตอนที่ 24 (2)...

ซูจินี วิ่งกลับมาที่ห้อง แต่ว่า ไม่มีอาจิ๊ก อยู่บนเตียงนอนเสียแล้ว ทหารรายงานว่า เด็กถูกพาตัวไปแล้ว
ซูจินี ตกใจ.. ไม่...
ชอโร ดึงแขนซูจินี ซูจินี บอก : ปล่อย อาจิ๊ก กำลังอยู่ในอันตราย แล้วก็สะบัดชอโร
ชอโร : ข้าแน่ใจว่า เขาต้องปลอดภัย อยู่ที่ใดที่หนึ่ง


ซูจินี : พวกฮวาเซินเอาตัวเขาไป
มีสุรเสียงของ ทัมด๊ก ว่า : เกี่ยวอะไรกับฮวาเซิน เกี่ยวเรื่องอะไรกัน?
ซูจินี : หม่อมฉันต้องไปหาเด็ก
ทัมด๊ก ทรงจับแขน ซูจินีไว้ : ทำไมพวกฮวาเซิน ถึงมาเอาตัวเด็กไป
ซูจินี เกิดอาการปากคอสั่น ได้แต่ ทูลว่า : เด็กคนนั้น เด็กคนนั้น แล้วก็ร้องไห้
ทัมด๊ก ทรงสั่งทหาร ว่า : ไปหาตัวเขา ชอโร พยักหน้ารับพระบัญชา
หญิงรับใช้ เอาถุงผ้าใส่จดหมายมาส่งให้ขุนพลโก ขุนพลโกเปิดถุงผ้า
ทัมด๊ก เริ่ม ร้อนพระทัย : มีอะไรหรือ ซูจินี ก็ได้แต่ร้องไห้
ขุนพลโก กางหนังสือออกอ่าน แล้วก็ตกใจ..... ฝ่าบาท


ทัมด๊ก ปล่อยซูจินี รับหนังสือมาทอดพระเนตร ทอดพระเนตรจบ ทรงหันมาที่ ซูจินี : สารนี้ส่งถึงข้าโดยตรง บอกว่า เขาเป็นโอรสของกษัตริย์จูชิน ทอดพระเนตรหน้าซูจินี แล้วทอดพระเนตรตัวอักษรใหม่ พวกนั้นบอกว่า พวกเขาเอาโอรสของกษัตริย์จูชินไป ถ้าข้าต้องการรักษาหัวใจของเขา ข้าต้องไปที่นั่น และกษัตริย์จูชิน คือข้า หรือสิ่งที่ข้าคิด เช่นนั้น ทรงหันมาที่ซูจินี : นี่ อะไรกัน
ซูจินี : หม่อมฉันไม่สามารถทูลฝ่าบาทได้ เพราะหม่อมฉันกลัวเช่นนี้ หม่อมฉันกลัวว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้น หม่อมฉันถึงได้ซ่อนตัวอยู่หลายปี
ทัมด๊ก : ข้าถามเจ้าว่า มันหมายความว่าอย่างไร ?
ซูจินี : เด็กคนนั้นอาจิ๊ก เขาเป็นโอรสของฝ่าบาท และเป็นลูกของพี่สาวหม่อมฉันเองเพคะ
ทัมด๊ก ทอดพระเนตร ซูจินี แบบ... คาดไม่ถึง


ซูจินี นั่งลงบนเก้าอี้ เพราะหมดแรงจะยืน ทัมด๊ก ทรงจับพนักเก้าอี้ตัวที่อยู่ใกล้ ซูจินี
ทัมด๊ก : เจ้าบอกว่า เด็กคนนั้นเป็นลูกของข้า ? และนางเป็นพี่สาวของเจ้า
ซูจินี : หม่อมฉันอยากให้มันเป็นเรื่องไม่จริง หม่อมฉันหวังว่า.........หม่อมฉันหวังเป็นอย่างมากว่า มันจะเป็นเรื่องไม่จริง
(ทัมด๊ก ทรงทอดพระเนตร ซูจินี นิ่งมาก หลังจากอ่านสารและทราบว่า อาจิ๊ก คือพระโอรส เดาไม่ถูกว่าทัมด๊ก ทรงรู้สึกอย่างไรแต่สำหรับตัวเอง รู้สึกว่า ทัมด๊ก ทรงรู้สึกว่าคาดไม่ถึงรวมทั้งผิดหวังในพระทัย ที่ซูจินี ไม่บอกความจริงแต่ต้น และทำให้เรื่องบานปลาย หากทรงทราบว่าเป็นพระโอรส ต้องทรงระมัดระวังเข้มงวดในการอารักขา เพราะมักจะทรงรอบคอบ สุขุม และ คิดป้องกันสถานการณ์ ที่เลวร้ายที่สุดไว้เสมอๆ หากท่านอื่นรู้สึกเป็นอย่างอื่น ก็ขออภัย แล้วแต่ความคิดของแต่ละท่าน)
ทัมด๊ก : เจ้าก็เลยคุ้มครอง อาจิ๊ก ตลอดเวลาที่ผ่านมาด้วยตัวของเจ้าเอง ข้าควรจะทำอย่างไร... ข้าจะพูดอย่างไรดี
ซูจินี พูดอะไรไม่ออก ไม่มีวาจาจะกราบทูลต่อ


ขุนพลโก กราบทูลว่า : ฝ่าบาท เราได้ตรวจดูทุกแห่งในป้อมแล้วแต่ไม่พบเขาเลยพะย่ะค่ะ
ชอโร : พวกนั้นคงจะออกไปจากป้อมแล้ว เราไม่พบร่องรอยของเขาเลย
ทัมด๊ก ทรงนิ่งเงียบกับคำทูลรายงาน


มีเสียงเป่าเขาสัตว์ดังขึ้น ฮยอนโก ฮยอนคง เงยหน้าขึ้น ฮยอนคงลุกขึ้นยืน : นั่นเป็นเสียงเป่าพร้อมรบ ฝ่าบาท ทรงเคลื่อนทัพ
ทัมด๊ก เสด็จเข้ามา : ข้ากำลังจะไปอาบูลันซา
ฮยอนโก : ฝ่าบาท


ทัมด๊ก : เราไม่มีเวลา เราจะวางแผนกันในระหว่างการเดินทาง
ฮยอนโก : ทำไมทรงเปลี่ยนพระทัย กระทันหันพะย่ะค่ะ ฝ่าบาท เคยตรัสว่าจะรอพวกนั้น ฝ่าบาทจะทรงรอจนกว่าพวกนั้นจะหมดความอดทน




ทัมด๊ก : ลูกชายของข้าถูกลักพาตัวไป
ฮยอนโก งง และจูมูชิ ทำตาปริบๆ
ทัมด๊ก : หัวใจของเขามีเลือดแห่งสวรรค์อยู่ และด้วยหัวใจดวงนั้น พวกนั้นสามารถปลดปล่อยอำนาจแห่งสวรรค์
ฮยอนโก ยืนอึ้ง
ที่หน้าประตูปราสาท
ฮีกแก ที่ชราผมขาวประปราย ลงจากหลังม้าอย่างยากลำบาก ดัลโกที่มีหนวดเฟิ้ม ต้องคอยรับท่านพ่อพยุง ลงจากหลังม้า


ฮีกแก : ข้าได้ยินว่าฝ่าบาทกำลังจะไปสงคราม ข้าจะนั่งเฉยๆ ในชิลลาได้อย่างไร ข้าหมดความอดทนถึงได้กลับมา (พอพูดเราจะเห็นว่าฮีกแกฟันหลอเชียว) นั่นเสียงเป่าเขาอะไร เรากำลังจะไปสงครามหรือ
ฮยอนคง จดบันทึกว่า ด้วยทหารของ แม่ทัพฮีกแก เวลานี้ทำให้ฝ่าบาททรงมีทหารทั้งสิ้นสี่หมื่นนาย ในขณะที่ศัตรูมีกำลังทหารหนึ่งแสนนาย แม้เราจะมีทหารน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของศัตรู แต่ขวัญและกำลังใจของทหารโคคุเรียว ฮึกเหิม นี่เป็นสงครามที่ยิ่งใหญ่ กษัตริย์จูชิน ทรงกำลังไปทวงคืนอำนาจแห่งสวรรค์

ที่ วัดอาบูลันชา ที่ลานกว้างที่ตั้งของแท่งหิน
โซคีฮา เดินมากับยอนโฮแก (ตอนแรกก็ใจหาย นึกว่า ทั้งคู่ อยู่แบบเป็นคู่ครองกันแล้ว)
โซคีฮา บอกกับยอนโฮแก : มันเกือบจะสำเร็จแล้ว ไปเอาหัวใจของ ทัมด๊ก มา ข้าจะช่วยท่าน
ยอนโฮแก : ถ้าหัวใจของกษัตริย์จูชิน สามารถดึงอำนาจจากสวรรค์
โซคีฮา : ทำมันก่อนที่ผู้อาวุโสจะทำ เอาอำนาจมาให้กับตัวท่านเอง
ยอนโฮแกเหลือบสายตามองเบื้องบน : ท่านต้องการให้ข้าได้อำนาจแห่งสวรรค์หรือ ?
โซคีฮา ไม่ตอบ
ยอนโฮแก : ข้าสงสัยเสมอมาว่า ท่านจะตายไปพร้อมกับเขาหรือ?.
โซคีฮา หลับตา ทำท่าเหมือนจะระบายสิ่งที่อัดแน่นในอก ออกมา
ยอนโฮแก : เหมือนครั้งที่ท่านแทงดาบศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่หัวใจของเขา ข้าจะทำอย่างไรที่จะรักษาชีวิตของท่านได้บ้าง(หน้าตา ยอนโฮแก เศร้าสร้อย)
โซคีฮา น้ำตาปริ่มดวงตา แล้วก็ไหลรินลงมา ยิ้มให้ ยอนโฮแก : เขาพูดกันว่า คนที่ได้ครอบครองอำนาจแห่งสวรรค์จะมีชีวิตที่เป็นอมตะ ท่านจะรอข้าไหม หลังจากข้าปลดปล่อย ความขมขื่นในชีวิตนี้ไป เราจะพบกันอีกครั้ง เอื้อมเอาฝ่ามือตัวเอง วางทาบที่หัวใจของยอนโฮแกหลับตาลง สัญญากับข้าสิ ..
ยอน โฮแก วางมือตัวเองซ้อนทับลงไป บนมือของโซคีฮา และหัวใจของตัวเอง
โซคีฮา ค่อย ๆดึงมือตัวเองออกมา ยอนโฮแก ค้างมือตัวเองไว้ที่เดิม อีกครู่หนึ่ง ( เหมือนอยากเก็บรอยอุ่นแห่งไอมือของโซคีฮาให้ตราตรึงแนบแน่นในหัวใจตลอดไป เป็นพลังในการเข้าสู่สงคราม กับผู้ที่ ยอนโฮแก ยอมรับว่า คนคนนั้นกษัตริย์ จุชิน มิใช่แค่กัตริย์แห่งโคคุเรียวเท่านั้น)
แล้วยอนโฮแกก็ ตัดใจ เดินผ่านโซคีฮาออกไป แทจังโร ยืนมองทั้งคู่ อยู่ที่ชั้นบนสุดของบันได

ที่สมรภูมิรบ ทุ่งราบที่กว้างใหญ่ ไม่ไกลจาก วัด อาบูลันซา
ทัมด๊ก ทรงนำทหารมาประจันหน้ากับกองทหารยานและฮวาเซิน ที่ดูมากมาย เพราะมีจำนวนรวมเป็นแสน ในระยะห่าง
ทัมด๊ก ทรงม้า ประทับสงบนิ่ง ทหารของพระองค์ที่มีจำนวนน้อยกว่าทหารของศัตรูข้างหน้า น้อยกว่ามากแต่ทหารโคคุเรียวก็ไม่ประหวั่นพรั่นพรึง


ยอนโฮแก ที่วันนี้ก็ดูสง่างาม นั่งบนหลังม้า มองมายังทหารฝั่งโคคุเรียว เช่นกัน
แม่ทัพ ฮีกแก ตะโกนกราบทูล : ฝ่าบาท ทรงมีพระบัญชากับพวกเราเถิดพะย่ะค่ะ การเตรียมการของพวกเราเสร็จแล้ว พะย่ะค่ะ
ฮยอนโก พูด กับฮีกแก ไม่ดังนักว่า : มันไม่จริง เรามีอีกอย่างหนึ่งที่ต้องทำ แล้วหันไปกราบทูล ทัมด๊ก ว่า : หม่อมฉันพูดถูกไหมพะย่ะค่ะ


ทัมด๊ก ทรงชักม้าหันพระพักตร์กลับมา ยังกองทหารของพระองค์ ทรงมีพระราชดำรัสว่า : ศัตรูมีจำนวนมาก และเรามีคนน้อยกว่า แต่ พวกเราจะได้รับชัยชนะ ทำไมหรือ เพราะพวกเราไม่เคยรู้จักกับคำว่า พ่ายแพ้
ฮีกแกหัวเราะอวดฟันดำปี๋ ( ถ้าเป็นคนไทย ต้องว่า ฮีกแก กินหมากจนฟันดำปี๋ แต่ไม่รู้ว่า ฮีกแก ไปกินอะไรที่ชิลลามา ฟันท่านปู่แม่ทัพของจูมูชิ ถึงดำแบบนี้ ก่อนไปชิลลาตามพระบัญชา ฟันท่านปู่ก็ยังดูดีอยู่นี่นา)
แล้วทหารทุกคนในแถวหน้า ก็พากันหัวเราะ และ หัวเราะ ตาม ๆกัน


ทัมด๊ก ทรงแย้มพระโอษฐ์ (ยิ้ม) (ถ้าทรงพระสรวล ก็ หัวเราะ)
ข้าจะอยู่ข้างหน้าเจ้า ขี่ม้านำหน้าไปยังศัตรู ตามข้ามา อย่าคลาดสายตาไปจากข้า ทำให้ดี
ทหารรับคำอย่างฮืกเหิม
ทัมด๊ก : ทหารของข้า พี่น้องของข้า
ทหาร : พะย่ะค่ะ ฝ่าบาท
ทัมด๊ก : เจ้าเห็นข้าอยู่ข้างหน้าเจ้าไหม
ทหารพากันโห่ร้อง
ทัมด๊ก ทรงชักม้านำหน้ากองทหาร
ฮยอนโก หันไปทางพวกโคมิล : ถึงเวลาแล้ว ศิษย์ ทุกคนค้อมหัวรับคำ
ฮีกแก : พร้อมไหม ทหารร้องรับ พร้อม จูมูชิ ชอโร ซูจินี ในท่าพร้อมแล้วเช่นกัน
ทัมด๊ก ทรงสวมพระมาลาเหล็กเกราะ แล้วทรงชักพระแสงดาบออกจากฝัก ทหารทุกคนชักดาบออกพร้อมเพรียงกัน
ทัมด๊ก ทรงกระตุ้นม้า ส่งพระสุรเสียงตะโกนก้อง สั่ง โจมตี ม้าทรงโลดทะยานไปข้างหน้า นำหน้ากองทหารโคคุเรียว ทรนง องอาจ สง่างาม น่าเกรงขามในพระบารมี
ทหารโคคุเรียวบุกเข้าหากองทัพ เป็นแสนข้างหน้าอย่างฮีกเหิม ไม่พรั่นพรึง ทหารยานและฮวาเซินล้มตายมากมาย


ที่วัดอาบูลันซา
แทจังโร : ภายใต้แท่งหินคืออำนาจแห่งสวรรค์ อำนาจนั้นกำลังจะกลับคืนมายังเผ่าเสือ เรารอคอยเวลานี้มานานแสนนาน
มีผู้ใหญ่ของเผ่านำกล่องสัญลักษณ์มาค้อมตัวส่งให้ โซคีฮา โซคีฮา เปิดฝากล่อง ค่อยๆ เรียงสัญลักษณ์ทีละชิ้นวางลงบนแท่นหินตรงหน้าแท่งหิน สัญลักษณ์เสือขาว มังกรน้ำเงิน ฟินิกซ์ ไม้เท้าที่แสดงอิทธิฤทธิ์ ย่อเหลือเป็นแท่งหินสัญลักษณ์สั้นๆ แทจังโร ใช้สายตาจับจ้องสัญลักษณ์ทั่งสี่


โซคีฮารำลึก ถึงเหตุการณ์ของตนเองกับ ทัมด๊ก มากมาย
ทัมด๊กจับมือโซคีฮา คืนนั้น ที่หมู่บ้านผู้ลี้ภัย โซคีฮาทรุดตัวลงกอด ทัมด๊ก
ทรงจำคืนนั้นได้ไหมเพคะ
ข้าลืมคืนนั้นไปนานแล้ว
ตอนนี้มันจบแล้ว
ทัมด๊ก ท่ามกลางสายฝน สู้กับทหารฮวาเซินไปมองโซคีฮาไป
โซคีฮา เอื้อมมือจะหยุดทัมด๊กที่อารามหลวงในวันทดสอบดาบพิพากษา คาอูริ
โซคีฮา เอาพระแสงดาบ แทงที่พระหทัยของ ทัมด๊ก
โซคีฮา ดึงพระแสงดาบจูมง ออกจากพระอุระ กษัตริย์หยาง ต่างองค์ ต่างคนกระเด็นออกมา
โซคีฮา ที่จะฆ่าตัวตายที่หน้าผา
พระโอรส ในครรภ์ โซคีฮา แสดง บุญญาธิการ โอรสแห่งสวรรค์
ทัมด๊ก ทรงใช้พระแสงดาบตัดเชือกกั้นที่ขึงหน้าประตูอารามชั้นนอก ขาดสะบั้น

ในสนามรบ
ทัมด๊ก ฆ่า ทหารยานและฮวาเซิน ล้มตายมากมาย
ยอนโฮแก ยืนม้านิ่งดูทหารยานและฮวาเซินล้มตาย นานพอสมควร ก็กระตุ้นม้าเข้าสู่การต่อสู้
ในที่สุด... ฮีกแก ก็ถูกดาบของศัตรูพลัดตกหลังม้า ทำท่าทางอ้าปากจะเรียกฝ่าบาท แต่ไม่มีเสียง(ที่พวกเราเคยคุ้น)เล็ดลอดออกมาได้เสียแล้ว ฮีกแกขาดใจตายที่พื้นของสนามรบนั่นเอง


ซูจินี แอบหนีเข้ามาในวัดอาบูลันซา ฆ่า ฮวาเซินไปหลายคน จนมาถึงลานแท่งหิน
โซคีฮา ยืนที่หน้าแท่นหิน
แทจังโร (ผมทรงพังค์ เห็นแล้วเปรี้ยวจนเข็ดฟัน ) รับความรู้สึกว่า มีผู้บุกรุกเข้ามาที่อาบูลันซาหันไปสั่งทหารว่า : อย่าปล่อยให้ใครเข้ามา อย่าปล่อยให้ใครเข้ามาขัดขวาง ทหารฮวาเซิน กรู กันออกไปตามคำสั่ง แทจังโรหมุนตัวกลับ เข้าไปข้างใน
ซูจินี ยิงธนูฆ่าฮวานเซินไปหลายคน
แทจังโรจูงอาจิ๊กออกมา เอามือวางบนกระหม่อมของอาจิ๊ก บอกกับโซคีฮาว่า : เราไม่มีเวลาที่จะเสียอีกแล้ว ทัมด๊ก ได้ฝ่าเข้ามาถึงแนวป้องกันสุดท้ายแล้ว
โซคีฮาหันมา มองเห็นเด็กผู้ชาย ก็ค่อยๆ ก้าวเข้ามาหา : เด็กคนนั้น.....เสียงสั่นเครือ ...เด็กคนนั้นเป็นใคร ...ข้าถามท่านว่า เด็กคนนั้นเป็นใคร..
แทจังโร : เราได้รอคอยเวลานี้มากว่า สองพันปี เอามือออกจากกระหม่อมของอาจิ๊ก ขยุ้มเสื้อที่ไหล่อาจิ๊กแทน แล้วออกแรงผลักอาจิ๊ก ให้เดินลงบันไดมาหาโซคีฮา อาจิ๊กแหงนหน้ามองแทจังโร แล้วก็เดินลงบันได มา ทีละขั้น ทีละขั้น....
โซคีฮา ก็ค่อยๆ เดินเข้ามาหาอาจิ๊ก
แทจังโร : กลับสู่สติของเจ้า นักพรตหญิงแห่งไฟ ตอนนี้แม้แต่โฮแก ก็ไม่สามารถนำเอาหัวใจของกษัตริย์จูชินมาได้ ยกมือชี้ไปที่อาจิ๊ก เด็กคนนี้มีสายเลือดเป็นทายาทที่แท้จริง
อาจิ๊ก มองโซคีฮา ตาแป๋วแหว๋ว บริสุทธิ์
โซคีฮา น้ำตาเริ่มปริ่มขอบตา อีกแล้ว เลือดแห่งทายาทที่แท้จริง
แทจังโร : เขามีสายเลือดแห่งสวรรค์ของพ่อ และสายเลือดของโลกมนุษย์ทางแม่
โซคีฮา : เลือดแห่งทายาทที่แท้จริง ทรุดตัวลงกอดอาจิ๊ก ที่แหงนมองโซคีฮา ตาแป๋ว โซคีฮา มองอาจิ๊ก น้ำตาไหล..อาจจะเป็น ...เด็กคนนี้อาจจะเป็น...? กอดอาจิ๊กน้ำตาร่วง สองมือประคองหน้าอาจิ๊กไว้ มองหน้าอาจิ๊ก แล้วก็กอดอาจิ๊กร้องไห้
แทจังโร : ข้าไม่มีพลังจะทำร้ายเด็กคนนี้ได้ แต่ชีวิตมนุษย์เล็กๆคนหนึ่ง เป็นแค่การจุดประกายเท่านั้น ..แล้วก็เดินลงขั้นบันไดมา พูดต่อว่า : เราไม่สามารถเปรียบเทียบกับสองพันปีที่เราเฝ้ารอคอยเวลานี้ เด็กคนนี้จะดีใจสักเพียงใด ที่ชีวิตของเขาสามารถแลกเปลี่ยนกับอำนาจแห่งสวรรค์ได้ ทำเสียงเข้มขึ้นแบบบังคับ คีฮา.. เร่งเปิดหัวใจเด็กคนนี้สิ
โซคีฮา น้ำตาร่วงพรู เงยหน้ามองแทจังโร ส่ายหน้า เสียงสั่นเครือ : ท่านกำลังขอให้ข้าที่เป็นแม่ของเขา ควักเอาหัวใจของเขาออกมา
แทจังโร : ถ้าหากเป็นข้า ข้าจะยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เสียสละชีวิตของตัวเอง
พูดได้แค่นี้ก็หันหลังกลับ เพราะมีลูกธนูยิงใส่ข้างหลังของ แทจังโร
ซูจินี เข้ามาถึงลานพอดี กระโดดลอยตัวลงมาพร้อมกับลูกธนูที่เสียบหลัง แทจังโร
ซูจินี ตะโกน : อย่าฆ่าเขา แล้วง้างธนูเตรียมพร้อมอีก อาจี๊กหมุนตัวกลับ ยิ้มให้ท่านน้า โซคีฮา รีบดึงลูกมากอดไว้แน่น แทจังโร ดึงเอาธนูออกจากตัวเอง
ซูจินี ละสายตาจากแทจังโร เหลียวมาทางโซคีฮา บอกว่า : เด็กคนนั้นเป็นลูกของพี่
โซคีฮา ทวน คำ ..พี่
ซูจินี หันมามอง แทจังโร ปากก็ขอร้องโซคีฮา ว่า : อย่าทำร้ายเขา และเตรียมปล่อยลูกธนู แต่แทจังโรเอาลูกธนูที่ดึงออกมาขว้างใส่ ซูจินี ล้มลงเพราะพลังแรงของ แทจังโร กระบอกใส่ลูกธนูหลุดออกจากตัว ซูจินี บาดเจ็บ
แทจังโรหมุนตัวทำท่าครุ่นคิด โซคีฮา กอดลูกแน่น เมื่อแทจังโร กระโดดลอยตัวขึ้นสูงพุ่งลงมาหา
โซคีฮา เอาหลังหันให้แทจังโร ปกป้องเอาตัวเองคร่อมร่าง อาจิ๊ก จากเงื้อมมือ แทจังโร
กลายเป็นว่า แทจังโร กระโดดเข้าสิงในร่างของโซคีฮา

ยอนโฮแก ฆ่าทหารโคคุเรียว บุกไปจนพบขุนพลโกที่ลงจากหลังม้ากำลังฆ่าทหาร ยานและฮวาเซิน ยอนโฮแกมองเขม็งแล้วก็ยกทวนเตรียมท่ามั่น แล้วทวนก็พุ่งเข้าใส่ขุนพลโกเต็มแรง ยอนโฮแก ดึงทวนออกมา ขุนพลโก พยายามหันหน้าไปทาง ทัมด๊ก ทัมด๊ก ทอดพระเนตรเห็นพอดี ทรงถอดพระมาลาเหล็กเกราะออก ตลึง กับภาพที่ทอดพระเนตร ขุนพลโกทรุดกองลงที่พื้น ทัมด๊ก ตลุยฆ่าทหารของศัตรูที่ขวางทางจนมาถึงขุนพลโก ทรงเข้าไปประคองขุนพลโก ตรัสเรียก แม่ทัพโก .. ขุนพลโก พยายามเอ่ยเรียก : ฝ่าบาท สายตามอง ทัมด๊ก เหมือนขอกราบถวายบังคมทูลลา (หม่อมฉันไม่มีโอกาสจะได้รับใช้เบื้องพระยุคลบาทของพระองค์อีกต่อไปแล้ว) แล้วก็สิ้นใจ ในอ้อมพระกร ของทัมด๊ก( เศร้าจัง..... กับภาพนี้)
ทัมด๊ก ทรงพระกรรแสง เสียพระทัยสุดซึ้ง ทอดพระเนตรไปที่ ยอนโฮแก ยอนโฮแก เงื้อทวนขึ้นอีกครั้งเป้าหมายคราวนี้คือ ทัมด๊ก ทัมด๊ก ทรงประทับยืนขึ้น ยอนโฮแก กระตุ้นม้าเข้าใส่ ทัมด๊ก ทรงจับทวนของยอนโฮแกได้ทรงยึดไว้โดยแรงจน ยอนโฮแกเสียหลักตกลงจากหลังม้าลงมาที่ข้างศพขุนพลโก พยุงตัวลุกขึ้นมา ทัมด๊ก ทรงแค้นพระทัยสุดสุด เงื้อทวนของ ยอนโฮแก แล้วพุ่งทวนเสียบท้อง ยอนโฮแก ทรงเสียพระทัยครั้งที่สอง ที่ต้องทำเช่นนี้กับยอนโฮแก ผู้ซึ่ง ทัมด๊ก ถือเป็นพระสหายมาตลอด.... จนถึงวันนี้
สายพระเนตรที่ทรงทอดมองยอนโฮแก บอกความรู้สึกในพระทัยในขณะนั้น ยอนโฮแก เงยหน้ามองทัมด๊ก เช่นกัน ตาแดงกล่ำ ทั้งคู่มองกัน แล้ว ยอนโฮแก ก็น้ำตาคลอและล้มลงขาดใจตาย ทัมด๊ก ทรงเสียพระทัยกับทั้งขุนพลโก ขุนศีก ที่จงรัก ภักดี เทิดทูน และเป็นผู้รู้พระทัย พระองค์ ที่สุด และเสียพระทัย ที่ต้องฆ่า ยอนโฮแก เพื่อตอบแทน ให้กับความตายของขุนพลโก ทรงหันไปทอดพระเนตร จูมูชิ และชอโร
( คิดว่า ถ้ายอนโฮแก ไม่เป็นคนฆ่าขุนพลโก ทัมด๊ก คงไม่ฆ่า ยอนโฮแก ...ไหมคะ)

ในวัดอาบูลันซา
แทจังโร ที่สิงอยู่ในตัวโซคีฮา อุ้มอาจิ๊กที่สลบไสล (จะว่าหลับก็ไม่น่าใช่ แต่นอนเฉยมาก)วางนอนบนแท่นหิน ที่วางสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งสี่ไว้ หน้าแท่งหิน
แต่เมื่อยกดาบจะแทงที่หัวใจ อาจิ๊ก จิตใจที่เป็น โซคีฮา ก็ขัดขวางไว้ แทจังโร และ โซคีฮา ต่อสู้กันอยู่ภายในร่างกายของ โซคีฮา เมื่อ พลัง แทจังโร แรงกว่า ก็เข้าหาอาจิ๊ก พยามจะใช้ดาบแทงที่หัวใจ จิตใจ โซคีฮา ที่รักลูก ปกป้องลูก ก็จะทำให้ถอยออกมา ซูจินี ลุกขึ้นมาได้ ก็ตะโกน ว่า พี่..อย่า...วิ่งเข้ามาหา โซคีฮา ดึง โซคีฮา ออกมาจากอาจิ๊ก แทจังโร ที่สิงอยู่ เอามือซัด ซูจินี กระเด็นไปอีก โซคีฮาเห็นน้องกระเด็น ก็ตกใจ พลังจิตก็อ่อนลง แพ้ พลัง แทจังโร แทจังโร กระโดด สะบัดตัว ยกดาบจะแทงอาจิ๊ก ซูจินี โผเข้าไปหา ถูก แทจังโร บีบคอและเอาดาบจะเชือดคอ แล้ว โซคีฮา ก็แว่วเสียงท่านแม่ .... คีฮา เด็กคนนี้เป็นน้องสาวของเจ้า และเจ้าก็เป็นพี่สาว ดาบก็เบนออกจาก ซูจินี แต่ครู่เดียวก็โผเข้าหา ซูจินี ใหม่จะเชือดคอ ซูจินีอีก ในที่สุด แทจังโรใ นร่าง โซคีฮา ก็เหวี่ยง ซูจินี ไปทางแท่นหิน ซูจินี รีบเข้าไปจะอุ้มอาจิ๊กออกมา แทจังโร ก็บังคับ โซคีฮา จับ ซูจินีเหวี่ยงออกไปใหม่ล้มลงกองบนพื้น ซูจินี ชักดาบเข้าหาโซคีฮา กลายเป็น แทจังโร จับดาบ ซูจินีไว้ แล้วก็กลายเป็นโซคีฮา สะบัด ซูจินี อย่างแรง กระเด็นลอยไปล้มหงายหลังที่ขั้นบันได โซคีฮา มองน้องอย่างสงสาร แล้วก็กลายเป็น แทจังโรหันมาทางอาจิ๊ก โซคีฮาพยายามต้านพลัง แทจังโรไว้ พลังของ แทจังโร พยายามกดดาบลงที่อาจิ๊ก คมคาบพลาดเป้าหัวใจของ อาจิ๊ก ปลายดาบกรีดนิ้วมือของ อาจิ๊ก ทีละนิ้ว ทีละนิ้ว มีเลือด ค่อยๆ หยด ออกมา โซคีฮา ตะโกน ไม่....


พอเห็นเลือดของ อาจิ๊ก ติดปลายดาบ และที่นิ้วมืออาจิ๊ก โซคีฮา ก็กรีดร้องก้อง มีพลังสลัด แทจังโร กระเด็น ออกจากร่างของตัวเองออกไปไกล โซคีฮา ร้องไห้ สายตาแดงก่ำ และเริ่มนัยน์ตาแข็งทื่อ...
เมฆ บนท้องฟ้าเคลื่อนตัว มารวมกันมืดคลื้ม แล้วทันใดนั้น โซคีฮา ก็มีไฟลุกท่วมตัว ลอยตัวขึ้นสู่เบื้องบนหน้าแท่งหิน ส่วน แทจังโร ยังจุก กับการสลัด โดยแรงของ โซคีฮา และกระเด็นออกมาไกล ซูจินี ลุกขึ้นได้พอดี โผเข้าอุ้ม อาจิ๊ก ออกมาจากแท่นหิน หลบไปด้านข้าง มีเปลวเพลิงระเบิดโหมกระจายในบริเวณนี้ ทัมด๊ก เสด็จมาถึงพอดี ทรงโอบซูจินีและอาจิ๊ก เอาพระปฤษฏางค์ กั้นบังพลังเพลิง ได้ทันการ
ซูจินี เงยหน้ามอง ทัมด๊ก ทัมด๊ก ทอดพระเนตร ซูจินี ชำเลืองพระเนตร ไปที่ อาจิ๊ก ที่ยังหลับตาซบ ซูจินี อยู่ แล้วทรงหันมาทาง โซคีฮา เสด็จประทับยืนหน้า โซคีฮา ที่ลอยอยู่เบื้องบน
หยดเลือดของ อาจิ๊ก ค่อยๆรวมตัวกัน และค่อยๆไหลไปถูก ไม้เท้า และสัญลักษณ์อื่นๆทีละอย่าง
ในพระหัตถ์ของ ทัมด๊ก มีด้ามพระแสงดาบกษัตริย์จูมง ทรงกำไว้แน่น แล้วทรงหันไปทาง แทจังโร
แทจังโร ที่ลุกขึ้นยืนได้แล้ว ค่อยๆกางสองมือออก มีมนต์ดำ เป็นสายลอยออกมาจากมือทั้งสองข้าง
เลือด อาจิ๊ก ไหลไปถูกสัญลักษณ์เสือขาว สัญลักษณ์ชิ้นสุดท้าย ที่ถูกเลือดของ อาจิ๊ก
ด้ามพระแสงดาบกษัตริย์จูมงเปล่งประกายรัศมีสีขาว
แทจังโร กระโดดลอยตัวขึ้นสูง พุ่งลงมาหา ทัมด๊ก ด้ามพระแสงดาบหายไป กลายเป็นเพียงรัศมี เจิดจ้าในฝ่าพระหัตถ์ของ ทัมด๊ก ทรงใช้ฝ่าพระหัตถ์นี้ปะทะ หน้าอก แทจังโร ที่ลอยเข้ามาถึงพระองค์ ที่บริเวณหัวใจของ แทจังโร แทจังโร กัดฟันสู้ เกร็งพละกำลังทั้งหมดที่มีอยู่ในตัว ทัมด๊ก ทรงบิดพระหัตถ์นิดหนึ่ง แทจังโร ก็ส่งเสียงคำรามและร้องลั่น หน้าตาบิดเบี้ยว เหยเก ทัมด๊ก ทรงออกแรงกระแทกใส่ พลัน แทจังโร ก็ระเบิดกระจุยเป็นเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อย เป็นจุดดำๆ แล้วกลายเป็นควันสายดำๆ รวมตัว ลอยเข้ามาสู่ รัศมีสีขาวของด้ามพระแสงดาบในพระหัตถ์ของ ทัมด๊ก

ผู้เฒ่าเผ่าเสือที่ยืนยงอยู่กับกาลเวลาที่เนิ่นนาน จนนับเวลาไม่ได้ ว่านานเท่าไรแล้ว แทจังโร ผู้ซึ่งไม่รู้จักความตาย ก็ได้หลุดพ้น คำสาปที่เคยขโมยไฟในอดีตกาล ไปเสวยผลกรรมที่ สั่งสมไว้ นานแสนนานในปรโลก
อย่างไรเสีย ซาตานผีร้ายก็ต้องพ่ายแพ้ เทพเจ้าแห่งสรวงสวรรค์ อยู่วันยังค่ำ ธรรมย่อยชนะอธรรม เป็นความจริงแท้แน่นอน

ทัมด๊ก ทรงหันมาทาง โซคีฮา โซ คีฮา ลืมตามอง ทัมด๊ก น้ำตาคลอเศร้าสร้อย เมื่อหลับตาน้ำตาก็ร่วงริน แล้วก็ลืมตาขึ้นมาใหม่
ทัมด๊ก มีน้ำพระเนตรเสียพระทัย ทรงดำรัสกับ โซคีฮา ทางสายพระเนตร ไม่ได้ขยับพระโอษฐ์
คีฮา.. โปรดหยุดเถิด.. ถ้าเจ้าไม่... ข้า..จำเป็นต้องทำ
โซคีฮา น้ำตาไหล มอง อาจิ๊ก ที่หลับตาพรื้มบนไหล่ ซูจินี มองลูก มองน้องแล้วยิ้มให้นิดๆทั้งน้ำตาแล้วหลับตาลง
ทัมด๊ก ทอดพระเนตรอีกครู่ ทรงยกพระหัตถ์ซ้ายที่มีด้ามพระแสงดาบของกษัตริย์จูมง ขึ้น ทรงยกค้างไว้ โซคีฮา ลืมตามอง ทัมด๊ก ชั่วครู่ด้ามพระแสงดาบก็กลายเป็นคันธนูศักดิ์สิทธิ์ ส่องประกายรัศมีสว่างวาบ มีเพียงคันธนูและสายธนู ยังไม่มีลูกธนู แล้ว ทัมด๊ก ทรงเปลี่ยนพระทัยลดคันธนูลง
ซูจินี เดินมาหา ทัมด๊ก ที่ด้านพระปฤษฎางค์ กราบทูลว่า : โปรดหยุดนางก่อนที่สายเกินไป (คีฮา ยังไม่กลายเป็นฟินิกซ์ ที่จะบินโฉบตรงโน้นตรงนี้)
ทัมด๊ก ทรงหันพระพักตร์ไปทาง ซูจินี ทอดพระเนตรนิ่งแล้วตรัสว่า : ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าข้าควรจะทำอย่างไร
ทรงทอดพระเนตรแล้วทรงหันไปทางโซคีฮา ดำรัสว่า : เพราะข้าไม่เชื่อเจ้า คีฮา.. อภัยให้ข้าด้วย...
ทรงก้มลงทอดพระเนตรด้ามพระแสงดาบในพระหัตถ์ ใช้พระหัตถ์ขวาอีกข้างหักด้ามพระแสงดาบออกจากกัน ซึ่งหักลงได้อย่างง่ายดาย (ก็ทรงเป็นเทพ)


ในสมรภูมิรบ
ผู้พิทักษ์ทุกคนสะดุ้งสุดตัว
ฮยอนโก สะดุ้งสุดตัว หงายหลังแล้วกลับหน้าคะมำลงมา จูมูชิ รู้สึกเจ็บที่หัวใจ ยกมือขึ้นมากุมหน้าอกบริเวณหัวใจของตัวเอง หงายหลัง แล้วคว่ำหน้าลง เซไปเซมา และชอโร ที่ต้อง ล้มตัวเกือบแนบกับอานม้า มีอาการเจ็บปวดสุด สุด เช่นกัน ใช้ทวนเหวี่ยงฟาด ทหารศัตรู แบบไร้ทิศทาง แล้วทันใดนั้น สัญลักษณ์ทั้งสี่ ที่แท่นหิน ก็มลายหายวับไปจากแท่นหิน รวมทั้งด้ามพระแสงดาบในพระหัตถ์ของ ทัมด๊ก ก็สลายหายไปด้วย

โซคีฮา หลับตาหงายหน้าขึ้น
ทัมด๊ก ทรงทอดพระเนตรขึ้นไปเบื้องบน ตรัสว่า :ใครๆก็ทำผิดกันได้ ข้าจะบอกสิ่งนี้กับสวรรค์ นี่คือสิ่งที่มนุษย์เป็น มนุษย์ย่อมมีความผิดพลาดของตัวเองและได้เรียนรู้จากความโง่เขลาก่อน แล้วจึงแก้ไขความผิดพลาดนั้น
ซูจินี มองทัมด๊ก มองโซคีฮา มีหลานชายหลับซบไหล่


ทัมด๊ก น้ำพระเนตรใกล้จะหยดลงมาทรงมีพระดำรัสต่อว่า : นี่คือสิ่งที่สวรรค์กำลังถามเราอยู่ในเวลานี้
เราจะยืนด้วยตัวเราเองได้หรือไม่ หรือว่า........ เราต้องการให้สวรรค์ปกครองเรา ? ( เรา=ทรงหมายถึงมนุษย์ )
ทัมด๊ก ลดสายพระเนตรลง ทอดพระเนตรตรงไปเบื้องหน้า


น้ำพระเนตรไหล : กษัตริย์จูชินได้รับเลือกให้ตอบคำถามนั้น นั่นคือความรับผิดชอบของเขา น้ำพระเนตรไหลทั้งสองดวงพระเนตร : และนี่คือคำตอบของข้า ข้าเชื่อในมนุษย์ ข้าเชื่อว่าชนชาติจูชินจะได้รับชัยชนะ สิ่งใดที่ข้าไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ ข้าเชื่อว่าทายาทของข้าจะทำได้


ข้าจะคืนอำนาจให้กับสวรรค์ดังนั้น ...ทรงหยุดดำรัส... เวลานี้..ทุกอย่างไม่เป็นไรแล้ว ทรงทอดพระเนตร โซคีฮา แล้วทรงเหลียวไปทอดพระเนตร ซูจินี และอาจิ๊ก แล้วทรงพระราชดำเนินเข้าหาแท่งหิน ที่ส่องประกายสว่างจ้าค่อยๆ ลับพระองค์หายเข้าไปในแสงสว่างนั้น
ซูจินี ได้แต่มองอ้ำอึ้ง ตะลึงแล เหมือนต้องมนต์ แล้วแสงสว่างที่แท่งหินนั้นก็เลือนหายไป


แท่งหินที่ตั้งอยู่ มีอักษรโบราณสลักข้อความเต็มแท่งหิน
กษัตริย์จูมงทรงเป็นผู้ก่อตั้งโคคุเรียว พระบิดาคือโอรสแห่งสวรรค์และพระมารดาคือธิดาแห่งสายน้ำ
และยังมีกษัตริย์องค์ที่ 19 ของโคคุเรียว ขึ้นครองราชย์ด้วยความสงบสุข ทรงขยายอาณาจักร ทรงเป็น กษัตริย์อันเป็นที่รัก ดังนั้นจึงได้รับการยกย่องให้เป็น ควางแกโท หมายถึงมหาราชแห่งสันติสุข คุณงามความดีและความสง่างามของพระองค์ ได้ขจรไกลไปถึงสวรรค์ การเกื้อหนุนของพระองค์ ได้ขยายไปทั่วโลก ไพร่ฟ้าประชาชนของพระองค์ อยู่อย่างสงบสุข และอาณาจักรของพระองค์เติบโตอย่างมั่งคั่ง ประชาชนมีความสุขสบาย อาณาจักรของพระองค์รวมเป็นหนึ่งอย่างแท้จริง
บางคนกล่าวว่า ทรงตัดอำนาจแห่งสวรรค์
แต่บางคนกล่าวว่า ทรงตัดเครื่องผูกมัดออก และปลดปล่อยมนุษย์ให้เป็นอิสระ
ความจริงไม่มีใครล่วงรู้ได้ แต่เหล่านี้เป็นพระราชดำรัสของพระองค์ ซึ่งได้ถ่ายทอดผ่านมาทางประวัติศาสตร์
เวลานี้คนที่รอคอยไม่ใช่มนุษย์ แต่หากเป็นสวรรค์
ถ้าท่านหันกลับไปมอง
สวรรค์อยู่ ณ ตรงนั้น


ปีที่ 14 แห่งรัชสมัย ยองนัก โจมตียาน ได้มาซึ่งสิทธิในการค้าขายระหว่างชาติ
ปีที่17 แห่งรัชสมัย ยองนัก อาณาจักรยานล่มสลาย มีการก่อตั้งยานเหนือ
ปีที่ 19 แห่งรัชสมัย ยองนัก ทรงส่งบรรณาการไปยังยาน กษัตริย์โกอูนรับรองโคคุเรียวในฐานะเมืองพี่
ปีที่ 20 แห่งรัชสมัย ยองนัก ทรงปราบพูยอตะวันออก ได้ป้อมปราการ 64 แห่ง และหมู่บ้าน 1, 400 แห่ง
ปีที่ 23 แห่งรัชสมัย ยองนัก มหาราช ควางแกโท เสด็จสวรรคต


จบค่ะ
เป็นตอนจบที่ค้างคาใจ ผู้ชม เป็นจำนวนมาก แต่ ก็มีข่าวของ คุณ gaulsan เล่าว่า คุณ ซงจีนา ได้ เขียน บทจบ ที่มีความแตกต่าง หลังจาก อาจิ๊ก ถูกลักพาตัวไป เป็นการจบที่ Happy ending แถมโยงมาถึง โลกยุค ประเทศ เกาหลี มีสนามบิน นานาซาติ อินชอน ตัวละคร ยุค ทัมด๊ก ปรากฏตัว หลายคนใน ลุคใหม่ ในข่าว ใช้ บทจบ มี 1/3 และ 2/3 ก็เลยสันนิษฐาน ว่า มีบทจบ ทั้งหมด 3 แบบ อย่างในละครที่ปรากฏทางหน้าจอ และ ใน blog ของคุณ ซงจีนา ที่ คุณ Gaulsan นำมาเสนอต่อ และ บทจบ ก่อนที่มีจะการเปลี่ยนแปลงสคริปต์ น่าจะเป็น บท จบ ที่มีการถ่ายทำไปแล้ว และ เกิดปัญหา เกี่ยวพัน กับความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศ
ที่ถ่ายทำไปแล้วก็ใช้ไม่ได้ ที่จะจบ แบบ Happy ก็ ไม่น่าจะเป็นเพราะมีปัญหาเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บ ของยงจุน เอาเถอะ นะคะ แค่จบ แบบในละคร พวกเราที่ได้เห็น อาการบาดเจ็บ ของยงจุน ก็ ทรมานใจ เจ็บปวด หัวใจ เป็นที่สุดแล้ว กับความตั้งใจจริง ของยงจุน ที่ทนรับความเจ็บปวด ที่จะแสดง ตอนจบ ให้พวกเรา ชมกัน เรื่องจะเป็นอย่าไร ก็ไร้ความหมายเสียแล้ว คงมีคนจำนวนมาก ที่คิดว่า ไม่ต้องจบก็ได้ ค้างไว้ จนกว่ายงจุน จะหายดี ซึ่งเคยมีประวัติ ของ MBC อยู่แล้ว ที่มีละคร ในระหว่างออนแอร์ ค้างเติ่ง จบไม่ได้ แต่ ยงจุนไม่ยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้ ขึ้น กับงานของยงจุน แน่นอน

ก่อนการถ่ายทำ ละครเรื่องนี้ ถูก ฟ้องร้อง เรื่องละเมิด ลิขสิทธิ์ จาก บริษัท การ์ตูน แต่ละคร ก็ชนะ เพราะเนื้อหาไม่เหมือนกัน รวมทั้งถูก นักประวัติศาสตร์ เกาหลี ฟ้องว่า บทละคร บิดเบือน ประวัติศาสตร์ แต่ละคร ก็ชนะ เพราะนี่ ไม่ใช่ละครประวัติศาสตร์ แถม ที่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุด คือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ละคร เรื่องนี้ มีอุปสรรค มากมาย จึงขอให้พวกเราทำใจว่า ดูละคร ย้อนยุคแบบ ละคร ทั่วๆ ไป เรื่องหนึ่ง ที่มี เนื้อหาสาระ เกี่ยวพันประวัติศาสตร์ ความเชื่อถือของคนเกาหลีโบราณ
ก็หวังว่า คงมีผู้ชมจำนวน มาก รู้สึกร่วมกันว่า ละคร เรื่องนี้ สนุกสนาน มีเนื้อหาสาระน่าสนใจมากมายอรรถรสที่ได้รับหลากหลายรสชาด



Copyright @ Amornbyj & SUE

Thursday, June 5, 2008

เรื่องย่อ ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ (ตอนอวสาน)


...ตอนที่24 (1)...

ทัมด๊ก เสด็จจนมาถึงตัว ซูจินี ตรัสถามว่า : ของในเกวียนนี้เป็นของเจ้าหรือ
ซูจินี ไม่ทูลตอบคำถาม ทรงถามต่อว่า : ล้อเกวียนหักหรือ แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปที่ล้อเกวียนที่เป็นปํญหา : ถ้าเราซ่อมตรงนี้มันจะใช้ได้อีก




ซูจินี : ได้ทรงโปรด ทรงโปรดทำเป็นไม่เห็นหม่อมฉัน แล้วเสด็จกลับไปเถิดเพคะ
ทัมด๊ก ละสายพระเนตรจากล้อเกวียน มาที่ ซูจินี
ซูจินี กราบทูลย้ำ : ปล่อยเราไป
ทัมด๊ก : ไม่…. ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปอีก

ซูจินี : หม่อมฉันอยู่กับฝ่าบาทไม่ได้ เพราะฉะนั้นทรงทำเป็นเห็นคนที่คล้ายผู้หญิงที่ฝ่าบาททรงเคยรู้จัก และปล่อยหม่อมฉันไป ก้มศีรษะถวายคำนับ หม่อมฉันจะไปเดี๋ยวนี้
ทัมด๊ก พระสุรเสียงเข้ม : ทำตามที่เจ้าต้องการ ถ้าเจ้าไม่ไปกับข้า เช่นนั้นข้าก็จะไปกับเจ้า สิ่งที่ข้าต้องการก็คือได้อยู่กับเจ้า
ซูจินี : แต่ฝ่าบาททรงเป็นกษัตริย์ ฝ่าบาทต้องประทับอยู่ที่วัง
ทัมด๊ก : จากนี้ไป ที่ใดมีเจ้า ที่นั่นคือวังของข้า



ทรงใช้พระบาท เตะล้อเกวียน โดยแรง : ตอนนี้เจ้าไปไหนไม่ได้อีกแล้ว ข้าจะไปเอาวังและทหารของข้ามาที่นี่ ทรงหันพระปฤษฎางค์ ทำเหมือนว่าจะไปทรงม้า พระราชดำเนิน ไปได้ไม่กี่ ก้าว ก็หยุดหมุนพระองค์กลับ ทรงกลับมากอด ซูจินี พลาง



ตรัสว่า : อย่าทำเช่นนี้เลยนะ ถ้าเจ้าเป็นฟินิกซ์ดำ และจะทำให้โลกลุกเป็นไฟถ้าเป็น เช่นนั้น ทำมันข้างๆข้า ข้าจะเป็นโล่ป้องกันให้เจ้าเอง
ซูจินี ซบลงที่พระอังสา (บ่า) ค่อยๆ ยกมือ โอบกอด รอบพระองค์ของ ทัมด๊ก น้ำตารินไหล



ทัมด๊ก : ได้โปรด เจ้าไม่ต้องไปไหนอีกแล้ว ทรงมีพระอัสสุชล เช่นกัน
( ฮือ ฮือ ตกลงว่า นี่เป็นฉากรัก หนึ่งเดียวของ ทัมด๊ก และซูจินี )




ที่หมู่บ้านนอกป้อม ฮยอนโด ของโคคุเรียว
ขุนพลโก ที่ชราลงมาก ถวายรายงานว่า : ทหาร 2 หมื่นนาย จาก 5หมื่นนาย ได้ข้ามทะเลตะวันออก สู่ ดินแดนของชิลลา ใช้ไม้ชี้แผนที่ ที่ทหารยกเข้ามา
กราบทูลรายงานต่อ : กองทหารที่เหลือจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ไปทางใต้ สู่คายาและญี่ปุ่น พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : อย่าปล่อยให้พวกเขา เข้าสู่สงครามเล็ก ๆน้อย
ขุนพลโก : ฝ่าบาทไม่ต้องทรงห่วง เรามี แม่ทัพฮีกแก เป็นแม่ทัพ พะย่ะค่ะ
จูมูชิ วิ่งเข้ามาเกาะโต๊ะทรงงาน ถามหา ซูจินี ว่า นางอยูที่ใด หม่อมฉันได้ยินว่า ทรงพบนางแล้ว
ทัมด๊ก ทรงพระสรวล
ส่วนเด็กน้อย ก็วิ่งซุกซนเอาไม้เท้าของ ฮยอนโกมาเล่น
ฮยอนโก วิ่งไล่ตาม ซูจินี กำลัง ทำอาหาร อยู่ ก็แกล้งถามว่า จะเอาไม้เท้ามาใส่ไฟหรือ คงลุกไหม้ดี ซูจินี รับไม้ มาจาก อาจิ๊ก และส่งคืนให้ ฮยอนโก แล้วก็บ่นอาจารย์ เหมือนเมื่อครั้งเป็นเด็ก ๆว่า ท่านจะวางสิ่งนี้ไว้เรี่ยราดได้หรือ
ฮยอนโก รับคืนมาตอบว่า : นี่เป็นของปลอม ของจริงอยู่ที่หมู่บ้านโคมิล : ข้าไม่มีความสามารถในการต่อสู้หรือขี่ม้าได้ดี ไม่มีอำนาจที่จะบังคับน้ำ ไม่สามารถอวดดีที่จะคุ้มครองสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ ข้าให้ความคุ้มครองไม่ได้แม้แต่ลูกศิษย์ ของตัวเอง ( โถ ลุงเต่าดำ น้อยใจตัวเองหรือนั่น) ซูจินี ถามถึงทุกคนว่าสบายดีหรือ น้ำตาคลอ เมื่อไม่มีข้า ท่านคงไม่ต้องมีปัญหาอะไรหรอกนะ
ฮยอนโก ดีใจที่พบศิษย์รัก ที่ตัวเองเป็นห่วงตลอดเวลา และหวังที่จะไม่ให้ใครได้พบซูจินี : นั่นเป็นทางเดียว ที่เจ้าจะอยู่ได้นาน
ซูจินี รู้ซึ้งถึงความรัก ความอ็นดู ที่ ฮยอนโก มีมาตลอด ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา รับคำว่า : ข้ารู้ แล้ว ฮยอนโก ก็ ทนไม่ไหวกับความสงสัยของตัวเอง ถามซูจินีว่า : เด็กคนนั้นเขาเป็นลูกใคร
ซูจินี : เขาเป็นลูกของพี่สาวข้า
ฮยอนโก แปลกใจกับการที่ ซูจินี มีพี่สาว ทวนคำว่า อะไรนะ.. .พี่สาว ของเจ้า
ซูจินี ย้ำอีกครั้งว่า ถูกต้องพี่สาวของข้า ไม่ทันที่ฮยอนโกจะได้ซักถามอะไร ต่อ
จูมูชิ ก็วิ่งผ่านมา และผ่านเลยไป แล้วก็วิ่งกลับมาใหม่ กางสองมือจะกอด ซูจินี แล้วชะงัก นึกขึ้นมาได้ที่ซูจินี ดูเป็นหญิงสาว ไม่เหมือนเดิม เปลี่ยนเป็นจับไหล่ ซูจินี หมุนไปรอบๆ : เป็นยังไง เวลานี้เจ้าดูเหมือนผู้หญิงเลยนะ
แต่ซูจินี กอด จูมูชิ แรงๆ ดังป้าบ ส่งยิ้มให้ ชอโร ที่ยืน กอดอก มองดูอยู่ ในมือถือทวนอย่างเคยต่างคนต่างยิ้มให้กันส่งคำทักทายว่าดีใจที่ได้พบกันอีกด้วยสายตา
ดัลโก เข้ามาถวายรายงานว่า ทหาร หนึ่งหมื่นห้าพันนายของยาน เข้าโจมตี ป้อมชิน และมุ่งหน้าไปทางเหนือ
ทหารที่อยู่ในบริเวณนั้นพากันหันมา
ขุนพลโก : หนึ่งหมื่นห้าพันนาย ก็ครึ่งหนึ่งของกองทัพพวกนั้น มันไม่แปลกหรือว่า พวกนั้นมุ่งหน้าไปทางเหนือ ในขณะที่เราอยู่ทางใต้ พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : จุดมุ่งหมายของพวกนั้น คือให้เราตามไปทางเหนือ
ขุนพลโก : ตามพวกนั้นไปไหน พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : เราจะรู้เมื่อเราตามพวกนั้นไป แต่ข้าไม่มีแผนการที่จะทำเช่นนั้น เพราะข้าได้รับรายงานมาว่า มันเป็นกับดัก
องครักษ์กัมดง มอง ทัมด๊ก แล้วค่อย ๆ เลี่ยงออกมา
ทัมด๊ก ทรงสั่งให้ดัลโก ไปคอรัล ส่งสาสน์ให้ กับข่าน อัตทิลา
ทัมด๊ก : มีคนบางคนกำลังใช้ทหารยาน สามหมื่นนาย เป็นเหยื่อ ข้าไม่คิดว่าสงครามครั้งนี้จะเป็นเพียงการเอาชนะป้อมปราการไม่กี่แห่ง



ขุนพลโก : ทหาร ห้า หมื่นนายของเรา กำลังมุ่งหน้าไปชิลลา หม่อมฉันจะเรียก พวกนั้นกลับมาบ้างไหม พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : มันสายไปแล้ว ถ้าเราเรียกทหารกลับมามากไป แพคเจ จะถือเป็นข้อได้เปรียบ รวบรวมทหารที่เหลือมาที่นี่ ทิ้งกองกำลังในป้อมไว้ทางตะวันตก แต่ที่เหลือต้องอยู่ที่นี่
จูมูชิ ยังคุยเรื่องราวของ ดัลบี ท้องให้ซูจินี และฮยอนโก ฟัง : เดือนหน้าข้าจะเป็นพ่อของลูกแฝดแล้ว เด็กน้อย อาจิ๊ก วิ่งมาชนกับองครักษ์ กัมดง อาจิ๊ก ก้มคำนับ ขอโทษ ถามว่า : ไม่เจ็บใช่ไหม แล้ววิ่งไปหาท่านน้า
ซูจินี : ดัลบีที่น่าสงสาร
ฮยอนโก : น่าสงสารจริงๆ
จูมูชิ ยังอยากคุยอวดต่อกับซูจินี : อะไร เจ้ารู้ไหมว่า นางได้รับความรักมากแค่ไหน นางสวย ทำอาหารเก่ง แล้วก็ฉลาด
องครักษ์ กัมดง ผละ ออกไปข้างนอก ฮยอนโก มองอย่างรู้สึกแปลก ๆ
องครักษ์ กัมดง เดินมาตามถนน เจอกับม้าของพวกฮวาซิน องครักษ์ กัมดงทำท่าจะหนี พอหันมาก็เจอ แทจังโร และทหารเดินเท้าอีกกลุ่ม ถูกล้อมอยู่ตรงกลาง แทจังโร เดินเข้าหา กัมดง คุกเข่าลง แทจังโร เอามือวางบนไหล่ กัมดง ข้างซอกคอ มองเห็นสัญลักษณ์ฮวานเซินปรากฏอยู่ แทจังโร เอานิ้วมือทาบตรงสัญลักษณ์ กัมดง ทำหน้าตาเจ็บปวดแหงนหน้าส่งเสียงร้อง แล้ว แทจังโร ก็มองเห็นภาพ เรื่องราว เมื่อครู่ของ กษัตริย์ อาจิ๊ก และซูจินี ภาพสัญลักษณ์ ศักดิ์สิทธิ์ ที่หมูบ้านโคมิล อาจิ๊กที่วิ่งมาชนกับ กัมดง
แทจังโร : ผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัวเป็นครั้งแรก ในรอบ 8 ปี นางเอาเด็กคนนั้นมาด้วยหรือ และนางบอกว่านางมีพี่น้อง นางมีพี่สาว กัมดง ได้ แต่ตอบคำ ด้วยคำว่าใช่ อย่างเดียว
แทจังโรรู้ว่า ทายาทแห่งสวรรค์อยู่ใกล้แค่นี้เองหลังจากที่ ซูจินี หายไป ถึง 8 ปี ยิ้มชั่วร้ายที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงแม้จะ 8 ปี แล้วเหมือนกัน



ในคืนข้างแรม พระจันทร์ครึ่งดวง
ทัมด๊ก : นี่คือ แพคเจ ชิลลา และโคคุเรียวของเรา แล้วข้าบอกว่าปราสาทโกกแนอยู่ที่ใด หือ
อาจิ๊ก เอานิ้วมือน้อยๆ จิ้มลงไป
ทัมด๊ก : เจ้านี่เก่งจริงๆ เจ้าจำทุกอย่างที่ข้าบอกได้ทันที ทรงหันไปทางซูจินี ที่ถืออ่าง สี่เหลี่ยม เข้ามาสักครู่แล้ว ทรงถามว่า : เจ้าบอกว่าเขาชื่ออาจิ๊กหรือ
ซูจินี : เพคะ อาจิ๊ก อาจิ๊กแปลว่ายังไม่เรียบร้อย
ทัมด๊ก : ทำไมถึงเป็นอาจิ๊กเล่า ?
อาจิ๊ก : เพราะว่าหม่อมฉันยังตั้งชื่อไม่ได้
ทัมด๊ก ทรงพระสรวล : มันไม่เห็นเข้าเรื่อง
อาจิ๊ก : มันจริง



ซูจินี ยื่นอ่างให้ : ล้างตัวด้วยน้ำนี่มันยังอุ่นๆ อยู่
ทัมด๊ก ทรงวางอ่างลง เอาผ้าชุบน้ำ ทรงถามว่า : นางเป็นคนที่เจ้าพบระหว่างทางหรือ ทรงบิดผ้าที่ชุบน้ำ หันไปทางซูจินี : ทรงหันไปทางอาจิ๊ก ที่ใบหน้าเปื้อน : เจ้าน่ะเป็นตัวปัญหาใช่ไหม อาจิ๊ก ทูลตอบว่า : ไม่หม่อมฉันเป็นเด็กดีพะย่ะค่ะ ทรงใช้ผ้าเช็ดหน้าให้อาจิ๊ก ทรงถามว่า : น้าของเจ้ายังดื่มมากอยู่หรือไม่ อาจิ๊ก ทูลว่า : ไม่ นางไม่ดื่ม แม้แต่หยดเดียว ก็ไม่ได้ดื่มพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก หันไปมองซูจินี แบบแปลกพระทัย ที่ ซูจินีไม่เคยดื่มเหล้าเลย ในช่วง 8 ปี ที่ผ่านมา
ซูจินี ที่ตั้งแต่ถืออ่างน้ำเข้ามา ไม่ได้คลาดสายตาไปจากทัมด๊กเลย ( มองความผูกพันด้วยสายเลือดแห่งความเป็นพระบิดา พระโอรส) ซูจินี หลบสายตาลง
ทัมด๊ก ทรงตรัสว่า : เจ้ากลัวว่าถ้าเจ้าดื่ม เจ้าจะหลับไป แล้วข้าก็เจ้าพบเจ้าหรือ ทรงเช็ดหน้าให้อาจิ๊ก เอาละเสร็จแล้ว เจ้านอนที่ไหน อาจิ๊กลุกขึ้นไปกอดซูจินี ทูลว่า : นอนกับท่านน้า กษัตริย์ทรงพระสรวล : อืม... ไม่ค่อยดีหรอกนะ มีคนมากมายกำลังรอน้าของเจ้า อยู่ ( จะใครเสียอีกเล่า ก็ทัมด๊ก เองนั่นแหละ รอมาตั้ง 8 ปีแล้ว )
ทัมด๊กวางผ้าเช็ดหน้าลงแล้วหยิบห่อของขึ้นมา ชื้นหนึ่ง ดำรัสว่า ชุดเกราะ นี้บาซอน ทำเป็นพิเศษให้ เจ้า ข้าเอามันติดตัวไปด้วยทุกแห่งถ้าหากข้าบังเอิญได้พบเจ้า
ซูจินี บอกกับอาจิ๊กว่า : ทำไมเจ้าไม่กลับไปที่ห้อง อีกสักครู่น้าจะกลับไป
อาจิ๊ก รับคำ แล้วเดินออกไป ซูจินีนั่งลงแทนที่ อาจิ๊ก



ทัมด๊ก : ข้าไม่เคยเชื่อข่าวลือว่าเจ้าตายแล้ว เพราะข้าไม่ยอมให้เรื่องเช่นนั้น เกิดขึ้น
ซูจินี กราบทูล ว่า : เมื่อถึงเวลา หม่อมฉันมีเรื่องที่จะทูลกับฝ่าบาท
ทัมด๊ก : ข้าไม่รู้ว่าจะทนรอต่อไปอีกได้หรือไม่
ซูจินี : หม่อมฉันขอสัญญาข้อหนึ่งได้ไหมเพคะ เมื่อถึงเวลา ฝ่าบาทต้องไม่ลังเล
ทัมด๊ก : ข้าสัญญาข้าจะไม่ลังเล แต่ข้าจะทำตามวิธีของข้า ไม่ใช่ตามที่สวรรค์สั่ง แต่เป็นทางเดินที่ข้าเลือกเอง ( แง แง ...ฮือ....)



ทหารเข้ามากราบทูลว่า : ฝ่าบาท มีการโจมตีที่ป้อมชิน จูมูชิ โมโห เป็นพายุ เข้ามา ในที่ประทับเข้ามาผลักทหารคนนั้นกระเด็นไป ทูลว่า : เจ้าสารเลวพวกนั้นกำลังใช้ประชาชนของเราเป็นเสมือนทำเส้นถนน เราจะจัดการกับพวกมันอย่างไรดี ใช้เท้าเตะข้าวของแถวนั้นกระเด็นไป เราจะฆ่าพวกมันอย่างไรดี เราจะทำลายมันอย่างไร ทุบของปังหนึ่ง แล้วก็เดินออกไป
ทัมด๊ก หยิบชุดเกราะของซูจินีพาเด็กตามข้ามา เจ้าจะปลอดภัยถ้าอยู่กับข้า แล้วส่งชุดเกราะให้

ที่หมู่บ้านโคมิล
นกบูรุมแช ร้องส่งข่าว ตามมาด้วยเสียงตะโกน มันเป็นพวกฮวาเซิน ศิษย์โคมิล วิ่งมารายงานผู้อาวุโส อาจารย์... อาจารย์... การป้องกันของเรามีช่องโหว่ ผู้อาวุโส ปรึกษากันว่า เราจะทำอย่างไรดี พวกฮวาเซินมาที่นี่หัวหน้าเอานักรบของเราไปหมด เราทำอะไรไม่ได้ เราต้องคุ้มครองสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ เอง แทจังโร พาทหารฮวาเซินบุกไปหมู่บ้านโคมิล ด้วยตัวเองฆ่าศิษย์โคมิล ที่อยู่ในหมู่บ้าน แม้ผู้อาวุโส จะพยายามใช้มนตร์ปิดบังประตูที่เป็นห้องเก็บสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ แทจังโร จอมขมังเวทย์ มีเวทย์มนตร์ที่เหนือกว่า ก็ สามารถหาห้องนี้พบ และใช้ มนตร์ดำ ฆ่า บรรดาผู้อาวุโสของโคมิลตายหมดและเอาสัญลักษณ์ เต่าดำ และเสือขาวกลับไป ฮยอนยองที่เห็น นกสื่อข่าว มูรุมแชบนท้องฟ้า ก็กลับมาที่หมู่บ้านได้แต่ร้องไห้โฮ นกมูรุมแช แจ้งข่าวตั้งแต่ ฮวาเซินเข้ามาในเขตหมู่บ้าน แต่ ฮวาเซินมาเร็วมาก จนโคมิลตั้งตัวไม่ทัน

ที่วัด อาบูลันซา
อิลซู รายงานยอนโอแก ว่า กองทัพของเราจับเชลยได้ อีก500 คน โคคุเรียวยังไม่เคลื่อนไหว ท่านจะสั่งให้ทำถนนโดยใช้ซากศพของนักโทษอีกหรือไม่
ยอนโฮแก พูดไปคนละเรื่องว่า นางวางแผนจะจบทุกสิ่ง นางต้องการฆ่ากษัตริย์จูชินและขโมยอำนาจแห่งสวรรค์ นางดูเหมือนยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายของนาง และเมื่อนางทำสำเร็จ นางจะจากโลกนี้ไป เพราะที่นี่นางไม่เหลืออะไรอีกแล้ว และนางจะบอกลาข้า โดยไม่ต้องหวนคิดซ้ำสอง ทำไมนางช่างไม่รู้เลย ข้า...ข้าไม่เคยต้องการอำนาจจากสวรรค์ ข้าจะใช้มันเพื่อใครหากว่าข้าได้มันมาแล้ว (ตกลง ยอนโฮแก ที่เข้าใจทุกอย่างดี ก็ยังลุ่มหลง ที่จะทำทุกอย่างที่โซคีฮา สั่งการ เพียงเพราะเป็นคำสั่งของโซคีฮา ยอนโฮแก ผู้น่าสมเพชเวทนา)

ที่ถนนสายเหนือของป้อมชิน มีซากศพ โคคุเรียวนอนตายมากมาย
ขุนพลโก : พวกนั้นต้องการให้เราติดตามศพไป พวกนั้นวางกับดักเรา
จูมูชิโมโหว่า เป็นกับดักแล้วอย่างไร ทหารแค่ 7 พันนาย เอาชนะพวกนั้นได้อยู่แล้ว พวกนั้นมาจากยาน ไม่รู้วิธีการแกว่งดาบด้วยซ้ำไป ไปกันเถอะ
ทัมด๊ก : ท่านอาจารย์มาถึงหรือยัง
มีศิษย์โคมิล 2 คนขี่ม้ามาเข้ามาส่งสารให้ฮยอนโก ท่าทางคนส่งสารเศร้าสร้อย ฮยอนโกยกไม้เท้าถามศิษย์ ว่าอะไร และหันมาทางทัมด๊ก
ทัมด๊ก : รายงานความเคลื่อนไหวของกองทหารบุควีมาถึงหรือยัง
ฮยอนโก : เสียงสั่น ทูลตอบว่า บุควี กองทหารบุควี แล้วทำท่ากลืนเสียงร้องไห้ลงไป
ทัมด๊ก : เกิดอะไรขึ้น

ฮยอนโก : หมู่บ้านโคมิลถูกโจมตี พะย่ะค่ะ พวกนั้นเอาสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ เต่าดำ และเสือขาวไป ในฐานะหัวหน้า หม่อมฉันรู้สึกละอาย ต่อชาวโคมิล และต่อพระพักตร์ของพระองค์ โปรดประทานอภัยให้หม่อมฉันด้วยพะย่ะค่ะ แล้วก็ร้องไห้...ฝ่าบาท...
ทัมด๊ก : พวกลูกศิษย์เป็นอย่างไร
ฮยอนโก : หม่อมฉันไม่รู้ ไม่มีใครรอดชีวิต เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่.... มันต้องเป็นฝีมือของพวกฮวาเซิน พวกนั้นกำลังบอกให้เราตามไปอาบูลันซา เวลานี้ พวกนั้นมีสัญลักษณ์ทั้งสี่แล้ว สิ่งที่พวกนั้นต้องการในตอนนี้ ก็คือกษัตริย์ และด้วยเหตุนี้พวกเขาถึงต้องการให้ฝ่าบาทเสด็จไป พวกนั้นต้องการให้ฝ่าบาทเปิดต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์หรือ...
มีภาพ เทพฮวานอุง เอาสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ 4 อย่าง วางบนแท่งหิน ใช้ฝ่าพระหัตถ์วางทาบบนแท่งหิน
ทัมด๊ก : หรือพวกนั้น ต้องการเอาหัวใจของข้า และเปิดด้วยตัวพวกเขาเอง
ฮยอนโก : พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก ทรงทอดพระเนตรซากศพ และเสด็จพระราชดำเนินเอาพระหัตถ์ไปวางบนไหล่ ฮยอนโก เพื่อปลอบใจพระอาจารย์
กองทหาร คอรัล หนึ่งหมื่นนาย เข้าโคคุเรียว



ใน ห้องบัญชาการ (war room)
ทัมด๊ก ได้รับรายงานว่า : ฝ่าบาท ข่านแห่งคอรัล ส่งทหารของคอรัลมา หนึ่งหมื่นนาย พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ด ประทับยืนต้อนรับ ผู้นำทัพคอรัล
ทรงตรัสว่า : ยินดีต้อนรับพี่น้อง ทรงกอดผู้นำกองทัพ ทรงตบไหล่ทักทายทหารคอรัลอีกคน
ขุนพลโก กราบทูลว่า : ฝ่าบาท เวลานี้เรามีทหารคอรัลหนึ่งหมื่นนาย และทหารของเราอีก เจ็ดพันนาย และยังมีอีก หนึ่งหมื่นสองพันนายจากป้อมปราการต่างๆ พะย่ะค่ะ
จูมูชิ : เผ่ามัลกัล ก็ส่งนักรบมาร่วมด้วย จูมูชินำหัวหน้าเผ่าเข้ามา พวกนั้นมีประมาณ ห้าพันนาย มีที่จะให้พวกนั้นไหม
นั่นทำให้เรามีทหารประมาณ สามหมื่นสี่พันนาย แต่ว่า...พวกนั้น มี 1 แสน นาย พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก ประทับนั่งทอดพระเนตรแผนที่ กับ ฮยอนโกนั่งม้วนหนังสือ
ฮยอนโก : ฝ่าบาท อย่าทรงไปหาพวกนั้น ถึงแม้พวกมันจะมีสัญลักษณ์ทั้งสี่ พวกนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ หากไม่ได้พระโลหิตของพระองค์ ถ้าเสด็จไปหาพวกมันตอนนี้ ฝ่าบาทอาจต้องสละ พระหทัยให้กับพวกมันพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก ประทับนั่งครุ่นคิด
ซูจินี หยิบธนู ชะโงกดูหลาน ขยับห่มผ้าห่มให้ เอามือแตะแก้มอย่างรักและเอ็นดู



องครักษ์กัมดงเดินมาที่ห้องของซูจินี ยังไม่ทันถึงบานประตู ซูจินีก็เปิดประตูออกมาพอดี เห็นชอโรนั่งพิงเสาอยู่ ก็ถามว่าท่านทำอะไรอยู่ตรงนั้น


ชอโร ตอบว่า ข้ากำลังอยู่เวรยาม
ซูจินีปิดประตูห้อง ชอโร ลุกขึ้น หันไปมองบานประตูแล้วก็เดินตามซูจินีออกไป องครักษ์กัมดงก็เลี้ยวมุมมาพอดี เข้าไปในห้อง
ซูจินี เดินออกมาแล้ว รู้สึก พะวักพะวนใจเหลียวมองข้างหลังที่ตนเองเดินจากมา พอดีมีทหารตะโกนขึ้น ว่า หัวหน้า ...หัวหน้า ...ใช่นางจริงๆ..... มีทหาร 4 นายวิ่งมาหา ดูสิเป็นนางจริงๆด้วย หัวหน้า แล้วก็ทำท่าแตะอกแสดงความเคารพหัวหน้าหญิงซูจินี ซูจินีทำท่าเดียวกันตอบ มีทหารคนหนึ่งถามว่าท่านไปไหนมา ท่านสวยจริง และรายงาน ว่า เจ้านี่แต่งงานแล้ว แล้วเจ้านี่ก็เป็นพ่อลูกแฝด ซูจินีเหลียวกลับไปมองอีกครั้ง แล้วก็หัวเราะกับคำรายงานของทหาร 4 คน ออกเดินนำหน้า ทหารคนหนึ่งพูดว่า หยุดร้องไห้คิดถึงเมียของเจ้าได้แล้ว เรารู้ว่าเจ้าคิดถึงนางจริงๆ ซูจินีเรื่มสังหรณ์ใจรุนแรง หยุดเดินแล้วหันหลังกลับ ทหาร เรียก หัวหน้า หัวหน้า ซูจินีวิ่งกลับไปที่ห้อง
องครักษ์กัมดง เดินไปที่เตียงของอาจิ๊ก เปิดผ้าห่มประคองอาจิ๊กขึ้นมานั่ง เอาหนังสือวางแทนที่ อาจื๊กบิดขี้เกียจ และพูดว่า : สวัสดีท่านอา องครักษ์บอกว่า : ข้าได้รับคำสั่งให้มารับเจ้า อาจิ๊กถามว่า : โดยท่านน้าหรือ องครักษ์กัมดง :ไปเถอะ แล้วอุ้มอาจิ๊กขึ้น หญิงรับใช้เข้ามาทำท่าเก้งๆ กัง ๆ พอองครักษ์กัมดงหันมามอง ก็ไม่กล้าทำอะไร
ซูจินี วิ่งกลับมาที่ห้อง แต่ว่า ไม่มีอาจิ๊ก อยู่บนเตียงนอนเสียแล้ว ทหารรายงานว่า เด็กถูกพาตัวไปแล้ว

Copyright @ Amorn & SUE

Tuesday, June 3, 2008

เรื่องย่อ ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ (ตอนที่ 23)


...ตอนที่ 23...

ทัมด๊ก เสด็จพระราชดำเนินที่ระเบียงของพระราชวัง มีขุนพลโก และองครักษ์ ตามเสด็จ
ทัมดีก มีพระประสงค์ จะเสด็จไปช่วย รัชทายาทแห่งยาน ที่กำลังถูกปองร้าย
ขุนพลโก กราบทูลว่า เราจะเอากองทหารไปที่นั่นไม่ได้ มันเป็นดินแดนของยาน
ทรงสั่งให้ขุนพลโกจัดทหาร ห้า พันคน ที่ป้อม ฮยอนโด และป้อมชิน ทหารพวกนั้นต้องเตรียมพร้อม
ขุนพลโก ทูลถามว่า ทรงมีแผนการอะไร พะย่ะค่ะ




ทรงตรัสว่า การที่จะช่วยใครสักคนที่อาจได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ของชาติ มันจะเป็นประโยชน์ แก่เราอย่างยิ่ง ทรงขอให้ขุนพลโก ดูแล จัดการ กับรายงาน ที่ ยังกองเป็นภูเขาเลากา อย่างที่เห็น ๆกันอยู่ เหล่านี้ แทนพระองค์
ทรงถามฮยอนโก ว่า มีศิษย์ของโคมิล ที่ป้อมปราการ ยงหรือไม่ ฮยอนโก ทูลตอบว่า มีศิษย์ของโคมิลอยุ่ที่นั่นพอสมควร ทรงให้ ชอโร ตามเสด็จด้วย ส่วนจูมูชิ จะทิ้ง ไว้ที่ปราสาท และให้ขุนพลโก ช่วยจัดการเรื่องของจูมูชิ และดัลบี เพราะ จูมูชิ เอง คงจะลำบากที่จะจัดการเรื่องของดัลบี ด้วยตัวเอง

จูมูชิ ไปที่โรงตีเหล็กของบาซอน
จูมูชิ : ท่านบาซอน ท่านช่วยดูขวานนี้ให้ข้าหน่อย
บาซอน : เจ้าจะลับขวานทุกวันหรือไง
จูมุชิ ตามองอยู่ที่ดัลบี ปากก็พุดกับบาซอนว่า : ดูให้ดีดี ข้าคิดว่าขวานนี้มันคมเกินไป (โถ...จูมูชิ เอ๋ย)
บาซอน : ไปคุยกับนางสิ ไปแล้วจับนางให้ได้ พูดกับนางว่า เจ้าเป็นผู้หญิงของข้า ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุข พูดอะไร ทำนองนี้ น่ะ
จูมูชิ : ไหนพูดอีกครั้งสิ ให้ข้าพูดว่าอย่างไรนะ
ฮยอนยอง : น่าสงสารจริง สู้รบเก่งแล้วมีประโยชน์อะไร ดูตัวอย่างข้านะ จับนางไว้อย่างนี้ แล้วก็ จับแขนบาซอน เป็นตัวอย่าง สอนต่อว่า มองเข้าไปในตาของนาง เจ้าอยากเป็นของข้าไหม
บาซอน ผลักหน้าฮยอนยองที่ทำตัวอย่างให้ดูอยู่ ออกไป : ขอโทษ
ดัลบี วิ่งเข้ามาพอดี ถามว่า : ท่านไม่ไปด้วยหรือ
จูมูชิ : ไป..ไหน..ข้าจะไปไหน ?
ดัลบี : ดูเหมือนว่าฝ่าบาท จะทรงเดินทางอีก ข้ากำลังเตรียมเสบียงให้พระองค์
จูมูชิ : เสด็จโดยไม่มีข้าไปด้วย เออ....โมโหผลุนผลันหันกลับ วิ่งไปได้ 2-3 ก้าวก็หยุด
บาซอน : เสด็จอีกแล้ว ทรงไม่เคยประทับที่วังเลย ใน 50 วัน ทรงอยู่ในสนามรบเสีย 20 วัน อีก 20 วัน ก็ เสด็จไปโน่น มานี่ และอีก 5 วัน ก็อยู่ในสนามฝึกซ้อม
จูมูชิ วิ่งกลับมายืนหอบตรงหน้าดัลบี
ฮยอนยองเข้ามากระซิบ เบา ๆ : จับนาง
จูมูชิ : นี่.... (ทำท่าทางรวบรวม สมาธิ และความกล้า คำรามในคอ แล้วเดินออกไปข้างนอก ( โธ่แล้วกันแล้ววิ่งกลับมาทำไมนี่ พ่อจูมูชิ)
ดัลบี เดินแกมวิ่งตามออกมา : ท่านรู้จักบ้านใกล้ ๆ ต้นไม้ใหญ่ ที่ ดองโกลไหม
จูมูชิ : บ้าน ?
ดัลบี : ฝ่าบาท ทรงให้ข้าไปดู และข้าก็ไปดูมาแล้ว ถ้าชอบ ...ฝ่าบาท จะทรงประทานให้ ข้า...ชอบมัน...
จูมูชิ ยิ้มออก
ดัลบี : เมื่อท่านกลับมา ท่านควรไปดูว่าท่านชอบไหม
จูมุชิ ติดอ่างขึ้นมาเสียแล้ว : เมื่อ...ข้ากลับมา...ข้า..ข้าแน่ใจว่า..ข้าจะชอบมัน...บ้าน...หัวเราะเขินๆ แล้วก็ดีใจเต็มที่ หัวเราะก้อง.. แล้วก็หงายหลังหกล้มเพราะเหยียบ ไปโดนหิมะที่พื้นด้านนอก ดัลบี ทำหน้าขบขัน ปนเอ็นดู คนตัวใหญ่เสียงดังฟังชัด ผมทรงนกหัวขวานเสียเหลือเกิน บาซอนและฮยอนยอง เอาฝ่ามือ แปะกัน ร่วมยินดี กับ คนคู่นี้ เพราะช่วยลุ้นเสียเหนื่อยใจมานานแล้ว



ทัมด๊ก เสด็จออกนอกประตูวัง ดำรัสว่า : บอกท่านขุนพล กากิน ที่ป้อมปราการควานมี ให้ใช้กองทหาร ออกไปพรวนดิน มันสำคัญมากที่พวกเขาจะต้องไม่พลาดฤดูกาลเพาะปลูกนี้
องครักษ์ : รับด้วยเกล้าพระเจ้าค่ะ
ขุนพลโก : ฝ่าบาทอย่างน้อย ทรงนำทหารราชองครักษ์ไปด้วย หม่อมฉันจะให้เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นคนธรรมดาสามัญ พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : ข้ากำลังจะเดินทางไปประเทศอื่นอย่างลับๆ พร้อมด้วยคนที่ห้อมล้อมข้าหรือ ? มันจะทำให้ข้าปลอดภัยหรือ ทรงพระสรวล ปลอบใจขุนพลโกให้ไม่ต้องห่วงพระองค์ : ข้าจะรีบกลับมา
มีเพียงชอโร และฮยอนโก ตามเสด็จ

ขุนพลโก : ข้าไม่เคยเห็นฝ่าบาท พระทัยร้อนอย่างนี้เลย มีอะไรในสารนั้นหันมาถามองครักษ์
องครักษ์ : อะไรหรือ
ขุนพลโก : สารจากพวกยาน หลังจากทรงทอดพระเนตร ทรงมีท่าทางแปลกไป ท่านไม่คิดเช่นนั้นหรือ ?
ทัมด๊ก ทรงม้า.. มีเสียง เรียก ฝ่าบาท...
เป็นเสียงของ จูมูชิ : ฝ่าบาท เป็นพระกรุณา สำหรับบ้านพะย่ะค่ะ หัวเราะเริงร่าอีกต่างหาก




ที่ป้อมปราการยง ใน ยาน
ที่พำนักของโกอูน
โกอูน ทายาทคนหนึ่งของโคคุเรียว เป็นหลานปู่ของเชื้อพระวงศ์ ที่ถูกนำไปเป็นเชลย พร้อมราชินีแห่งโคคุเรียว พระอัยยิกา (ย่า) ของทัมด๊ก ได้ส่งสารมาขอความช่วยเหลือ กษัตริย์แห่งโคคุเรียว เพื่อให้ช่วยปกป้องรัชทายาท แห่งยาน (โมยงโบ- ต่อมาได้ครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งยานเหนือ) ซึ่งโกอูน เป็นองครักษ์ให้อยู่ ทัมด๊ก เสด็จไปด้วยพระองค์เอง เพราะมีข้อความในสารบอกร่องรอย ของ ซูจินี ทรงตัดสินพระทัยที่จะเสด็จมา
กษัตริย์แห่งยาน ทรงมีพระญาติและพระโอรส หลายพระองค์ ทำให้แก่งแย่งกัน ต่อสู้กันมาโดยตลอด โมยงฮวี พระโอรสองค์ที่สอง พยามจะปลงพระชนม์ รัชทายาท โมยงโบ โดยที่กษัตริย์แห่งยาน ได้แต่ทรงมองดูว่าใครจะรอดชีวิต มิหนำซ้ำไม่ทรงอนุญาตให้รัชทายาท มีกำลังทหาร
ซูจินี มาเป็นครูสอนภาษาโคคุเรียวให้กับ บุตรสาวของโกอูน
โกอูน : อาจารย์ ช่วยพาเด็ก ๆออกไปจากบริเวณนี้สักระยะหนึ่ง ข้าต้องเอาคนไปกับข้าเพื่ออารักขาองค์รัชทายาท ที่นี่จะมีแต่ผู้หญิงและเด็ก ข้าจะส่งคนรับใช้ไปกับท่าน ท่านไปอยู่ที่ชนบทสักพักหนึ่งก่อน
ซูจินี : ข้าเข้าใจ ท่านได้รับคำตอบจากโคคุเรียวแล้วหรือยัง
โกอูน : ข้าไม่ได้คาดหวังอะไร ถ้าหากมีเรื่องขัดแย้งกันภายในยาน นี่จะเป็นสิ่งดีสำหรับโคคุเรียว ถ้าข้าเป็นกษัตริย์แห่งโคคุเรียว ข้าจะพยายามสร้างปัญหา ข้าคิดว่า เราทำสิ่งที่ไม่มีประโยชน์
บุตรสาวโกอูนพูดกับบิดาด้วยภาษายาน โกอูน บอกบุตรสาวว่า พูดตามที่อาจารย์สอนเจ้าสิ เด็กหญิงถามว่า ท่านพ่อจะไปไหนหรือ
โกอูน : ดีมาก พ่อต้องไปบางแห่ง อยู่กับอาจารย์และอย่าทิ้งนาง เด็กหญิงพยักหน้ารับคำ
โกอูน : อาจารย์ หากมีอะไรเกิดขึ้นกับข้า ซูจินี รีบตอบว่า : ไม่ต้องห่วงเด็กๆ ข้าจะอยู่กับพวกเขา
โกอูน คำนับขอบคุณ ซูจินี บอกให้เด็กๆไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วหันมาอุ้มหลานตัวน้อย ออกไปด้วย
ในตลาด มีทหารขี่ม้า และทหารหลายคนวิ่งมา ซูจินีส่งหลานให้คนรับใช้ ในรถม้ามีเด็กหญิง 2 คนนั่งอยู่ ซูจินี สั่ง ว่า พาเด็กไปก่อน ข้าจะไปร่วมกับเจ้า หลังจากส่งสารเรียบร้อยแล้ว หญิงรับใช้พยักหน้ารับคำ ซูจินี คว้าห่อผ้าและธนู



ที่บ้านของโกอูน ได้ต้อนรับ แขกจากโคคุเรียว
เมื่อโกอูน เดินเข้ามาในห้อง ทุกคนลุกขึ้นยืน ทัมด๊ก บอก ว่า พวกเรามาที่นี่ตามพระบัญชาของฝ่าบาท
โกอูน : เชิญนั่ง ถ้าเช่นนั้น กษัตริย์แห่งโคคุเรียวคงได้รับสารของข้า พระองค์จะส่งกองทัพมาหรือไม่
ทัมด๊ก : ทรงตรัสว่า จะไม่ส่งมา
โกอูน พยักหน้ายอมรับ : ใช่แน่นอน การส่งกองทัพไปยังดินแดนอื่นเป็นเรื่องลำบาก แต่ข้าคิดว่า ทรงต้องทำบางอย่าง ทรงมีกองกำลังทหารรับจ้างที่เก่งกาจ ข้าคิดว่าอย่างน้อยพระองค์จะส่งพวกนั้นมา
ทัมด๊ก : ใครบอกท่านเช่นนั้น ทรงถามย้ำ ใครบอกท่านเกี่ยวกับเรื่องทหารรับจ้าง
โกอูน : เรามีอาจารย์มาจากโคคุเรียว
ทัมด๊ก : ข้าขอพบอาจารย์ท่านนั้นหน่อยได้ไหม
โกอูน : นางออกไปพร้อมกับเด็ก ๆ แล้ว
มีคนวิ่งเข้ามารายงานว่า โยยงฮวี ได้นำทหารไปยังตำหนักของรัชทายาท ดูเหมือนว่าทหารจะมีมากกว่าร้อยคน
โกอูน : อะไร
พ่อบ้าน : เขาจะโจมตีกลางวันแสกๆ หรือ
โกอูน : กษัตริย์ทรงทำอะไรอยู่
คำตอบ : ไม่มีความเคลื่อนไหวจากพระองค์
โกอูน : ทรงกล่าวว่า จะไม่แทรกแซงหรือไม่
ทัมด๊ก กอดพระอุระฟังอยู่ โกอูน หันมาทางทัมด๊ก : เราต้องคุ้มครององค์รัชทายาท โมยงฮวี เป็นพระโอรสองค์ที่สอง แต่พยายามปลงพระชนม์องค์รัชทายาท กษัตริย์ทรงมองดูว่า ใครจะรอดชีวิต พวกท่านจะช่วยเราหรือไม่ ท่านต้องช่วยชีวิตของรัชทายาท ข้าเป็นองครักษ์ของพระองค์
ฮยอนโก : เรามาเพื่อช่วยท่าน
โกอูน : ข้ารวบรวมคนได้ 50 คน แต่พวกนั้นไม่ใช่นักสู้ ข้าไม่รู้ว่า คนพวกนั้นจะช่วยได้มากน้อยเพียงใด ท่านมีคนสักเท่าใด
จูมูชิ ทำท่าทางนับนิ้ว ทัมด๊กทรงตอบว่า 4 คน โกอูน ทั้งตกใจและผิดหวัง ทัมด๊กทรงถามว่า โมยงฮวีบัญชากองทัพหรือ ข้าคิดว่าพวกเขาคงจะมีฝีมือ
โกอูน : ท่านบอกว่ากษัตริย์โคคุเรียว ส่งท่านมา
ทัมด๊ก : ถูกต้องทรงส่งเราทั้ง 4 คนมา โกฮุน ทำท่าผิดหวังและหมุนตัวออกไปจากห้อง
ทัมด๊ก : ข้าคิดว่าพวกเขาดูถูกพวกเรา ทุกคนลุกขึ้นยืน จูมูชิ : หม่อมฉันเดาว่า เขาคงไม่เลี้ยงอาหารเรา
ฮยอนโก : เวลาเช่นนี้ เจ้ายังจะหิวอีกหรือ ? ฝ่าบาท จะทรงทำเช่นไร พระเจ้าค่ะ
ทัมด๊ก : เราต้องช่วยเขา ข้ามีเรื่องจะถามเขา จูมูชิ เอามือจับท้อง ท่าทางหิวข้าวจริง ๆ



ที่ด้านนอกซูจินี มองเห็นทัมด๊ก และคณะ ที่อาคารอีกหลังหนึ่งในบ้านของโกอูน
ทัมด๊ก : ท่านคิดอย่างไรกับคนเหล่านั้น พวกเขาพอจะเป็นประโยชน์บ้างไหม
จูมูชิ : ขึ้นกับฝ่ายตรงข้าม แต่หม่อมฉันคิดว่า ครึ่งหนึ่งคงยังไม่รู้จักวิธีชักดาบด้วยซ้ำไปพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก ทรงพบ โกอูน ที่ยืนครุ่นคิดแก้ปัญหาอยู่ ทรงตรัสด้วยว่า : สิ่งที่เราต้องทำคือการอารักขารัชทายาทหรือ ตามเส้นทางที่มาที่นี่ เราผ่านตำหนักของรัชทายาทมันไม่ใหญ่โตมาก คนสักร้อยก็ยึดได้แล้ว มีคนป้องกันอยู่เพียงเล็กน้อย นั่นหมายความว่าประตูหน้าตำหนักเป็นเป้าหมายที่ง่ายดาย



โกอูน : ทรงไม่อนุญาตให้รัชทายาทมีกำลังทหาร ข้าไม่รู้ว่า ทรงกลัวอะไร
ทัมด๊ก : ข้าไม่ต้องการสู้กับคนเป็นร้อย แล้วทำไมเราไม่ลอบเข้าไปพาตัวรัชทายาทออกมาแบบลับๆ แต่ข้าไม่รู้ว่า รัชทายาททรงมีหน้าตาอย่างไร และรัชทายาท ไม่ทรงรู้ว่าข้าเป็นอย่างไรเช่นกัน ท่านจะไปกับพวกเราไหม
โกอูน มองหน้าทุกคน



ทัมด๊กและชอโร มีความรู้สึก มีบางสิ่งบางอย่างรบกวนจิตใจ นั่นเป็นเพราะ ซูจินี ยืนแอบอยู่ที่เสามุมเหลี่ยมบ้านแอบดูอยู่
โกอูน เดินนำเข้าไปข้างใน ทัมด๊ก ทรงหยุดพระราชดำเนิน และหันพระพักตร์ไปทางด้านซูจินี แต่ทอดพระเนตรไม่เห็นมีสิ่งใด ชอโร ก็พลอยหยุดไปด้วย และหันไปมองเช่นกัน



ที่ตำหนักของ โมยงโบ
จูมูชิ แบ่งพวกนั้นออกเป็น 2 ส่วน หม่อมฉันเอาไปครึ่งหนึ่ง ท่านทั้งสองเอาที่เหลือไป
ทัมด๊ก : มันมากเกินไป
จูมูชิ : พวกนั้นดูกะปลกกะเปลี้ยเหลือเกินพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : งั้นเจ้าก็ทำเถอะ ทรงแยกไปกับชอโรก่อน จูมูชิ บ่น ออกไป แล้วก็ตามทัมด๊กไป
อีกด้านหนึ่งของตำหนัก
จูมูชิ : แล้วที่นี่ล่ะ
ทัมด๊ก : ข้าชอบมัน
จูมูชิ : มันก็ พอ ๆ กับกลุ่มเมื่อสักครู่
แล้วทัมด๊ก และจูมูชิ ชอโรก็ ฆ่าทหารที่เข้ามาบุกรุกตำหนักรัชทายาท ครู่เดียวก็ตายหมด
โกอูน ทั้งประหลาดใจและตกใจในผลงาน



จูมูชิ เปิดประตูเข้าไปข้างใน ทัมด๊ก สั่ง ไปทางประตูนั่น ชอโรพยักหน้า ชอโร และจูมูชิไปอีกด้าน
โกอูนตามเข้ามา
ส่วนฮยอนโก แยกไปทำหน้าที่ล่อหลอก ทหารยาน
ฮยอนโก ยกไม้เท้าขึ้น บอกว่า เดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้ มันขึ้นมาแล้ว หันกลับไปเรียกคนของโกอูน ทุกคนมาทางนี้ ลงไปทางโน้น เสนอหน้าออกไป แล้วรีบวิ่งหนีไปทางโน้น
คนของโกอูน : วิ่งหนี
: ท่านไม่ต้องการให้พวกเราสู้หรือ
ฮยอนโกหงุดหงิด : ทำไมเข้าใจยากเช่นนี้นะ ทำไปตามที่ข้าบอกก็แล้วกัน แล้ว ทวนคำสั่ง ลงไปทางโน้น เสนอหน้าออกไป แล้ววิ่งเหมือนหนีนรก ไปทางด้านนั้น วิ่ง...
แล้วก็ชักโมโหที่เห็นทุกคนทำท่าง งง งง : เจ้าพวกนี้นี่ (คงนึกในใจ ว่า พวกเจ้านี่โง่จริงๆ)
(คุณลุงเต่าดำ น่ะเป็นคนปัญญาล้ำลึก แต่ชอบพูดเรื่องง่ายๆ ให้ฟังดูยาก แม้กระทั่งการจะพูด ว่า อีก 3 วันเป็นต้น คุณลุง เป็นพวกไฮเปอร์ไหมนี่)
แต่ทุกคนก็ทำตามคำสั่ง คือวิ่งไปหาทหารฝ่ายตรงข้าม พอทหารฝ่ายตรงข้ามที่จะพังประตูหันมา และวิ่งไล่ คนของโกอูนก็ พากันวิ่งหนี ทหารฝ่ายตรงข้ามก็วิ่งไล่ตาม ( แหม ที่แท้ ก็ เอากลยุทธ์เก่าของทัมด๊กมาใช้ ล่อ ทหารฝ่ายตรงข้าม ไม่ให้เข้าไปในตำหนัก ก็เท่านั้นเอง)
ทัมด๊ก ถามทหารว่า องค์รัชทายาทอยู่ที่ไหน ทรงได้คำตอบว่าในห้องทรงพระอักษร โกอูน พาทุกคนมาที่หน้าห้องที่ใส่กลอน โกอูนทั้งร้องเรียกทั้งเขย่าประตู ทุบประตู ทัมด๊ก จับตัวโกอูน เบี่ยงให้พ้นประตู ตรัสว่า เรามีเวลาไม่มาก แล้วใช้พระบาท พังโครม จนประตูเปิดออก รัชทายาทเสวยน้ำจัณฑ์ ท่าทางท้อแท้ ตัดพ้อต่อว่าพระบิดา โกอูน ก็อ้อนวอน ว่ามารับรัชทายาท จะอารักขา รัชทายาทด้วยชีวิต
ทัมด๊ก ทรงถามว่า : ท่านเคยบอกว่า ท่านมีพื้นเพเดิมเป็นคนโคคุเรียว โกอูน ตอบว่า ถูกต้อง ทัมด๊ก : ท่านบอกว่าศัตรูคือ โมยงฮวี วันนี้ทรงอยู่ที่นี่หรือไม่
ในที่สุด ทัมด๊ก จูมูชิ และโกอูน ก็พารัชทายาท ออกจากห้องทรงพระอักษรพบกับจูมูชิ และฆ่า คนของ โมใยงฮวี ไปกลุ่มหนึ่ง เป็นเวลาเดียวกับที่กษัตริย์แห่งยาน เปลี่ยนพระทัย ส่งทหารมาช่วยรัชทายาท

คนนำทาง ยาน ที่เป็นผู้พา ชาวโคคุเรียว ไปบ้านโกอูน ครั้งแรก เล่าให้ ฮยอนโก ฟังว่า
กษัตริย์ ทรงมีพระโอรส และพระญาติมากมาย และพวกนั้นก็ต่อสู้กันเองเสมอๆ คงจะไม่สบายพระทัย
ฮยอนโก หาข้อมูล เรื่องอาจารย์ ที่เข้ามาสอนหนังสือที่บ้านโกอูน
ได้ข้อมูลมาว่า อาจารย์สอนหนังสือที่ โกอูน มีนั้นนาง ยังสาวและมาอยู่ที่นี่ ประมาณ 1 ปี สอนพวกเด็ก ๆ นายหญิงของบ้านเสียชีวิตไปนานแล้ว โกอูนจ้างนางเพราะนางมาจากโคคุเรียวเช่นกัน และนางดูแลเด็ก ๆ เป็นอย่างดี
โกอูน พาทัมด๊ก และคณะ กลับมาบ้าน และ คนรับใช้ ก็พาบุตรสาว นั่งรถม้ากลับมาเหมือนกัน โกอูน บอกทัมด๊กว่า พวกเขาบอกว่า : อาจารย์ต้องไปเยี่ยมญาติ ทัมด๊ก ทรงถามว่า บ้านญาติของนางอยู่ที่ใด โกอูน ตอบว่า ข้าไม่แน่ใจ นางพาเด็กไป และก็ไปที่นั่นบ่อยๆ แต่ข้าไม่เคยถามนางว่าอยู่ที่ใด นางเป็นแม่เลี้ยงดูลูกคนเดียว ข้าก็เลยช่วยนางด้วยการรับนางไว้ที่นี่ นางเป็นคนที่ท่านรู้จักหรือ
ทัมด๊ก ต้องทวนคำว่า เด็ก
ฮยอนโก ไปที่รถม้า
โกอูน ชวนว่า ตอนนี้เราเข้าไปข้างในกันเถิด ข้าได้เตรียมงานเลี้ยงไว้ ( สมใจ จูมูชิ แลัวซินะ พ่อนกหัวขวาน)
ฮยอนโก แลเห็นลูกธนู ทัมด๊ก ทรงถาม คนที่นำรถม้าพาลูก ๆ ของโกอูนกลับมา ว่า ผู้หญิงคนนั้นแยกจากเจ้า ณ ที่ใด
ฮยอนโก จำได้ ว่า นี่คือ ลูกธนูของซูจินี ก็เกิด อาการเจ็บที่หัวใจอย่างกะทันหัน ทัมด๊ก ทอดพระเนตรเห็น ก็ทรงห่วงใย : ท่านอาจารย์ท่านป่วยหรือ ฮยอนโก ทูลว่า : หัวใจของหม่อมฉัน
ฮยอนโกถูกพาไปนอนที่เตียง จูมูชิ เป็นห่วงว่า ฮยอนโก คงจะหิวจับมือฮยอนโกไว้ : ข้าทำข้าวต้มให้เอาไหม( จูมูชิ น่ารักขึ้นทุกวัน ซึบซับหลายๆ อย่างมาจากทัมด๊กไง เห็นไหม)
โกอูน : เราโชคดีที่ที่กษัตริย์ส่งทหารราชองครักษ์มาช่วยไว้ ขอบคุณ สำหรับความช่วยเหลือของท่าน
ท่านรู้ไหม นานมาแล้ว ราชินีโคคุเรียวทรงถูกจับมาในฐานะเป็นตัวประกันอยู่ที่นี่โดย โมยงฮวา ปู่ของข้าก็อยู่ในกลุ่มตัวประกันด้วย ปู่ของข้าเป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ที่ถูกนำตัวมาในฐานะตัวประกัน
ทัมด๊ก : ใช่ ข้าเคยได้ยิน....ข้ารู้ว่าทายาทโคคุเรียวได้อาศัยอยู่ที่นี่และยังใช้ภาษาและวัฒนธรรมของเราอยู่
โกอูนหยิบม้วนหนังสือวางลงบนโต๊ะ ถามว่าท่านอยากดูสิ่งนี้ไหม ฮยอนโก ลืมตาขึ้นมาพอดี



โกอูน เมื่อตอนที่พระราชินีถูกลักพาตัวและนำมาที่นี่ ทรงมอบสิ่งนี้ให้ไว้กับปู่ของข้าให้เก็บรักษาไว้ เวลานี้ท่านมาที่นี่ตามพระบัญชาของกษัตริย์ โคคุเรียว ข้าอยากขอร้องท่าน ช่วยถวายสิ่งนี้ให้กับกษัตริย์ โคคุเรียวด้วย ... ลาก่อน แล้วโกอูนก็ลุกขึ้นออกไปจากห้อง
ฮยอนโก ผงกตัวเองขึ้นมาและลุกขึ้นยืน ทัมด๊ก ทรงแก้ม้วนนังสือออก มีอักษร ภาษาจีน เพียง 2 ตัว
ซุนกุง คันธนูแห่งสวรรค์ คันธนูแห่งท่านฮวานอุง เปลี่ยนรูปมาจากดาบศักดิ์สิทธิ์ของจูมง
ฮยอนโกมองอย่างสนใจ ทัมด๊ก ทรงถามว่า ท่านหายดีแล้วหรือ ฮยอนโก พยักหน้า พะย่ะค่ะ แล้วทูลว่า
นี่เกี่ยวกับ ซุนกง พะย่ะค่ะ และ นี่เป็นม้วนกระดาษลับพะย่ะค่ะ เรามีส่วนต้นของสิ่งนี้ที่หมู่บ้านโคมิล และนี่เป็นส่วนท้ายพะย่ะค่ะ หม่อมฉันไม่ทราบว่ายังมีส่วนนี้อีก
ทัมด๊ก ทรงทอดพระเนตรตัวอักษร 2 ตัว นี้ ส่วนชอโร ออกมานอกห้อง เดินไปยืนตรงมุมที่ ซูจินี เคยยืนแอบ ชอโร ยืนนิ่งนาน ในมุม และท่าเดียวกับซูจินี



ชอโร นำน้ำจัณฑ์มาถวาย ทัมด๊ก ที่ยังทรงพระอักษรอยู่ที่โต๊ะ แล้วเดินไปเปิดบานประตูออกทั้ง2 บานและก้าวออกมายืนข้างนอกห้อง ทัมด๊ก ทรงเสด็จตามมา ทรงยกน้ำจัณฑ์เสวย แล้วยื่นประทาน ชอโร อีก คราวนี้ ชอโร รับมาดื่ม ทำหน้าตาเหยเก สะอึก กระอักกระไอ ทัมด๊ก ทรงพระสรวลขบขัน ชอโรถวายขวดน้ำจัณฑ์ คืน



ซูจินี แอบมองอยู่ ที่แนวต้นไม้ อมยิ้มน้ำตาคลอ นึกถึงวันเก่าๆ ที่เคยแบ่งปันเหล้า ดื่มขวด เดียวกันกับทัมด๊ก ทัมด๊ก ยังเคยโอบไหล่เธอ และเธอ เคยซบพระอังสาของทัมด๊กอย่างเป็นสุข แม้ว่าในวันนั้นจะเป็นความสุขปนเศร้าก็ตามที แล้วก็ตัดใจ ผละจากตรงนั้นไป



ที่หมู่บ้านโคมิล
ฮยอนโก คลี่หนังสือที่ได้มาจากโกอูน ศิษย์โคมิลอีกคนตักน้ำมาจากแอ่งหิน ค่อยๆเทน้ำราดบนหนังสือ ฮยอนโกยกหนังสือกลิ้งไปกลิ้งมาให้น้ำซึมจนทั่วแผ่นหนังสือ แล้วยกไฟส่อง ไม่นานก็ ปรากฎตัวอักษรขึ้นมาเต็มหน้าในที่สุด ฮยอนโก นำไปถวายให้ ทัมด๊ก ทรงถามว่าข้อความเป็นอย่างไร ทำไมพวกท่านดูเคร่งเครียด
ผู้อาวุโสโคมิล : ฝ่าบาทพวกเรามาเพื่ออ้อนวอนต่อพระองค์ ถึงแม้ตัวอักษรโบราณเหล่านี้จะหาค่ามิได้ แต่พวกหม่อมฉันขอร้องให้พระองค์ เผาหนังสือนี้ทิ้งพระเจ้าค่ะ



ทัมด๊กทรงหันไปทางฮยอนโก : ท่านไม่ต้องการให้ข้ารู้ว่า มันหมายถึงอะไรหรือ
ฮยอนโก : มันเป็นคำอธิบายถึงการใช้คันธนูแห่งสวรรค์ ซึ่งจะใช้ได้เฉพาะแต่กษัตริย์จูชินเท่านั้นมันจะให้
อำนาจที่จะฆ่าหรือรักษาชีวิตพระเจ้าบนสวรรค์ ขึ้นอยู่กับความตั้งพระทัย
ทัมด๊ก ตรัสว่า ข้าเคยใช้มันมาแล้วครั้งหนึ่ง ทรงนึกถึงวันยิงธนูวิเศษเพื่อช่วยชอโร
ฮยอนโก : ประเด็นอยู่ที่ข้อความต่อมา คันธนูแห่งสวรรค์มีอำนาจในการทำลายล้างสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์
ทัมด๊ก : เช่นนั้นถ้าจะพูดใหม่ก็คือ สิ่งเดียวที่จะทำลายสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ก็คือคันธนูแห่งสวรรค์หรือ
โดยอย่างไรล่ะ ยิงธนูใส่ของพวกนั้น
ฮยอนโก : มันง่าย พะย่ะค่ะ ถ้าทรง ถ้าทรงทำลายคันธนู ทุกอย่างก็จะถูกทำลายไปด้วยพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก ทรงเปิดหีบอีกหีบ ข้างในคือด้ามพระแสงดาบของกษัตริย์จูมง ทรงหยิบมาตีเบาๆ ที่ฝ่าพระหัตถ์อีกข้างเล่น ๆ ตรัสว่า มันดูเหมือนจะทำลายไม่ได้ง่ายๆทรงนึกถึงวันที่ โซคีฮา ใช้ดาบนี้แทงพระหทัยของพระองค์ในการทดสอบดาบคาอูริ ที่ท้องพระโรง เกิดแสงสว่างจนดาบละลายเหลือแต่ด้ามนี้หล่นลงพื้น
ผู้อาวุโสโคมิล : ถ้ามันถูกทำลายเช่นนั้น กษัตริย์จูชินก็ต้องตายไปด้วย กราบทูลย้ำอีกว่า สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ผู้พิทักษ์และกษัตริย์จูชิน จะต้องตายหมดพะย่ะค่ะ
ฮยอนโก : เพราะเหตุนี้มันถึงได้ซ่อนอยู่ในพระแสงดาบศักดิ์สิทธิ์ของกษัตริย์ จูมง มีแต่หัวใจของกษัตริย์จูชินเท่านั้นที่จะเปิดเผยได้ (ดาบแทงที่หัวใจของกษัตริย์จูชิน)
ผู้อาวุโสโคมิล : ความลับนี้ไม่สามารถเปิดเผยต่อโลก โปรดทรงอนุญาตให้พวกเราทำลายมันด้วยพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก ทรงแย้มพระโอษฐ์ : มันไม่ประหลาดหรือ ทำไมสวรรค์ส่งอำนาจมา แล้วทำไมท่านฮวานอุง ต้องซ่อนไว้ แล้วทำไมท่านถึงได้ทิ้งสิ่งนี้ไว้ ทรงยกด้ามพระแสงดาบขึ้นมาทอดพระเนตร แล้วทรงหันไปทาง ฮยอนโก : ท่านไม่เห็นด้วยหรือ ฮยอนโก เงียบไม่ทูลความใดๆ
ทัมด๊ก : หรือมีแต่ข้าคนเดียว
ทรงโยนด้ามดาบเล่นเบาๆและหล่นลงพื้น สองผู้เฒ่าโคมิล ตกอกตกใจ เสียยิ่งนัก
ฮยอนโก : อย่าทรงทำเช่นนั้น ทัมด๊ก ก้มพระองค์ เก็บด้ามพระแสงดาบขึ้นมา
ขุนพลโก เข้ามา : ฝ่าบาท ชายแดนทางใต้ส่งสารมา แพคเจเข้าโจมตี พวกนั้นมุ่งหน้ามาทางป้อมซูกุ๊ก พะย่ะค่ะ ทัมด๊ก ทรงหันมา ฮยอนโก และผุ้อาวุโส ออกไปอีกด้าน



ทัมด๊กเสด็จไปที่ห้องทำงาน
ฮยอนโก กราบทูลว่า : หมู่บ้านโคมิลได้ส่งรายงานมาถวายพะย่ะค่ะ นำทัมด๊กเสด็จไปที่แผนที่ ทูลว่า นี่คือป้อมซูกุ๊ก เราคิดว่าพวกนั้นจะไปป้อมควานมี แต่เราคิดผิด
ทัมด๊ก : พวกนั้นคงจะรู้ว่าขุนพลคากิน เป็นผู้บัญชาการป้อม ควานมี พวกนั้นคงไม่มีโอกาสไปถึง
ขุนพลโก : ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว หม่อมฉันเตรียมม้าสำหรับเดินทางได้เร็วที่สุดพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : ท่านอาจารย์ แม่ทัพจินมู ยังเป็นหัวหน้ากองทหารแพคเจหรือ
ฮยอนโก : กษัตริย์ อาชิน เป็นหัวหน้ากองทหารม้า 5 พันนาย
ทัมด๊ก : กองทหารม้า ?
ฮยอนโก : เป้าหมายของพระองค์ คงจะถึงที่นั้นอย่างรวดเร็วพระเจ้าค่ะ
ทัมด๊ก ไปบอกป้อมซูกุ๊ก ให้ต้านทานการโจมตีไว้ บอกพวกเขาว่าข้าจะไปด้วยตัวเอง
ขุนพลโก กราบทูลว่า
ป้อมปราการ ซูกุ๊ก ล้อมรอบไปด้วย ภูเขา ทางด้านตะวันออก ตะวันตก และที่ราบทางใต้ มีแม่น้ำไหลผ่านอยู่ด้านหน้า ของป้อม เป็นพื้นที่ทำการเกษตรที่กว้างใหญ่ และการต้านทานก็ค่อนข้างอ่อนแอ หม่อมฉันไม่รู้ว่าพวกเขาจะรอดจากการโจมตีจนกว่าเราจะไปถึงได้หรือไม่
ทัมด๊ก เสด็จออกมาลานข้างนอก มีขุนพลโก และชอโร
ทัมด๊ก : พวกเราจะขี่ม้าไปโดยไม่ต้องหยุดพัก
จูมูชิ : ฝ่าบาท เราต้องสวมเสื้อเกราะนั่นหรือพะย่ะค่ะ มันไม่ค่อยเหมาะกับหม่อมฉัน ยกมือขึ้นทำท่าทาง
ทัมด๊ก จับแขนจูมูชิ แบบกันให้ออกไปห่างๆ หน่อย เกะกะทางของพระองค์ : บาซอนทำเป็นพิเศษให้เจ้า
จูมูชิ : หม่อมฉันควรจะขอยกเลิกตำแหน่งแม่ทัพ ( เพราะไม่อยากสวมเสื้อเกราะเนี่ยนะจูมูชิ เอ๊ย)
ทัมด๊ก :จะมีคนช่วยใส่ให้เจ้า จูมูชิ ทำท่า งง งง ทัมด๊ก เสด็จ จากไป และตรัสว่า : เจ้าไม่รู้วิธีใส่เสื้อเกราะ ไปถามนางดู จูมูชิ วิ่งออกไป ด้านหนึ่ง แล้วนึกได้ว่าผิดทาง วิ่งกลับมาอีกด้าน ทัมด๊ก ทรงพระสรวล : ทำไมเราต้องผลักดันเขาด้วย
ขุนพลโก ทูลว่า : ทำไมฝ่าบาทไม่ทรงมีพระบัญชา ถ้าพวกเขาไม่เชื่อฟัง ก็โบยสัก 10 ที หรืออะไรทำนองนั้นล่ะพะย่ะค่ะ ทัมด๊ก ทรงพระสรวล ชอบพระทัยในข้อเสนอนี้ ชอโร ที่ยืนใกล้ๆ ขุนพลโก ยืนยิ้ม ( พ่อรูปหล่อผมยาว เฮ้อ)
จูมูชิ ใส่เสื้อเกราะพิเศษที่บาซอนตั้งใจทำให้ โดยมี ดัลบี เป็นคนสวมใส่ให้ และได้กอดดัลบี บาซอน พลอยมีความสุขไปด้วย

ในประวัติศาสตร์ กษัตริย์ DAMDEOK โปรดให้ประชาชนเรียกพระองค์ว่า YEONGNAK ( และที่โคคุเรียวก็เหมือนที่เมืองจีน เช่น เรียกกษัตริย์ อ้ายซินเจียหลอ หรือ หงลี่ ที่มีฉายาว่าเฉินหลง และใช้คำแทน ปี ต่างๆ ที่อยู่ในระหว่างการครองราชย์ว่า เฉินหลง ปี ที่ 5 เฉินหลงปีที่ 10 แบบเดียวกัน)

ปีที่ 3 ยองนัก การโจมตีของแพคเจต่อป้อมควานมี แพคเจถอยเมื่อกองกำลังสู้กลับ กษัตริย์อาชินแห่งแพคเจ ยังคงประกาศสงครามต่อไป แต่ละครั้งฝ่าบาททรงนำกองทัพและต่อสู้กับพวกนั้นจนได้ชัยชนะ
ปีที่ 4 ยองนัก แพคเจ โจมตีป้อมซูกุ๊ก ฝ่าบาททรงได้รับชัยชนะด้วยทหาร 5 พันนาย
ปีที่ 5 ยองนัก ชัยชนะครั้งสำคัญต่อแพคเจ ฝ่าบาททรงนำทหาร 7 พันนาย ต่อสู้กับแพคเจ 3 หมื่นนาย และจับทหารแพคเจ 7 พันนาย เป็นเชลย
อาลักษณ์เดินถือสารมาที่กระโจม
ฮยอนโก กราบทูลว่า ว ฝ่าบาทนี่เป็นเวลาที่ทรงรอคอย รายงานกล่าวว่า
กษัตริย์อาชินพยายามระดมทหาร และเสบียงก็กำลังน้อยลงมาก
มีรายงานจากชิลลา ว่า คนที่ไม่อยากเป็นทหารได้หนีทัพจากกองทัพของแพคเจ และรวมเข้ากับชิลลา ชิลลานั้นขอให้เราให้ความช่วยเหลือกับผู้อพยพ แพคเจ
ป้อมปราการควานมีทุกอย่างพร้อมแล้ว เรือรบ 30 ลำสร้างเสร็จแล้ว และกองทัพเรือได้รับการฝึกฝนอย่างสมบูรณ์
ที่คอรัลพวกเผ่าต่างๆกำลังวุ่นวายทะเลาะกันเอง เกี่ยวกับที่ตั้งของถนนเส้นทางการค้า
ที่ชิลลา พวกนั้นเคลื่อนกำลังไปยังคายา พวกนั้นพยายามป้องกันไม่ให้คาายาส่งกำลังเสริมเข้าไปในแพคเจ
ทัมด๊ก ทรงหันมาแย้มพระโอษฐ์ (ทรงมีพระมัสสุ -หนวด ด้วย -หล่อ-หน้าเข้ม มาดเข้ม ) เราจะจัดการกับแพคเจ
ทุกคนดีใจผุดลุกขึ้นยืน ฮีกแกหัวเราะลั่น
ทัมด๊ก : กองกำลังแรกจะมุ่งหน้าไปยัง อาริซู เราจะตั้งค่ายเพื่อเรียกความสนใจ ใช้ไม้ชี้ลงไปในแผนที่ (ที่พัฒนารูปแบบโต๊ะประชุมอัศวินอีกแล้ว) กองทหารเรือของเราจะออกจากป้อมควานมีและขึ้นฝั่งที่ แฮอัน
กองกำลังที่ 3 จะประกอบด้วยทหารม้าเหล็ก และจะขี่ม้าอย่างไม่หยุดพักไปยังปราสาทฮัน กองกำลังที่ 2 จะมุ่งตรงไปยังปราสาทฮัน ป้อมปราการต่างๆ ในระหว่างเส้นทางจะผ่านตลอดหลังจากเราได้ปักธง โคคุเรียว ลงแล้ว ด้วยกองกำลังที่รออยู่ ที่ อาริซู เราจะโจมตีปราสาทฮัน จากทุกทิศ

ในปีที่ 6 ยองนัก แห่งรัชสมัยของพระองค์ ในที่สุดสงครามกับแพคเจ ก็เกิดขึ้น ขวัญกำลังใจของกองทัพของฝ่าบาทได้ล่วงรู้ถึงสวรรค์ ทรงเตรียมการเพื่อสงครามนี้มา 4 ปี ตามที่ทรงต้องการ อำนาจของแพคเจได้อ่อนแอลง
กษัตริย์อาชิน ที่มีการเร่งการเกณฑ์ทหารได้ถูกต่อต้านโดยประชาชนที่โกรธแค้นกับสงครามที่ไม่สิ้นสุด ก่อนที่ฤดูกาลจะจบสิ้น ฝ่าบาท ทรงเอาชนะปราสาทฮันได้ วันหนึ่งการการล่มสลายของปราสาทฮัน กษัตริย์อาชินได้เสด็จมาพบฝ่าบาท โดยปราศจากม้าหรือเสลี่ยงคานหาม



กษัตริย์ อาชินและผู้ติดตามมาเข้าเฝ้าทัมด๊ก ในชุดสีขาว
ขุนพลโก :ถ้าทรงมาเพื่อขอร้องชีวิต ควรที่จะทรงคุกเข่าลง
อาชิน : ก่อนที่ข้าจะก้มหัวให้ กษัตริย์ผู้พ่ายแพ้ มาเพื่อขอร้องต่อกษัตริย์ผู้ชนะ
ทัมด๊ก : ข้ากำลังฟังอยู่
อาชิน : บรรดาพันธมิตรของแพคเจ ก็คือ คายาใต้ และแพคเจตะวันตก จะข้ามทะเลมา ถ้าหากทรงต้องการทั้งหมดนั่น ทรงต้องฆ่าและต่อสู้ไปอีก 1 ปี
ฮีกแก : เรื่องเหลวไหลอะไรกัน แพคเจต่างหากที่เริ่มต้นก่อสงครามก่อนเสมอมา และทุกครั้งทรงวิ่งหนี เราช่วยพวกท่านไว้
อาชิน : เราได้ยินมาว่า กษัตริย์แห่งโคคุเรียวไม่สนใจดินแดน แต่เป็น พี่น้อง ทรงโปรดอนุญาตให้เรายังคงชนชาติแพคเจไว้ และป้องกันมิให้มีการนองเลือดของคนบริสุทธิ์
ฮีกแก : อะไรนะ เลือดของคนบริสุทธิ์
ทัมด๊ก : ทรงต้องการรักษาชาติไว้ หรือทรงต้องการรักษาชีวิตกันแน่



อาชิน ทรุดองค์ลงคุกพระชานุ : ข้าอาชินแห่งแพเจขอคุกเข่าต่อกษัตริย์โคคุเรียว ข้าขอสาบานต่อสวรรค์ว่า ข้าจะขอรับใช้และจงรักภักดีต่อพระองค์ รับแพคเจในฐานะเมืองน้องของโคคุเรียว และรับหม่อมฉันไว้ในฐานะทาสด้วยพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : ให้ชีวิตของพระองค์มา แล้วข้าจะรักษาแพคเจและแต่งตั้งกษัตริย์
ทั้งขุนพลโก และฮีกแกแปลกใจหันมามอง ทัมด๊ก อาชิน เงยพระพักตร์แบบคาดไม่ถึง แต่ก็ใจเด็ด ทูลว่า :
หม่อมฉันจะตอบแทนพระองค์ในชาติหน้า เบือนพระพักตร์มาที่ขุนพลโก จะทรงให้หม่อมฉันขอยืมดาบได้หรือไม่
ทัมด๊ก พยักพระพักตร์ จูมูชิหยิบดาบสั้นจากอกเสื้อ ส่งให้ขุนพลโก เอาดาบยื่นไปที่ อาชิน ผู้ติดตามของอาชินพากันร้องไห้ อาชิน ทรงชักดาบออกจากฝัก เหลียวไปสั่งผู้ติดตาม ว่า กษัตริย์จะทรงรักษาสัญญา เชื่อพระองค์ และดำเนินการต่อไป แล้วทรงค่อยๆยกดาบขึ้นจะเชือดพระศอ ทรงด๊ก ทรงใช้พระแสงดาบปัดดาบสั้นหล่นลงพื้น ตรัสว่า : แพคเจสอนในสิ่งเดียวกันหรือไม่ โคคุเรียวและแพคเจ เป็นชนชาติพี่น้องกันตั้งแต่สมัยกษัตริย์จูมง พวกเราทั้งหมดเป็นพลเมืองของจูชิน และยื่นพระหัตถ์มาให้อาชินจับขยับพระองค์ขึ้น
ฮีกแก : ฝ่าบาททรงเชื่อเขาได้อย่างไร นาทีที่เราหันหลังกลับ เขาก็จะรวบรวมทหารอีก เขาจะรวบรวมกำลังทหาร จนกว่าจะพอที่จะโจมตีเรา
ทัมด๊ก : ดูแลแพคเจให้ดี แล้วทรงหันไปทางบรรดาแม่ทัพของโคคุเรียว ตรัสว่า เตรียมกองทัพ เราจะกลับปราสาทโกกแน บรรดา แม่ทัพ รับพระบัญชา พะย่ะค่ะ
ฮีกแก : ฝ่าบาท
ฮยอนโก : ทรงอนุญาตให้พวกเขายังคงเป็นแพคเจต่อไปหรือพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : นั่นคือแผนของข้า
ฮยอนโก : พวกนั้นจะแทงเราข้างหลังนะพะย่ะค่ะ บางที... ฝ่าบาทจะทรงเสียพระทัย
ทัมด๊ก : ข้าพร้อมจะเสียใจ
ฮยอนโก : แล้วจะทรงทำทำไม
ทัมด๊ก : เพราะว่าข้าได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้ากำลังต่อสู้กับสวรรค์
ฮยอนโก : ต่อสู้กับสวรรค์
ทัมด๊ก : การเป็นกษัตริย์จูชิน สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้ง สี่ ท่านรู้ไหมว่า ข้าเกลียดมันแค่ไหน
ฮยอนโก : อะไรพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : ท่านรู้ไหมว่า ข้าสูญเสียมากแค่ไหน เพราะมัน เสด็จแม่ของข้า เสด็จพ่อของข้า ประชาชนของข้า
ฮยอนโก : ฝ่าบาท



ทัมด๊ก : ข้าต้องการก่อตั้งชนชาติจูชิน โดยไม่ต้องการความช่วยเหลือจากสวรรค์
ฮยอนโก ค้านว่า: มนุษย์จะก่อตั้งชนชาติจูชินโดยไม่มีความช่วยเหลือจากสวรรค์ได้อย่างไร มันจะทำได้อย่างไร
ทัมด๊ก : อย่างนั้นหรือ ประชาชน อ้อนวอน ขอร้อง และร้องไห้ ขอความช่วยเหลือ นั่นคือสิ่งที่สวรรค์ต้องการหรือ
ฮยอนโก หมดปัญญาจะทูลตอบตามเคย (ทั้งที่ ฮยอนโก เฉลียวฉลาด รอบรู้ และทันคน ที่สุดในบรรดาตัวละคร ยกเว้น พระเอก ทัมด๊ก และผู้ร้าย แทจังโร ) ทำท่าจะตอบ แต่หาคำมาทูลตอบไม่ได้
ทัมด๊ก ทรงจับขวดน้ำหอม ทรงรำพึงว่า เจ้าไปอยู่ที่ใด และกำลังทำอะไรอยู่



ที่วัด อาบูลันซา
โซคีฮาส่งคนตามหา ซูจินี แต่ไม่มีใครหาพบ : เราหาคนชื่อซูจินีไม่พบ ปราสาทโกกแนก็ตามหานางเช่นกัน แต่ก็ยังหานางไม่พบ
โซคีฮา : มันมีทางเป็นไปได้นางอาจ จะเป็นฟินิกซ์ดำ เป็นเหตุให้นางต้องจากไปหรือนางอาจจะเปลี่ยนชื่อ นางเก่งทางยิงธนู ไปหาผู้หญิงในวัยเดียวกันและเก่งทางยิงธนู ตามนางไปจนสุดขอบฟ้า นางเป็นน้องสาวของข้า
ทหารฮวานเซิน : ขอรับนายหญิง

จูมูชิ แต่งงานกับ ดัลบี และกำลังตั้งท้อง จะคลอดในเดือนหน้า และเป็นลูก แฝด ท้องใหญ่มากจริงๆ
ฮยอนยอง สงสัยและถามมันดักว่า : ที่ข้าได้ยินว่าเผ่าของเจ้าไม่ยอมรับดินแดนที่ฝ่าบาททรงมอบให้ นั่นเคยเป็นเป้าหมายของพวกเจ้า นี่เกิดอะไรขึ้น
มันดักตอบว่า พวกเราตัดสินใจกันว่า พวกเราต้องการถนนทุกเส้นในโลกนี้
บาซอนสงสัย : เจ้าจะเป็นเจ้าของถนนได้อย่างไรจะไปเขียนชื่อไว้บนถนนเช่นนั้นหรือ
มันดักตอบว่า พวกเรากำลังจัดตั้งกลุ่มการค้าขายขึ้น จนถึงสุดขอบโลก เราจะขนส่ง ซื้อและขาย สินค้าทั่วทุกมุมโลก
(โอ้โฮ เหลือเชื่อ ชนเผ่าเร่ร่อน ทหารรับจ้าง พื้นเพจากพวกชาวป่าพื้นเมืองด้วยซ้ำ มีวิสัยทัศน์กว้างไกลแบบนี้ คงซึมซับมาจาก ทัมด๊ก มั้ง.. มันดัก และซีอู พัฒนาขึ้นตามกาลเวลาจริงๆ)
ฮยอนยอง เอ่ยถามบาซอน ว่านี่ซูจินี จากไป กี่ปีแล้ว 8 หรือ 9 ปี ที่ซูจินี ของเราจากไป
บาซอน ทุบ แขน ฮยอนยองโดยแรงจนเซ : นางไม่ได้จากไปอย่างถาวร นางอาจจะอยู่อย่างดี ณ ที่ใดที่หนึ่ง ตอนนี้...อาจแต่งงานมีลูกไปแล้ว
ทั้งหมด นั่งคุยกันไป มอง จูมูชิ กับ ดัลบี ที่ กำลังใส่เสื้อเกราะอย่างยากลำบากให้จูมูชิ ใส่ไปสอนไป ว่า ถ้าฝ่าบาท ทรงมีรับสั่งให้ไป ท่านก็ต้องไป ทรงมีรับสั่งให้หยุด ก็ต้องหยุด อย่าไปทำอะไรตามใจตัวเอง ข้าควรจะไปด้วย ฝ่าบาททรงประทับที่นี่นานแค่ไหน ทรงกลับมายังไม่นานเลย ทรงอยู่แต่ในสนามรบ ข้ากังวลว่าพระพลานามัยจะเป็นอย่างไร ทรงมีใครดูแลพระองค์บ้างไหม
จูมูชิ ได้แต่ จะพูด แต่ ไม่ทันจบประโยค เพราะดัลบี ไม่สนใจฟัง กล่าวร่ายยาวไปเรื่อยๆ
ข้าไปทำเช่นนั้นเมื่อไร.....อย่าพูดเช่นนั้น.....ภรรยาของข้า...เมียของข้า....ผลที่สุดทำท่าจะจุ๊บแก้มดัลบี โอพระเจ้า พอดีมีเสียงนกร้อง ดัลบีตกใจสลัดจูมูชิ ที่กอดตนเองอยู่ :นั่นคงจะมีข่าวอีกแล้ว
จูมูชิ : เจ้านกบ้า
ดัลบีหน้าคะมำ จูมูชิ คว้าไว้ บ่นว่า ระวังหน่อย ระวัง จุ๊บเสียทีหนึ่ง



ทัมด๊ก ต้องเตรียม สงครามอีก
คราวนี้เพราะพวกยาน พวกยานกำลังมุ่งหน้า มาชายแดนของโคคุเรียว ด้วยทหาร 3 หมื่นคน ทั้งที่ ยานได้สูญเสียกษัตริย์ และ ทหาร ถึง 4 แสนคน ในการทำสงครามกับ มูกุย เมื่อปีที่แล้ว
ฮยอนโก : หม่อมฉันสงสัยว่า อะไรทำให้พวกนั้นข้ามพรมแดนเข้ามา
องครักษ์ ทูลว่า : ฝ่าบาทคนจากชิลลาขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ ชิลลายังได้ขอความช่วยเหลือจากโคคุเรียว เพราะมีการบุกรุกเข้าไปที่ ชิลลา จากป้อม นัมโก ถึงปราสาทชิลลา

ยอนโฮแก อยู่ที่หน้าแผนที่ถามถึงสถานการณ์ของแพคเจตอนนี้
ขุนนางสาวกฮวาเซิน : กษัตริย์อาชิน ไม่ใช่คนที่จะเจรจาด้วยง่ายๆ ทรงไม่ยอมเคลื่อนทัพตามความต้องการของเรา
ยอนโฮแก : เช่นนั้น ข้าจะหาเหตุ ที่ทำให้พระองค์เคลื่อนทัพ ในคายามีกองทหารเว่ยสักเท่าใด
ขุนนาง : เว่ยยังคงส่งทหารไปคายา
ยอนโฮแก : ส่งทหารไปโจมตี ชิลลาต่อไป เพื่อให้ชิลลาขอความช่วยเหลือไปที่โคคุเรียว มันจำเป็นที่เราต้องแบ่งทหารโคคุเรียวออกไป
ทั้งหมดเกิดจาก ฮวาเซิน ที่มี ยอนโฮแก เป็นแม่ทัพ และกองทหารเว่ย ยอนโฮแก กำลังหาทาง ให้กษัตริย์อาชิน เคลื่อนกองทัพ ยอนโฮแก นั่งคิดว่า กษัตริย์แห่งโคคุเรียว จะทำอย่างไร จะช่วยชิลลา หรือมาเอาป้อม ในยาน คืน ไม่ว่าเลือกอย่างใด ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แพคเจ จะรอคอยเจ้าอยู่ทางใต้ เคลื่อนไหว สิ..

ทัมด๊ก ทรงไตร่ตรอง
ดัลโก กราบทูลว่า : ฝ่าบาท พวกนั้นโจมตีป้อมชิน พระเจ้าค่ะ
ทัมด๊กตัดสินพระทัย : ท่านแม่ทัพ ข้าจะให้กำลังพลกับท่าน ห้าหมื่นนาย
ฮีกแก ตกใจ ถามคนอื่นๆ ว่า ข้าหรือ ห้าหมื่นนาย ทรงให้ทหารกับหม่อมฉัน ห้าหมื่นนายหรือพะย่ะค่ะ ทัมด๊ก : ห้าหมื่นนายรวมทั้งทหารม้า พาพวกนั้นไปขับไล่ศัตรู ออกไปให้สุดแดน คายา บดขยี้ศัตรูให้จมดิน (นอกจากมาดเข้มแล้ว เริ่ม ห้าว เหี้ยม อีกต่างหาก)
ฮีกแก ได้สมอารมณ์หมายคราวนี้แหละ : นั่นเป็นสิ่งที่หม่อมฉันต้องการทำพะย่ะค่ะแพคเจจะไม่สามารถทำอะไรได้โดยไม่คาดคิด
ทัมด๊ก มีรับสั่งให้ดัลโก ไปตาม 2 แม่ทัพ ท่านเสือขาวคงอยู่ที่บ้าน ท่านมังกรน้ำเงินคงจะอยู่ในป่า

ยอนโฮแก ก็ได้รับรายงานว่า กษัตริย์โคคุเรียว ทรงนำทัพเล็ก 7 พันนาย มุ่งหน้ามาทางนี้
ยอนโฮแก สั่งเคลื่อนทัพ กลุ่มแรกจะมีราว 2 หมื่น ทุก ๆ 10 วัน อีก 2 หมื่นคน เข้าไปร่วมด้วยหากพวกนั้นมาถึง อาบูลันซา
โซคีฮา สั่งแทจังโรว่า เราต้องวางกับดัก สำหรับกษัตริย์แห่งโคคุเรียว เราต้องวางกับดัก เป็นท่านดีที่สุด มีคนพูดกันว่าสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ อีก สองอย่างเก็บไว้ที่หมู่บ้านโคมิล ท่านไปเอามาให้ข้าได้ไหม ข้าได้ยินมาว่าท่านสะกดคนจำนวนหนึ่งในหมู่บ้านโคมิล ท่านควบคุมเขาได้
: ไปเอาสัญลักษณ์ เสือขาวและเต่าดำกลับมา ข้าจะคืนดินแดนแห่งเผ่าเสือ ที่ท่านต้องการนักหนาให้
แทจังโร ยิ้ม หัวเราะ ถูกใจ สมใจ เป็นอย่างยิ่ง



ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในโคคุเรียว
โกอูน เดินทางเพื่อไปเข้าเฝ้า กษัตริย์แห่งโคคุเรียว ระหว่างทาง ได้ พบซูจินี และ เด็กน้อย เปิดร้านขายอาหารเล็ก ๆ ที่หมู่บ้าน
ซูจินี ถามโกอูนว่า : อะไรทำให้ท่านมาถึงที่นี่ ที่นี่เป็นดินแดนโคคุเรียว แม่ทัพใหญ่แห่งยาน ไม่ควรมาเดินตามลำพังที่นี่
โกอูน : ข้ามาเพื่อส่งสาสน์ให้กษัตริย์
ซูจินี : ฝ่าบาทเสด็จมาที่นี่พร้อมกับกองกำลังที่ป้อม ฮยอนโดหรือ
โกอูน : ข้าไม่รู้รายละเอียด แต่โปรดเชื่อข้าว่าฝ่าบาททรงเรียกข้าเข้าเฝ้าในฐานะเพื่อนร่วมชาติ
ซูจินี : เด็ก ๆ สบายดีหรือ โปรดให้อภัยข้าด้วยที่จากมาโดยไม่ได้ร่ำลา



ที่ป้อมฮยอนโด
โกอูน กราบทูล กษัตริย์โคคุเรียวว่า: ตอนนี้มีคนๆหนึ่งควบคุมกำลังทหารของยาน รัชทายาทที่ทรงเคยช่วยเหลือ เมื่อคราวก่อนได้ขึ้นครองราชย์ แต่ทรงถูกวางยาพิษสิ้นพระชนม์ เมื่อ 2 ปีก่อน กษัตริย์องค์ปัจจุบันเป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่งของพวกนั้น พวกนั้นอยู่เบื้องหลังอำนาจของ บู ควี และพวกนั้น เป็นคนส่งทหารยานกองแรกเข้าโจมตีในสงครามครั้งนี้
ขุนพลโก : ข้าได้ยินมาว่า ผู้บัญชาการบูควี แต่เดิมเป็นคนโคคุเรียว
โกอูน : ท่านหมายถึง คีโมอิน หรือ เขาเป็นคนที่ทำให้กองทัพบูควี กลายเป็นกองทัพที่น่าเกรงขามในหนึ่งปี หม่อมฉันไม่รู้ว่าเขามาจากโคคุเรียว แต่ได้ยินว่าวิธีการฝึกซ้อมของเขาคล้ายคลึงกับโคคุเรียว พะย่ะค่ะ
นโยบายของเขาคือการโจมตีป้อมชินด้วย ทหารยาน สามหมื่นคนรับคำสั่งเขาพะย่ะค่ะ
ฝ่าบาททหารของยานกำลังถูกใช้ให้เป็นเหยื่อ เราได้รับคำสั่งให้ถอยไป มาโบล เมื่อทรงบุกไปที่ป้อม ชิน
ฮยอนโก : ท่านพูดว่า มาโบลหรือ และได้รับคำยืนยันว่าใช่
ฮยอนโก : ฝ่าบาท อาบูลันซา อยู่ที่ มาโบล อาบูลันซา เป็น กองบัญชาการใหญ่ของฮวาเซิน และ
กองบัญชาการของพวกนี้ตั้งอยู่เหนือต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ พะย่ะค่ะ



จูมูชิ ทักทายว่า ไม่ได้พบกันนานแล้ว
โกอูน ท่านทั้งสองชื่อเสียงโด่งดัง ท่านแม่ทัพน้ำเงินและขาวแห่งโคคุเรียว ข้ารูสึกประหลาดใจเมื่อได้ยินและพบว่า พระองค์ คือกษัตริย์แห่งโคคุเรียว
จูมุชิ หันไปทางชอโร : เขาบอกว่า เราชื่อเสียงโด่งดัง ท่านได้ยินไหม แล้วเอามือตบพุงชอโร ที่ยืนเฉย
โกอูน บอกว่า : ระหว่างทางข้าได้พบอาจารย์ ที่เคยสอนบุตรสาวของข้า เวลามันผ่านไปกี่ปีแล้วนี่ อาจารย์ที่พวกท่านตามหา เราไม่ได้ข่าวคราวของนางเลย แต่ระหว่างเดินทางมาที่นี่ข้าได้พบนางโดยบังเอิญ
เป็นเวลาที่ ทัมด๊ก ทรงเปิดประตู ออกมาพอดี
และพากัน ขี่ม้าไปยังที่ ที่ โกอูน กราบทูล และนำทาง แต่เมื่อไปถึง ก็พบว่า ซูจินี เพิ่ง จากไปไม่นานนัก ชอโร กราบทูลว่าดูเหมือนนางยังไปไม่นาน ถ้าเรารีบตามไปอาจจะพบนาง ทัมด๊กทรงหันพระองค์กลับทันที
ทัมด๊ก ทรงม้า ไปพระองค์เดียว ตามริมฝั่งน้ำ จนเจอท่าน้ำแห่งหนึ่ง มีเกวียน หนึ่งเล่ม จอดอยู่ ผู้หญิงผมยาวกำลังง่วนอยู่กับล้อเกวียน ทัมด๊ก ทรงลงจากหลังม้า เสด็จพระราชดำเนินเข้าไปหา ทอดพระเนตรเห็นเด็กชาย กำลังขว้างก้อนหินเล่นลงในแม่น้ำ เด็กน้อยหันมามองแล้วเอามือจิ้มอกตัวเอง ผู้หญิงผมยาว ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน แล้วหันมา มองผู้มาเยือน เป็น ซูจินี ยืนน้ำตาคลอ ในขณะที่ ทัมด๊ก เสด็จ เข้ามาใกล้ อย่างช้า ๆ

Copyright @ Amornbyj & SUE