Thursday, June 5, 2008

เรื่องย่อ ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ (ตอนอวสาน)


...ตอนที่24 (1)...

ทัมด๊ก เสด็จจนมาถึงตัว ซูจินี ตรัสถามว่า : ของในเกวียนนี้เป็นของเจ้าหรือ
ซูจินี ไม่ทูลตอบคำถาม ทรงถามต่อว่า : ล้อเกวียนหักหรือ แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปที่ล้อเกวียนที่เป็นปํญหา : ถ้าเราซ่อมตรงนี้มันจะใช้ได้อีก




ซูจินี : ได้ทรงโปรด ทรงโปรดทำเป็นไม่เห็นหม่อมฉัน แล้วเสด็จกลับไปเถิดเพคะ
ทัมด๊ก ละสายพระเนตรจากล้อเกวียน มาที่ ซูจินี
ซูจินี กราบทูลย้ำ : ปล่อยเราไป
ทัมด๊ก : ไม่…. ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปอีก

ซูจินี : หม่อมฉันอยู่กับฝ่าบาทไม่ได้ เพราะฉะนั้นทรงทำเป็นเห็นคนที่คล้ายผู้หญิงที่ฝ่าบาททรงเคยรู้จัก และปล่อยหม่อมฉันไป ก้มศีรษะถวายคำนับ หม่อมฉันจะไปเดี๋ยวนี้
ทัมด๊ก พระสุรเสียงเข้ม : ทำตามที่เจ้าต้องการ ถ้าเจ้าไม่ไปกับข้า เช่นนั้นข้าก็จะไปกับเจ้า สิ่งที่ข้าต้องการก็คือได้อยู่กับเจ้า
ซูจินี : แต่ฝ่าบาททรงเป็นกษัตริย์ ฝ่าบาทต้องประทับอยู่ที่วัง
ทัมด๊ก : จากนี้ไป ที่ใดมีเจ้า ที่นั่นคือวังของข้า



ทรงใช้พระบาท เตะล้อเกวียน โดยแรง : ตอนนี้เจ้าไปไหนไม่ได้อีกแล้ว ข้าจะไปเอาวังและทหารของข้ามาที่นี่ ทรงหันพระปฤษฎางค์ ทำเหมือนว่าจะไปทรงม้า พระราชดำเนิน ไปได้ไม่กี่ ก้าว ก็หยุดหมุนพระองค์กลับ ทรงกลับมากอด ซูจินี พลาง



ตรัสว่า : อย่าทำเช่นนี้เลยนะ ถ้าเจ้าเป็นฟินิกซ์ดำ และจะทำให้โลกลุกเป็นไฟถ้าเป็น เช่นนั้น ทำมันข้างๆข้า ข้าจะเป็นโล่ป้องกันให้เจ้าเอง
ซูจินี ซบลงที่พระอังสา (บ่า) ค่อยๆ ยกมือ โอบกอด รอบพระองค์ของ ทัมด๊ก น้ำตารินไหล



ทัมด๊ก : ได้โปรด เจ้าไม่ต้องไปไหนอีกแล้ว ทรงมีพระอัสสุชล เช่นกัน
( ฮือ ฮือ ตกลงว่า นี่เป็นฉากรัก หนึ่งเดียวของ ทัมด๊ก และซูจินี )




ที่หมู่บ้านนอกป้อม ฮยอนโด ของโคคุเรียว
ขุนพลโก ที่ชราลงมาก ถวายรายงานว่า : ทหาร 2 หมื่นนาย จาก 5หมื่นนาย ได้ข้ามทะเลตะวันออก สู่ ดินแดนของชิลลา ใช้ไม้ชี้แผนที่ ที่ทหารยกเข้ามา
กราบทูลรายงานต่อ : กองทหารที่เหลือจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ไปทางใต้ สู่คายาและญี่ปุ่น พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : อย่าปล่อยให้พวกเขา เข้าสู่สงครามเล็ก ๆน้อย
ขุนพลโก : ฝ่าบาทไม่ต้องทรงห่วง เรามี แม่ทัพฮีกแก เป็นแม่ทัพ พะย่ะค่ะ
จูมูชิ วิ่งเข้ามาเกาะโต๊ะทรงงาน ถามหา ซูจินี ว่า นางอยูที่ใด หม่อมฉันได้ยินว่า ทรงพบนางแล้ว
ทัมด๊ก ทรงพระสรวล
ส่วนเด็กน้อย ก็วิ่งซุกซนเอาไม้เท้าของ ฮยอนโกมาเล่น
ฮยอนโก วิ่งไล่ตาม ซูจินี กำลัง ทำอาหาร อยู่ ก็แกล้งถามว่า จะเอาไม้เท้ามาใส่ไฟหรือ คงลุกไหม้ดี ซูจินี รับไม้ มาจาก อาจิ๊ก และส่งคืนให้ ฮยอนโก แล้วก็บ่นอาจารย์ เหมือนเมื่อครั้งเป็นเด็ก ๆว่า ท่านจะวางสิ่งนี้ไว้เรี่ยราดได้หรือ
ฮยอนโก รับคืนมาตอบว่า : นี่เป็นของปลอม ของจริงอยู่ที่หมู่บ้านโคมิล : ข้าไม่มีความสามารถในการต่อสู้หรือขี่ม้าได้ดี ไม่มีอำนาจที่จะบังคับน้ำ ไม่สามารถอวดดีที่จะคุ้มครองสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ ข้าให้ความคุ้มครองไม่ได้แม้แต่ลูกศิษย์ ของตัวเอง ( โถ ลุงเต่าดำ น้อยใจตัวเองหรือนั่น) ซูจินี ถามถึงทุกคนว่าสบายดีหรือ น้ำตาคลอ เมื่อไม่มีข้า ท่านคงไม่ต้องมีปัญหาอะไรหรอกนะ
ฮยอนโก ดีใจที่พบศิษย์รัก ที่ตัวเองเป็นห่วงตลอดเวลา และหวังที่จะไม่ให้ใครได้พบซูจินี : นั่นเป็นทางเดียว ที่เจ้าจะอยู่ได้นาน
ซูจินี รู้ซึ้งถึงความรัก ความอ็นดู ที่ ฮยอนโก มีมาตลอด ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา รับคำว่า : ข้ารู้ แล้ว ฮยอนโก ก็ ทนไม่ไหวกับความสงสัยของตัวเอง ถามซูจินีว่า : เด็กคนนั้นเขาเป็นลูกใคร
ซูจินี : เขาเป็นลูกของพี่สาวข้า
ฮยอนโก แปลกใจกับการที่ ซูจินี มีพี่สาว ทวนคำว่า อะไรนะ.. .พี่สาว ของเจ้า
ซูจินี ย้ำอีกครั้งว่า ถูกต้องพี่สาวของข้า ไม่ทันที่ฮยอนโกจะได้ซักถามอะไร ต่อ
จูมูชิ ก็วิ่งผ่านมา และผ่านเลยไป แล้วก็วิ่งกลับมาใหม่ กางสองมือจะกอด ซูจินี แล้วชะงัก นึกขึ้นมาได้ที่ซูจินี ดูเป็นหญิงสาว ไม่เหมือนเดิม เปลี่ยนเป็นจับไหล่ ซูจินี หมุนไปรอบๆ : เป็นยังไง เวลานี้เจ้าดูเหมือนผู้หญิงเลยนะ
แต่ซูจินี กอด จูมูชิ แรงๆ ดังป้าบ ส่งยิ้มให้ ชอโร ที่ยืน กอดอก มองดูอยู่ ในมือถือทวนอย่างเคยต่างคนต่างยิ้มให้กันส่งคำทักทายว่าดีใจที่ได้พบกันอีกด้วยสายตา
ดัลโก เข้ามาถวายรายงานว่า ทหาร หนึ่งหมื่นห้าพันนายของยาน เข้าโจมตี ป้อมชิน และมุ่งหน้าไปทางเหนือ
ทหารที่อยู่ในบริเวณนั้นพากันหันมา
ขุนพลโก : หนึ่งหมื่นห้าพันนาย ก็ครึ่งหนึ่งของกองทัพพวกนั้น มันไม่แปลกหรือว่า พวกนั้นมุ่งหน้าไปทางเหนือ ในขณะที่เราอยู่ทางใต้ พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : จุดมุ่งหมายของพวกนั้น คือให้เราตามไปทางเหนือ
ขุนพลโก : ตามพวกนั้นไปไหน พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : เราจะรู้เมื่อเราตามพวกนั้นไป แต่ข้าไม่มีแผนการที่จะทำเช่นนั้น เพราะข้าได้รับรายงานมาว่า มันเป็นกับดัก
องครักษ์กัมดง มอง ทัมด๊ก แล้วค่อย ๆ เลี่ยงออกมา
ทัมด๊ก ทรงสั่งให้ดัลโก ไปคอรัล ส่งสาสน์ให้ กับข่าน อัตทิลา
ทัมด๊ก : มีคนบางคนกำลังใช้ทหารยาน สามหมื่นนาย เป็นเหยื่อ ข้าไม่คิดว่าสงครามครั้งนี้จะเป็นเพียงการเอาชนะป้อมปราการไม่กี่แห่ง



ขุนพลโก : ทหาร ห้า หมื่นนายของเรา กำลังมุ่งหน้าไปชิลลา หม่อมฉันจะเรียก พวกนั้นกลับมาบ้างไหม พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : มันสายไปแล้ว ถ้าเราเรียกทหารกลับมามากไป แพคเจ จะถือเป็นข้อได้เปรียบ รวบรวมทหารที่เหลือมาที่นี่ ทิ้งกองกำลังในป้อมไว้ทางตะวันตก แต่ที่เหลือต้องอยู่ที่นี่
จูมูชิ ยังคุยเรื่องราวของ ดัลบี ท้องให้ซูจินี และฮยอนโก ฟัง : เดือนหน้าข้าจะเป็นพ่อของลูกแฝดแล้ว เด็กน้อย อาจิ๊ก วิ่งมาชนกับองครักษ์ กัมดง อาจิ๊ก ก้มคำนับ ขอโทษ ถามว่า : ไม่เจ็บใช่ไหม แล้ววิ่งไปหาท่านน้า
ซูจินี : ดัลบีที่น่าสงสาร
ฮยอนโก : น่าสงสารจริงๆ
จูมูชิ ยังอยากคุยอวดต่อกับซูจินี : อะไร เจ้ารู้ไหมว่า นางได้รับความรักมากแค่ไหน นางสวย ทำอาหารเก่ง แล้วก็ฉลาด
องครักษ์ กัมดง ผละ ออกไปข้างนอก ฮยอนโก มองอย่างรู้สึกแปลก ๆ
องครักษ์ กัมดง เดินมาตามถนน เจอกับม้าของพวกฮวาซิน องครักษ์ กัมดงทำท่าจะหนี พอหันมาก็เจอ แทจังโร และทหารเดินเท้าอีกกลุ่ม ถูกล้อมอยู่ตรงกลาง แทจังโร เดินเข้าหา กัมดง คุกเข่าลง แทจังโร เอามือวางบนไหล่ กัมดง ข้างซอกคอ มองเห็นสัญลักษณ์ฮวานเซินปรากฏอยู่ แทจังโร เอานิ้วมือทาบตรงสัญลักษณ์ กัมดง ทำหน้าตาเจ็บปวดแหงนหน้าส่งเสียงร้อง แล้ว แทจังโร ก็มองเห็นภาพ เรื่องราว เมื่อครู่ของ กษัตริย์ อาจิ๊ก และซูจินี ภาพสัญลักษณ์ ศักดิ์สิทธิ์ ที่หมูบ้านโคมิล อาจิ๊กที่วิ่งมาชนกับ กัมดง
แทจังโร : ผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัวเป็นครั้งแรก ในรอบ 8 ปี นางเอาเด็กคนนั้นมาด้วยหรือ และนางบอกว่านางมีพี่น้อง นางมีพี่สาว กัมดง ได้ แต่ตอบคำ ด้วยคำว่าใช่ อย่างเดียว
แทจังโรรู้ว่า ทายาทแห่งสวรรค์อยู่ใกล้แค่นี้เองหลังจากที่ ซูจินี หายไป ถึง 8 ปี ยิ้มชั่วร้ายที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงแม้จะ 8 ปี แล้วเหมือนกัน



ในคืนข้างแรม พระจันทร์ครึ่งดวง
ทัมด๊ก : นี่คือ แพคเจ ชิลลา และโคคุเรียวของเรา แล้วข้าบอกว่าปราสาทโกกแนอยู่ที่ใด หือ
อาจิ๊ก เอานิ้วมือน้อยๆ จิ้มลงไป
ทัมด๊ก : เจ้านี่เก่งจริงๆ เจ้าจำทุกอย่างที่ข้าบอกได้ทันที ทรงหันไปทางซูจินี ที่ถืออ่าง สี่เหลี่ยม เข้ามาสักครู่แล้ว ทรงถามว่า : เจ้าบอกว่าเขาชื่ออาจิ๊กหรือ
ซูจินี : เพคะ อาจิ๊ก อาจิ๊กแปลว่ายังไม่เรียบร้อย
ทัมด๊ก : ทำไมถึงเป็นอาจิ๊กเล่า ?
อาจิ๊ก : เพราะว่าหม่อมฉันยังตั้งชื่อไม่ได้
ทัมด๊ก ทรงพระสรวล : มันไม่เห็นเข้าเรื่อง
อาจิ๊ก : มันจริง



ซูจินี ยื่นอ่างให้ : ล้างตัวด้วยน้ำนี่มันยังอุ่นๆ อยู่
ทัมด๊ก ทรงวางอ่างลง เอาผ้าชุบน้ำ ทรงถามว่า : นางเป็นคนที่เจ้าพบระหว่างทางหรือ ทรงบิดผ้าที่ชุบน้ำ หันไปทางซูจินี : ทรงหันไปทางอาจิ๊ก ที่ใบหน้าเปื้อน : เจ้าน่ะเป็นตัวปัญหาใช่ไหม อาจิ๊ก ทูลตอบว่า : ไม่หม่อมฉันเป็นเด็กดีพะย่ะค่ะ ทรงใช้ผ้าเช็ดหน้าให้อาจิ๊ก ทรงถามว่า : น้าของเจ้ายังดื่มมากอยู่หรือไม่ อาจิ๊ก ทูลว่า : ไม่ นางไม่ดื่ม แม้แต่หยดเดียว ก็ไม่ได้ดื่มพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก หันไปมองซูจินี แบบแปลกพระทัย ที่ ซูจินีไม่เคยดื่มเหล้าเลย ในช่วง 8 ปี ที่ผ่านมา
ซูจินี ที่ตั้งแต่ถืออ่างน้ำเข้ามา ไม่ได้คลาดสายตาไปจากทัมด๊กเลย ( มองความผูกพันด้วยสายเลือดแห่งความเป็นพระบิดา พระโอรส) ซูจินี หลบสายตาลง
ทัมด๊ก ทรงตรัสว่า : เจ้ากลัวว่าถ้าเจ้าดื่ม เจ้าจะหลับไป แล้วข้าก็เจ้าพบเจ้าหรือ ทรงเช็ดหน้าให้อาจิ๊ก เอาละเสร็จแล้ว เจ้านอนที่ไหน อาจิ๊กลุกขึ้นไปกอดซูจินี ทูลว่า : นอนกับท่านน้า กษัตริย์ทรงพระสรวล : อืม... ไม่ค่อยดีหรอกนะ มีคนมากมายกำลังรอน้าของเจ้า อยู่ ( จะใครเสียอีกเล่า ก็ทัมด๊ก เองนั่นแหละ รอมาตั้ง 8 ปีแล้ว )
ทัมด๊กวางผ้าเช็ดหน้าลงแล้วหยิบห่อของขึ้นมา ชื้นหนึ่ง ดำรัสว่า ชุดเกราะ นี้บาซอน ทำเป็นพิเศษให้ เจ้า ข้าเอามันติดตัวไปด้วยทุกแห่งถ้าหากข้าบังเอิญได้พบเจ้า
ซูจินี บอกกับอาจิ๊กว่า : ทำไมเจ้าไม่กลับไปที่ห้อง อีกสักครู่น้าจะกลับไป
อาจิ๊ก รับคำ แล้วเดินออกไป ซูจินีนั่งลงแทนที่ อาจิ๊ก



ทัมด๊ก : ข้าไม่เคยเชื่อข่าวลือว่าเจ้าตายแล้ว เพราะข้าไม่ยอมให้เรื่องเช่นนั้น เกิดขึ้น
ซูจินี กราบทูล ว่า : เมื่อถึงเวลา หม่อมฉันมีเรื่องที่จะทูลกับฝ่าบาท
ทัมด๊ก : ข้าไม่รู้ว่าจะทนรอต่อไปอีกได้หรือไม่
ซูจินี : หม่อมฉันขอสัญญาข้อหนึ่งได้ไหมเพคะ เมื่อถึงเวลา ฝ่าบาทต้องไม่ลังเล
ทัมด๊ก : ข้าสัญญาข้าจะไม่ลังเล แต่ข้าจะทำตามวิธีของข้า ไม่ใช่ตามที่สวรรค์สั่ง แต่เป็นทางเดินที่ข้าเลือกเอง ( แง แง ...ฮือ....)



ทหารเข้ามากราบทูลว่า : ฝ่าบาท มีการโจมตีที่ป้อมชิน จูมูชิ โมโห เป็นพายุ เข้ามา ในที่ประทับเข้ามาผลักทหารคนนั้นกระเด็นไป ทูลว่า : เจ้าสารเลวพวกนั้นกำลังใช้ประชาชนของเราเป็นเสมือนทำเส้นถนน เราจะจัดการกับพวกมันอย่างไรดี ใช้เท้าเตะข้าวของแถวนั้นกระเด็นไป เราจะฆ่าพวกมันอย่างไรดี เราจะทำลายมันอย่างไร ทุบของปังหนึ่ง แล้วก็เดินออกไป
ทัมด๊ก หยิบชุดเกราะของซูจินีพาเด็กตามข้ามา เจ้าจะปลอดภัยถ้าอยู่กับข้า แล้วส่งชุดเกราะให้

ที่หมู่บ้านโคมิล
นกบูรุมแช ร้องส่งข่าว ตามมาด้วยเสียงตะโกน มันเป็นพวกฮวาเซิน ศิษย์โคมิล วิ่งมารายงานผู้อาวุโส อาจารย์... อาจารย์... การป้องกันของเรามีช่องโหว่ ผู้อาวุโส ปรึกษากันว่า เราจะทำอย่างไรดี พวกฮวาเซินมาที่นี่หัวหน้าเอานักรบของเราไปหมด เราทำอะไรไม่ได้ เราต้องคุ้มครองสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ เอง แทจังโร พาทหารฮวาเซินบุกไปหมู่บ้านโคมิล ด้วยตัวเองฆ่าศิษย์โคมิล ที่อยู่ในหมู่บ้าน แม้ผู้อาวุโส จะพยายามใช้มนตร์ปิดบังประตูที่เป็นห้องเก็บสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ แทจังโร จอมขมังเวทย์ มีเวทย์มนตร์ที่เหนือกว่า ก็ สามารถหาห้องนี้พบ และใช้ มนตร์ดำ ฆ่า บรรดาผู้อาวุโสของโคมิลตายหมดและเอาสัญลักษณ์ เต่าดำ และเสือขาวกลับไป ฮยอนยองที่เห็น นกสื่อข่าว มูรุมแชบนท้องฟ้า ก็กลับมาที่หมู่บ้านได้แต่ร้องไห้โฮ นกมูรุมแช แจ้งข่าวตั้งแต่ ฮวาเซินเข้ามาในเขตหมู่บ้าน แต่ ฮวาเซินมาเร็วมาก จนโคมิลตั้งตัวไม่ทัน

ที่วัด อาบูลันซา
อิลซู รายงานยอนโอแก ว่า กองทัพของเราจับเชลยได้ อีก500 คน โคคุเรียวยังไม่เคลื่อนไหว ท่านจะสั่งให้ทำถนนโดยใช้ซากศพของนักโทษอีกหรือไม่
ยอนโฮแก พูดไปคนละเรื่องว่า นางวางแผนจะจบทุกสิ่ง นางต้องการฆ่ากษัตริย์จูชินและขโมยอำนาจแห่งสวรรค์ นางดูเหมือนยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายของนาง และเมื่อนางทำสำเร็จ นางจะจากโลกนี้ไป เพราะที่นี่นางไม่เหลืออะไรอีกแล้ว และนางจะบอกลาข้า โดยไม่ต้องหวนคิดซ้ำสอง ทำไมนางช่างไม่รู้เลย ข้า...ข้าไม่เคยต้องการอำนาจจากสวรรค์ ข้าจะใช้มันเพื่อใครหากว่าข้าได้มันมาแล้ว (ตกลง ยอนโฮแก ที่เข้าใจทุกอย่างดี ก็ยังลุ่มหลง ที่จะทำทุกอย่างที่โซคีฮา สั่งการ เพียงเพราะเป็นคำสั่งของโซคีฮา ยอนโฮแก ผู้น่าสมเพชเวทนา)

ที่ถนนสายเหนือของป้อมชิน มีซากศพ โคคุเรียวนอนตายมากมาย
ขุนพลโก : พวกนั้นต้องการให้เราติดตามศพไป พวกนั้นวางกับดักเรา
จูมูชิโมโหว่า เป็นกับดักแล้วอย่างไร ทหารแค่ 7 พันนาย เอาชนะพวกนั้นได้อยู่แล้ว พวกนั้นมาจากยาน ไม่รู้วิธีการแกว่งดาบด้วยซ้ำไป ไปกันเถอะ
ทัมด๊ก : ท่านอาจารย์มาถึงหรือยัง
มีศิษย์โคมิล 2 คนขี่ม้ามาเข้ามาส่งสารให้ฮยอนโก ท่าทางคนส่งสารเศร้าสร้อย ฮยอนโกยกไม้เท้าถามศิษย์ ว่าอะไร และหันมาทางทัมด๊ก
ทัมด๊ก : รายงานความเคลื่อนไหวของกองทหารบุควีมาถึงหรือยัง
ฮยอนโก : เสียงสั่น ทูลตอบว่า บุควี กองทหารบุควี แล้วทำท่ากลืนเสียงร้องไห้ลงไป
ทัมด๊ก : เกิดอะไรขึ้น

ฮยอนโก : หมู่บ้านโคมิลถูกโจมตี พะย่ะค่ะ พวกนั้นเอาสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ เต่าดำ และเสือขาวไป ในฐานะหัวหน้า หม่อมฉันรู้สึกละอาย ต่อชาวโคมิล และต่อพระพักตร์ของพระองค์ โปรดประทานอภัยให้หม่อมฉันด้วยพะย่ะค่ะ แล้วก็ร้องไห้...ฝ่าบาท...
ทัมด๊ก : พวกลูกศิษย์เป็นอย่างไร
ฮยอนโก : หม่อมฉันไม่รู้ ไม่มีใครรอดชีวิต เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่.... มันต้องเป็นฝีมือของพวกฮวาเซิน พวกนั้นกำลังบอกให้เราตามไปอาบูลันซา เวลานี้ พวกนั้นมีสัญลักษณ์ทั้งสี่แล้ว สิ่งที่พวกนั้นต้องการในตอนนี้ ก็คือกษัตริย์ และด้วยเหตุนี้พวกเขาถึงต้องการให้ฝ่าบาทเสด็จไป พวกนั้นต้องการให้ฝ่าบาทเปิดต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์หรือ...
มีภาพ เทพฮวานอุง เอาสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ 4 อย่าง วางบนแท่งหิน ใช้ฝ่าพระหัตถ์วางทาบบนแท่งหิน
ทัมด๊ก : หรือพวกนั้น ต้องการเอาหัวใจของข้า และเปิดด้วยตัวพวกเขาเอง
ฮยอนโก : พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก ทรงทอดพระเนตรซากศพ และเสด็จพระราชดำเนินเอาพระหัตถ์ไปวางบนไหล่ ฮยอนโก เพื่อปลอบใจพระอาจารย์
กองทหาร คอรัล หนึ่งหมื่นนาย เข้าโคคุเรียว



ใน ห้องบัญชาการ (war room)
ทัมด๊ก ได้รับรายงานว่า : ฝ่าบาท ข่านแห่งคอรัล ส่งทหารของคอรัลมา หนึ่งหมื่นนาย พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ด ประทับยืนต้อนรับ ผู้นำทัพคอรัล
ทรงตรัสว่า : ยินดีต้อนรับพี่น้อง ทรงกอดผู้นำกองทัพ ทรงตบไหล่ทักทายทหารคอรัลอีกคน
ขุนพลโก กราบทูลว่า : ฝ่าบาท เวลานี้เรามีทหารคอรัลหนึ่งหมื่นนาย และทหารของเราอีก เจ็ดพันนาย และยังมีอีก หนึ่งหมื่นสองพันนายจากป้อมปราการต่างๆ พะย่ะค่ะ
จูมูชิ : เผ่ามัลกัล ก็ส่งนักรบมาร่วมด้วย จูมูชินำหัวหน้าเผ่าเข้ามา พวกนั้นมีประมาณ ห้าพันนาย มีที่จะให้พวกนั้นไหม
นั่นทำให้เรามีทหารประมาณ สามหมื่นสี่พันนาย แต่ว่า...พวกนั้น มี 1 แสน นาย พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก ประทับนั่งทอดพระเนตรแผนที่ กับ ฮยอนโกนั่งม้วนหนังสือ
ฮยอนโก : ฝ่าบาท อย่าทรงไปหาพวกนั้น ถึงแม้พวกมันจะมีสัญลักษณ์ทั้งสี่ พวกนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ หากไม่ได้พระโลหิตของพระองค์ ถ้าเสด็จไปหาพวกมันตอนนี้ ฝ่าบาทอาจต้องสละ พระหทัยให้กับพวกมันพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก ประทับนั่งครุ่นคิด
ซูจินี หยิบธนู ชะโงกดูหลาน ขยับห่มผ้าห่มให้ เอามือแตะแก้มอย่างรักและเอ็นดู



องครักษ์กัมดงเดินมาที่ห้องของซูจินี ยังไม่ทันถึงบานประตู ซูจินีก็เปิดประตูออกมาพอดี เห็นชอโรนั่งพิงเสาอยู่ ก็ถามว่าท่านทำอะไรอยู่ตรงนั้น


ชอโร ตอบว่า ข้ากำลังอยู่เวรยาม
ซูจินีปิดประตูห้อง ชอโร ลุกขึ้น หันไปมองบานประตูแล้วก็เดินตามซูจินีออกไป องครักษ์กัมดงก็เลี้ยวมุมมาพอดี เข้าไปในห้อง
ซูจินี เดินออกมาแล้ว รู้สึก พะวักพะวนใจเหลียวมองข้างหลังที่ตนเองเดินจากมา พอดีมีทหารตะโกนขึ้น ว่า หัวหน้า ...หัวหน้า ...ใช่นางจริงๆ..... มีทหาร 4 นายวิ่งมาหา ดูสิเป็นนางจริงๆด้วย หัวหน้า แล้วก็ทำท่าแตะอกแสดงความเคารพหัวหน้าหญิงซูจินี ซูจินีทำท่าเดียวกันตอบ มีทหารคนหนึ่งถามว่าท่านไปไหนมา ท่านสวยจริง และรายงาน ว่า เจ้านี่แต่งงานแล้ว แล้วเจ้านี่ก็เป็นพ่อลูกแฝด ซูจินีเหลียวกลับไปมองอีกครั้ง แล้วก็หัวเราะกับคำรายงานของทหาร 4 คน ออกเดินนำหน้า ทหารคนหนึ่งพูดว่า หยุดร้องไห้คิดถึงเมียของเจ้าได้แล้ว เรารู้ว่าเจ้าคิดถึงนางจริงๆ ซูจินีเรื่มสังหรณ์ใจรุนแรง หยุดเดินแล้วหันหลังกลับ ทหาร เรียก หัวหน้า หัวหน้า ซูจินีวิ่งกลับไปที่ห้อง
องครักษ์กัมดง เดินไปที่เตียงของอาจิ๊ก เปิดผ้าห่มประคองอาจิ๊กขึ้นมานั่ง เอาหนังสือวางแทนที่ อาจื๊กบิดขี้เกียจ และพูดว่า : สวัสดีท่านอา องครักษ์บอกว่า : ข้าได้รับคำสั่งให้มารับเจ้า อาจิ๊กถามว่า : โดยท่านน้าหรือ องครักษ์กัมดง :ไปเถอะ แล้วอุ้มอาจิ๊กขึ้น หญิงรับใช้เข้ามาทำท่าเก้งๆ กัง ๆ พอองครักษ์กัมดงหันมามอง ก็ไม่กล้าทำอะไร
ซูจินี วิ่งกลับมาที่ห้อง แต่ว่า ไม่มีอาจิ๊ก อยู่บนเตียงนอนเสียแล้ว ทหารรายงานว่า เด็กถูกพาตัวไปแล้ว

Copyright @ Amorn & SUE