Friday, May 16, 2008

เรื่องย่อ ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ (ตอนที่ 17)

...บทที่17...

แต่เสนาบดียอนเองเมื่อก้าวออกมาจากห้องนั้น ก็พบว่า ทหารฮวาเซิน เข้ามาควบคุมสถานการณ์ในบ้านของตัวเองเสียแล้ว
เสนาบดียอนถามว่า : หมายความว่าอย่างไร ซารยางตอบว่า มันอาจจะมีอันตราย หากสภาเสนาบดีนี้ออกไปข้างนอก ขอให้ทุกคนอยู่ที่นี่ ซึ่งเป็นที่ ที่ปลอดภัย เสนาบดียอน พูดอะไรไม่ออก เมื่อเดินออกมาพบแทจังโรก็ถามซ้ำว่า : นี่หมายความว่าอย่างไร พวกท่านมาทำอะไรกันที่นี่ในบ้านของข้ากลางวันแสก ๆแทจังโร ตอบว่า : ท่านคงไม่ต้องรอนานเกินไป เสนาบดียอน : ท่านเคยบอกว่า จะรับใช้ลูกชายข้า โฮแก ในฐานะกษัตริย์ ท่านกล้าดีอย่างไร มายกดาบข่มขู่สภาแห่งชาตินี้แห่งนี้ แทจังโร : อย่างไม่ต้องสงสัย ฮวาเซินต้องการกษัตริย์ กษัตริย์เท่านั้นที่จะสามารถหาสัญลักษณ์ ศักดิ์สิทธิ์ได้ เสนาบดียอน : ทำไม แทจังโร : ท่านก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าท่านไม่ต้องการที่จะยอมรับมัน พวกเขาพูดกันว่า คนที่สมควรเป็นกษัตริย์กำลังจะมา ข้าต้องการคน ๆนั้น ข้าต้องการได้เขา และสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ ที่เขามี เสนาบดียอน (ยังหลงทางอยู่ ในเมืองลับแล ไม่รู้ว่า แทจังโร เดินจากไปจากเมืองลับแล นี้แล้วและไปไกลลับสายตาแล้ว) มีท่าทางคับแค้นใจ ได้แต่ทวนคำว่า สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ แทจังโร : ข้าไม่อยากทำร้ายสมาชิกสภาข้างในแน่นอน แต่นั่น ท่านต้องร่วมมือกับข้า ข้าคงต้องขอยืมตราสัญลักษณ์ ของเสนาบดีใหญ่แห่งสภา สักระยะ




ส่วนที่อารามหลวง
นักพรตอาวุโส ก็ ไม่ยอมรับ กับ โองการสวรรค์ ที่ เทวีพยากรณ์ โซคีฮา ใช้อ้างเพื่อไม่ให้กษัตริย์ ของโคคุเรียวกลับเข้ามาในพระราชวัง บอกว่า : อารามแห่งนี้จะไม่ยอมรับโองการนั้นจนกว่าท่านจะแสดงหลักฐานกับพวกเรา ข้าจะบอกให้ทุกคนปฏิเสธคำสั่งของท่าน ท่านไม่เกรงกลัวสวรรค์หรือ ท่านกล้าดีอย่างไร ถึงใช้โองการสวรรค์ เพื่อเติมความโลภของมนุษย์
โซคีฮา : เวลาของข้ากำลังจะหมด ข้าเข้าตาจน ถ้าหากข้าต้องการอะไรแล้ว ข้า ก็จะทำทุกอย่าง แล้ว เดินเข้าหานักพรตอาวุโส ซึ่งค่อยๆก้าวถอยหลังจะหนี เทวีโซคีฮา เข้าไปกอด ยกมือวางเหนือท้ายทอยส่งพลังไปที่มือของตัวเอง แล้วนักพรตอาวุโสคู่ใจของเทวีพยากรณ์ คนเก่า ก็ ได้ติดตามไปรับใช้ เทวีพยากรณ์ คนเก่า ที่เดินทางล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ( คนดี ย่อมได้ไปสรวงสวรรค์ )
โซตีฮา : เจ้าไม่ควรต่อต้านข้า ข้าบอกแล้วว่า ข้าไม่มีเวลาอีกแล้ว ข้าเข้าตาจน แล้วก็เดินผ่านร่างที่ล้มลงนอนที่พื้น ...ข้าไม่กลัวสวรรค์ เพราะข้าจะเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง (โอ้โฮอำมหิตจริงๆ)



กองทัพหลวงโคคุเรียวมาถึง
ทัมด๊ก ทรงให้ตั้งค่าย ทางด้านใต้ ของปราสาทโกกแน
ทหารดีใจที่จะได้พบครอบครัวของตัวเอง มันอีก 50 ลี้เองจากที่นี่ ถ้าเมื่อคืนนี้พวกเราไม่ตั้งค่าย ป่านนี้เราคงไปถึงที่นั่นแล้ว
ชอโร นั่งเอาผ้าเช็ดปลายทวน 2 แฉก อยู่ที่กองไม้ เมื่อมองออกไปก้เห็น ฮยอนโก เดินไปหา ทัมด๊ก ที่ทรงแปรงขนม้า ด้วยพระองค์เอง
ฮยอนโกร้อนใจที่ไม่มีข่าวคราว ส่งมาจากศิษย์ โคมิล ที่อยู่ภายในปราสาท รวมทั้งรู้สึกว่า ผิดปกติ
ฮีกแก ก็โวยวายตามเคย ว่า : เจ้าโง่พวกนั้น ควรออกมารับเสด็จฝ่าบาท ที่ทรงกลับมาพร้อมกับชัยชนะ พวกนั้นควรจะออกมาพบพวกเรา พวกเราอยู่หน้าปราสาทแล้วไปไหนกันหมด



ทัมด๊ก ทรงถามว่า เราส่งสาสน์ไปแต่เมื่อใด ฮีกแกทูลว่า ในปราสาทคงได้รับสาสน์ เมื่อวานแล้ว ทรงถามฮยอนโกว่า ไม่มีข่าวจากโคมิล ผ่านนกบูรุมแช เลยหรือ ฮยอนโก บ่นว่า พวกศิษย์โคมิล คงเมาเหล้ากันหมด เพราะไม่มีคนคอยเฝ้าดู โอ๊ะพวกนั้น ไม่ควรแตะต้องเหล้าพิเศษของข้า ( ทำตัวติ้งต๊องอีกแล้ว ลุงเต่า)
ทรงสั่งให้ ดัลโกลูกชายของฮีกแก พาทหาร2-3 คนออกไปดูลาดเลา ว่าประตูปราสาทโกกแน ปิดอยู่หรือไม่ (ทำพระพักตร์ เหมือนทรงรู้ว่า ต้องเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ)

ในปราสาทโกกแน
ซารยางใช้ตราของเสนาบดียอนออกคำสั่งให้ปิดประตูปราสาท ทุกด้าน และส่งนักพรตหญิงจากอารามหลวงไปส่งสารให้ ทัมด๊ก ได้พบกับดัลโก นักพรตหญิง ขี่ม้าผ่านหน้า ดัลโกไป
ทัมด๊กเสด็จออกมาพบกลุ่มนักพรตหญิง
ทัมด๊ก : ข้าคิดว่าเทวีพยากรณ์คงจะมาด้วยตัวเองเพื่อพบข้า ข้าคิดผิดหรือนี่ (อ้าว ทัมด๊ก ก็ หลงอยู่เมืองลับแลเหมือนเสนาบดียอนอีกพระองค์ หรืออย่างไร หรือแค่เย้านักพรตเล่นๆ)
นักพรตหญิงกราบทูลว่า : เทวีพยากรณ์ ได้ให้พวกเรามากราบทูล ฝ่าบาทถึงโองการสวรรค์
ทัมด๊ก ยังทรงมียิ้มนิด ๆ ที่พระโอษฐ์ : ว่าอย่างไร เทวีพยากรณ์คนใหม่ คิดว่าสวรรค์ต้องการให้ข้าทำอะไร ขุนพลโก รับสาร มาอ่าน : อารามหลวงจะรับฟังสียงจากสวรรค์ ระหว่างสวรรค์และมนุษย์.. อ่านได้แค่นี้ก็หยุด ทุกคน มองขุนพลโก อย่างสงสัย ซูจินี ทนไม่ได้ เมื่อขุนพลโก กราบทูลต่อว่า : เรื่องเหลวไหลพะย่ะค่ะ หม่อมฉันเกรงว่า จะทำให้ฝ่าบาททรงขุ่นเคืองเราควรเผาสารนี้ทิ้งเสีย
ซูจินีแย่งไปอ่านต่อ : กษัตริย์ทรงทำให้เกิดการนองเลือดอย่างมากมายในสงครามครั้งนี้ ดังนั้นทรงไม่สามารถกลับเข้าในปราสาทได้ กษัตริย์ต้องปลดอาวุธที่อารามหลวง และชดใช้ต่อการนองเลือดที่ทรงทำให้เกิดขึ้น จากนั้นกองทัพของพระองค์ถึงจะเข้า...ซูจินี พูดเองไม่ใช่อ่านว่า : พวกนั้นบ้าไปหมดแล้วหรือ

ฮีกแก โกรธจัดอีกแล้ว : นั่นเสียงสุนัขเห่าหรือ กองทัพในสนามรบ มันต้องมีเลือดในสนามรบไม่ใช่ดอกไม้
ฝ่าบาท กองทัพของจุนโนเตรียมตัวพร้อมเรียบร้อยแล้วปล่อยให้พวกเราไปกำจัดพวกสารเลว ในปราสาทโกกแนนั่น
แต่ทัมด๊ก ไม่ได้ทรงพิโรธถามว่า : เทวีพยากรณ์คนใหม่ส่งพวกเจ้ามาหรือ ในโองการสมมตินี้ นอกจากเทวีพยากรณ์แล้ว ยังมีใครร่วมในประกาศนี้ด้วยอีก ทรงได้รับคำตอบ คือความเงียบ
ทรงถามย้ำว่า : ข้ากำลังถามเจ้าอยู่ว่า นี่เป็นความตั้งใจของสภาด้วยหรือไม่ นักพรตอึดอัดใจมาก กราบทูลว่าพวกเราได้รับอนุญาตให้ส่งสารเท่านั้น พวกเราไม่สามารถกราบทูลสิ่งใดได้
ฮีกแก : ฝ่าบาทไม่มีประโยชน์ที่จะถาม เราไปทำลายพวกนั้น
ทัมด๊ก : นี่ เป็นการกบฎหรือไม่
ทรงมีพระดำรัสต่อว่า : ในปราสาทโกกแนมีทหารเหลืออยู่ไม่มาก พวกเขาจะกล้าเผชิญหน้ากับพวกเราด้วยทหารเพียงเล็กน้อยหรือ ถ้าเป็นข้า...ข้าจะกลับไปที่เผ่า และวางแผนแก้แค้น ทรงพระราชดำเนินไปยังนักพรต ผู้ส่งสารเอื้อมพระหัตถ์ไปวางที่ไหล ่ของนาง ตรัสว่า : นี่เป็นความตั้งใจของสภาหรือ ( ทรงร่ายมนตร์ มหาเสน่ห์ นะจังงัง ไปด้วยกระมัง) นักพรต ทูลตอบว่า หม่อมฉันเชื่อว่าสมาชิกสภาถูกกักตัวไว้ที่บ้านพักเสนาบดีใหญ่ เพคะ
(คนเล่าขัดใจเล็กน้อย กับสีหน้าของทัมด๊ก ทุกคนโมโห กับสารของโซคีฮา แต่ทัมด๊ก ทรงอารมณ์ดี เหลือเกิน ทัมด๊ก นะทัมด๊ก )



ในกระโจม
มีข่าวแจ้งมาว่า พวกเขาปิดประตูทุกด้านและวางกำลังรักษาความปลอดภัย
ฮีกแก จอมมุทะลุ : ฝ่าบาทขอทหารให้หม่อมฉัน 500 คนหม่อมฉันจะไปเปิดประตูให้ฝ่าบาทภายในไม่ถึงครึ่งวันพะย่ะค่ะ ทรงมีพระบรมราชโองการเถิด
ทัมด๊ก ( ผู้ทรง สุขุม เยือกเย็นมีพระอารมณ์ขัน และ รบแบบใช้ตำราพิชัยสงคราม )ทรงสั่งให้ขุนพลโก วางกำลังรอบปราสาทโกกแน แค่ล้อมรอบบริเวณ อย่าเคลื่อนไหวจนกว่าจะมีคำสั่ง ทรงประเมินว่าฮวาเซินว่าคงต้องแอบอ้างชื่อของสภาส่งหนังสือไปยังกองกำลังโคคุเรียวนอกปราสาทโกกแนและโจมตีกองทัพของพระองค์ข้างหลัง ขุนพลโกทูลแย้งว่า ทรงเชื่อหรือว่ากองทัพโคคุเรียวจะโจมตีพระองค์ ทรงตอบขุนพลโกว่า ยุทธวิธีของพระองค์ คือการเตรียมตัวพร้อม สำหรับสิ่งที่แย่สุดที่จะอาจเกิดขึ้น
ทรงสั่งแม่ทัพฮีกแก ให้ใช้ชื่อของพระองค์ ควบคุมป้อมทั้งห้า ที่อยู่ใกล้ปราสาทโกกแนที่สุด ทรงประทานตราประจำพระองค์ให้ฮีกแกนำไปใช้



ฮีกแก ทวนคำว่า ...ควบ...ควบคุม จึงทรงอธิบายตามมาว่าประการแรก ต้องแน่ใจว่า ป้อมปราการเหล่านี้จะไม่ได้รับคำสั่งจากคนอื่น ประการที่สอง เตรียมพร้อมพวกเขาสำหรับการโจมตีจากผู้รุกรานจากภายนอก ฮีกแก ก็ งง อีก กับคำว่าผู้รุกรานจากภายนอก
ทัมด๊ก : ข้าจะไปปราสาทโกกแน
ซูจินี วิ่งมาขวาง : ฝ่าบาทจะเสด็จโดยลำพังเดี๋ยวนี้
ฮยอนโก ปราดเข้ามาอีกคน โอดครวญว่า : ฝ่าบาททรงเปลี่ยนพระอุปนิสัยได้หรือไม่ ทรงมีพระอุปนิสัยชอบเสด็จโดยลำพัง และทำให้พระองค์เอง ตกอยู่ในอันตราย
ทัมด๊ก เอาหัตถ์ท้าว บั้นพระองค์ แย้มพระสรวล ทรงตอบว่า : พวกเขาบอกว่าจะไม่ยอมเปิดประตูให้จนกว่าข้าจะเข้าไป
ฮยอนโก : นั่นแหละหม่อมฉันหมายความว่า...เอ้อ..หม่อมฉันหมายถึง... (มัวแต่เอ้อ ..อ้า อีกแล้วคุณลุงเต่าดำ แล้วจะทัน ทัมด๊ก ได้อย่างไร)
จูมูชิ : คนของหม่อมฉันค่อนข้างจะมีความสามารถในการปีนป่ายบ้านเรือนของคนอื่น การปีนกำแพงปราสาทไม่ใช่เรื่องยาก เพราะฉะนั้น .... (พูดไม่จบอีกคน)
ทัมด๊ก : ข้าจะไม่ปีนป่ายกำแพงปราสาทของตัวเอง ข้าไม่สู้รบกับทหารของตัวเอง เราจะต่อสู้กับเฉพาะข้าศึกศัตรูเท่านั้น
จูมูชิ : เช่นนั้น ... เราจะต่อสู้จริงหรือพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : เราจะต่อสู้เมื่อข้าต้องการ และด้วยวิธีที่ข้าต้องการ
ทรงหันไปทาง ฮยอนโก
ทัมด๊ก : อาจารย์ ท่านไปติดต่อศิษย์โคมิล ที่อยู่ภายในปราสาท ให้ข้ามั่นใจว่า ประชาชนจะออกไปนอกเขตอันตราย สนามรบจะอยู่ในปราสาทโกกแน
จูมูชิ : ถูกต้องเรากำลังจะสู้กัน



แล้วทัมด็กและ สาม ผู้พิทักษ์ (จูมูชิ ชอโร และซูจินี สวมชุดเหล็กเกราะ )พร้อมทหารอีกไม่กี่คน ก็ขี่ม้ามาที่ประตูปราสาทด้านตะวันตก
แทจังโร อดที่จะชื่นชมพระองค์บนกำแพงประตูปราสาทไม่ได้ ว่า ทรงเป็นคนหนุ่มที่กล้าหาญ ทรงทิ้งกองทัพไว้เบื้องหลังแล้วเสด็จมาที่นี่
เสนาบดียอน : ถ้าข้าทูลให้ฝ่าบาทเสด็จกลับไปมันจะเป็นอย่างไร
แทจังโร : แล้วสมาชิกสภาที่บ้านของท่านเล่า แล้วมันจะยังสะดวกสำหรับท่านโฮแกที่จะกลับมาเป็นกษัตริย์ของประเทศโดยไม่มีสภาหรือ
เสนาบดียอน เงียบ เลย ( แบบนี้ ต้องใช้คำว่า รู้เขาหลอก แต่เต็มใจให้หลอก ไหม แต่จริงๆเสนาบดียอนก็ไม่ได้คิดร้ายกับบรรดาผู้นำแคว้นและคนอื่นในสภา ก็คงห่วงคณะสภาเสนาบดีด้วย)
ทัมด๊ก สามผู้พิทักษ์กับทหารเข้ามาในปราสาทโกกแน มีนักพรตหญิง มายืนรอรับเสด็จ กราบทูลว่าอารามหลวงเฝ้ารอคอยพระองค์ เป็นเวลานานแล้วเพคะ



ทัมด๊ก : ข้ากำลังจะไปเดี๋ยวนี้เมื่อข้ากลับมา จะให้พวกเจ้า (ทหารที่ตามเสด็จมา)เข้าไปในคลังเหล้าหลวง ซูจินี มองทัมด๊กอย่างเป็นห่วง ปนน้อยใจ (ที่ทรงรีบไปพบเทวีพยากรณ์ คนใหม่แบบนี้)
เสนาบดียอนลงมาจากกำแพงประตูมาเข้าเฝ้า
ทัมด๊ก : ท่านคงจะเหนื่อยกับการดูแลภารกิจของบ้านเมืองในขณะที่ข้าไม่อยู่
เสนาบดียอน : หม่อมฉันขอ ถวายความยินดีกับชัยชนะของฝ่าบาททรงมีทหารอารักขามาแค่นี้หรือพะย่ะย่ะค่ะ ท่านขุนพลโก ไปที่ใด
ทัมด๊ก : คนที่มาต้อนรับกษัตริย์ที่กลับมา มีเพียงท่านคนเดียว เสนาบดียอน
เสนาบดียอน : ฝ่าบาทจะเสด็จไปอารามหลวงก่อนหรือไม่ หม่อมฉันจะส่งเสด็จ
นักพรตหญิงค้านว่า วันนี้อารามหลวงห้ามมิให้ผู้อื่นเข้าไปที่อาราม มีเพียงฝ่าบาทองค์เดียวที่เสด็จไปได้เสนาบดียอน : ในความเห็นของหม่อมฉัน..



ทัมด๊ก : มีใครกล้าจะทำร้ายข้าในปราสาทของตัวเอง หรือในบ้านเมืองของตัวเองหรือ หากพวกเขาอยากจะทำ พวกเขาทำตอนนี้ไม่ได้หรอก ทั้งประเทศจะยอมรับก็ต่อเมื่อมันถูกต้องตามวิธีการทางกฎหมายไม่ว่ากษัตริย์จะเป็นใครก็ตาม
เสนาบดียอน ต้องหลบสายพระเนตรของทัมด๊ก ทรงเงยพระพักตร์ไปทางแทจังโร ที่ยังอยู่ชั้นบนแทจังโรถวายคำนับ
ทัมด๊ก ส่งสายพระเนตร เหมือนบอกว่า แล้วเราจะเห็นดีกัน ประมาณนั้น



ที่อารามหลวง
ก่อนเข้าในส่วนชั้นใน มีเชือกขึงกั้นทางอยู่ นักพรต ปลดปลายเชือกด้านหนึ่ง ถวาย ทัมด๊ก ทรงวางพระแสงดาบกับเบาะที่มีนักพรตอีกคน ยืนประคองคอยอยู่ แล้วเสด็จยังด้านใน
เทวีพยากรณ์โซคีฮา : หม่อมฉันขอถวายความยินดีในนามของสวรรค์ ต่อชัยชนะที่ทรงมีต่อ ป้อมปราการแพคเจทั้ง 10 แห่ง และป้อมควานมี เราจะมีพิธีชำระบาปในเที่ยงของวันนี้ ดังนั้น ก่อนอื่นฝ่าบาท....
ทัมด๊ก : เทวีพยากรณ์ตายได้อย่างไร เจ้าเป็นคนทำหรือ
เทวีโซคีฮา ชะงัก : หม่อมฉันจะทูลได้ไหมว่ามันเป็นโองการของสวรรค์
ทัมด๊ก : เจ้าไม่สามารถทำสิ่งนี้ ด้วยเพื่อตัวเจ้าเอง นี่ไม่ใช่ผู้หญิงที่ข้ารู้จัก
เทวีโซคีฮา : ตั้งแต่แรกนั้นมา ฝ่าบาทก็ไม่ทรงทราบว่าหม่อมฉันเป็นใคร มองสบสายพระเนตร
ทัมด๊ก : ใช่ แล้วตอนนี้เจ้าจะบอกข้าไหม เจ้าและฮวาเซินที่อยู่เบื้องหลังเจ้า เจ้าต้องการอะไร
เทวีโซคีฮา หลบสายตาลง : ในวันที่เกิดเหตุ ที่หมู่บ้านผู้ลี้ภัยที่อดอยาก ที่หม่อมฉันพาฝ่าบาทไป ทรงถามหม่อมฉันว่าหม่อมฉันรู้สึกอย่างไร
ทัมด๊ก นึกเห็นภาพที่ทรงเอาพระหัตถ์จับมือโซคีฮา โซคีฮาทรุดลงกอดพระองค์ ต่างองค์ต่างคนน้ำตาคลอ
เทวีโซคีฮา : ทรงจำได้ไหมเพคะ
ทัมด๊ก : ข้าลืมคืนนั้นไปนานแล้ว
เทวีโซคีฮา : ถ้าทรงถามหม่อมฉัน หม่อมฉันจะทูลพระองค์เดี๋ยวนี้ หัวใจของหม่อมฉันเป็นของกษัตริย์จูชิน หม่อมฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้ทรงสามารถก่อตั้งชนชาติจูชินอีกครั้งถ้าหากต้องการแล้ว แม้แต่แขวนดวงดาวจูชินบนท้องฟ้า หม่อมฉันก็จะสร้างให้ มองสบตากันอีก (รู้สึกว่าโซคีฮา บอกใบ้ ว่า จะทำทุกอย่างให้ ทัมด๊ก เพราะทัมด๊กคือกษัตริย์จูชินที่แท้จริง ด้วยทิฐิของโซคีฮา ที่ไม่ทูลตรง ๆ การพูดอ้อมค้อมทำให้ ทัมด๊กเข้าพระทัยว่า โซคีฮา หมายถึงยอนโฮแก )
ทัมด๊ก เสด็จพระราชดำเนินผ่านเทวีโซคีฮา ทรงระลึกถึงวัยเด็ก ...ข้าไม่รู้..ข้าจะเชื่อใจใครในปราสาทโกกแน ข้าเชื่อเจ้าได้ไหม ข้าจะเชื่อเจ้า ช่วยข้าด้วย
ทัมด๊กมีพระดำรัสว่า : กษัตริย์จูชิน ที่เจ้าพูดถึง คงหมายถึงโฮแก ข้าเคยคิดเช่นนั้น ข้าคิดว่าโฮแกจะต้องเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่แห่งโคคุเรียว ข้าต้องมาเป็นกษัตริย์เพราะว่าจะได้ไม่มีใครต้องตาย ข้าเชื่อว่าไม่ว่าโคคุเรียว แพคเจ เราต่างเป็นพี่น้องจูชินด้วยกัน เพราะความเชื่อของข้าทหารของข้าถึงต้องทนทุกข์ อย่าดูหมิ่นทหารของข้าด้วยพิธีล้างบาปที่ผิด ๆของเจ้า
ทรงนึกภาพ วัยเด็กอีก คีฮา........อยู่กับข้าตลอดเวลานะ อยู่ในที่ข้าจะเห็นหน้าเจ้าได้เสมอ….
เทวีโซคีฮา : ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันจะกราบทูลเช่นนี้ หม่อมฉันแน่ใจว่าทรงจำได้ คำสัตย์สาบานที่เราทำขึ้น คือการรับใช้กษัตริย์จูชินผู้ซึ่งจะนำสัญลักษณ์ทั้ง สี่ กลับคืนมา
ทัมด๊ก : แล้วอย่างไร
เทวีโซคีฮา : สภาโคคุเรียวอยู่ในมือของเรา และเราต้องการสัญลักษณ์ เต่าดำ เมื่อท่านโฮแก กลับมาพร้อมกับสัญลักษณ์เสือขาว เราจะมี สามในสี่ ของสัญลักษณ์ ศักดิ์สิทธิ์ เพราะเรามีสัญลักษณ์ ฟินิกซ์แล้ว
ทัมด๊ก ทรงทอดพระเนตร เทวีโซคีฮา เป็นเชิงถามว่า แล้วอย่างไรอีก
เทวีโซคีฮา : ถ้าหากทรงไม่ต้องการทำเช่นนั้น ก็ทรงประหารหม่อมฉันเสียที่นี่ เพื่อหยุดหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่รู้ว่า หม่อมฉันจะสามารถทำสิ่งใดได้อีก ประหารหม่อมฉันเพื่อหยุดหม่อมฉันเสีย



ทัมด๊ก : ก่อนหน้านี้ข้ามีความหวังหลงเหลืออยู่บ้าง เพราะเหตุนี้ข้าถึงมาที่นี่เพื่อมาพบเจ้า แต่ตอนนี้ มันจบแล้ว ข้าหมดสิ้นกับเจ้าแล้ว
แล้วทรงพระราชดำเนินออกมาจากอารามชั้นใน
เทวีโซคีฮา หลับตาน้ำตาไหลริน นึกภาพที่ทั้งสองขี่ม้าเล่นกันที่นอกเมือง จนโตมาด้วยกัน องค์ชาย ทรงชี้ให้เธอ จุดไฟในห้องบรรทม ตรงโน้น ตรงนั้น ตรงนี้ ภาพที่ตนเองใช้เข็มทำให้องค์ชายสลบ เธอโอบองค์ชาย องค์ชายในท่ามกลางสายฝน วันที่ไปพบตามนัดในจดหมาย องค์ชายถูกฮวาเซินรุมทำร้าย เธอเอื้อมมือจะคว้าหัตถ์องค์ชาย และเธอ แย่งดาบจาก ยอนโฮแก มาแทงพระองค์ ที่พระหทัย ในวันทดสอบดาบ Kauri องค์ชายหลับพระเนตรทรุดองค์ลงที่พื้นอาราม และสุดท้าย ที่เธอจะกระโดดหน้าผา ฆ่าตัวตาย แต่ไม่ตาย

ส่วน ทัมด๊ก เสด็จออกมาจากชั้นในของอาราม ทรงระลึกถึงคำ ตะโกนกราบทูลขององครักษ์หญิงที่รอดชีวิตในวันที่เสด็จมาเคารพพระศพของพระบิดา ว่า ตอนนี้แผ่นดินอยู่ในมือของเสนาบดียอน ทรงโปรดเสด็จไปไกลๆ อย่าเสด็จกลับมาที่นี่อีก นั่นเป็นทางเดียวที่จะทรงมีชีวิตรอด วันนั้นพระองค์ ทรงพระดำเนิน ออกมาพร้อมกับน้ำพระเนตรทรงใช้พระแสงดาบฟันต้นเสาอาราม
เมื่อเสด็จออกมาชั้นนอก ทรงหยิบพระแสงดาบ เงื้อพระแสงดาบฟันเส้นเชือกที่กั้นขวางอยู่
(หมดสิ้นกันทีกับสายสัมพันธ์ที่สะบั้นลงเหมือนเชือกเส้นนี้ ระหว่างพระองค์ และโซคีฮา )



ในระหว่างเวลาที่ ทัมด๊ก เสด็จตามนักพรตหญิงที่รอรับเสด็จอยู่ ไปที่อารามหลวง ซูจินี และจูมูชิ หลอกล่อทหารที่หน้าประตู ทหารในปราสาทมัวแต่ซักถามถึงการเอาชนะป้อมปราการของแพคเจ จน เข้ามาข้างในได้ และมาสมทบกับ ทัมด๊ก ( ทั้งจูมูชิ และ ซูจินี ถอดชุดเกราะออก เป็นชุดปกติที่เห็นชินตา) ส่วนชอโร มีหน้าที่อื่น
จูมูชิ กราบทูลรายงานว่า คนของฮวาเชินเข้ายึดบ้านตระกูลยอน และรักษาการณ์บ้านตระกูลยอนร่วมกับทหารโคคุเรียวของตระกูลยอนเอง ส่วนทหารราชองครักษ์ ก็พร้อมแล้ว ที่จะเคลื่อนพลทันทีที่มีรับสั่ง
ซูจินีกราบทูลว่า : พวกฮวาเซินไม่เหมือนคนอื่นเพราะถูกฝึกมาเป็นนักฆ่าตั้งแต่เด็ก ถ้าเราสู้กับพวกนี้ซึ่งๆ หน้าเหมือนการสู้ในสนามรบ ทหารของเราจะถูกฆ่าตาย พวกฮวาเซินใช้วิธีน่ารังเกียจ
ทัมด๊ก ตรัสว่า : เราจะไม่สู้กับพวกนั้นตรงๆ วิธีนั้นใช้สำหรับการต่อสู้กับศัตรูที่สู้รบอย่างมีเกียรติ ทรงแหงนทอดพระเนตรดวงอาทิตย์ ตรัสถามว่า เที่ยงวันหรือยัง
ที่นอกประตูปราสาท ขุนพลโก ก็แหงนมองดวงอาทิตย์ อยู่เช่นกัน
ส่วนแทจังโร ที่บ้านเสนาบดียอนก็รอเวลาเที่ยงวันเหมือนกัน และอยากรู้ว่า ทัมด๊ก จะทรงประเมินค่าคณะสภาเสนาบดีมากน้อยแค่ไหน
โชจูโด จะออกมาห้องนอก ทหาร ฮวาเซิน ทำท่าขู่ พวกผู้นำแคว้น ทำท่าจะออกมาด้วย โชจูโด รีบห้ามปราม
ทัมด๊ก ซูจินี และจูมูชิ บุกฆ่าทหารฮวาเซินที่รักษาการณ์ ตามจุดต่าง ๆ ในปราสาทโกกแน



แล้วทหารของทัมด๊ก ก็ปฏิบัติการตามแผนที่ทรงสั่งการไว้ ศิษย์โคมิล ตีฆ้องร้องเป่าให้ประชาชนกลับเข้ายังบ้านเรือนของตนเอง
เสนาบดียอนและแทจังโร ก็รอเวลาเช่นกัน แทจังโร สั่งการกับซารยาง
ทหารราชองครักษ์ของขุนพลโก ไปยังประตูทั้ง สี่ทิศ เข้าควบคุมทหารรักษาการณ์ไว้ ชอโร เปิดประตูทิศตะวันตก ช่วยขุนพลโก และกองทหารเข้ามาในปราสาทอย่างเร็วที่สุด จำกัดบริเวณคนข้างในที่บ้านพักของเสนาบดียอน ห้ามยั่วยุให้พวกเขาโกรธ เพราะที่นั่นมีตัวประกันอยู่ในกำมือ จากนั้นให้รอคำสั่งของ ทัมด๊ก
ทัมด๊ก ทรงบุกไปที่พักลับของฮวาเซิน ทหารฮวาเซินที่นั่นถูกฆ่าหมด และทรงได้สัญลักษณ์ ฟินิกซ์ ที่ส่องแสงประกายแดง วาบ รับเจ้าของที่แท้จริง( คงเป็นเพราะ ซูจินี ทัมด๊ก และจี้ฟินิกซ์ มาอยู่ในสถานที่เดียวกัน ไหม ?และจิตใจของซูจินีในระหว่างนั้น ก็ห่วงใยลึกซึ้งกับทัมด๊ก ) เป็นฉากรบที่น่าตื่นเต้น ของทัมด๊ก จูมูชิ ชอโร และซูจินี (ส่วนชอโร ก็ เป็นห่วงซูจินี ..เฮ้อ...)

ขุนพลโก เข้าควบคุมสถานการณ์รอบนอกของบ้านตระกูลยอนได้ ซารยางพาทหารฮวานเชินออกมา ก็พบลูกธนู ของพลธนูของขุนพลโก ที่เรียงรายอยู่บนหลังคาบ้าน
เสนาบดียอนโกรธ ที่บ้านตนเองถูกควบคุม ตะโกนถามมาจากด้านใน : ข้าเป็นผู้นำแคว้นเครุ และเป็นเสนาบดีใหญ่ของอาณาจักรนี้ เหตุใดที่ท่านบุกรุกเข้ามาในที่พักของข้า พวกท่านเป็นกองทัพ ที่ มีใครเป็นผู้นำ ทำไมไม่มีใครตอบข้า
ขุนพลโกตะโกนตอบจากด้านนอก : ท่านเสนาบดียอน ข้า โกอูซุง แห่งทหารราชองครักษ์ ฝ่าบาทรับสั่งมิให้ใครออกนอกสถานที่นี้ ข้าแค่ทำตามพระบัญชา อีกไม่นานฝ่าบาทจะเสด็จมาที่นี่ เสนาบดียอน ท่านควรเตรียมตัวรับเสด็จด้วย
เสนาบดียอน : ทำไมท่านเข้ามาในปราสาทโกกแน ท่านกำลังบอกว่า กองทัพหลวงทั้งหมดเข้ามาอยู่ในกำแพงปราสาทเช่นนั้นหรือ พวกท่านถูกห้ามมิให้เข้ามาจนกว่าจะเสร็จพิธีชำระล้างบาปของฝ่าบาท
ขุนพลโก : .ใครที่กล้าสั่งกองทัพของฝ่าบาทให้มาหรือให้ไป ใครกล้าจับตัวคนของฝ่าบาทเป็นตัวประกัน ท่านเสนาบดียอน ทำไมท่านถึงกลายเป็นคนขลาดกลัว และทรยศ
ผู้นำแคว้นและสภาเสนาบดี ได้ยินเสียงต่างพากันดีใจ : ฝ่าบาททรงอยู่ที่นี่ยังทรงคิดว่าพวกเราเป็นคนของพระองค์อยู่
เสนาบดียอน บอกแทจังโรว่า : ท่านได้ยินหรือไม่ คนที่ท่านต้องการทรงมีคนจงรักภักดีมากมาย นั่นเป็นเรื่องประหลาดเสมอสำหรับข้า ในสายตาของข้า แล้ว ทรงเป็นคนน่าสมเพช ไม่มีสิ่งใดที่จะแบ่งปันให้กับผู้อื่น
มีเสียงทหารตบเท้าเป็นจังหวะ ที่ข้างนอกประตูบ้านตระกูลยอน
ทัมด๊ก ทรงม้าเข้ามา
ขุนพลโก ถวายคำนับ : ทรงเป็นอย่างไรบ้างพระเจ้าค่ะ สมาชิกสภาเสนาบดี อยู่ในบ้านตระกูลยอน
ทัมด๊ก ทรง ตรัสว่า : ข้าต้องไปปล้นบ้านที่ว่างเปล่ามา
แทจังโร ยกมือสั่งงานซารยาง (ให้พาตัวประกันออกมาจากห้องที่ใช้กักบริเวณ)
ทัมด๊ก ตรัสกับเสนาบดียอนว่า : ข้ามาเพื่อคนของข้า ข้าได้ยินเสียงของคนพวกนั้นที่นี่ ท่านจะบอกให้พวกเขาออกมาพบข้าหน่อยได้ไหม
เสนาบดียอน : พวกเขาทั้งหมดอยู่ที่บ้านของหม่อมฉัน แล้วหันไปทางแทจังโร ถามว่า : ท่านได้ยินกระแสรับสั่งไหม
แทจังโร ทูลว่า : ทรงอภัยให้หม่อมฉันด้วย พวกนั้นถูกจับเป็นตัวประกันอยู่
ทัมด๊ก ตรัสถามว่า : ท่านเป็นหัวหน้าฮวาเซินหรือ
แทจังโร ก้มคำนับ (ใช้ได้นะนี่ ถึงเป็นพ่อมดจอมขมังเวทย์ ก็ยังรู้ธรรมเนียม แต่ส่วนใหญ่ แทจังโร ก็ชอบทำท่าทางสงบเสงี่ยม อ่อนน้อม หลอกล่อเสนาบดียอน อยู่แล้ว ) : ทรงยกย่องหม่อมฉันเกินไป พวกเราเป็นเผ่าเล็กๆ ที่บูชาไฟ หม่อมฉันเป็นแค่หัวหน้าผู้น้อยเท่านั้น
ทัมด๊ก : ข้าได้ยินว่าจุดมุ่งหมายของพวกท่าน คือการรวบรวม สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งสี่
แทจังโร : ทรงทราบมาจาก เทวีพยากรณ์แล้ว หม่อมฉันอยู่ที่นี่ เพื่อ แลกเปลี่ยนคนของพระองค์ กับสิ่งที่พระองค์ทรงมี
ทัมด๊ก ทรงแย้มพระโอษฐ์ ( ขอแปลว่า เยาะเย้ย)
ทัมด๊ก :ท่านหมายถึงอะไรสิ่งที่ข้ามี (ทรงหยิบ จี้ฟินิกซ์ ออกมา ชูให้ดู ) : ท่านหมายถึงสิ่งนี้หรือ
ทั้งเสนาบดียอนและ แทจังโร อึ้งไปเลย (เพราะแทจังโร เก็บรักษาไว้อย่างดีที่บ้านพักลับๆ ของฮวาเซิน)
ทัมด๊ก ทรงหันไปทางเสนาบดียอน : ท่านเสนาบดียอน ท่านมีวัตถุประสงค์ใด ที่เป็นพันธมิตรกับคนพวกนี้ ท่านทำเพื่อให้ลูกชายของท่านได้ขึ้นเป็นกษัตริย์เช่นนั้นหรือ
เสนาบดียอน : ความปรารถนาของหม่อมฉันไม่เคยเปลี่ยน แต่หม่อมฉันอยากอ้อนวอนฝ่าบาท เรื่องหนึ่ง ตราประจำเสนาบดีของหม่อมฉัน ได้ถูกนำไปใช้ออกคำสั่งตามป้อมปราการต่างๆที่ใกล้ชายแดนของเรา เพื่อให้กองทหารเว่ยเหนือ เข้ามาในดินแดนของเรา โปรดทรงช่วยหยุด กองทัพเว่ยเหนือ ด้วยพะย่ะค่ะ
ฮยอนโก เข้ามา กราบทูลพอดี : ป้อมปราการด้านนอกได้ตอบกลับมาแล้ว พวกเขา ได้เคลื่อนทัพและได้จัดการป้องกันตนเอง ไม่มีใครสามารถเข้าไปที่ป้อมพวกนั้นได้
ทัมด๊ก ทรงถามเสนาบดียอนว่า : นี่เพียงพอหรือไม่
เสนาบดียอน อึ้ง งง เป็นไก่ตาแตก แทจังโรและซารยาง หลบออกมา ไปที่ลานโถงของบ้าน
ทัมด๊ก พาทหารคู่พระทัย ไปพบกับความว่างเปล่าในห้องที่เคยกักสภาเสนาบดี จูมูชิ เปิดประตู พลธนูเตรียมพร้อม เมื่อออกมาด้านนอก ก็ทรงพบ แทจังโร ยืนอยู่ตรง ระเบียงชั้นบน ตัวประกันถูกทหารฮวาเซิน ควบคุมตัวที่ชั้นล่าง
แทจังโรเอ่ยชม ว่า : ทรงปราดเปรื่องสามารถอย่างยิ่งหากกษัตริย์พระองค์ก่อนยังมีพระชนม์ชีพอยู่ คงภูมิพระทัย ในตัวของพระองค์ แล้วแสดงพลังของตนเองขู่ขวัญ ทุกคนในที่นั้น โดยใช้พลังจากฝ่ามือ ที่มีควันของมนต์ดำ ยกตัวเสนาบดีคนหนึ่งลอยขึ้นสูง และได้รับความเจ็บปวด เพียงแค่สะบัดมือ เสนาบดีคนนี้ ก็ คอหัก ตกลงมากองกับพื้น ( จอมขมังเวทย์ เริ่มแสดง อภิหารของตัวเอง) ทหารฮวาเซิน ชักดาบฟัน ตัวประกัน คนหนึ่ง



ทัมด๊ก ส่งพระสุรเสียงว่า : นี่..... ทรงโยนสัญลักษณ์ลงกับพื้นทีละชื้น จี้ฟินิกซ์ ( จูจั๊ก ) ไม้เท้า ฮวานมู และ มังกรน้ำเงิน
ทัมด๊ก : ท่าน ต้องการทั้งหมดหรือ
แทจังโร : จะทรงมอบให้หม่อมฉันหมดไหม
ทัมด๊ก : คืนคนของข้ามา
ผู้นำแคว้นคนหนึ่งลุกขึ้นมาถูกทหาร ฮวาเซิน เอาดาบ พาดคอไว้ ผู้นำแคว้น กราบทูล ว่า : หม่อมฉันผู้นำแคว้นซุนโน ขอทูลถามฝ่าบาทประการหนึ่ง ทรงประหารลูกชายของหม่อมฉันหรือไม่
เสนาบดียอน ทำท่าทางละอายใจ
ทัมด๊ก ทรงตอบว่า :ไม่...
ผู้นำแคว้นกราบทูลว่า : เป็นเช่นนั้นเอง หม่อมฉันทรยศต่อฝ่าบาท และหันหลังให้กับจูชิน หม่อมฉันจะเป็นภาระให้พระองค์ได้อย่างไร ทรงโปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วยหม่อมฉันขอกราบทูลลาพะย่ะค่ะแล้วพลีชีพ เอาดาบเชือดคอคัวเอง



ผู้นำแคว้นอีกคน : หม่อมฉันผู้นำแคว้นกวานโน ทูลขออภัยโทษด้วยชีวิตของหม่อมฉันเอง โปรดทรงนำดินแดนจูชินกลับมา
ทัมด๊ก ทรงตะโกนห้าม : อย่า !!! แล้วพุ่งพระองค์เองขึ้นไปสู้กับ แทจังโร ทรงกระเด็นตกลงมา แทจังโรกระโดดตามลงมา ใช้กำปั้นทุบพื้นแตกระจาย เพราะทัมด๊กทรงหลบทัน กำปั้นเลยทุบพื้นแทน ทัมด๊ก ถือพระแสงดาบพุ่งเข้าหาอีก แทจังโร ใช้สองนิ้วมือคีบดาบไว้ พลังมนต์ดำกระจายออกจากหน้าแทจังโร ทัมด๊ก ตกลงมาอีก ทรงโผเข้าไปฟัน แทจังโร อีกหลายครั้ง แทจังโรแค่เบี่ยงตัวเอง หลบซ้ายหลบขวา ส่วนคนอื่นๆก็ช่วยกันฆ่าทหารของฮวาเซิน ล้มตายมากมาย
แทจังโร เดินเข้าหา ทัมด๊ก แสยะปากเกร็งกำลังทั้งหมดเพื่อจะทำร้ายทัมด๊ก
ทัมด๊ก จ้องพระเนตรกับแทจังโร



แล้วสัญลักษณ์มังกรน้ำเงินก็ส่งประกายออกมา อยู่ที่พื้น ซอโร ถอดหมวกชุดเกราะออก มือซ้ายหยิบสัญลักษณ์มังกรน้ำเงินขึ้นมา แล้ว ยกทวนในมือขวาขึ้นปลายทวนสองแฉกของ ชอโรก็มีแสงสว่างจ้าขึ้นมา จนคนอื่นๆต้องหันมามองตกใจกับแสงสว่าง แทจังโร ที่กำลังเกร็งพลังจะต่อสู้กับ ทัมด๊ก เหลือบเห็นก็ผละออกจากทัมด๊กและกระโดดลอยตัวขึ้น ชอโรพุ่งทวนเข้าใส่ แทจังโร
แทจังโร เหมือนเป็นวัตถุชิ้นหนึ่งที่แตกกระจาย แล้วพุ่งลอยเป็นสายควันดำออกข้างนอกหน้าต่าง จางหายไป ซารยางรีบหลบตามออกไปข้างนอก



ซอโร มองสบตานิ่งงันกับ ทัมด๊ก (เหมือนกับว่าชอโร ยอมรับแล้วว่า ทัมด๊ก คือกษัตริย์ ที่เขาต้องรับใช้) สำหรับเต่าดำ คือความกริ้วโกรธ สำหรับมังกรน้ำเงิน ก็คือความเยือกเย็น.......



.ที่ค่ายทหารใหญ่ของยอนโฮแก ที่นาเกลือของคอรัล
ผู้บัญชาการไม่อยู่ที่นี่ พาทหาร 2-3 พันคนไปปฏิบัติภารกิจพิเศษ แม่ทัพ หลายคนไม่พอใจว่า ทำไมต้องเป็นความลับกับพวกเราด้วย แล้วก็มีทหารหลวงของโคคุเรียว อัญเชิญพระบรมราชโองการมา : ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้ข้ามอบให้กับท่านผู้บัญชาการทหารโดยตรง
แม่ทัพ ที่กำลังจะเปิดหีบบรรจุ พระบรมราชโองการ ถูกมือที่ยังถือดาบของทหารหลวงขัดจังหวะ หงุดหงิดซ้ำบ่นว่า : แน่นอน แน่นอน ความลับ ความลับเสมอ
แล้วพวกแม่ทัพของยอนโฮแกก็ซักถามทหารที่เป็นคนอัญเชิญพระบรมราชโองการมา ถึงการรบและการยึดป้อมปราการต่างๆของแพคเจ คนเล่า เล่าด้วยความภาคภูมิใจ : ข้าได้รับเกียรติเข้าร่วมรบในสนามรบกับฝ่าบาท ทหารของเรา สาม พันคน ได้ร่วมรบเพื่อป้อมปราการควานมี ความพยายามครั้งแรกล้มเหลว ทุกพันคนจะมีทหารบาดเจ็บราว หกร้อย คน คืนนั้นฝ่าบาทเสด็จเข้าไปในป้อมปราการควานมี ด้วยลำพังพระองค์เอง ด้วยพระหัตถ์เปล่า ทรงทำให้ผู้บัญชาการป้อมควานมี ต้องยอมแพ้กับพระองค์
แม่ทัพใหญ่ไม่เชื่อ หาว่า : โกหก ฝ่าบาททรงเข้าร่วมรบหรือ คนขี้ขลาดแบบนั้นไปออกรบด้วย และก็เกือบมีเรื่องกัน ระหว่างคนถามและคนเล่า
ที่ด้านนอกกระโจม มันดัก ยิ่งแต่งเติมเรื่องสนุกสนาน : ผู้บัญชาการป้อมควานมีที่จริงแล้วมีสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ มังกรน้ำเงิน สัญลักษณ์นี้คุ้มครองฝ่าบาท ข้าไม่ได้เห็นเอง แต่เขาเล่ากันว่า มังกรตัวใหญ่โตมโหฬาร ออกมาและบินไปรอบๆ.....
มีศิษย์ โคมิล ให้สัญญาณ( ไม่งั้นเรื่องจะพิสดารกว่านี้อีกเยอะ )อันที่จริงจูมูชิ จะมาที่ค่ายนี้เอง แต่มันดักห้ามไว้ว่า ด้วยหน้าตาและทรงผมของจูมูชิ ไปที่ไหนก็มีคนจำได้นั่นเอง แล้วมันดัก ก็ต้องผิดหวังที่จะมาช่วยบาซอนและดัลบี เพราะยอนโฮแก พาทั้ง สองคนนี้ไปปฏิบัติการลับ ด้วย (อ้อทรงผมของ มันดัก ก็ไม่น้อยหน้าลูกพี่สักเท่าไร)



บาซอนและดัลบี ได้รับการดูแลที่ดีขึ้น ดัลบีเล่าว่า เมื่อ ยอนโฮแกยังเด็ก เขาเป็นคนน่ารักเสมอ เขาใจดีกับคนรับใช้เสมอ
บาซอนบอกว่า : นั่นเป็นหมาป่าปลอมตัว โฮแกคนที่ฆ่าคนบริสุทธิ์ นั่นแหละโฮแกตัวจริง
แล้วบาซอนก็ถูกนำตัวไปพบ ยอนโฮแก ที่นั่งดื่มเหล้าอยู่ตามเคย ยอนโฮแก ถามถึงเหตุผลที่บาซอนทำเกราะใหม่ที่ทั้งเบาและแข็งแรงอีกทั้งลูกธนู ที่บินได้ไกลกว่าลูกธนูอื่น ๆ รวมทั้งเคยเข้าเฝ้าทัมด๊กหรื่อไม่
บาซอน เล่ารายละเอียด ที่ทัมด๊กเสด็จไปหาด้วยพระองค์เอง และคำพูดต่าง ๆ เล่าไปยิ้มไปเพราะเป็นปลื้ม “ เรากำลังจะเข้าสนามรบในไม่ช้านี้ เจ้าจะช่วยปกป้องคนของข้าได้หรือไม่ หัวหน้า ฮยอนโกบอกข้าว่าเจ้าอาจจะช่วยได้ใช่ไหม “
ยอนโฮแก ต้องรำพึงว่า เขาไปด้วยตัวเอง กษัตริย์โคคุเรียวเสด็จไปโรงตีเหล็ก
บาซอนพอเงยหน้าก็พบสายตาถมึงทึงของยอนโฮแก ยอนโฮแก ถามว่าเกราะเหล็กและลูกธนูนั่น พี่ชายของเจ้าทำได้เช่นกันหรือไม่
บาซอนตอบว่า ฝีมือ นั้นอาจจะต่ำกว่านางเองเล็กน้อย แต่ยัง...
ยอนโฮแกโยนอุปกรณ์สำหรับทำนา 3-4 ชิ้นให้บาซอนดูว่า ของเหล่านี้ไม่ขึ้นสนิมแม้จะใช้มาหลายปีนี่เป็นฝีมือของพี่ชายบาซอนหรือไม่ บาซอนได้แต่ร้องไห้เมื่อหยิบเครื่องมือเหล่านั้นขึ้นมาดู
ยอนโฮแกพอใจ ถามอิลซูว่า คนที่ทำของพวกนี้ อยู่ที่ใด อิลซูตอบว่าเขาอยู่ที่หมู่บ้านคอรัล ดินแดนที่ห่างไกล ใช้เวลาเดินทาง 2-3 วัน



ที่ปราสาทโกกแน
ในท้องพระโรง คณะเสนาบดี และขุนนางมารอเข้าเฝ้า ทัมด๊ก บางคนยังมีร่องรอยบาดแผลที่ถูกทำร้าย
ฮีกแก เสียงดังด้วยนิสัยส่วนตัว : ทุกคนสบายดีหรือ ตอนข้าเดินทางกลับมาข้าได้ยินว่า พวกท่านทั้งหมดถูกทำร้ายในพระราชวัง และในที่สุดก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า
โชจูโด ตอบว่า : มีคนจำนวนมากล้มตายและบาดเจ็บ เพราะฉะนั้นท่านอย่าได้หัวเราะเสียงดังไป
แต่ฮีกแก กลับหัวเราะดังกว่าเก่า : ข้าฮีกแก อยากจะเต้นรำด้วยความยินดี (แล้วก็ยกสองมือขึ้นส่ายสะโพก) เพื่อนเก่าๆของข้า ที่คิดว่าข้าตาบอด ใบ้ และบ้า สุดท้ายก็ต้องถวายชีวิตให้กับโคคุเรียว ช่างเป็นโอกาสที่น่ายินดีอะไรเช่นนี้ แต่ท่านเสนาบดียอนพลาดโอกาสที่จะได้ถวายชีวิตเพื่อโคคุเรียว นั่นเป็นเหตุให้ใบหน้าของท่านเป็นอย่างนี้
แล้วหันไปถามองครักษ์ว่า เมื่อไหร่ฝ่าบาทจะเสด็จมา ข้ามีเรื่องมากมายจะกราบทูลฝ่าบาท ข้าต้องรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นตามป้อมปราการต่างๆของโคคุเรียว ข้านำสิ่งนี้มาด้วย เป็นตราประจำตัวเสนาบดีใหญ่ หันไปทางเสนาบดียอนถามว่า : สิ่งนี้เป็นของท่านมิใช่หรือ



องครักษ์ตอบว่า ตอนนี้กษัตริย์กำลังทรงเจรจากับผู้แทนจากชิลลา หลังจากนั้นยังต้องทรงพบกับผู้แทนชาติอื่นๆอีก จะไม่ทรงว่างจนพระอาทิตย์ตกดิน
ฮีกแก สรุปสั้นๆกับพวกเสนาบดี : เขาบอกว่าฝ่าบาททรงยุ่ง
โชจูโด : เราจะรอที่นี่ต่อไป
เสนาบดียอน มีสีหน้าละอายใจ เหลือเกิน

ปล 7. ฉากของบทที่ 17 นี้ เป็น ฉากมหาโหด เพราะมีตัวแสดง บาดเจ็บ เริ่มจาก จูมูชิ ที่ใช้ลวดสลิง ดึงตัวขึ้นไป บนขอบประตู ของพระราชวังชั้นนอก พอปล่อยลวดสลิงลงมา จูมูชิ ลงมาผิดท่า บนเบาะที่รองรับ ทีมงาน ต้องฉีดยาชา แบบที่นักฟุตบอลใช้ ให้ที่หลัง ต้องเรียกรถพยาบาลมา ท่าทางจ็บมากหน้าตาเหยเก
รวมทั้ง แทจังโร ที่ใช้ลวดสลิงดึงตัวตอนทำท่ากระโดด หงายหลังหัวกระแทกอะไรสักอย่าง ดูไม่ชัด ต้องเอามือคลำหัวตัวเอง ( เป็นจอมขมังเวทย์แต่ในบทละคร)
ที่สำคัญ ทัมด๊ก ตอนที่ตะโกนห้ามผู้นำแคว้นที่จะฆ่าตัวตายเป็นคนที่ 2 แล้ว จังหวะที่โผออกจากที่ยืน ถูกอาวุธของ ตัวประกอบทหาร ฮวาเซิน เอ็นนิ้วชี้ขวา ฉีก เลือดหยด หลายหยด ลงพื้น แทจังโร (ชอยมินซู)ที่อยู่ใกล้ วิ่งมาช่วยจับนิ้ว แล้ว ทีมงานก็เข้ามารุม ยงจุน ต้อง พันนิ้วชี้ขวานี้ไว้ จนแสดงจบ ตอน ที่ 24 มิหนำซ้ำ มีตัวละคร ตกจากลวดสลิง หล่นมาที่คอ ของยงจุน จนยงจุน เงยคอขึ้นไม่ได้ แต่ไม่มีภาพเผยแพร่ และข่าวนี้ครึกโครมต่อเนื่องนานทีเดียว
ก่อนหน้านี้ในตอนที่ จูมูชิ ไปช่วยทีมโปโลสีดำ ออกจากคุก ซูจินี ก็โดนขวานของจูมุชิ ฟาดหัว ทั้ง เจ้าหมูป่า โซวดูรู และจูมุชิ ตกใจ มาช่วยคลึงหัวให้
สำคัญที่สุด หลังจากฉากนี้ ยงจุน เจ็บหัวเข่า อีก ดูเบื้องหลังการถ่ายทำตอนจบ แฟนคลับยงจุน น้ำตาซึมกันถ้วนหน้า เลิกสนใจ บทจบไปเลยทีเดียว

Copyright@ Amorn & SUE

Wednesday, May 14, 2008

เรื่องย่อ ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ (ตอนที่ 16)


...ตอนที่16...

ที่กระโจมที่พักของ ยอนโฮแก อิลซู จะเข้าไปในกระโจม แต่ ทหารยามไม่ให้เข้า ส่วนภายในกระโจม โซคีฮา นำชุดเกราะมาและช่วยสวมให้ พลางพูดว่าเราไม่มีเวลาอีกแล้วและอ้อมไปผูกด้านหลังให้ ขณะที่ท่านกำลังหาสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ จงเอาชนะแผ่นดินและคนที่ท่านได้พบ ยึดเอาสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ และแผ่นดินทั้งหลายทางด้านเหนือ แล้วกลับไปปราสาทโกกแน พร้อมกับอำนาจที่มากขึ้นกว่าเดิม และกลับไปเป็นกษัตริย์แห่งจูชิน ข้าจะรอท่านอยู่ แถมแนบหน้าลงที่หลังเสื้อเกราะของ ยอนโฮแก แต่เมื่อยอนโฮแกหันกลับมาอีกทีก็ไม่มีแม้แต่เงาของโซคีฮาแล้ว
ยอนโฮแก นำกองทหารบุกขึ้นไปทางเหนือ ผ่านหมู่บ้าน ของชนเผ่าอื่น ก็บุกเข้าไปโจมตีฆ่าฟัน ผู้คนล้มตายมากมาย เลือดกระเซ็นที่ใบหน้า หน้าตาท่าทางเหมือนคนบ้ากระหายเลือด


ป้อมปราการควานมี ของแพคเจ
ทัมด๊ก และทหารเข้าไปอยู่ในป้อมปราการ ควานมี
ทหารแพคเจ ต่อว่าต่อขาน ฮีกแก และบุตรชายว่า : พวกเราเปิดประตูให้ทหารโคคุเรียวเข้ามาด้วยตัวเอง ตอนนี้พวกทหารแพคเจ กำลังมา พวกเราจะต้องตายกันหมด พวกท่านทำกับเราเช่นนี้ได้อย่างไร กษัตริย์ โคคุเรียว ทรงสัญญาว่า เราจะไม่เป็นอันตรายไม่ว่าจากแพคเจ หรือโคคุเรียว ทรงสัญญาจะแบ่งอาณาเขตให้พวกเรา พวกเราจึงอยู่ฝ่ายของท่าน แล้วพวกท่านจะแค่มาแล้วกลับไปได้อย่างไร ดูแลพวกเรา


ตอนนี้พวกเราเป็นคนของโคคุเรียว เพราะฉะนั้นดูแลพวกเรา รับผิดชอบพวกเรา ฮีกแก จึงบอก ว่า ดัลโก (ลูกชาย) เขาเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ดัลโก ยืดอกอย่างภาคภูมิใจ แล้ว ฮีกแก ก็เดินฝ่าผู้คนออกไป ทุกคนหันไปที่ดัลโก เรียกร้องให้รับผิดชอบและดูแลพวกเขาอีก ผลที่สุด ดัลโก ก็ ต้องวิ่งหนี คนกลุ่มนี้เช่นเดียวกับฮีกแก กองทัพแพคเจตะวันตกที่จะไปต่อสู้กับกองทัพยอนโฮแก ถอยกลับ (แต่ยอนโฮแก เปลี่ยนเส้นทาง ไม่ยอมตีตลบไล่หลัง ตามแผนการของทัมด๊ก) จะมาถึงป้อมปราการควานมี ใน 2 วัน กองทหารมีประมาณ 1 หมื่นคน ทหาร และเผ่าซีอู คุยกันว่า : ทั้งที่ กษัตริย์ แห่งโคคุเรียว อยู่ที่นี่ และยอนโฮแก มีทหาร 4 หมื่นคน แต่ ยอนโฮแก กลับไม่มาช่วย และ : แค่ทหาร 2 หมื่นนาย เราก็รักษาป้อมปราการ แพคเจ ที่เรายึดมาได้แล้ว


ฮยอนยอง เข้ามารายงาน เรื่องลูกน้องของบาซอนถูกฮวาเซินจับตัวไปทรมาน
บาซอนเป็นลูกสาวของหัวหน้าเผ่าฮีกซู มัลกัล อันเป็น สถานที่ มีแสงสว่าง สีขาวของสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธ์ เสือขาว ส่องสว่างในคืนแห่งดาวจูชิน ครอบครัวนี้รักษาสัญลักษณ์ของเสือขาวมาหลายชั่วคน ในคืนนั้นพี่ชายของบาซอนเป็นคนเอาสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธ์ หนีไปจากการตามล่า ไปทางด้านเหนือ
ขุนพลโก สงสัยว่าทำไมบาซอนไม่กราบทูลทัมด๊กในเรื่องนี้ : นางเดินทางมาด้วย เพราะนางต้องการสนับสนุนฝ่าบาท แต่ทำไมนางไม่กราบทูล เพื่อให้พระองค์เสด็จไปทางเหนือ เพื่อไป คอรัล นางควรจะตามหาพี่ชาย และสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์


ทัมด๊ก ทรงเล่าประทานว่า บาซอนเคยมาเข้าเฝ้าพระองค์ (และทัมด๊กน่ารักมาก รินน้ำชาให้บาซอนเองด้วย) บาซอน : หม่อมฉันได้ยินว่าเทวีพยากรณ์พูดว่าหากทรงพบสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ อื่น ๆ พระองค์จะเป็นกษัตริย์ที่แท้จริง ฝ่าบาทควรไปตามหาสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับจะทรงเสด็จไปป้อมปราการควานมี เพื่อเช็ดก้นให้กับ โฮแก หม่อมฉันเป็นคนโง่เก่งแต่เรื่องตีเหล็กหม่อมฉันไม่เข้าใจ
ทัมด๊ก ทรงตอบว่า : มันมีสิ่งสำคัญกว่านั้น คนที่ไปกับโฮแก เป็นคนของข้าเช่นกัน มันเป็นหน้าที่ของข้า ที่จะต้องให้พวกเขากลับมาอย่างปลอดภัย ทรงแย้มพระโฮษฐ์ให้บาซอน
บาซอน : ถ้าหม่อมฉันเกิดรู้ว่าสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ อยู่ที่ใด ฝ่าบาทจะยังเสด็จไปป้อมปราการควานมีอีกหรือไม่
ทัมด๊ก ทรงทำท่าจริงจัง : บาซอนเจ้าทำงานตีเหล็กมา มามากกว่า 10 ปีที่ปราสาทโกกแน มีทหารมากมายที่เจ้ารู้จัก เดินทางไปกับโฮแกในคราวนี้ เจ้ารู้จัก พ่อ แม่ เมีย และลูก ๆของเขาด้วยเช่นกัน ทหารพวกนั้นอาจจะต้องตายหมด ให้ข้าถามเจ้าสักนิดในสถานการณ์เช่นนี้ เจ้าจะทำอย่างไรบาซอน
และบาซอนได้กราบทูลว่า นางอยู่ที่นี่มา 17 ปีแล้ว และนางคงต้องไปป้อมปราการควานมี เพื่อช่วยชีวิตเพื่อน ๆทหารของนาง แล้วหลังจากนั้น บาซอนจะบอกเรื่องสิ่งหนึ่งกับข้า


ฮยอนโก : เพราะเหตุนั้นนางถึงได้ไปพบกับฝ่าบาทในคืนนั้น
ขุนพลโก : นางตั้งใจจะกราบทูลว่า พี่ชายของนางและสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ อยู่ที่ คอรัล
ฮยอนโก ให้ฮยอนยอง ไปพาชายที่เป็นลูกน้องตีเหล็กที่ พามาด้วย เข้ามา ปรากฏ ว่า ชายคนนี้ หายตัวไปจากที่ ฮยอนยอง ให้เขานั่งกินอาหาร ที่ระเบียงด้านนอกเสียแล้ว
ทัมด๊ก ทรงนิ่งไปอึดใจ ก็ทรงลุกขึ้น คว้าพระแสงดาบออกไปจากโต๊ะ ขุนพลโกรีบตามเสด็จ ไปยังสถานที่ตีเหล็ก ที่บาซอนพำนักและเป็นที่ทำงาน แต่สายไปเสียแล้ว


ชายคนนั้นไปหลอกบาซอนว่า พี่ชายของนางมาหา บาซอน รีบตามชายผู้นี้ไประหว่างนั้น ดัลบี เห็นเข้าจึงตามบาซอนออกมาด้วย เมื่อไปถึงที่นัดหมายกับทหาร ชายคนนั้น ก็ร้องไห้ขอโทษบาซอน แล้วบาซอนกับดัลบี ก็ถูกจับตัว ขึ้นรถม้า มีของใช้ของทหารที่มาจับตัวตกอยู่
เมื่อทักด๊ก เสด็จตามมาถึง ทอดพระเนตรเห็นของใช้ที่ตกอยู่ทรงสั่งให้ แยกย้ายกันค้นหา ตามด่าน ต่างๆ แต่ไม่พบเพราะมีฝูงชนมากมายปะปนกันอยู่ : เราต้องหานางให้พบก่อนที่พวกนั้น จะพาออกไปนอกเขต แต่แม้ว่าจะค้นหาทุกกองคาราวาน ก็หาบาซอน ดัลบีไม่พบ
ทรงให้จูมูชิไปกับ ฮีกแก เพราะ ที่นี่เป็นดินแดนของแพคเจ อาจจะมีบางเผ่าที่ฮีกแกเคยทำการค้าด้วย จูมูชิ จะได้ ไม่ต้องไปต่อสู้กับพวกนี้
ฮีกแก กราบทูลว่า ถ้าพบว่าบาซอนเข้าไปในค่ายทหารของ ยอนโฮแก จะจัดการกับบาซอน เพื่อไม่ให้สารเลวคนนั้น รู้ว่าสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ไหน ทัมด๊ก ทรงตอบว่า บาซอนช่วยชีวิตคนของพระองค์มากมาย ด้วยฝีมือตีเหล็กของนาง อย่าทำร้ายบาซอน ฮีกแกมีอาการสะอึก ได้แต่กลืนน้ำลาย รับพระบัญชา แต่ไม่มีใคร ตามหาบาซอนและดัลบีพบ



กองทัพแพคเจ ที่มุ่งหน้ามาป้อมปราการควานมี ออกจากปราสาทฮัน และใกล้จะถึงป้อมปราการโฮกัง จำนวน ทหาร 2 หมื่นนาย จากป้อมปราการโฮกังมาถึงป้อมปราการควานมี ใช้เวลาไม่ถึง 2 วัน พวกทหารและประชาชนแพคเจ เริ่มวิตกกังวล
จูมูชิ อยากไปตามหาบาซอนและดัลบี แต่ มันดัก ทักท้วงไว้ว่าสถานการณ์เช่นนี้ไม่เหมาะสม จูมูชิ ได้แต่ คว้าอกเสื้อมันดัก ดึงเข้ามา แล้วผลักออกไป เพื่อระบายอารมณ์
ในห้องบัญชาการ
ขุนพลโก กราบทูลว่า กองทัพแพคเจมาถึงป้อมปราการโฮกังเมื่อเช้านี้ ทหารกองหน้ามีประมาณ 5 พันนายถ้ารวมเข้าด้วยกันทั้งหมดคงมากกว่า 3หมื่นนาย
หัวหน้านายทหารคนหนึ่ง พูดว่า ถ้าเรามัวแต่นั่งตรงนี้ ไม่ทำการใด ๆ กองทหารแพคเจก็จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเราขังตัวเองอยู่ในป้อมควานมี เราจะอยู่ได้แค่ 1 เดือน


ฮีกแก ตบโต๊ะปัง : เหลวไหล (ทุกคนหันมามอง) ยุทธวิธีที่ท่านคิดออก คือการฝังตัวเองและซ่อนตัวหรือ
หัวหน้านายทหาร : เรามีทหารเหลือแค่ 3 พันนาย หลายร้อยคนกำลังบาดเจ็บ นี่คือผลที่ท่านไม่เชื่อฟัง
ฮีกแก ตะคอก : ผลหรือ อย่างไร ป้อมปราการควานมีก็ตกเป็นของเราแล้ว ท่านไม่เห็นหรืออย่างไร
หัวหน้านายทหาร : นี่ไม่ใช่ฝีมือของท่าน... แต่เป็นของฝ่าบาท..
ทัมด๊กทรงขัดขึ้นว่า : กองทหารแพคเจจะไม่มาที่นี่ (ทรงหันพระปฤษฏางค์ (หลัง)ให้กับทุกคนในที่นั่น ทอดพระเนตรไปยังนอกที่ประทับ) ทรงย้ำ อีก : กองทหารแพคเจจะไม่มาที่ป้อมปราการควานมี ทุกคนในที่นั้น งง และรอฟังรับสั่งต่อ



ทรงมีรับสั่งต่อว่า : กษัตริย์จินซา กษัตริย์องค์ปัจจุบันของแพคเจ ชิงราชสมบัติ จากพระนัดดา องค์ชาย อาชิน ที่ยังทรงพระเยาว์ ถ้าไม่นับรวมปราสาทฮัน ดินแดนภายนอกต่างพากันสนับสนุน องค์ชายอาชินมากกว่ากษัตริย์ จินซา ทั้ง 2 พระองค์ กำลังต่อสู้เพื่อสิทธิในราชบัลลังก์ กองทัพทั้ง 2 ฝ่าย มีฝีมือและขนาดกองกำลังเท่าเทียมกัน แม้แต่การเพิ่มกองกำลังเพียงไม่กี่พันคน ก็อาจทำลายความเท่าเทียมนี้ได้ ทรงหันกลับมาถามว่า กองทัพของใครอยู่ที่ป้อมปราการ โฮกัง ขุนพลโก กราบทูลว่าเป็นขององค์ชายอาชิน
ทัมด๊ก : ถ้าเช่นนั้น กษัตริย์จินซาก็จะไม่ส่งกำลังเสริมมาช่วย
ขุนพลโก : แต่พวกเขาได้สูญเสียป้อมปราการควานมีที่มีค่ายิ่งไป นะพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : ท่านพูดถูก เมื่อคนเรามัวเมากับความโลภในราชสมบัติ เขาก็จะไม่คิดถึงแผ่นดินหรือคนของเขา กษัตริย์ จินซา คงจะทรงหวังว่า องค์ชายอาชินจะต่อสู้กับข้าและสูญเสียกองทหารไป และพระองค์จะทรงสามารถเป็นกษัตริย์ ต่อไปได้ กษัตริย์จินซา จะไม่ส่งกองกำลังทหารเสริมเข้ามาเมื่อกองกำลังทหารเสริมไม่มา กองทัพขององค์ชายอาชินจะต้องกลับไปปราสาทฮัน
ขุนพลโก : แต่ถ้าองค์ชายอาชิน ทรงพบว่า เรามีกำลังทหารไม่กี่พันคนเท่านั้น อาจจะทรงโจมตีป้อมปราการควานมี ด้วยกำลังทหารกองหน้า 5 พันนายพะย่ะค่ะ อาจจะทรงคิดได้ว่า ถ้าเอาชนะฝ่าบาทได้ ประชาชนที่นี่จะเป็นพวกของพระองค์
ทัมด๊ก : ข้าได้คิดเรื่องนั้นไว้แล้ว ตามยุทธวิธีที่ท่านเคยสอนข้า (ขุนพลหน้าชื่น แต่ก็ก้มหน้าลงซ่อนไว้)
ทัมด๊ก : พวกนั้นไม่รู้ว่าเรามีทหารแค่ 3 พันนายให้เขาคิดเป็นอย่างอื่น เราต้องบอกแม่ทัพของแพคเจว่ากษัตริย์ของโคคุเรียวมีทหาร 1 หมื่นนาย อยู่ภายในป้อมควานมี และจะยังมีอีก 2 หมื่นนาย กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ หรืออาจมากกว่านั้นอีก นั่นแหละทหารโคคุเรียวถึงได้สามารถเอาชนะ ป้อมปราการต่าง ๆมาได้ ให้บอกกับทหารแพคเจในป้อมว่าถ้าพูดเช่นนี้ ทหารแพคเจที่ยกมาจะกลับไปเงียบ ๆ ครอบครัวของทหารที่ป้อมปราการควานมี ก็ไม่ต้องถูกว่าว่าเป็นกบฏ และพวกเขาจะไม่มีสงครามอีก บอกกับทหารและประชาชนของแพคเจ เช่นนี้ เมื่อไม่มีสงคราม ทหารพวกนั้นก็จะสามารถกลับบ้านได้
ดัลโก ออกไปสื่อความนี้ กับบรรดาชาว แพคเจ ในป้อม
ประชาชน : ไม่ว่าจะเป็นแพคเจ หรือโคคุเรียวมันก็ไม่เกี่ยวข้องกับเรา แต่ขอให้พวกเราได้เก็บเกี่ยวพืชผลที่เราปลูกไว้เพื่อฤดูใบไม้ร่วง ได้ก็พอแล้ว



จูมูชิ ไปที่โรงซ่อมแซมเหล็ก ก็อารมณ์เสียอาละวาดและ กลับมาเข้าเผ้า ทัมด๊ก กราบทูลว่า : หม่อมฉันควรไปได้เมื่อฝ่าบาททรงอนุญาตแล้ว หม่อมฉันคิดว่า ควรมาเฝ้าฝ่าบาทอีกครั้งก่อน หม่อมฉันกำลังจะไปช่วยบาซอน เรากำลังจะไปกันอยู่แล้ว แต่พวกผู้อพยพก็เข้ามาเสียก่อน หม่อมฉันจะเอาคนของหม่อมฉันไปสัก 100 คน หม่อมฉันจะกราบทูลรายงานให้ทรงทราบ และคิดว่าพระองค์จะทรงอนุญาต แล้วก็หันหลังทำท่าจะจากไป
ทัมด๊ก : ข้ายังไม่รู้ ...ข้ายังไม่รู้ว่า กองทหารแพคเจจะกลับไป หรือจะพยายามโจมตีเพื่อยึดป้อมปราการควานมีคืนไป
จูมูชิ ชะงัก หันมามองทัมด๊ก : แต่ฝ่าบาทดูเหมือนมั่นพระทัยมากนี่
ทัมด๊ก : เพราะข้าเป็นกษัตริย์ (จูมูชิ งง เอ๋... )
ทัมด๊กทรงลุกขึ้นจากพระเก้าอี้ที่ประทับนั่งอยู่ : ข้าไม่มีความสามารถที่จะไปต่อสู้โดยลำพัง เช่นเดียวกับผู้บัญชาการป้อมปราการควานมี แต่เจ้ารู้ไหม ข้า...ยังคงเป็นกษัตริย์ (จูมูชิยิ่ง งง หนักขึ้นไปอีก)



ทัมด๊ก : ในฐานะกษัตริย์ ข้าไม่ควรจะบอกพวกเขาว่าเราอาจจะต้องพ่ายแพ้
จูมูชิ : ทรงไม่ทราบว่าเราจะแพ้หรือชนะ
ทัมด๊ก : ข้าจะส่งทหารแพคเจกลับไป
จูมูชิ เสียงหลงว่า อะไรนะ
ทัมด๊ก : จนถึงเช้านี้ พวกเขาเป็นนายทหารของแพคเจ พวกนั้นไม่สามารถร่วมรบกับเราได้ และต่อสู้กับพี่น้องของเขากันเอง ข้าบอกให้พวกเขากลับไปที่ป้อมปราการทั้ง สิบ ที่ยึดได้ และคุ้มครอง คนของตัวเอง
จูมูชิ : ฝ่าบาททรงกำลังปล่อยพวกเขาไป พร้อมทั้งอาวุธและเสื้อเกราะหรือพะย่ะค่ะ( ท่าทางโมโหกษัตริย์ ) ฝ่าบาทกำลังเพิ่มกำลังให้กับศัตรู
ทัมด๊ก : ครอบครัวของพวกเขา แม่ทัพและผู้บัญชาการ ยังคงอยู่ในป้อม
จูมูชิ : ในฐานะตัวประกัน ?
ทัมด๊ก : การเป็นกษัตริย์ช่างยากเหลือเกิน ต้องพูดปดและขู่เข็ญ กษัตริย์ต้องเก่งในเรื่องเหล่านี้
ทรงหันมาทางจูมูชิ : ฉะนั้นกษัตริย์ถึงต้องขอร้องต่อ..ท่าน ที่จะให้อยู่กับเขา และถ้าเขาตาย ก็ตายด้วยกัน
จูมูชิ นั่งลงที่ขั้นบันได ถอนใจยาว : การอยู่ด้วยกันมันยากกว่าการตายด้วยกัน
ทัมด๊ก ประทับนั่งลงข้างๆ จูมูชิ
จูมูชิ : ทรงได้ยินอะไรจากเขาไหม....
ทัมด๊ก : ใครหรือ
จูมูชิ : หม่อมฉัน ควรจะสู้กับเจ้าผู้บัญชาการป้อม นั่น (ทุบกำปั้นกับฝ่ามือตัวเอง) ทัมด๊ก แย้มพระโอษฐ์



ขุนพล กากิน ยกถาดไปยังห้องของชอโร ไม่พบเจ้าของห้อง เพราะ ชอโร แอบตาม ซูจินี ที่เดินถือขวดเหล้า เดินไป พูดไป อยู่คนเดียว จนถึงธารน้ำตก
ซูจินี : ข้ารู้ ตอนนี้ข้ารู้แล้ว เจ้าได้รับคำสั่ง ให้ตามข้าไปทุกแห่งและจับตาดูข้า ข้าจะไปอาบน้ำตรงนั้น ถ้าเจ้าต้องการเฝ้าข้า ก็ไม่ต้องหลบหรอก เข้ามาดูใกล้ ๆเลย แต่เฝ้าไปจะเกิดประโยชน์อันใดเจ้าจะผิดหวัง คิดเช่นนั้นหรือไม่ ดูให้ดี อย่าให้ใครเอาเสื้อผ้าข้าไปล่ะ ในธารน้ำตก ซูจินี กินเหล้าไป พูดไป : เป็นไปได้อย่างไรกษัตริย์ของประเทศ กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ แห่งโคคุเรียว ทำด้วยพระองค์เอง



ข้าจะไม่นับท่านหัวหน้าและจูมูชิ เพราะพวกนั้นไม่สำคัญ ทรงมาช่วยชีวิตข้าด้วยพระองค์เอง แต่ข้าขอบพระทัยไม่ได้ เพราะจะทรงปฏิเสธว่า เจ้าจะบ้าหรือ ทำไมข้าต้องไปที่นั่นเพื่อช่วยเจ้าล่ะ ข้าไปยึดป้อมควานมีต่างหากและต่อสู้กับผู้บัญชาการป้อม ข้าคงจะบ้า ไปแล้ว



แล้วก็บ่นเรื่องบาซอนและดัลบีถูกจับตัวไป แล้วก็ถอนใจ ไปเถอะ กษัตริย์ของเราอาจจะทรงลุกขึ้นแล้ว ข้าต้องไปช่วยพระองค์ใส่เสื้อเกราะ ...ไม่ง่ายเลยรู้ไหม ..เจ้าต้องยกขึ้นแบบนี้ (ทำท่าทาง) เจ้าต้องผูกแบบนี้ และหลังจากนั้นก็หัน.... มันไม่ง่ายเลย ไม่ใช่ใครๆก็จะทำได้
ชอโร แอบ อยู่ที่ต้นไม้ ส่งสายตา มองซูจินี



ในป้อมปราการ -ขุนพลโก ยืนอยู่ในกลุ่มทหาร : ตอนนี้อีกไม่นานแล้ว
คนของซีอู : ขอให้แน่ใจว่าทุกคนพร้อม เราต้องการให้ผ่านพ้นคืนนี้ไป ทำไมคืนนี้ช่างยาวนานเหลือเกิน
ฮยอนโก รวบรวม พลัง จะเรียกน้ำ ระหว่างพระจันทร์ กับดวงดาวบนท้องฟ้า เทพแห่งฝนกำลังมา .... แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฮยอนโกบ่นว่า ข้าสงสัยว่าทำไมมันถึงใช้การไม่ได้ ตัวข้าเอง... ข้าเป็นผู้นำของคนโคมิลจริงๆหรือ... เต่าดำ เป็นผู้พิทักษ์แห่งน้ำ น้ำก็ควรจะกระจาย ออกมา เช่นนี้ (ทำท่าทางน้ำพรูกระจายลงมา) แล้วตกใส่ทหารของศัตรู 1 หมื่นนาย นั่น



ฮยอนจัง ได้แต่ถอนใจ ตอบหัวหน้าไม่ถูก : ยังไม่มีข่าวจากกองทัพแพคเจ ข้าไม่คิดว่าพวกนั้นจะตัดสินใจ แล้วว่าจะบุกหรือจะถอย ฮยอนโก พยามรวบรวมพลังใหม่อีกครั้ง กำลังเรียกเทพแห่งฝนซ้ำอีก ฮยอนจังถอยออกไป อยอนยอง นั่งกรนส่งเสียดัง แล้วล้มตัวลงนอน ฮยอนโกถามว่า เจ้ากำลังหลับหรือ ตอนนี้หลับได้อย่างไร



รุ่งเช้า นกสื่อสารบินมา ดัลโก ขี่ม้าเข้ามายกมือชูขึ้นแล้วหัวเราะดีใจ ฮีกแก เข้าไปเฝ้าทัมด๊ก : ฝ่าบาท ฝ่าบาท
ดัลโก กราบทูลว่า กองทัพ แพคเจ เคลื่อนไปทางใต้ พวกนั้นกำลังข้ามทะเลกลับไปแพคเจตะวันตก หม่อมฉันเห็นพวกนั้นบนเรือด้วยตาตัวเอง พะย่ะค่ะ
ฮีกแก : ฝ่าบาท ทรงได้ยินหรือไม่ กองทัพข้าศึกกำลังถอย ป้อมควานมี เป็นของเราแล้ว มันเป็นของเรา ข้าศึก ถอยแล้ว แพคเจถอยแล้ว คนของแพคเจและโคคุเรียว โห่ร้องดีใจกันทั้งป้อม



ที่ปราสาทโกกแน
โซคีฮา ไปหาแทจังโร ที่บ้านพักลับ ๆของฮวาเซิน
แทจังโร : ข้าขอให้เจ้ามาที่นี่ เพราะข้าไม่มีอิทธิพลเหนือที่ ที่เจ้าอยู่
โซคีฮา : ข้าใช้โองการแห่งสวรรค์ กำจัด คนของเสนาบดี อีซิบออกจากสภา เพราะเขามาจากแคว้นจุนโนและ ซิซิน จาก เครุ ถูกจับเป็นนักโทษในวัดคังเชน เขาถูกกล่าวหาว่ามีความผิดในการใช้ที่ดินของวัดเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองเขาคงมั่นใจในการสนับสนุนจากเสนาบดียอน แทจังโร บอกว่า ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ให้ทำเรื่องนั้นอีกต่อไปแล้ว โซคีฮา ย้อนว่า ท่านบอกหรือและบอกกับแทจังโร ว่าต่อไปถ้ามีอะไร ไม่ต้องเรียกเธอออกมาให้ใช้สารเข้าไปบอก มันคงไม่ง่ายที่ข้าจะออกมาเช่นนี้
แทจังโรถามว่า : เจ้ากำลังบอกว่าเจ้าจะไม่ทำตามข้าอีกต่อไปหรือ
โซคีฮา ตอบว่า : ข้าจะยอมรับ ถ้าเป็นความต้องการที่ตรงกัน
แทจังโร : ทัมด๊กได้เป็นเจ้าของสัญลักษณ์ มังกรน้ำเงินแล้ว เขายังได้ป้อมปราการควานมีอีกด้วย เจ้าต้องแน่ใจว่า คนที่สนับสนุน คือ ยอนโฮแกให้มีอำนาจในปราสาทโกแน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราต้องให้ โฮแกขึ้นเป็นกษัตริย์ นั่นคือความต้องการของข้า มันเหมือนกับของเจ้าหรือไม่ ท่านคีฮา

(โซคีฮา กำจัด ขุนนางที่ยังจงรักภักดีกษัตริย์องค์ก่อนโดย ใช้เสนาบดียอน และขณะเดียวกัน ก็ แสดงอำนาจของเธอให้เสนาบดียอนเห็น และบอกทางอ้อมว่า เธอ ไม่ได้เห็นแก่หน้าของเสนาบดียอนด้วย รวมทั้ง เธอไม่ใช่คนที่แทจังโร จะมาสั่งให้ทำเรื่องต่างๆได้ หากความเห็นไม่ตรงกัน ร้ายกาจสุดๆผู้หญิงคนนี้)
ฮยอนโก แบ่งความรับผิดชอบ ทหารราชองครักษ์คุ้มครอง ทัมด๊ก และมุ่งหน้าไปคอรัล กองทหารซีอู กำลังมุ่งหน้าไปทางเหนือและรออยู่ที่ชายแดน จุนโน กองทหารของจุนโนแบ่งเป็น 2 กอง กองแรกป้องกันการบุกรุกป้อมที่เรายึดเอามาได้ กองที่สองจะไปตามลำแม่น้ำ โยฮา และ..... ... แต่กลับกลายเป็น กษัตริย์จะเสด็จ กลับปราสาทโกกแนให้ฮยอนโกวางแผนการเคลื่อนพลใหม่

ทัมด๊ก และซูจินี ไปหาชอโร ที่ห้องพัก แต่ไม่พบ ขุนพลกากินทูลว่าหม่อมฉันหาเขาทุกแห่งแล้วแต่ไม่พบ ทัมด๊ก : ข้าเองไม่อยากกลับมาอีกเช่นกัน บอกเขาว่า ข้ากำลังรอเขาอยู่ เขาจะไม่ได้รับอันตรายบอกให้เขาไปหาข้าได้ตลอดเวลา ช่วยบอกเขาแทนข้าที
ส่วนซูจินี ถามว่า : เขาต่อสู้อีกไม่ได้แล้วใช่ไหมผู้บัญชาการไม้ ของท่านน่ะ ตอนที่ผิวหนังเขาเป็นไม้ เขาสู้ราวปีศาจ ตอนนี้ไม่เป็นแล้วใช่ไหม กากินตอบว่า เขาเป็นผู้มีทักษะด้านทวน ก่อนที่จะถูกเสียบด้วยสัญลักษณ์มังกรน้ำเงิน ต่อให้ไม่มีอำนาจนั่น ด้วยความสามารถทางด้านทวนของเขาก็เป็นที่เกรงขามแล้ว เขาจะไม่สู้แบบปีศาจอีกต่อไป
ซูจินี : ถ้าท่านพบเขาบอกเขาว่า ข้ากำลังรอเขา บอกเขาว่าเราควรสู้กัน ระหว่างธนูของข้า และทวนของเขา แล้วกระซิบต่อ คนที่แพ้ต้องเลี้ยงเหล้า เราจะดื่มจนกว่า จะพ่นออกมาทางจมูก
ชอโร ไม่ได้ไปไหน หลบอยู่ ไม่ไกลนัก บอกกับกากินว่า : ข้ากำลังจะไปปราสาทโกกแน
กากิน : ท่านตัดสินใจรับใช้กษัตริย์แล้วหรือ
ชอโร : ข้ากำลังจับตาดูพระองค์ ข้าอยากจะดูว่า พระองค์จะใช่กษัตริย์ที่ข้าต้องรับใช้หรือไม่



ฮยอนโก วิ่งมากราบทูลทัมด๊ก ให้ไปตามหาสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ เสือขาว ที่คอรัล จะเสด็จกลับปราสาทโกกแนได้อย่างไร เราต้องไปหาบาซอน ก่อน ยอนโฮแก และจากนั้นก็ไปตามหาพี่ชายของนางและสัญลักษณ์ของเสือขาว ทัมด๊ก : พวกนั้นบอกว่า นางกลายเป็นเทวีพยากรณ์ คนที่ปลุกโองการสวรรค์ และสั่งให้โฮแกไปคอรัล คนที่กำจัดบุคคลที่จงรักภักดีกษัตริย์พระองค์ก่อน แล้วแทนที่ด้วยคนของเสนาบดียอน ก็คือเทวีพยากรณ์ ทรงต่อว่า ฮยอนโก ที่ไม่เล่าเรื่องนี้ให้พระองค์ฟัง
ฮยอนโก : หม่อมฉันกำลังจะกราบทูล …
แต่ ทัมด๊ก ทรงขัดว่า ท่านหมายถึงจะพูดปดต่อข้าหรือ ฮยอนโกกราบทูลว่า จะทำอย่างนั้นได้อย่างไร
ทัมด๊ก ทรงตรัสว่า : ข้ากำลังจะไปปราสาทโกกแน
ฮยอนโก : ฝ่าบาทจะเลิกตามหาสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์เสือขาว ฝ่าบาทจะไปปราสาทโกกแน เพราะผู้หญิงคนนั้นคน
ทัมด๊ก ทรงนึกถึง คำทูลของเทวีพยากรณ์ : ฝ่าบาททรงทอดพระเนตรเห็นเส้นลายมือหม่อมฉันไหม มันบอกว่าหม่อมฉันจะมีชีวิตที่ยืนยาว แต่หม่อมฉันจะทูลว่า หากมีการเปลี่ยนแปลงเทวีพยากรณ์ ก่อนสิ้นปีนี้ ขอให้ทรงระวังเทวีพยากรณ์นั่นด้วย ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นศัตรูกับฝ่าบาท
ทัมด๊ก ทรงโยน สัญลักษณ์มังกรนำเงินให้ฮยอนโก ซึ่งรับไว้แทบไม่ทัน : รับไปและศึกษาดู หาว่ามันทำสิ่งใดได้

ที่ปราสาทโกกแน
โชจูโด วิ่งไปรายงานเรื่องทัมด๊กเสด็จกลับ และจะมาถึงภายใน 3 วันเสนาบดียอนแปลกใจ ที่ทรงเดินทางได้รวดเร็วเช่นนี้
แทจังโร บอกว่า : คนของฝ่าบาทมาจากทหารม้าเหล็ก ขี่ม้าได้ พันลี้ ใน 1 วัน กระโดดกำแพงป้อมได้ด้วยม้าของพวกเขา
โชจูโด บอกว่า : ทรงได้สัญลักษณ์ มังกรน้ำเงินมาด้วย ผู้บัญชาการเป็นผู้พิทักษ์สัญลักษณ์ ทรงฆ่าเขาและเอาสัญลักษณ์มา ( นี่เป็นนิสัยของมนุษย์อีกเช่นกันที่ชอบแต่งเติมเสริมเรื่องที่รู้มา คนโบราณ เมื่อพันกว่าปีก็เป็น)
แต่แทจังโร หาว่าเป็นข่าวลือ เพราะ มีคนของฮวาเซิน อยู่ที่ป้อมควานมี แต่ไม่มีการรายงานว่า มี ปรากฏการณ์ ที่สัญลักษณ์ฟื้นขึ้นมา
แทจังโรบอกว่า มีบันทึกสมุดโบราณ ที่บอกว่า สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ จะไม่ฟื้นขึ้นมาใน สภาวการณ์ที่ไม่ถูกต้อง และหากไม่ฟื้น สัญลักษณ์นั้นก็เหมือนก้อนหิน ประการแรก ผู้พิทักษ์สัญลักษณ์และกษัตริย์ ต้องอยู่ที่เดียวกัน แต่นั่นยังไม่พอ ท่านฮวานอุงสร้างสัญลักษณ์เหล่านี้ได้เพื่อเป็นกุญแจสำหรับบางสิ่ง สัญลักษณ์จะใช้การได้มันต้องการความรู้สึก
ฟินิกซ์ ด้วยความรู้สึกดูดดื่มอย่างรุนแรง ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านต่อกษัตริย์จูชิน จะทำให้ฟื้นขึ้นมา
เต่าดำ เป็นความรู้สึกกริ้วโกรธ มันจะฟื้นขึ้นมาเมื่อกษัตริย์จูชินเต็มไปด้วยความกริ้วโกรธ
มังกรน้ำเงิน รอคอยความหนาวเย็น เยือกเย็น และเสือขาว รอคอยความกล้าหาญที่บริสุทธิ์
เสนาบดียอน : นั่นคือสิ่งที่คนในดินแดนนี้ไม่รู้ ไม่ว่าอย่างไร ทรงเอาชนะป้อมควานมี พบสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ และเสด็จกลับปราสาทโกกแน ท่านคิดว่า ตัวท่านและข้าจะปลอดภัยหรือไม่
แทจังโร : นั่นเป็นเหตุผลที่เทวีพยากรณ์ ไม่ยอมให้ฝ่าบาท เสด็จเข้ามาในปราสาทโกกแน เราจึงต้องไม่ยอมให้ฝ่าบาทเสด็จเข้ามาได้ เสนาบดียอนคิดหนักและก็เหมือนเดิมทุกครั้งคือคล้อยตาม(ทั้งคล้อยทั้งเคลิ้มไปกับความหลงผิดที่แทจังโร หว่านล้อม ทั้งที่เสนาบดีก็ไม่ใช่คนโง่ แต่เพราะ ความทะยานอยาก ให้กับลูกชาย)

ในท้องพระโรง
ผู้นำแคว้นไม่เห็นด้วย : ท่านกำลังพูดอะไร ใครเป็นผู้ปกครองประเทศ ท่านจะห้ามผู้ปกครองเข้ามาในอาณาเขตของตัวเองเช่นนั้นหรือ โชจูโด แย้งว่า เราแค่ขอให้พระองค์เสด็จมาในเวลาที่เหมาะสม ผู้นำแคว้นถามเสนาบดียอนว่า ว่า นี่คือความประสงค์ของท่านหรือ
แล้วโซคีฮา ก็แอบอ้างใช้โองการสวรรค์ แจ้งกับสภาเสนาบดี ว่า ถึงกษัตริย์ได้รับชัยชนะการในทำศึก แต่ ก่อให้เกิดการนองเลือดมากมายในระยะเวลาอันสั้นนั้น สวรรค์โศกเศร้าอย่างลึกซึ้ง กษัตริย์ ต้องเสด็จเข้ามาชำระบาป เพียงพระองค์เดียว ที่อารามหลวงหลังจากเสร็จพิธีชำระล้างบาป แล้ว กองทหารของกษัตริย์จึงจะเข้ามาในปราสาทโกกแนได้ คณะ เสนาบดี สับสน
องครักษ์ศิษย์โคมิล (กัมดง)จะออกมาส่งข่าว แต่ถูก จับได้เสียก่อน
และแทจังโร ได้ วางแผนการนำกองทัพ เว่ยเหนือ (ชนชาติ ของจีนทางเหนือ) 1 หมื่น 5 พันคน ซึ่งกำลังติดตามกองทัพของทัมด๊กอยู่เบื้องหลัง กองทหารนี้ เป็นกองกำลังของฮวาเซิน
แทจังโรขอให้เสนาบดีช่วย เปิดทางให้กองทัพนี้เข้ามาในปราสาทโกกแน
เสนาบดียอน ไม่ยินยอม ถามว่า แทจังโรเป็นผู้สอดแนมจากเว่ยเหนือหรือ
แทจังโร : ท่านคิดว่าฮวาเซินจะเป็นเผ่าที่ทำการค้าธรรมดาหรือ
เว่ยเหนือเป็นชนชาติหนึ่งที่ให้การเกื้อหนุนฮวาเซิน ในขณะที่ผู้สืบทอดของกษัตริย์จูชินก่อตั้งโคคุเรียวบนดินแดนพูยอ มีอีกหลายชาติที่เกิดขึ้น และทำลายล้างดินแดนเพื่อนบ้าน เราฮวาเซินอยู่เบื้องหลังสิ่งเหล่านี้ ชนชาติที่เติบโตใหญ่มากเกินไปได้ถูกทำลายและแบ่งเป็นชาติเล็กๆ เราต้องมั่นใจว่าแต่ละชาติจะมีขนาดและอำนาจเท่า ๆกัน มันเป็นภาระหน้าที่ที่น่าเบื่อหน่ายสำหรับพวกเรา ต่อไปท่านโฮแก จะได้รับดินแดนเหล่านี้ เพราะฉะนั้นท่านต้องจำกัดตัวเอง กับเรื่องเล็ก ๆน้อยๆเช่นอาณาเขตแห่งชาติ
โซคีฮา : ข้าขอแนะนำให้ท่านควบคุมปราสาทโกกแนและโคคุเรียว รอคอยท่านโฮแก กษัตริย์ของพวกเราที่จะนำสัญลักษณ์เสือขาว กลับมาด้วย



ยอนโฮแก ได้เข้าโจมตีหมู่บ้านเขตภูเขา บูคอรัล ฆ่าคนในเผ่าอย่างโหดร้าย ทั้งฆ่าและเผา เก็บทรัพย์สินมีค่าของเผ่า เสียงผู้หญิงของเผ่ากรีดร้องระงม( ตอนนี้ ก็ผู้ร้ายเต็มตัววิญญาณโหด จิตเหี้ยม เป็นซาตานไปเลยละ) ทหารพาบาซอน และดัลบีมาถึง
ยอนโฮแก ถามว่า เจ้ามาจาก ตระกูลที่คุ้มครองสัญลักษณ์เสือขาวใช่ไหม
บาซอนถามว่า นี่มิใช่กองทหารของโคคุเรียว หรือ ? ข้าบาซอนนักตีดาบที่จงรักภักดีต่อกองทัพโคคุเรียว ทำไมถึงทำกับข้าแบบนี้
ยอนโฮแก ให้นำ เชลยผู้ชายที่จับมาจากหมู่บ้าน เข้ามา ถามบาซอนว่า รู้จักคนพวกนี้ไหม
พี่ชายของเจ้าอยู่ในดินแดนแถบนี้ และเมื่อมาจากตระกูลนักตีดาบ เขาน่าจะเป็นนักตีดาบ ข้าเลยจับนักตีดาบของที่นี่มา เจ้ารู้จักใครในนี้ไหม แล้วโฮแก ก็ให้อิลซู ต่อย ๆฆ่าเชลยทีละคน ดัลบีกรีดร้อง ถามว่าจำเธอได้ไหม เธอเคยอยู่บ้านตระกูลยอน ท่านไม่เคยเป็นเช่นนี้ ทำไมท่านเปลี่ยนไป โปรดอย่าทำเลย บาซอนบอกว่า เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ พวกนั้นไม่มีใครเป็นพี่ชายของข้า ข้าไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ใด ข้าเคยได้ยินแต่ที่ๆเขาเคยอยู่ โฮแก เก็บดาบ เมื่อออกมาเดินข้างนอก อิลซูบอกว่า เราใช้เวลา 2 วัน ขี่ม้า ก็จะไปถึงที่นั่น ยอนโฮแกบอกกับอิลซู ว่า ดัลบีเป็นคนดูแลเสื้อผ้าและอาหารให้ตนเองในวัยเด็ก นางพูดถูก ทำไม..ทำไม..ข้ากลายเป็นเช่นนี้
อิลซู บอกว่าจะจัดการดูแล นางให้ดี ได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ยอนโฮแก บอกว่า เราจะไปหมู่บ้านที่ไกลลิบบนภูเขา นั่นด้วยทหารกลุ่มเล็กๆ ในวันพรุ่งนี้ และนำบาซอนกับดัลบีไปด้วย

ผู้นำแคว้นและสภาเสนาบดีมาที่บ้านเสนาบดียอน
ปรึกษาหารือ กันเรื่องโองการสวรรค์ที่เทวีพยากรณ์ ใช้อ้างที่จะไม่ให้ กษัตริย์ เข้ามาในปราสาทพร้อมกองทัพ เสนาบดียอนพยายามยุยงว่า กษัตริย์องค์ที่ออกไป มิใช่กษัตริย์องค์ที่กลับมา ทรงมีทหารม้าเหล็กมาด้วย พวกเราไม่มีกำลังทหารเพราะทหารส่วนใหญ่ ไปกับ โฮแกหมด พวกเราขัดพระบรมราชโองการ ที่ให้ โฮแก เคลื่อนพลไปทางเหนือ ไม่ไปพบพระองค์ ที่ป้อมปราการควานมี
ผู้นำแคว้นแย้งว่า นั่นเป็นการกระทำของเสนาบดียอน กับเทวีพยากรณ์ แต่เสนาบดียอน ก็อ้างอีกว่า เมื่อ ลูกชายของผู้นำแคว้นทั้ง 3 ตาย ทุก แคว้นจับดาบต่อต้านกษัตริย์ ทำให้ทุกคนกลัวเรื่องนี้ และถามว่า จะหยุด กษัตริย์ได้อย่างไร ทรงมีทหารม้าเหล็กมาด้วยแบบนี้
เสนาบดียอน : ก่อนอื่น เอาผู้ชายและผู้หญิงของปราสาทโกกแนขึ้นไปบนกำแพง และใช้เป็นโล่มนุษย์ ทุกคนลุกขึ้นยืน ถามว่า ท่านแนะนำอย่างนี้ได้อย่างไร เสนาบดียอนไม่สนใจ
ประการที่สอง ใช้กองทัพเว่ยเหนือ และโจมตีฝ่าบาททางด้านหลัง
ผู้นำแคว้น ตวาด เสนาบดียอน เสนาบดียอน ถาม ทำไม ท่านไม่อนุมัติหรือ และพูดต่อ : กองทัพเว่ยเหนือมาถึงชายแดนเราแล้ว ถ้าเราส่งสารไปที่ป้อม อนุญาตให้พวกเขาผ่านทาง....
ผู้นำแคว้น ตะคอก ท่านจะขายชาติ เพื่อประโยชน์ของตัวท่านเองหรือ แล้วชักดาบออกมา นี่คือโคคุเรียวที่ยิ่งใหญ่ ท่านเสนาบดียอน ท่านบ้าไปแล้วหรือ วันนี้ข้าจะฆ่าคนทรยศ
ทหารของเสนาบดียอน กรูกันเข้ามา ชักดาบ ล้อม ทุกคนไว้
เสนาบดียอน ถามหัวหน้าแคว้นอีก 2 คนและคณะเสนาบดีว่าพวกท่านเห็นด้วยกับเขาหรือไม่ ใช่ข้าเองเป็นคนของโคคุเรียว หากไม่มีโคคุเรียว จูชินก็ไม่มีความหมาย

****ปล. ที่ 6. คำว่าสาร และสาสน์ มีการใช้ที่แตกต่างกัน****
สาร หมายถึง จดหมาย หรือหนังสือ เช่น เขียนสาร นิตยสาร เป็นต้น
สาสน์ เป็นจดหมายของประมุขของประเทศที่ใช้ในการเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ หากเป็นจดหมายของพระมหากษัตริย์ ต้องเรียกว่าพระราชสาสน์ ถ้าเป็นจดหมายของประธานาธิบดี เรียกว่าอักษรสาสน์ ถ้าเป็นจดหมายของสมเด็จพระสังฆราช เรียกว่า พระ สมณสาสน์ และหมายถึง คำสั่ง คำสั่งสอน ทางศาสนาเช่นสาสนธรรม หากคนเล่าใช้ผิดที่ไปบ้างก็ขออภัย

Copyright @ Amornbyj & SUE

ทัมดั๊ก หรือ พระเจ้ากวางเกโตมหาราช กษัตริย์องค์ที่ 19 แห่ง อาณาจักรโคคุเรียว



...พระเจ้ากวางเกโตมหาราช...
พระเจ้ากวางเกโตมหาราช เดิมทรงพระนามว่า Damdeok หรือ Tamdǒk ส่วนพระนาม Gwanggaeto นั้นได้รับการสถาปนาหลังจากที่พระองค์สิ้นพระชนม์แล้ว คำว่า Gwanggaeto หมายถึง ผู้ยิ่งใหญ่แห่งการขยายดินแดน ในรัชสมัยของพระองค์เอง...พระองค์ทรงโปรดให้ประชาชนเรียกพระองค์ว่า Yeongnak หรือ King Yeongnak the Great ส่วนคำว่า The Great นั้น ภาษาเกาหลีเรียกว่า Taewang หรือ Hotaewang ก็คือ มหาราชนั่นเอง
พระองค์ขึ้นครองราชย์เมื่อทรงพระชนม์เพียง 17 พรรษา เป็นกษัตริย์องค์ที่ 19 ของอาณาจักรโคคุเรียว การแผ่ขยายอำนาจและอาณาเขตของพระองค์ทำให้ชื่อเสียงของพระองค์เป็นที่เลื่องลือไปถึงอาณาจักรแพ็คเจและอาณาจักรชิลลา การขยายอำนาจทางการทหารและการค้าของพระองค์ส่วนใหญ่จะยึดครองตามแถบดินแดนทางเหนือของลุ่มแม่น้ำฮันทั้งหมด นอกจากนี้ยังได้ทำการแผ่ขยายอาณาเขตไปจนกระทั่งถึงอาณาจักรแมนจูเรียบางส่วน ในรัชสมัยของพระองค์ได้ รวบรวมหัวเมืองต่าง ๆที่อยู่กระจัดกระจายทั้งสิ้น 65 เมืองและ ชนกลุ่มน้อยในเผ่าต่าง ๆ ตามหมู่บ้านที่ทุรกันดาร 1400 หมู่บ้าน พระองค์ครองราชย์ได้เพียง 22 ปี ก็สิ้นพระชนม์ และเป็นกษัตริย์พระองค์แรกของเกาหลีที่ได้รับยอมรับจากทั่วโลกและสถาปนาให้เป็น "มหาราช" หรือ " The Great " ส่วนกษัตริย์อีกพระองค์หนึ่งคือ พระเจ้าเซจงมหาราช ผู้ประดิษฐ์คิดค้นตัวอักษรภาษาเกาหลี

King Kwanggaeto The Great

Goguryeo's king Gwanggaeto (meaning "broad expander of territory") was born in 374 and ascended to the throne in 391, at the age of just seventeen, to become the 19th king of the Goguryeo Dynasty. He ruled over Goguryeo at the time in Korea's history known as The Three Kingdoms, so called because during this time the Korean peninsula was constantly being fought over by the three Goguryeo, Silla and Baekje dynasties. He is sometimes referred to as Great King Yeongnak, after the era name selected by him. He expanded Goguryeo's territories far into the Korean peninsula by advancing southward at the expense of the Baekje dynasty to occupy the north of the Han River, and occupied Manchurian territory to the east of Liaohe. On his death in 413, at just 39 years of age, Goguryeo ruled everything between the Sungari and Han Rivers. This gave it control over two thirds of what is now modern Korea as well as a large part of Manchuria. In addition, the chieftains of Silla submitted to the northern kingdom's authority in 399 to receive protection from Japanese raids. Only Paekche continued to resist Goguryeo domination during this period, thereby preventing what would have been the first recognised unification of the Korean peninsula. During his reign, King Gwanggaeto conquered 65 walled cities and some 1,400 villages, in addition to aiding Silla when it was attacked by the Japanese. In 392 he built nine Buddhist temples in Pyongyang. His accomplishments are recorded on a monument which was erected in 414 in southern Manchuria.



Roytavan : Writer & Translated