Friday, June 6, 2008

เรื่องย่อ ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ ( ตอนอวสาน จบตาม TV )


...ตอนที่ 24 (2)...

ซูจินี วิ่งกลับมาที่ห้อง แต่ว่า ไม่มีอาจิ๊ก อยู่บนเตียงนอนเสียแล้ว ทหารรายงานว่า เด็กถูกพาตัวไปแล้ว
ซูจินี ตกใจ.. ไม่...
ชอโร ดึงแขนซูจินี ซูจินี บอก : ปล่อย อาจิ๊ก กำลังอยู่ในอันตราย แล้วก็สะบัดชอโร
ชอโร : ข้าแน่ใจว่า เขาต้องปลอดภัย อยู่ที่ใดที่หนึ่ง


ซูจินี : พวกฮวาเซินเอาตัวเขาไป
มีสุรเสียงของ ทัมด๊ก ว่า : เกี่ยวอะไรกับฮวาเซิน เกี่ยวเรื่องอะไรกัน?
ซูจินี : หม่อมฉันต้องไปหาเด็ก
ทัมด๊ก ทรงจับแขน ซูจินีไว้ : ทำไมพวกฮวาเซิน ถึงมาเอาตัวเด็กไป
ซูจินี เกิดอาการปากคอสั่น ได้แต่ ทูลว่า : เด็กคนนั้น เด็กคนนั้น แล้วก็ร้องไห้
ทัมด๊ก ทรงสั่งทหาร ว่า : ไปหาตัวเขา ชอโร พยักหน้ารับพระบัญชา
หญิงรับใช้ เอาถุงผ้าใส่จดหมายมาส่งให้ขุนพลโก ขุนพลโกเปิดถุงผ้า
ทัมด๊ก เริ่ม ร้อนพระทัย : มีอะไรหรือ ซูจินี ก็ได้แต่ร้องไห้
ขุนพลโก กางหนังสือออกอ่าน แล้วก็ตกใจ..... ฝ่าบาท


ทัมด๊ก ปล่อยซูจินี รับหนังสือมาทอดพระเนตร ทอดพระเนตรจบ ทรงหันมาที่ ซูจินี : สารนี้ส่งถึงข้าโดยตรง บอกว่า เขาเป็นโอรสของกษัตริย์จูชิน ทอดพระเนตรหน้าซูจินี แล้วทอดพระเนตรตัวอักษรใหม่ พวกนั้นบอกว่า พวกเขาเอาโอรสของกษัตริย์จูชินไป ถ้าข้าต้องการรักษาหัวใจของเขา ข้าต้องไปที่นั่น และกษัตริย์จูชิน คือข้า หรือสิ่งที่ข้าคิด เช่นนั้น ทรงหันมาที่ซูจินี : นี่ อะไรกัน
ซูจินี : หม่อมฉันไม่สามารถทูลฝ่าบาทได้ เพราะหม่อมฉันกลัวเช่นนี้ หม่อมฉันกลัวว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้น หม่อมฉันถึงได้ซ่อนตัวอยู่หลายปี
ทัมด๊ก : ข้าถามเจ้าว่า มันหมายความว่าอย่างไร ?
ซูจินี : เด็กคนนั้นอาจิ๊ก เขาเป็นโอรสของฝ่าบาท และเป็นลูกของพี่สาวหม่อมฉันเองเพคะ
ทัมด๊ก ทอดพระเนตร ซูจินี แบบ... คาดไม่ถึง


ซูจินี นั่งลงบนเก้าอี้ เพราะหมดแรงจะยืน ทัมด๊ก ทรงจับพนักเก้าอี้ตัวที่อยู่ใกล้ ซูจินี
ทัมด๊ก : เจ้าบอกว่า เด็กคนนั้นเป็นลูกของข้า ? และนางเป็นพี่สาวของเจ้า
ซูจินี : หม่อมฉันอยากให้มันเป็นเรื่องไม่จริง หม่อมฉันหวังว่า.........หม่อมฉันหวังเป็นอย่างมากว่า มันจะเป็นเรื่องไม่จริง
(ทัมด๊ก ทรงทอดพระเนตร ซูจินี นิ่งมาก หลังจากอ่านสารและทราบว่า อาจิ๊ก คือพระโอรส เดาไม่ถูกว่าทัมด๊ก ทรงรู้สึกอย่างไรแต่สำหรับตัวเอง รู้สึกว่า ทัมด๊ก ทรงรู้สึกว่าคาดไม่ถึงรวมทั้งผิดหวังในพระทัย ที่ซูจินี ไม่บอกความจริงแต่ต้น และทำให้เรื่องบานปลาย หากทรงทราบว่าเป็นพระโอรส ต้องทรงระมัดระวังเข้มงวดในการอารักขา เพราะมักจะทรงรอบคอบ สุขุม และ คิดป้องกันสถานการณ์ ที่เลวร้ายที่สุดไว้เสมอๆ หากท่านอื่นรู้สึกเป็นอย่างอื่น ก็ขออภัย แล้วแต่ความคิดของแต่ละท่าน)
ทัมด๊ก : เจ้าก็เลยคุ้มครอง อาจิ๊ก ตลอดเวลาที่ผ่านมาด้วยตัวของเจ้าเอง ข้าควรจะทำอย่างไร... ข้าจะพูดอย่างไรดี
ซูจินี พูดอะไรไม่ออก ไม่มีวาจาจะกราบทูลต่อ


ขุนพลโก กราบทูลว่า : ฝ่าบาท เราได้ตรวจดูทุกแห่งในป้อมแล้วแต่ไม่พบเขาเลยพะย่ะค่ะ
ชอโร : พวกนั้นคงจะออกไปจากป้อมแล้ว เราไม่พบร่องรอยของเขาเลย
ทัมด๊ก ทรงนิ่งเงียบกับคำทูลรายงาน


มีเสียงเป่าเขาสัตว์ดังขึ้น ฮยอนโก ฮยอนคง เงยหน้าขึ้น ฮยอนคงลุกขึ้นยืน : นั่นเป็นเสียงเป่าพร้อมรบ ฝ่าบาท ทรงเคลื่อนทัพ
ทัมด๊ก เสด็จเข้ามา : ข้ากำลังจะไปอาบูลันซา
ฮยอนโก : ฝ่าบาท


ทัมด๊ก : เราไม่มีเวลา เราจะวางแผนกันในระหว่างการเดินทาง
ฮยอนโก : ทำไมทรงเปลี่ยนพระทัย กระทันหันพะย่ะค่ะ ฝ่าบาท เคยตรัสว่าจะรอพวกนั้น ฝ่าบาทจะทรงรอจนกว่าพวกนั้นจะหมดความอดทน




ทัมด๊ก : ลูกชายของข้าถูกลักพาตัวไป
ฮยอนโก งง และจูมูชิ ทำตาปริบๆ
ทัมด๊ก : หัวใจของเขามีเลือดแห่งสวรรค์อยู่ และด้วยหัวใจดวงนั้น พวกนั้นสามารถปลดปล่อยอำนาจแห่งสวรรค์
ฮยอนโก ยืนอึ้ง
ที่หน้าประตูปราสาท
ฮีกแก ที่ชราผมขาวประปราย ลงจากหลังม้าอย่างยากลำบาก ดัลโกที่มีหนวดเฟิ้ม ต้องคอยรับท่านพ่อพยุง ลงจากหลังม้า


ฮีกแก : ข้าได้ยินว่าฝ่าบาทกำลังจะไปสงคราม ข้าจะนั่งเฉยๆ ในชิลลาได้อย่างไร ข้าหมดความอดทนถึงได้กลับมา (พอพูดเราจะเห็นว่าฮีกแกฟันหลอเชียว) นั่นเสียงเป่าเขาอะไร เรากำลังจะไปสงครามหรือ
ฮยอนคง จดบันทึกว่า ด้วยทหารของ แม่ทัพฮีกแก เวลานี้ทำให้ฝ่าบาททรงมีทหารทั้งสิ้นสี่หมื่นนาย ในขณะที่ศัตรูมีกำลังทหารหนึ่งแสนนาย แม้เราจะมีทหารน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของศัตรู แต่ขวัญและกำลังใจของทหารโคคุเรียว ฮึกเหิม นี่เป็นสงครามที่ยิ่งใหญ่ กษัตริย์จูชิน ทรงกำลังไปทวงคืนอำนาจแห่งสวรรค์

ที่ วัดอาบูลันชา ที่ลานกว้างที่ตั้งของแท่งหิน
โซคีฮา เดินมากับยอนโฮแก (ตอนแรกก็ใจหาย นึกว่า ทั้งคู่ อยู่แบบเป็นคู่ครองกันแล้ว)
โซคีฮา บอกกับยอนโฮแก : มันเกือบจะสำเร็จแล้ว ไปเอาหัวใจของ ทัมด๊ก มา ข้าจะช่วยท่าน
ยอนโฮแก : ถ้าหัวใจของกษัตริย์จูชิน สามารถดึงอำนาจจากสวรรค์
โซคีฮา : ทำมันก่อนที่ผู้อาวุโสจะทำ เอาอำนาจมาให้กับตัวท่านเอง
ยอนโฮแกเหลือบสายตามองเบื้องบน : ท่านต้องการให้ข้าได้อำนาจแห่งสวรรค์หรือ ?
โซคีฮา ไม่ตอบ
ยอนโฮแก : ข้าสงสัยเสมอมาว่า ท่านจะตายไปพร้อมกับเขาหรือ?.
โซคีฮา หลับตา ทำท่าเหมือนจะระบายสิ่งที่อัดแน่นในอก ออกมา
ยอนโฮแก : เหมือนครั้งที่ท่านแทงดาบศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่หัวใจของเขา ข้าจะทำอย่างไรที่จะรักษาชีวิตของท่านได้บ้าง(หน้าตา ยอนโฮแก เศร้าสร้อย)
โซคีฮา น้ำตาปริ่มดวงตา แล้วก็ไหลรินลงมา ยิ้มให้ ยอนโฮแก : เขาพูดกันว่า คนที่ได้ครอบครองอำนาจแห่งสวรรค์จะมีชีวิตที่เป็นอมตะ ท่านจะรอข้าไหม หลังจากข้าปลดปล่อย ความขมขื่นในชีวิตนี้ไป เราจะพบกันอีกครั้ง เอื้อมเอาฝ่ามือตัวเอง วางทาบที่หัวใจของยอนโฮแกหลับตาลง สัญญากับข้าสิ ..
ยอน โฮแก วางมือตัวเองซ้อนทับลงไป บนมือของโซคีฮา และหัวใจของตัวเอง
โซคีฮา ค่อย ๆดึงมือตัวเองออกมา ยอนโฮแก ค้างมือตัวเองไว้ที่เดิม อีกครู่หนึ่ง ( เหมือนอยากเก็บรอยอุ่นแห่งไอมือของโซคีฮาให้ตราตรึงแนบแน่นในหัวใจตลอดไป เป็นพลังในการเข้าสู่สงคราม กับผู้ที่ ยอนโฮแก ยอมรับว่า คนคนนั้นกษัตริย์ จุชิน มิใช่แค่กัตริย์แห่งโคคุเรียวเท่านั้น)
แล้วยอนโฮแกก็ ตัดใจ เดินผ่านโซคีฮาออกไป แทจังโร ยืนมองทั้งคู่ อยู่ที่ชั้นบนสุดของบันได

ที่สมรภูมิรบ ทุ่งราบที่กว้างใหญ่ ไม่ไกลจาก วัด อาบูลันซา
ทัมด๊ก ทรงนำทหารมาประจันหน้ากับกองทหารยานและฮวาเซิน ที่ดูมากมาย เพราะมีจำนวนรวมเป็นแสน ในระยะห่าง
ทัมด๊ก ทรงม้า ประทับสงบนิ่ง ทหารของพระองค์ที่มีจำนวนน้อยกว่าทหารของศัตรูข้างหน้า น้อยกว่ามากแต่ทหารโคคุเรียวก็ไม่ประหวั่นพรั่นพรึง


ยอนโฮแก ที่วันนี้ก็ดูสง่างาม นั่งบนหลังม้า มองมายังทหารฝั่งโคคุเรียว เช่นกัน
แม่ทัพ ฮีกแก ตะโกนกราบทูล : ฝ่าบาท ทรงมีพระบัญชากับพวกเราเถิดพะย่ะค่ะ การเตรียมการของพวกเราเสร็จแล้ว พะย่ะค่ะ
ฮยอนโก พูด กับฮีกแก ไม่ดังนักว่า : มันไม่จริง เรามีอีกอย่างหนึ่งที่ต้องทำ แล้วหันไปกราบทูล ทัมด๊ก ว่า : หม่อมฉันพูดถูกไหมพะย่ะค่ะ


ทัมด๊ก ทรงชักม้าหันพระพักตร์กลับมา ยังกองทหารของพระองค์ ทรงมีพระราชดำรัสว่า : ศัตรูมีจำนวนมาก และเรามีคนน้อยกว่า แต่ พวกเราจะได้รับชัยชนะ ทำไมหรือ เพราะพวกเราไม่เคยรู้จักกับคำว่า พ่ายแพ้
ฮีกแกหัวเราะอวดฟันดำปี๋ ( ถ้าเป็นคนไทย ต้องว่า ฮีกแก กินหมากจนฟันดำปี๋ แต่ไม่รู้ว่า ฮีกแก ไปกินอะไรที่ชิลลามา ฟันท่านปู่แม่ทัพของจูมูชิ ถึงดำแบบนี้ ก่อนไปชิลลาตามพระบัญชา ฟันท่านปู่ก็ยังดูดีอยู่นี่นา)
แล้วทหารทุกคนในแถวหน้า ก็พากันหัวเราะ และ หัวเราะ ตาม ๆกัน


ทัมด๊ก ทรงแย้มพระโอษฐ์ (ยิ้ม) (ถ้าทรงพระสรวล ก็ หัวเราะ)
ข้าจะอยู่ข้างหน้าเจ้า ขี่ม้านำหน้าไปยังศัตรู ตามข้ามา อย่าคลาดสายตาไปจากข้า ทำให้ดี
ทหารรับคำอย่างฮืกเหิม
ทัมด๊ก : ทหารของข้า พี่น้องของข้า
ทหาร : พะย่ะค่ะ ฝ่าบาท
ทัมด๊ก : เจ้าเห็นข้าอยู่ข้างหน้าเจ้าไหม
ทหารพากันโห่ร้อง
ทัมด๊ก ทรงชักม้านำหน้ากองทหาร
ฮยอนโก หันไปทางพวกโคมิล : ถึงเวลาแล้ว ศิษย์ ทุกคนค้อมหัวรับคำ
ฮีกแก : พร้อมไหม ทหารร้องรับ พร้อม จูมูชิ ชอโร ซูจินี ในท่าพร้อมแล้วเช่นกัน
ทัมด๊ก ทรงสวมพระมาลาเหล็กเกราะ แล้วทรงชักพระแสงดาบออกจากฝัก ทหารทุกคนชักดาบออกพร้อมเพรียงกัน
ทัมด๊ก ทรงกระตุ้นม้า ส่งพระสุรเสียงตะโกนก้อง สั่ง โจมตี ม้าทรงโลดทะยานไปข้างหน้า นำหน้ากองทหารโคคุเรียว ทรนง องอาจ สง่างาม น่าเกรงขามในพระบารมี
ทหารโคคุเรียวบุกเข้าหากองทัพ เป็นแสนข้างหน้าอย่างฮีกเหิม ไม่พรั่นพรึง ทหารยานและฮวาเซินล้มตายมากมาย


ที่วัดอาบูลันซา
แทจังโร : ภายใต้แท่งหินคืออำนาจแห่งสวรรค์ อำนาจนั้นกำลังจะกลับคืนมายังเผ่าเสือ เรารอคอยเวลานี้มานานแสนนาน
มีผู้ใหญ่ของเผ่านำกล่องสัญลักษณ์มาค้อมตัวส่งให้ โซคีฮา โซคีฮา เปิดฝากล่อง ค่อยๆ เรียงสัญลักษณ์ทีละชิ้นวางลงบนแท่นหินตรงหน้าแท่งหิน สัญลักษณ์เสือขาว มังกรน้ำเงิน ฟินิกซ์ ไม้เท้าที่แสดงอิทธิฤทธิ์ ย่อเหลือเป็นแท่งหินสัญลักษณ์สั้นๆ แทจังโร ใช้สายตาจับจ้องสัญลักษณ์ทั่งสี่


โซคีฮารำลึก ถึงเหตุการณ์ของตนเองกับ ทัมด๊ก มากมาย
ทัมด๊กจับมือโซคีฮา คืนนั้น ที่หมู่บ้านผู้ลี้ภัย โซคีฮาทรุดตัวลงกอด ทัมด๊ก
ทรงจำคืนนั้นได้ไหมเพคะ
ข้าลืมคืนนั้นไปนานแล้ว
ตอนนี้มันจบแล้ว
ทัมด๊ก ท่ามกลางสายฝน สู้กับทหารฮวาเซินไปมองโซคีฮาไป
โซคีฮา เอื้อมมือจะหยุดทัมด๊กที่อารามหลวงในวันทดสอบดาบพิพากษา คาอูริ
โซคีฮา เอาพระแสงดาบ แทงที่พระหทัยของ ทัมด๊ก
โซคีฮา ดึงพระแสงดาบจูมง ออกจากพระอุระ กษัตริย์หยาง ต่างองค์ ต่างคนกระเด็นออกมา
โซคีฮา ที่จะฆ่าตัวตายที่หน้าผา
พระโอรส ในครรภ์ โซคีฮา แสดง บุญญาธิการ โอรสแห่งสวรรค์
ทัมด๊ก ทรงใช้พระแสงดาบตัดเชือกกั้นที่ขึงหน้าประตูอารามชั้นนอก ขาดสะบั้น

ในสนามรบ
ทัมด๊ก ฆ่า ทหารยานและฮวาเซิน ล้มตายมากมาย
ยอนโฮแก ยืนม้านิ่งดูทหารยานและฮวาเซินล้มตาย นานพอสมควร ก็กระตุ้นม้าเข้าสู่การต่อสู้
ในที่สุด... ฮีกแก ก็ถูกดาบของศัตรูพลัดตกหลังม้า ทำท่าทางอ้าปากจะเรียกฝ่าบาท แต่ไม่มีเสียง(ที่พวกเราเคยคุ้น)เล็ดลอดออกมาได้เสียแล้ว ฮีกแกขาดใจตายที่พื้นของสนามรบนั่นเอง


ซูจินี แอบหนีเข้ามาในวัดอาบูลันซา ฆ่า ฮวาเซินไปหลายคน จนมาถึงลานแท่งหิน
โซคีฮา ยืนที่หน้าแท่นหิน
แทจังโร (ผมทรงพังค์ เห็นแล้วเปรี้ยวจนเข็ดฟัน ) รับความรู้สึกว่า มีผู้บุกรุกเข้ามาที่อาบูลันซาหันไปสั่งทหารว่า : อย่าปล่อยให้ใครเข้ามา อย่าปล่อยให้ใครเข้ามาขัดขวาง ทหารฮวาเซิน กรู กันออกไปตามคำสั่ง แทจังโรหมุนตัวกลับ เข้าไปข้างใน
ซูจินี ยิงธนูฆ่าฮวานเซินไปหลายคน
แทจังโรจูงอาจิ๊กออกมา เอามือวางบนกระหม่อมของอาจิ๊ก บอกกับโซคีฮาว่า : เราไม่มีเวลาที่จะเสียอีกแล้ว ทัมด๊ก ได้ฝ่าเข้ามาถึงแนวป้องกันสุดท้ายแล้ว
โซคีฮาหันมา มองเห็นเด็กผู้ชาย ก็ค่อยๆ ก้าวเข้ามาหา : เด็กคนนั้น.....เสียงสั่นเครือ ...เด็กคนนั้นเป็นใคร ...ข้าถามท่านว่า เด็กคนนั้นเป็นใคร..
แทจังโร : เราได้รอคอยเวลานี้มากว่า สองพันปี เอามือออกจากกระหม่อมของอาจิ๊ก ขยุ้มเสื้อที่ไหล่อาจิ๊กแทน แล้วออกแรงผลักอาจิ๊ก ให้เดินลงบันไดมาหาโซคีฮา อาจิ๊กแหงนหน้ามองแทจังโร แล้วก็เดินลงบันได มา ทีละขั้น ทีละขั้น....
โซคีฮา ก็ค่อยๆ เดินเข้ามาหาอาจิ๊ก
แทจังโร : กลับสู่สติของเจ้า นักพรตหญิงแห่งไฟ ตอนนี้แม้แต่โฮแก ก็ไม่สามารถนำเอาหัวใจของกษัตริย์จูชินมาได้ ยกมือชี้ไปที่อาจิ๊ก เด็กคนนี้มีสายเลือดเป็นทายาทที่แท้จริง
อาจิ๊ก มองโซคีฮา ตาแป๋วแหว๋ว บริสุทธิ์
โซคีฮา น้ำตาเริ่มปริ่มขอบตา อีกแล้ว เลือดแห่งทายาทที่แท้จริง
แทจังโร : เขามีสายเลือดแห่งสวรรค์ของพ่อ และสายเลือดของโลกมนุษย์ทางแม่
โซคีฮา : เลือดแห่งทายาทที่แท้จริง ทรุดตัวลงกอดอาจิ๊ก ที่แหงนมองโซคีฮา ตาแป๋ว โซคีฮา มองอาจิ๊ก น้ำตาไหล..อาจจะเป็น ...เด็กคนนี้อาจจะเป็น...? กอดอาจิ๊กน้ำตาร่วง สองมือประคองหน้าอาจิ๊กไว้ มองหน้าอาจิ๊ก แล้วก็กอดอาจิ๊กร้องไห้
แทจังโร : ข้าไม่มีพลังจะทำร้ายเด็กคนนี้ได้ แต่ชีวิตมนุษย์เล็กๆคนหนึ่ง เป็นแค่การจุดประกายเท่านั้น ..แล้วก็เดินลงขั้นบันไดมา พูดต่อว่า : เราไม่สามารถเปรียบเทียบกับสองพันปีที่เราเฝ้ารอคอยเวลานี้ เด็กคนนี้จะดีใจสักเพียงใด ที่ชีวิตของเขาสามารถแลกเปลี่ยนกับอำนาจแห่งสวรรค์ได้ ทำเสียงเข้มขึ้นแบบบังคับ คีฮา.. เร่งเปิดหัวใจเด็กคนนี้สิ
โซคีฮา น้ำตาร่วงพรู เงยหน้ามองแทจังโร ส่ายหน้า เสียงสั่นเครือ : ท่านกำลังขอให้ข้าที่เป็นแม่ของเขา ควักเอาหัวใจของเขาออกมา
แทจังโร : ถ้าหากเป็นข้า ข้าจะยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เสียสละชีวิตของตัวเอง
พูดได้แค่นี้ก็หันหลังกลับ เพราะมีลูกธนูยิงใส่ข้างหลังของ แทจังโร
ซูจินี เข้ามาถึงลานพอดี กระโดดลอยตัวลงมาพร้อมกับลูกธนูที่เสียบหลัง แทจังโร
ซูจินี ตะโกน : อย่าฆ่าเขา แล้วง้างธนูเตรียมพร้อมอีก อาจี๊กหมุนตัวกลับ ยิ้มให้ท่านน้า โซคีฮา รีบดึงลูกมากอดไว้แน่น แทจังโร ดึงเอาธนูออกจากตัวเอง
ซูจินี ละสายตาจากแทจังโร เหลียวมาทางโซคีฮา บอกว่า : เด็กคนนั้นเป็นลูกของพี่
โซคีฮา ทวน คำ ..พี่
ซูจินี หันมามอง แทจังโร ปากก็ขอร้องโซคีฮา ว่า : อย่าทำร้ายเขา และเตรียมปล่อยลูกธนู แต่แทจังโรเอาลูกธนูที่ดึงออกมาขว้างใส่ ซูจินี ล้มลงเพราะพลังแรงของ แทจังโร กระบอกใส่ลูกธนูหลุดออกจากตัว ซูจินี บาดเจ็บ
แทจังโรหมุนตัวทำท่าครุ่นคิด โซคีฮา กอดลูกแน่น เมื่อแทจังโร กระโดดลอยตัวขึ้นสูงพุ่งลงมาหา
โซคีฮา เอาหลังหันให้แทจังโร ปกป้องเอาตัวเองคร่อมร่าง อาจิ๊ก จากเงื้อมมือ แทจังโร
กลายเป็นว่า แทจังโร กระโดดเข้าสิงในร่างของโซคีฮา

ยอนโฮแก ฆ่าทหารโคคุเรียว บุกไปจนพบขุนพลโกที่ลงจากหลังม้ากำลังฆ่าทหาร ยานและฮวาเซิน ยอนโฮแกมองเขม็งแล้วก็ยกทวนเตรียมท่ามั่น แล้วทวนก็พุ่งเข้าใส่ขุนพลโกเต็มแรง ยอนโฮแก ดึงทวนออกมา ขุนพลโก พยายามหันหน้าไปทาง ทัมด๊ก ทัมด๊ก ทอดพระเนตรเห็นพอดี ทรงถอดพระมาลาเหล็กเกราะออก ตลึง กับภาพที่ทอดพระเนตร ขุนพลโกทรุดกองลงที่พื้น ทัมด๊ก ตลุยฆ่าทหารของศัตรูที่ขวางทางจนมาถึงขุนพลโก ทรงเข้าไปประคองขุนพลโก ตรัสเรียก แม่ทัพโก .. ขุนพลโก พยายามเอ่ยเรียก : ฝ่าบาท สายตามอง ทัมด๊ก เหมือนขอกราบถวายบังคมทูลลา (หม่อมฉันไม่มีโอกาสจะได้รับใช้เบื้องพระยุคลบาทของพระองค์อีกต่อไปแล้ว) แล้วก็สิ้นใจ ในอ้อมพระกร ของทัมด๊ก( เศร้าจัง..... กับภาพนี้)
ทัมด๊ก ทรงพระกรรแสง เสียพระทัยสุดซึ้ง ทอดพระเนตรไปที่ ยอนโฮแก ยอนโฮแก เงื้อทวนขึ้นอีกครั้งเป้าหมายคราวนี้คือ ทัมด๊ก ทัมด๊ก ทรงประทับยืนขึ้น ยอนโฮแก กระตุ้นม้าเข้าใส่ ทัมด๊ก ทรงจับทวนของยอนโฮแกได้ทรงยึดไว้โดยแรงจน ยอนโฮแกเสียหลักตกลงจากหลังม้าลงมาที่ข้างศพขุนพลโก พยุงตัวลุกขึ้นมา ทัมด๊ก ทรงแค้นพระทัยสุดสุด เงื้อทวนของ ยอนโฮแก แล้วพุ่งทวนเสียบท้อง ยอนโฮแก ทรงเสียพระทัยครั้งที่สอง ที่ต้องทำเช่นนี้กับยอนโฮแก ผู้ซึ่ง ทัมด๊ก ถือเป็นพระสหายมาตลอด.... จนถึงวันนี้
สายพระเนตรที่ทรงทอดมองยอนโฮแก บอกความรู้สึกในพระทัยในขณะนั้น ยอนโฮแก เงยหน้ามองทัมด๊ก เช่นกัน ตาแดงกล่ำ ทั้งคู่มองกัน แล้ว ยอนโฮแก ก็น้ำตาคลอและล้มลงขาดใจตาย ทัมด๊ก ทรงเสียพระทัยกับทั้งขุนพลโก ขุนศีก ที่จงรัก ภักดี เทิดทูน และเป็นผู้รู้พระทัย พระองค์ ที่สุด และเสียพระทัย ที่ต้องฆ่า ยอนโฮแก เพื่อตอบแทน ให้กับความตายของขุนพลโก ทรงหันไปทอดพระเนตร จูมูชิ และชอโร
( คิดว่า ถ้ายอนโฮแก ไม่เป็นคนฆ่าขุนพลโก ทัมด๊ก คงไม่ฆ่า ยอนโฮแก ...ไหมคะ)

ในวัดอาบูลันซา
แทจังโร ที่สิงอยู่ในตัวโซคีฮา อุ้มอาจิ๊กที่สลบไสล (จะว่าหลับก็ไม่น่าใช่ แต่นอนเฉยมาก)วางนอนบนแท่นหิน ที่วางสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งสี่ไว้ หน้าแท่งหิน
แต่เมื่อยกดาบจะแทงที่หัวใจ อาจิ๊ก จิตใจที่เป็น โซคีฮา ก็ขัดขวางไว้ แทจังโร และ โซคีฮา ต่อสู้กันอยู่ภายในร่างกายของ โซคีฮา เมื่อ พลัง แทจังโร แรงกว่า ก็เข้าหาอาจิ๊ก พยามจะใช้ดาบแทงที่หัวใจ จิตใจ โซคีฮา ที่รักลูก ปกป้องลูก ก็จะทำให้ถอยออกมา ซูจินี ลุกขึ้นมาได้ ก็ตะโกน ว่า พี่..อย่า...วิ่งเข้ามาหา โซคีฮา ดึง โซคีฮา ออกมาจากอาจิ๊ก แทจังโร ที่สิงอยู่ เอามือซัด ซูจินี กระเด็นไปอีก โซคีฮาเห็นน้องกระเด็น ก็ตกใจ พลังจิตก็อ่อนลง แพ้ พลัง แทจังโร แทจังโร กระโดด สะบัดตัว ยกดาบจะแทงอาจิ๊ก ซูจินี โผเข้าไปหา ถูก แทจังโร บีบคอและเอาดาบจะเชือดคอ แล้ว โซคีฮา ก็แว่วเสียงท่านแม่ .... คีฮา เด็กคนนี้เป็นน้องสาวของเจ้า และเจ้าก็เป็นพี่สาว ดาบก็เบนออกจาก ซูจินี แต่ครู่เดียวก็โผเข้าหา ซูจินี ใหม่จะเชือดคอ ซูจินีอีก ในที่สุด แทจังโรใ นร่าง โซคีฮา ก็เหวี่ยง ซูจินี ไปทางแท่นหิน ซูจินี รีบเข้าไปจะอุ้มอาจิ๊กออกมา แทจังโร ก็บังคับ โซคีฮา จับ ซูจินีเหวี่ยงออกไปใหม่ล้มลงกองบนพื้น ซูจินี ชักดาบเข้าหาโซคีฮา กลายเป็น แทจังโร จับดาบ ซูจินีไว้ แล้วก็กลายเป็นโซคีฮา สะบัด ซูจินี อย่างแรง กระเด็นลอยไปล้มหงายหลังที่ขั้นบันได โซคีฮา มองน้องอย่างสงสาร แล้วก็กลายเป็น แทจังโรหันมาทางอาจิ๊ก โซคีฮาพยายามต้านพลัง แทจังโรไว้ พลังของ แทจังโร พยายามกดดาบลงที่อาจิ๊ก คมคาบพลาดเป้าหัวใจของ อาจิ๊ก ปลายดาบกรีดนิ้วมือของ อาจิ๊ก ทีละนิ้ว ทีละนิ้ว มีเลือด ค่อยๆ หยด ออกมา โซคีฮา ตะโกน ไม่....


พอเห็นเลือดของ อาจิ๊ก ติดปลายดาบ และที่นิ้วมืออาจิ๊ก โซคีฮา ก็กรีดร้องก้อง มีพลังสลัด แทจังโร กระเด็น ออกจากร่างของตัวเองออกไปไกล โซคีฮา ร้องไห้ สายตาแดงก่ำ และเริ่มนัยน์ตาแข็งทื่อ...
เมฆ บนท้องฟ้าเคลื่อนตัว มารวมกันมืดคลื้ม แล้วทันใดนั้น โซคีฮา ก็มีไฟลุกท่วมตัว ลอยตัวขึ้นสู่เบื้องบนหน้าแท่งหิน ส่วน แทจังโร ยังจุก กับการสลัด โดยแรงของ โซคีฮา และกระเด็นออกมาไกล ซูจินี ลุกขึ้นได้พอดี โผเข้าอุ้ม อาจิ๊ก ออกมาจากแท่นหิน หลบไปด้านข้าง มีเปลวเพลิงระเบิดโหมกระจายในบริเวณนี้ ทัมด๊ก เสด็จมาถึงพอดี ทรงโอบซูจินีและอาจิ๊ก เอาพระปฤษฏางค์ กั้นบังพลังเพลิง ได้ทันการ
ซูจินี เงยหน้ามอง ทัมด๊ก ทัมด๊ก ทอดพระเนตร ซูจินี ชำเลืองพระเนตร ไปที่ อาจิ๊ก ที่ยังหลับตาซบ ซูจินี อยู่ แล้วทรงหันมาทาง โซคีฮา เสด็จประทับยืนหน้า โซคีฮา ที่ลอยอยู่เบื้องบน
หยดเลือดของ อาจิ๊ก ค่อยๆรวมตัวกัน และค่อยๆไหลไปถูก ไม้เท้า และสัญลักษณ์อื่นๆทีละอย่าง
ในพระหัตถ์ของ ทัมด๊ก มีด้ามพระแสงดาบกษัตริย์จูมง ทรงกำไว้แน่น แล้วทรงหันไปทาง แทจังโร
แทจังโร ที่ลุกขึ้นยืนได้แล้ว ค่อยๆกางสองมือออก มีมนต์ดำ เป็นสายลอยออกมาจากมือทั้งสองข้าง
เลือด อาจิ๊ก ไหลไปถูกสัญลักษณ์เสือขาว สัญลักษณ์ชิ้นสุดท้าย ที่ถูกเลือดของ อาจิ๊ก
ด้ามพระแสงดาบกษัตริย์จูมงเปล่งประกายรัศมีสีขาว
แทจังโร กระโดดลอยตัวขึ้นสูง พุ่งลงมาหา ทัมด๊ก ด้ามพระแสงดาบหายไป กลายเป็นเพียงรัศมี เจิดจ้าในฝ่าพระหัตถ์ของ ทัมด๊ก ทรงใช้ฝ่าพระหัตถ์นี้ปะทะ หน้าอก แทจังโร ที่ลอยเข้ามาถึงพระองค์ ที่บริเวณหัวใจของ แทจังโร แทจังโร กัดฟันสู้ เกร็งพละกำลังทั้งหมดที่มีอยู่ในตัว ทัมด๊ก ทรงบิดพระหัตถ์นิดหนึ่ง แทจังโร ก็ส่งเสียงคำรามและร้องลั่น หน้าตาบิดเบี้ยว เหยเก ทัมด๊ก ทรงออกแรงกระแทกใส่ พลัน แทจังโร ก็ระเบิดกระจุยเป็นเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อย เป็นจุดดำๆ แล้วกลายเป็นควันสายดำๆ รวมตัว ลอยเข้ามาสู่ รัศมีสีขาวของด้ามพระแสงดาบในพระหัตถ์ของ ทัมด๊ก

ผู้เฒ่าเผ่าเสือที่ยืนยงอยู่กับกาลเวลาที่เนิ่นนาน จนนับเวลาไม่ได้ ว่านานเท่าไรแล้ว แทจังโร ผู้ซึ่งไม่รู้จักความตาย ก็ได้หลุดพ้น คำสาปที่เคยขโมยไฟในอดีตกาล ไปเสวยผลกรรมที่ สั่งสมไว้ นานแสนนานในปรโลก
อย่างไรเสีย ซาตานผีร้ายก็ต้องพ่ายแพ้ เทพเจ้าแห่งสรวงสวรรค์ อยู่วันยังค่ำ ธรรมย่อยชนะอธรรม เป็นความจริงแท้แน่นอน

ทัมด๊ก ทรงหันมาทาง โซคีฮา โซ คีฮา ลืมตามอง ทัมด๊ก น้ำตาคลอเศร้าสร้อย เมื่อหลับตาน้ำตาก็ร่วงริน แล้วก็ลืมตาขึ้นมาใหม่
ทัมด๊ก มีน้ำพระเนตรเสียพระทัย ทรงดำรัสกับ โซคีฮา ทางสายพระเนตร ไม่ได้ขยับพระโอษฐ์
คีฮา.. โปรดหยุดเถิด.. ถ้าเจ้าไม่... ข้า..จำเป็นต้องทำ
โซคีฮา น้ำตาไหล มอง อาจิ๊ก ที่หลับตาพรื้มบนไหล่ ซูจินี มองลูก มองน้องแล้วยิ้มให้นิดๆทั้งน้ำตาแล้วหลับตาลง
ทัมด๊ก ทอดพระเนตรอีกครู่ ทรงยกพระหัตถ์ซ้ายที่มีด้ามพระแสงดาบของกษัตริย์จูมง ขึ้น ทรงยกค้างไว้ โซคีฮา ลืมตามอง ทัมด๊ก ชั่วครู่ด้ามพระแสงดาบก็กลายเป็นคันธนูศักดิ์สิทธิ์ ส่องประกายรัศมีสว่างวาบ มีเพียงคันธนูและสายธนู ยังไม่มีลูกธนู แล้ว ทัมด๊ก ทรงเปลี่ยนพระทัยลดคันธนูลง
ซูจินี เดินมาหา ทัมด๊ก ที่ด้านพระปฤษฎางค์ กราบทูลว่า : โปรดหยุดนางก่อนที่สายเกินไป (คีฮา ยังไม่กลายเป็นฟินิกซ์ ที่จะบินโฉบตรงโน้นตรงนี้)
ทัมด๊ก ทรงหันพระพักตร์ไปทาง ซูจินี ทอดพระเนตรนิ่งแล้วตรัสว่า : ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าข้าควรจะทำอย่างไร
ทรงทอดพระเนตรแล้วทรงหันไปทางโซคีฮา ดำรัสว่า : เพราะข้าไม่เชื่อเจ้า คีฮา.. อภัยให้ข้าด้วย...
ทรงก้มลงทอดพระเนตรด้ามพระแสงดาบในพระหัตถ์ ใช้พระหัตถ์ขวาอีกข้างหักด้ามพระแสงดาบออกจากกัน ซึ่งหักลงได้อย่างง่ายดาย (ก็ทรงเป็นเทพ)


ในสมรภูมิรบ
ผู้พิทักษ์ทุกคนสะดุ้งสุดตัว
ฮยอนโก สะดุ้งสุดตัว หงายหลังแล้วกลับหน้าคะมำลงมา จูมูชิ รู้สึกเจ็บที่หัวใจ ยกมือขึ้นมากุมหน้าอกบริเวณหัวใจของตัวเอง หงายหลัง แล้วคว่ำหน้าลง เซไปเซมา และชอโร ที่ต้อง ล้มตัวเกือบแนบกับอานม้า มีอาการเจ็บปวดสุด สุด เช่นกัน ใช้ทวนเหวี่ยงฟาด ทหารศัตรู แบบไร้ทิศทาง แล้วทันใดนั้น สัญลักษณ์ทั้งสี่ ที่แท่นหิน ก็มลายหายวับไปจากแท่นหิน รวมทั้งด้ามพระแสงดาบในพระหัตถ์ของ ทัมด๊ก ก็สลายหายไปด้วย

โซคีฮา หลับตาหงายหน้าขึ้น
ทัมด๊ก ทรงทอดพระเนตรขึ้นไปเบื้องบน ตรัสว่า :ใครๆก็ทำผิดกันได้ ข้าจะบอกสิ่งนี้กับสวรรค์ นี่คือสิ่งที่มนุษย์เป็น มนุษย์ย่อมมีความผิดพลาดของตัวเองและได้เรียนรู้จากความโง่เขลาก่อน แล้วจึงแก้ไขความผิดพลาดนั้น
ซูจินี มองทัมด๊ก มองโซคีฮา มีหลานชายหลับซบไหล่


ทัมด๊ก น้ำพระเนตรใกล้จะหยดลงมาทรงมีพระดำรัสต่อว่า : นี่คือสิ่งที่สวรรค์กำลังถามเราอยู่ในเวลานี้
เราจะยืนด้วยตัวเราเองได้หรือไม่ หรือว่า........ เราต้องการให้สวรรค์ปกครองเรา ? ( เรา=ทรงหมายถึงมนุษย์ )
ทัมด๊ก ลดสายพระเนตรลง ทอดพระเนตรตรงไปเบื้องหน้า


น้ำพระเนตรไหล : กษัตริย์จูชินได้รับเลือกให้ตอบคำถามนั้น นั่นคือความรับผิดชอบของเขา น้ำพระเนตรไหลทั้งสองดวงพระเนตร : และนี่คือคำตอบของข้า ข้าเชื่อในมนุษย์ ข้าเชื่อว่าชนชาติจูชินจะได้รับชัยชนะ สิ่งใดที่ข้าไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ ข้าเชื่อว่าทายาทของข้าจะทำได้


ข้าจะคืนอำนาจให้กับสวรรค์ดังนั้น ...ทรงหยุดดำรัส... เวลานี้..ทุกอย่างไม่เป็นไรแล้ว ทรงทอดพระเนตร โซคีฮา แล้วทรงเหลียวไปทอดพระเนตร ซูจินี และอาจิ๊ก แล้วทรงพระราชดำเนินเข้าหาแท่งหิน ที่ส่องประกายสว่างจ้าค่อยๆ ลับพระองค์หายเข้าไปในแสงสว่างนั้น
ซูจินี ได้แต่มองอ้ำอึ้ง ตะลึงแล เหมือนต้องมนต์ แล้วแสงสว่างที่แท่งหินนั้นก็เลือนหายไป


แท่งหินที่ตั้งอยู่ มีอักษรโบราณสลักข้อความเต็มแท่งหิน
กษัตริย์จูมงทรงเป็นผู้ก่อตั้งโคคุเรียว พระบิดาคือโอรสแห่งสวรรค์และพระมารดาคือธิดาแห่งสายน้ำ
และยังมีกษัตริย์องค์ที่ 19 ของโคคุเรียว ขึ้นครองราชย์ด้วยความสงบสุข ทรงขยายอาณาจักร ทรงเป็น กษัตริย์อันเป็นที่รัก ดังนั้นจึงได้รับการยกย่องให้เป็น ควางแกโท หมายถึงมหาราชแห่งสันติสุข คุณงามความดีและความสง่างามของพระองค์ ได้ขจรไกลไปถึงสวรรค์ การเกื้อหนุนของพระองค์ ได้ขยายไปทั่วโลก ไพร่ฟ้าประชาชนของพระองค์ อยู่อย่างสงบสุข และอาณาจักรของพระองค์เติบโตอย่างมั่งคั่ง ประชาชนมีความสุขสบาย อาณาจักรของพระองค์รวมเป็นหนึ่งอย่างแท้จริง
บางคนกล่าวว่า ทรงตัดอำนาจแห่งสวรรค์
แต่บางคนกล่าวว่า ทรงตัดเครื่องผูกมัดออก และปลดปล่อยมนุษย์ให้เป็นอิสระ
ความจริงไม่มีใครล่วงรู้ได้ แต่เหล่านี้เป็นพระราชดำรัสของพระองค์ ซึ่งได้ถ่ายทอดผ่านมาทางประวัติศาสตร์
เวลานี้คนที่รอคอยไม่ใช่มนุษย์ แต่หากเป็นสวรรค์
ถ้าท่านหันกลับไปมอง
สวรรค์อยู่ ณ ตรงนั้น


ปีที่ 14 แห่งรัชสมัย ยองนัก โจมตียาน ได้มาซึ่งสิทธิในการค้าขายระหว่างชาติ
ปีที่17 แห่งรัชสมัย ยองนัก อาณาจักรยานล่มสลาย มีการก่อตั้งยานเหนือ
ปีที่ 19 แห่งรัชสมัย ยองนัก ทรงส่งบรรณาการไปยังยาน กษัตริย์โกอูนรับรองโคคุเรียวในฐานะเมืองพี่
ปีที่ 20 แห่งรัชสมัย ยองนัก ทรงปราบพูยอตะวันออก ได้ป้อมปราการ 64 แห่ง และหมู่บ้าน 1, 400 แห่ง
ปีที่ 23 แห่งรัชสมัย ยองนัก มหาราช ควางแกโท เสด็จสวรรคต


จบค่ะ
เป็นตอนจบที่ค้างคาใจ ผู้ชม เป็นจำนวนมาก แต่ ก็มีข่าวของ คุณ gaulsan เล่าว่า คุณ ซงจีนา ได้ เขียน บทจบ ที่มีความแตกต่าง หลังจาก อาจิ๊ก ถูกลักพาตัวไป เป็นการจบที่ Happy ending แถมโยงมาถึง โลกยุค ประเทศ เกาหลี มีสนามบิน นานาซาติ อินชอน ตัวละคร ยุค ทัมด๊ก ปรากฏตัว หลายคนใน ลุคใหม่ ในข่าว ใช้ บทจบ มี 1/3 และ 2/3 ก็เลยสันนิษฐาน ว่า มีบทจบ ทั้งหมด 3 แบบ อย่างในละครที่ปรากฏทางหน้าจอ และ ใน blog ของคุณ ซงจีนา ที่ คุณ Gaulsan นำมาเสนอต่อ และ บทจบ ก่อนที่มีจะการเปลี่ยนแปลงสคริปต์ น่าจะเป็น บท จบ ที่มีการถ่ายทำไปแล้ว และ เกิดปัญหา เกี่ยวพัน กับความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศ
ที่ถ่ายทำไปแล้วก็ใช้ไม่ได้ ที่จะจบ แบบ Happy ก็ ไม่น่าจะเป็นเพราะมีปัญหาเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บ ของยงจุน เอาเถอะ นะคะ แค่จบ แบบในละคร พวกเราที่ได้เห็น อาการบาดเจ็บ ของยงจุน ก็ ทรมานใจ เจ็บปวด หัวใจ เป็นที่สุดแล้ว กับความตั้งใจจริง ของยงจุน ที่ทนรับความเจ็บปวด ที่จะแสดง ตอนจบ ให้พวกเรา ชมกัน เรื่องจะเป็นอย่าไร ก็ไร้ความหมายเสียแล้ว คงมีคนจำนวนมาก ที่คิดว่า ไม่ต้องจบก็ได้ ค้างไว้ จนกว่ายงจุน จะหายดี ซึ่งเคยมีประวัติ ของ MBC อยู่แล้ว ที่มีละคร ในระหว่างออนแอร์ ค้างเติ่ง จบไม่ได้ แต่ ยงจุนไม่ยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้ ขึ้น กับงานของยงจุน แน่นอน

ก่อนการถ่ายทำ ละครเรื่องนี้ ถูก ฟ้องร้อง เรื่องละเมิด ลิขสิทธิ์ จาก บริษัท การ์ตูน แต่ละคร ก็ชนะ เพราะเนื้อหาไม่เหมือนกัน รวมทั้งถูก นักประวัติศาสตร์ เกาหลี ฟ้องว่า บทละคร บิดเบือน ประวัติศาสตร์ แต่ละคร ก็ชนะ เพราะนี่ ไม่ใช่ละครประวัติศาสตร์ แถม ที่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุด คือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ละคร เรื่องนี้ มีอุปสรรค มากมาย จึงขอให้พวกเราทำใจว่า ดูละคร ย้อนยุคแบบ ละคร ทั่วๆ ไป เรื่องหนึ่ง ที่มี เนื้อหาสาระ เกี่ยวพันประวัติศาสตร์ ความเชื่อถือของคนเกาหลีโบราณ
ก็หวังว่า คงมีผู้ชมจำนวน มาก รู้สึกร่วมกันว่า ละคร เรื่องนี้ สนุกสนาน มีเนื้อหาสาระน่าสนใจมากมายอรรถรสที่ได้รับหลากหลายรสชาด



Copyright @ Amornbyj & SUE