Saturday, May 3, 2008

เรื่องย่อ ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ ( ตอนที่ 8 )


ตอนที่ 8
ที่พำนักลับฮวาเซิน
ยอนโฮแกดีใจหน้าชื่นที่เห็น โซคีฮา กลับมาตามสัญญา แต่แล้วก็เหมือนดอกไม้บานถูกน้ำร้อนราดรด เมื่อโซคีฮา มีเรื่องขอร้อง ยอนโฮแก บอกว่า ผู้พิทักษ์ต้องได้ทุกอย่างที่ต้องการ ข้าไม่แน่ใจว่าท่านจะกลับมา ข้ารู้ว่า ท่านและรัชทายาทเป็นเพื่อนกัน โซคีฮา ตอบว่า เราไม่ใช่เพื่อน ทรงเป็นคนที่ข้ารัก ทรงเป็นคนที่ข้าปรารถนาในชีวิต ข้าหวังว่าท่านจะหาใครที่เหมาะสมกว่าที่จะเป็นผู้พิทักษ์หัวใจฟินิกซ์ ข้าไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้พิทักษ์ ไม่ว่าจะเป็นผู้พิทักษ์หรืออาณาจักรจูชิน มันไม่มีความหมายกับข้า พวกนั้นไม่มีค่าสำหรับข้า
ยอนโฮแก หน้าเศร้า ถามว่า ใครๆก็เป็นผู้พิทักษ์ได้หรือ เป็นเจ้าของหัวใจฟินิกซ์ได้หรือ ตอนที่ท่านกล่าวต่อหน้าคนอื่น ในฐานะข้าเป็นกษัตริย์ มันไม่มีความหมายเช่นนั้นหรือ โซคีฮา ตอบว่า ข้าทำเพื่อช่วยเขา ข้าทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นเพื่อเขา ท่านไปเป็นกษัตริย์ กษัตริย์ของโคคุเรียว เป็นกษัตริย์ของจูชิน ปล่อยข้าไปกับเขา ท่านจะไม่ได้เห็นเขาอีก ท่านจะไม่ได้ยินเรื่องเขาอีก
โถ ยอนโฮแก เดินเซซังออกมาจากห้อง


โซคีฮา ขอให้ ซารยางช่วย ทีมโปโลสีดำ ซารยางไปว่าจ้าง ทหารรับจ้าง จูมูชิ จูมูชิ บอกข้อแม้การรับงาน 3 ข้อ แต่ก็ยอมรับเงินถุงใหญ่เมื่อรู้ว่า ให้ไปช่วย ทีมโปโลสีดำ และต้องช่วยก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ซารยางบอกว่าข้ามีเหตุผลที่ทำให้ลงมือเองไม่ได้ แล้วซารยางก็ไปรายงาน โชคีฮา ว่า ทีมโปโลสีดำจะมีคนมาช่วยใน 1 ชั่วโมง และได้แจ้งไปที่เผ่าจุนโนแล้ว พวกจุนโนจะไปที่ชายแดน และนำรัชทายาทกลับไปจุนโน แต่แล้วความนี้ก็ไม่รอดพ้น แทจังโร แทจังโร ใช้อาคม ลงโทษซารยางล้มลุกคลุกคลานเลือดกลบปากในห้องพิธี ถามว่า เจ้าคิดว่านั่นจะช่วยฟินิกซ์หรือ



จูมูชิ ส่งมันดัก ไปสอดแนม มันดัก ส่งสัยว่า มันไม่แปลกหน่อยหรือ ไปช่วยคนกลางวันแสกๆ เราควรจะรอให้มืดสักหน่อย จูมูชิ ตอบว่า ตอนกลางวันจะมียามน้อยกว่า พยามยามอย่าฆ่าใคร เอาแค่หมดสติก็พอ มันดัก ทวนความ เราต้องช่วยชีวิตในเวลากลางวัน และห้ามฆ่าพวกเขาอย่างนั้นหรือ จูมูชิ บอกว่า ครอบครัวใหญ่นี้อาจเป็นลูกค้าของเราในวันหน้า และไม่มีประโยชน์ที่จะเอาชีวิตกัน
ฮยอนโก และฮยอนยอง มาหา บาซอน เพื่อจะจ้าง จูมูชิ เช่นกัน บาซอน บอกว่ามีคนจ้างพวกเขาแทนหัวหน้าที่ไร้ประโยชน์ แล้ว ฮยอนโกถ ามว่า บาซอน จ้างหรือ บาซอน ตอบว่า ข้ากำลังจะทำ แต่ว่าเผ่าจุนโน ส่งคนมาที่นี้พร้อมกับเงินถุงใหญ่ ฮยอนโก แทนที่จะดีใจกลับตกใจ วิ่งอ้าวออกไป และบอกว่า นี่เป็นกับดัก ( ในเรื่องนี้ ฮยอนโก เป็นคนฉลาด สุขุมรอบคอบ ซ่อนตัวตนที่แท้จริงในคราบคนติ๊งต๊องนิดๆ เป๋อเหล๋อ อีกต่างหากขอบอกกล่าวไว้ตรงนี้เลย พอฟัดพอเหวี่ยงกับ แทจังโร )


ดัลบี เป็นภรรยาหัวหน้านายทหารคนหนึ่งของบ้านตระกูลยอน มีหน้าที่ดูแลอาหารนักโทษ หิ้วตะกร้าอาหาร มาเจอสามีพอดี และตามสามีเข้าไปที่คุมขัง นายทหารเข้ามาก่อนแล้วก็ต้องตกใจ ที่มีทหารยามถูกฆ่าตาย แล้ว สามี ของ ดัลบี ก็ถูกซารยางฆ่าตายเช่นกัน ดัลบี ที่ตามมาเห็นศพสามี ก็ตกใจ ทิ้งตะกร้าลงพื้น ซารยางที่กำลังจะออกไปได้ยินเสียงจึงพุ่งดาบใส่ตั้งใจจะฆ่า ดัลบี อีกคน แต่แล้วก็มีเศษวัตถุ กระทบดาบจนเปลี่ยนทิศทาง ซารยางมองหาที่มาของเศษวัตถุนั้น แล้วก็สบตากับสายตา ซูจินี ข้างนอกนั้น จูมูชิพยายามบุกเข้ามา ซารยางล้วงอาวุธลับจากอกเสื้อขว้างไปที่ ดัลบี อีก ดัลบี ยกสองมือกุมหัวตัวเองว่าคราวนี้ต้องตายแน่ๆ แล้ว อาวุธลับก็เปลี่ยนทิศทางอีก ซารยางเหลียวขวับมอง ซูจินี ซูจินี ย่อตัวหยิบหยิบเศษหินมาเตรียมพร้อมไว้ ซารยางจะซัดอาวุธลับเป็นครั้งที่ 2 แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เมื่อได้ยินเสียง... หัวหน้า..... ดูนี่ ซารยางคว้าแท่งเทียนขว้างเข้าไปตกลงพื้นแล้วเดินออกมา แอบทิ้งสัญลักษณ์เผ่าจุนโน ไว้ที่พื้น เกิดไฟไหม้ในห้องขัง แล้วซารยางก็ตะโกนว่าคุกแตก คนของจุนโนแหกคุก ซูจินี เห็นไฟลุกกลับเหมือนคนถูกสะกดจิตยืนนิ่ง โซวดูรู (บุตรชายคนโตของ หมู่บ้านฮักคู แคว้นจุนโน) ต้องถอดเสื้อคลุมให้ แล้วเอา ซูจินี พาดหลังพาหนีออกมา ทหารบ้านตระกูลยอน กรูกันเข้ามาขวาง จูมูชิ บ่นว่า เราได้ค่าจ้างไม่พอสำหรับเรื่องนี้ จูมูชิ เอ๋ย ชีวิตของเจ้าเต็มไปด้วยความสูญเสียเสมอ (จูมูชิ คนนี้งกเงิน ) แล้วก็บอกทหารบ้านตระกูลยอนว่า พวกเราไม่อยากฆ่าใคร ฉะนั้นถ้าอยากมีชีวิตถอยไป แต่ทหารบ้านตระกูลยอนไม่ฟัง จูมูชิ สู้ไปถอยไป แล้วก็บอกพรรคพวกว่า ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้ฆ่าใคร ลืมที่ข้าพูดเสีย

ซูจินี ที่ถูก โซวดูรู ช่วยออกมา ตื่นจากภวังค์เมื่อเห็นการต่อสู้ สะบัดเสื้อ โซวดูรู ที่คลุมหัวออกไป ตะโกนว่า มันจุดไฟต่อหน้าข้า แล้วก็ถลาเข้าไปแย่งดาบมาจากทหารบ้านตระกูลยอน เข้าไปร่วมวง จนหลังมาชนกับจูมูชิ จูมูชิคว้าซูจินีไว้ บอกให้หนีไปพร้อมคนอื่น แล้วจูมูชิ ก็บอกลูกน้องว่า ข้าจะไปเจอพวกเจ้าข้างนอก จูมูชิ หนีออกมา แล้ว ลั่นดาลประตูบ้านตระกูลยอนจากข้างนอก บาซอน และ ฮยอนโก บังคับรถม้าเข้ามา บาซอน กระโดดลงมากอด ซูจินี แบบรักและห่วง จูมูชิ ตะโกนว่า ไม่มีเวลากอดกันแล้ว ขึ้นมาเร็วๆ พวกทีมโปโล รีบขึ้นรถม้า จูมูชิ ยืนคอยพรรคพวก แล้ว มันดัก ก็พาพรรคพวกทหารรับจ้าง ปีนไต่ต้นไม้ กระโดดข้ามออกมานอกกำแพงบ้าน ทหารบ้านตระกูลยอน เปิดประตูบ้านออกมาไม่ได้ เพราะจูมูชิ ลั่นดาล จากข้างนอก


ที่พักลับ ฮวาเซิน
แทจังโร ยืนอยู่หน้า โซคีฮา : ถ้ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับชายคนที่เจ้าบอกว่ารัก ข้าเตือนเจ้าแล้วว่ามันเป็นความผิดของเจ้าเอง เจ้าวางแผนจะส่งรัชทายาท ทัมด๊กไ ปจุนโน แล้วเจ้าจะตามเขาไปที่นั่นหรือ เจ้าคิดจะทิ้งฮวาเซิน และฟินิกซ์หรือ เจ้าคิดจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขหรือ แทจังโร อ้อมไปข้างหลังกางสองมือตัวเองเกาะไหล่ โซคีฮา ทำเสียงพ่อมดหมอผี เจ้าต้องการเอาเชือกไปแขวนเขาหรือ แต่.....ข้าจะตัดเชือกนั่นเอง ข้าจะดูแลกษัตริย์และรัชทายาทพร้อมๆกัน แล้วก็อ้อมมาข้างหน้า โซคีฮา รัชทายาททัมด๊ก จะไม่มีโอกาสได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นในวันพรุ่งนี้ โซคีฮา ที่นั่งนิ่งมาเหมือนไม่รับรู้มาตลอด ดวงตาเริ่มไหววูบ แทจังโร พูดต่อ เจ้าเคยถามข้าครั้งหนึ่ง... เจ้าเคยถามว่า ข้าอายุเท่าไร แทจังโร หลับตาลง คำรามเสียงในลำคอ มันนานเหลือเกิน...นานจนข้าจำไม่ได้ คนนับไม่ถ้วนเกิดและตายในช่วงอายุของข้า ข้าจำได้เพียงสิ่งเดียว ข้าจำคาจินได้ ผู้หญิงที่โง่เขลา ที่สูญเสียพลังแห่งไฟ และเสี่ยงทุกอย่างเพื่อความรัก...มีภาพคาจินใช้ดาบที่มีเพลิงไฟ พุ่งเข้าหาเทพฮวานอุง และ... คาจิน หงายหลังลงหน้าผา.....ข้าจำได้ว่า พวกเราคนของโลกอยู่กันอย่างไรหลังจากนั้น (ทำเสียงสะกดจิตเชียว แหบๆ แต่มีพลัง เสียงแบบนี้ ชอยมินซู คนแสดง ทำได้คนเดียว) คีฮา......เจ้าต้องการให้พวกเรา อยู่เช่นนั้นอีกหรือ นั่นคือสิ่งที่เจ้าที่เจ้าต้องการหรือ...
โซคีฮา ไม่ตอบความใดๆ นิ่งเงียบอย่างเดิม มีเพียงสายตาที่สื่อว่ารับรู้เรื่องที่ แทจังโร พูดมา

ที่โรงตีเหล็กของ บาซอน ฮยอนยอง มารายงาน ฮยอนโก ที่ห้องลับเช่นกัน ว่าบานประตูทั้ง4 ปิด มีทหารรักษาการณ์นับไม่ถ้วน โดยเฉพาะทิศเหนือ มียามรักษาการณ์เป็น 2 เท่า และมีกองทหารม้าเหล็ก จูมูชิ บอกว่า ใจเย็น บาซอน จะพาพวกเราผ่านประตูทิศใต้ได้ โซวดูรู ค้านว่า แต่หมู่บ้านนั่นอยู่ทางทิศเหนือจากที่นี่ จูมูชิ : จากประตูทิศใต้ใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมง พารัชทายาทของเราไปที่จุนโน และนั่นเป็นหน้าที่ของข้า
โซวดูรู เห็น ซูจินี นั่งนิ่งก็เป็นห่วง บอกว่า พักผ่อนนะแล้วอย่าละเมออีก ซูจินี ยกมือทำท่าว่ารู้แล้วรู้แล้ว
ในห้องเหลือแต่ ซูจินี ฮยอนโก ฮยอนยอง ฮยอนยอง บ่นว่า มีใครบางคนเจตนาปล่อยข่างลือผิด ๆว่า ผู้นำของจุนโนเอาคนบุกเข้าไปช่วยคนของเขาในเรือนจำ ข่าวลือไปทั่ว ท่านรู้ไหมว่าเป็นใคร ฮยอนโก ย้อนว่า: ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร ข้าเพิ่งรับรู้จากเจ้า ทำไมเพิ่งบอกตอนนี้ อา.... ซูจินี เจ้าคิดว่าใครอยู่เบื้องหลัง แล้วทั้งสองคนก็ตกใจ ซูจินี หายไปจากตรงที่นั่ง


ซูจินี เจอ จูมูชิ จูมูชิ รู้ว่า ซูจินี จะไปชายแดน บอกว่า ไม่ว่าอย่างไรมันยากเกินไปสำหรับเจ้าที่จะไปชายแดนด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้น........พูดไม่จบ ซูจินี ที่คล่องแคล่วปราดเปรียว ก็วิ่งไป เสียแล้ว จูมูชิ ได้แต่บ่น ข้าจะทำอย่างไรกับเด็กนี่ดี
ทหารบ้านตระกูลยอนสำรวจเพลิงไหม้พบสัญลักษณ์ของเผ่าจุนโน
บรรดาผู้นำเผ่า จะไปเผ้ากษัตริย์เพื่อถามว่าทรงต้องการสิ่งใด เสนาบดียอน : แล้วถ้าทรงบอกสิ่งที่ทรงต้องการท่านจะถวายให้ฝ่าบาทหรือ แล้วถ้าทรงต้องการให้รัชทายาท ทัมด๊ก ขึ้นครองราชย์อีกเล่าท่านจะตกลงไหม ท่านคิดว่าจะทรงคืนบุตรชายให้พวกท่านหรือ ไม่แน่นอน ถ้าทรงขังบุตรชายของพวกท่านไว้ ฝ่าบาทจะทรงมีอำนาจเหนือพวกท่าน โคคุเรียวต้องไม่ยอมให้คนที่ลักพาตัวเด็กเป็นกษัตริย์ เราไม่สามารถรับใช้กษัตริย์เช่นนี้ได้ การต่อสู้ครั้งนี้ ฝ่าบาทเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน



ขุนพลโกเข้าเผ้ากษัตริย์ รายงานว่าประตูทิศตะวันออก ตะวันตก ทิศใต้ แตกแล้ว ทรงโปรดมีพระบรมราชโองการส่งทหารม้าเหล็กออกไป กษัตริย์ทรงตอบว่า ถ้าส่งออกไปลูกหลานโคคุเรียวต้องนองเลือด ทหารม้าเหล็กประกอบไปด้วย บุตรชายตระกูลขุนนางของ 3 เผ่า หากส่งพวกเขาออกไปเขาจะเอาดาบไปจ่อคอใครเล่า จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อพวกเขาต่อสู้กับทหารเดินเท้า ขุนพลโกกราบทูลว่า : มันไม่สำคัญว่าจะมีชีวิตสูญเสียไปเท่าไร เราจะปกป้องฝ่าบาทจนกว่าทหารคนสุดท้ายจะสิ้นลมหายใจพะย่ะค่ะ

เสนาบดียอนมาเข้าเฝ้า นั่งตรงข้ามกษัตริย์ คนละหัวโต๊ะตัวยาว มาอ่านความรักลูกของ คนเป็นพ่อ 2 คนดู



เสนาบดียอน : เมื่อ 10 กว่าปี ก่อน เมื่อครั้งที่ฝ่าบาทประทับนอกปราสาทโกกแน หม่อมฉันเคยไปเฝ้าครั้งหนึ่ง หม่อมฉันจำดอกไม้ที่บานอยู่บนเนินเขาหลังที่ประทับได้ เราจะถวายที่ดินและทุ่งนานั้นให้กับฝ่าบาท และถวายเงินให้มากเท่าที่ทรงต้องการ และถ้ารัชทายาท ทัมด๊ก ทรงสัญญาว่าจะประทับที่นั่นด้วย พ่อลูกจะได้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขตลอดไป ทรงได้ยินเสียงข้างนอกนั่นหรือไม่พะย่ะค่ะ ทหารจาก 3 แคว้นกำลังล้อมพระราชวัง เมื่อใดที่พวกนั้นพังประตูเข้ามาในวัง หม่อมฉันก็ไม่สามารถช่วยฝ่าบาทได้พะย่ะค่ะ
กษัตริย์ทรงแย้มริมพระโอษฐ์นิดๆ : ท่านเสนาบดียอน ท่านรู้ไหมว่าทำไมข้าถึงต้องมานั่งอยู่บนบัลลังก์หลายปีที่ผ่านมา ทั้งหมดก็เพื่อให้รัชทายาทขึ้นเป็นกษัตริย์
เสนาบดียอน : เพราะเหตุนั้นฝ่าบาทถึงสร้างเรื่องเท็จกับอารามเทวีพยากรณ์หรือพะย่ะค่ะ เพราะเหตุนั้นฝ่าบาททรงกล่าวเท็จว่ารัชทายาท ทัมด๊ก ประสูติภายใต้ดวงดาวจูชิน
กษัตริย์ :ทำไมท่านถึงคิดว่าข้ากล่าวเท็จ
เสนาบดียอน : หม่อมฉัน ยอนการรยอ ขอทูถามฝ่าบาทอีกครั้ง ก้มหน้าตัวเองลง หม่อมฉันก็เป็นพ่อคน หม่อมฉันเข้าใจดีถึงความทะเยอทะยานของพ่อที่มีต่อลูก แต่อาณาจักรนี้ ปกครองโดยกษัตริย์ 16 พระองค์ ตั้งแต่กษัตริย์ จูมง ทรงก่อตั้งขึ้นมา ชาติของเราได้รอคอยกษัตริย์จูชินมานาน อย่าได้ทรงต่อต้านโองการแห่งสวรรค์ เงยหน้ามองกษัตริย์ ทรงละทิ้งความทะเยอทะยาน ที่โง่เขลาดด้วยพะย่ะค่ะ หม่อมฉันเกรงว่าความโกรธของคนพวกนั้น จะทำให้ฝ่าบาททรงได้รับอันตรายพะย่ะค่ะ
กษัตริย์ แย้มริมโอษฐ์ : ข้าไม่กลัวอะไรกับความตาย สิ่งที่ข้ากลัวจริงๆ ก็คือไม่สามารถทำให้ความตั้งใจของข้าเป็นจริง ข้าจะทำให้รัชทายาท ทัมด๊ก เป็นกษัตริย์แห่งโคคุเรียวนั่นคือความประสงค์ของข้า

ทั้งสองพ่อมองตากัน เสนาบดียอนลุกขึ้นถวายคำนับกลับออกไป
ขุนพลโกเข้าเฝ้า กษัตริย์ทรงสั่ง ให้ขุนพลโกออกจากวังเอาทหารออกไปให้มาก ทิ้งไว้ที่นี่เพียงเล็กน้อยไม่ให้คนสงสัย ตามหารัชทายาท มันเป็นเวลากว่า 2 พันปี ตั้งแต่การก่อตั้งและการล่มสลายของจูชิน สวรรค์กล่าวว่า กษัตริย์จูชินจะทรงกลับคืนมา ข้าไม่รู้ว่าจะเป็นรัชทายาท ทัมด๊ก หรือบุตรชายของเสนาบดียอน แต่ถ้าเป็นองค์ชายทัมด๊ก เจ้าต้องคุ้มครองเขา หากไม่ใช่เขา...จนกว่าเจ้าจะแน่ใจว่า เขาไม่ใช่กษัตริย์จูชิน ทรงถอนพระทัยเช่นนั้นเจ้าต้องเอาชีวิตเขา ถ้าประเทศชาติมีกษัตริย์ 2 องค์ ประชาชนจะเดือดร้อน เพราะฉะนั้นเจ้าต้องเอาคนออกไปและคุ้มครองเขา ขุนพลโกน้ำตาคลอคุกเข่าลง กราบทูลว่า หม่อมฉัน โกอูซุง ขอรับสนองพระบรมราชโองการพะย่ะค่ะ เมื่อออกมาจากที่ประทับ ขุนพลโก ซึ่งควบคุมหน่วยทหารองครักษ์ สั่งการให้กองทหารที่2 และที่3 ถวายอารักขา กษัตริย์


บาซอน ติดสินบนทหารยามที่หน้าประตู แต่ไม่แปลกเพราะ บาซอน ทำเป็นกิจวัตร อยู่แล้ว บาซอน พาทีมโปโลสีดำไปที่คอกม้าภายนอกปราสาทโกกแน โซวดูรู คำนับขอบคุณบาซอน
ที่พักลับฮวาเซิน โชจูโด เข้ามารายงาน แทจังโร ซารยางเข้าใจหน้าที่ของตัวเอง พาทหารชุดแดงออกไปนอกปราสาท ผ่านหน้าบาซอน ทำให้บาซอน ย้อนนึกถึงคืนแห่งดวงดาวจูชินได้ รีบกลับไปที่ที่พักหยิบดาบจากหีบเหล็กเก็บสมบัติ เอาสองมือ จับเสื้อจูมูชิเขย่า : ไอ้พวกสารเลว เสื้อแดงที่ฆ่าพ่อข้าในคืนดวงดาวจูชิน ไอ้สารเลวที่ทำให้ข้าและพี่ชายพรากจากกัน ฮยอนโก และฮยอนยองเข้ามาพอดี ฮยอนโก อุทานคำว่า ฮวาเซิน

ซารยางมุ่งหน้าไปชายแดนหมู่บ้านแห่งความอดอยาก เมื่อไปถึงก็รื้อค้นบ้านเรือน จับผู้คน เอามากองรวมที่ลานหมู่บ้านขู่เข็ญถามหาองค์ชาย องค์ชายทนไม่ได้ที่ทหารฮวาเซินจะฆ่าสองแม่ลูกที่นั่งพิงฝาบ้านไม่สนใจสิ่งใด เกิดการต่อสู้ องค์ชายฆ่า ทหารฮวาเซินไปหลายคน ในขณะชุลมุน โซวดูรู ขี่ม้าเข้ามาฉุดดึงองค์ชาย ขึ้นหลังม้า แล้วซูจินี ก็ยิงธนูฆ่าทหารฮวาเซินไปหลายคน
องค์ชายและซูจินี ขี่ม้าสวนกัน ต่างองค์ต่างคน มองซึ่งกันและกัน
โซคีฮา นั่งนึกถึงเหตุการณ์ ที่ จอกฮวาน เปิดเผยต่อหน้าองค์ชาย ว่า เธอคือผู้พิทักษ์หัวใจฟินิกซ์และรับใช้ ยอนโฮแก และคำบอกของยอนโฮแก ที่ให้ทูล องค์ชายไปให้ไกลอย่ากลับมาปราสาทโกกแน อีก และที่บ้านพักชายแดน ที่องค์ชายตรัสว่า คีฮา...อย่าทุกข์ทรมานเพราะข้า แล้วก็กอดกัน


องค์ชาย และทีมโปโลสีดำ หยุดพักที่บ้านร้าง แล้ว ทหารของฮวาเซินตามมา องค์ชายแนะนำให้ เอาวิธีการเล่นลมวน มาใช้ ( ผู้เล่นคนหนึ่งเอาลูกวิ่งไปทางหนึ่ง และคนอื่นๆ ..) แต่ โซวดูรู ทูลว่า มันอันตรายเกินไป เล่นหีบสมบัติเป็นอย่างไร คนของหม่อมฉัน ชำนาญในเรื่องนี้ เจ้าตัวเล็กของจุนโน เสริมว่าผู้เล่นทุกคนแกล้งทำเป็นว่า มีลูกอยู่แล้ว และ .... ดัลโก (ลูกชายคนที่สองของฮีกแก) ผลักหัวคนพูด บอกว่า ทรงรู้น่า.. แล้ว ฮวาเซิน ก็หลงกลการเล่นหีบสมบัติของเผ่าจุนโนนี้ องค์ชาย ซูจินี และคนอื่นๆ หนีไปได้
โซวดูรู ทูลองค์ชายว่า ถ้าเราไปทางนี้เราจะไปถึงจุนโนคืนพรุ่งนี้พะย่ะค่ะ

แต่องค์ชายไม่ไปจุนโนแต่จะกลับไปปราสาทโกกแน โซวดูรู ถามว่า พระองค์จะกลับไปถ้ำสิงโตหรือ องค์ชายตอบว่า : ข้าต้องทำเรื่องบางอย่างก่อน มันอันตรายพวกเจ้ากลับไปจุนโนเถอะ แล้วทรงม้าออกไปจากที่นั่น เมื่อแรก ดัลโก ชักชวนให้ทีมโปโลสีดำกลับจุนโน ซูจินี เอาก้อนหินขว้างหัว บอกว่า : เจ้ามีความจงรักภักดีน้อยกว่าหนอนแมลง เสียอีกเผ่าจุนโน พวกเจ้าถูกดักทำร้ายในคืนก่อนการแข่งขัน พวกเจ้าคิดว่าเป็นพวกโจรหรือ เจ้ารู้ไหมว่าใครสั่งให้ทำร้าย เขาคือยอนโฮแก รัชทายาทเล่นแทนพวกเจ้าเพราะพวกเจ้าบาดเจ็บ แล้วอะไรกัน ไม่อยากเห็นพระองค์ แล้วก็ยกเท้าเตะ ดัลโก จนร้องโอย
ซูจินี และเผ่าจุนโน ขี่ม้า ตามมาทันองค์ชาย ซูจินี ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม สงบเสงี่ยมเรียบร้อย องค์ชาย แย้มพระโอษฐ์ให้ เป็นการบอกว่า ขอบใจพวกเจ้าทุกคน

โซจูโด มาส่งข่าว 3 ผู้นำแคว้น ว่า รู้แล้วว่าลูกชายทั้ง 3 คน ถูกจับขังไว้ที่ไหน พวกเขาถูกจับตัวในหมู่บ้านเล็กๆ ที่เป็นของฝ่าบาท อยู่ประมาณ 30 ลี้จากที่นี่ ผู้นำแคว้น : ถ้าเช่นนั้น ฝ่าบาทเป็นคนทำทั้งหมด โชจูโด สร้างเรื่องต่อว่า องค์รัชทายาททรงปล่อยพวกจุนโน และกำลังมุ่งหน้าไปหมู่บ้านนั้น ทรงตั้งใจจะไปสังหาร และทำลายหลักฐาน ผู้นำแคว้นคนหนึ่ง สั่งเตรียมทหารและออกเดินทางทันที
ผู้นำแคว้น นำกองทหารตามไปที่ โชจูโด บอก



ส่วนองค์ชาย ถูก ฮวาเซิน สร้างสถานการณ์ ให้ผู้นำแคว้นเห็นว่าองค์ชาย และทีมโปโลสีดำ เป็นผู้สังหารบุตรชายทั้งสาม ของผู้นำแคว้น แม้จะรู้ว่านี่เป็นกับดัก แต่องค์ชายก็กลับองค์ไม่ทันเสียแล้ว ผู้นำแคว้นถามว่า ทำไม ทำไมทรงทำเช่นนี้ ทัมด๊ก ข้าจะฆ่าเจ้าแก้แค้นแทนลูกชายของข้าและชักดาบออกมา สั่งทหารบุกโซวดูรู ทูลว่ารัชทายาทได้โปรด องค์ชายและเผ่าจุนโน ขี่ ม้าหนีออกมาจากสถานการณ์นั้น แล้วทรงหยุดม้า เพื่อตัดสินพระทัยว่าจะทรงทำอย่างไรดี ฮยอนยองก็ ใช้ระเบิดควัน ช่วยพระองค์

มีเสียง ฮยอนยอง เรียก ซุจินี : ข้าเอง
โซวดูรู : ถ้าพวกนั้นกลับไปถึงปราสาทโกกแน จะยิ่งมีเรื่องวุ่นวายหนักเข้าไปอีก พระองค์จะตกอยู่ในอันตรายพะย่ะค่ะ
องค์ชายทรงไตร่ตรอง : พวกเจ้าจะเอากองทหารของจุนโนไปที่ปราสาทโกกแน ได้หรือไม่
โซวดูรู : ต่อให้รีบแค่ไหน มันต้องใช้เวลา 2 วันพะย่ะค่ะ องค์ชายทรงขึ้นอาชา : พวกเรามุ่งตรงไปปราสาทดัลจา ที่นั่นมีทหารมากกว่า โซวดูรู พยักหน้า : หม่อมฉันเข้าใจไปกันเถอะ องค์ชายทรงหันไปทาง ซูจินี ทรงเรียก ซูจินี ซูจินี ทำเสียงตอบรับในคอ องค์ชายตรัสต่อว่า : เข้าไปในปราสาทโกกแนแทนข้า เข้าไปดูสิว่า ที่นั่นเกิดอะไรขึ้น ซูจินี ทำท่าอึกอักจะคัดค้าน องค์ชาย ตรัสต่อว่า : ได้โปรด แล้วไม่ทรงรอคำตอบ (เพราะแน่ใจว่า คำนี้เป็นคาถาวิเศษ โอมอ่านเมื่อไร เป็นได้ผลทุกทีทุกคนกับบรรดาสาวๆ) ซูจินี เดินตามหลังม้าตัวสุดท้ายที่วิ่งออกไปจากบริเวณนั้น ฮยอนยอง บ่น : ข้าช่วยชีวิตทุกคน แล้วพวกเขาไปไหนกัน ซูจินี หันกลับ ฮยอนยอง คว้าแขน ซูจินี ไว้ : เจ้าจะไปไหน ซูจินี ตอบว่า : ข้าต้องไปปราสาทโกกแน มีงานสำคัญ บอกหัวหน้าด้วยข้าต้องไปเดี๋ยวนี้ แล้ว ฮยอนยอง ก็คว้าได้แต่ลมตามหลังซูจินี

ที่พักลับ ฮวาเซิน
ซารยางมารายงานผล แทจังโร บอกว่า : รัชทายาททัมด๊ก เป็นคนหนุ่มที่โชคดี ข้าได้ข่าวว่า เขาหนีรอดจากดาบของเราได้ด้วยความช่วยเหลือจากพวกจุนโน สองครั้งแล้ว
ยอนโฮแก ถามว่า : ท่านรู้ไหมเขามุ่งหน้าไปทางไหน
แทจังโร สบโอกาสอีกแล้ว : ท่านพูดว่าท่านต้องการเลือดของเขาเพื่อเซ่นดาบของท่านมิใช่หรือ ข้าจะช่วยให้มันเกิดขึ้น ข้าจะทำให้ท่านเป็นวีรบุรุษที่แก้แค้นให้กับความตายของบุตรชายทั้ง 3 ผู้นำแคว้น จะไม่มีใครหลั่งน้ำตาให้กับความตายของเขา ข้าสัญญากับท่าน
แล้ว ยอนโฮแก ก็ขี่ม้าออกจากที่พักลับฮวาเซิน
แทจังโร : มันผ่านมา 17 ปีแล้ว คืนนั้น ถ้าเรามีสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 อยู่ในความครอบครองของเรา ฮวาเซินจะต้องครองโลกนี้ ท่านเสนาบดียอนอยู่ที่ใด

เสนาบดียอนนั่งอ่านสาร แล้วส่งต่อให้ โชจูโด โชจูโด อ่านแล้วหัวเราะชอบใจ เสนาบดียอน สั่งความสำทับ อีกครั้ง
แผนที่ 3 ก็เริ่มขึ้นอีก
ผู้นำแคว้น นำศพ ของบุตรชาย 3 คน กลับมา ผู้นำแคว้น อีก 2 คน มาเปิดดูศพลูกชายตัวเอง ทุกคนมีแต่ความเศร้าโศก
องครักษ์หญิง กั๊กตัง เข้ามากราบทูลถวายรายงาน : พวกผู้นำแคว้นมารวมตัวกันที่หน้าวังพร้อมกับร่างที่อาบเลือดของลูกชายพวกเขาเพคะ
กษัตริย์พระราชดำเนินหมุนรอบพระองค์เอง
มีความเคลื่อนไหวกับกองทหารในปราสาทโกกแน

กองทหารที่ 2 เป็นองครักษ์ชาย และกองทหารที่ 3 เป็นองครักษ์หญิง พบกัน หัวหน้ากองทหารที่ 2 พูดว่า พวกเราไม่มีทางอารักขาฝ่าบาทได้ กั๊กตังถามว่า เจ้าต้องการละทิ้งฝ่าบาทหรือ หัวหน้ากองทหารที่ 3 ตอบว่า เราต้องการกำลังเพิ่ม กั๊กตัง ตอบว่า ไม่มีใครอีกแล้ว เราต้องอารักขาฝ่าบาท พวกเจ้าเข้าใจไหม แล้วจากไป หัวหน้าองค์รักษ์ กองที่ 2 บอกทหารของตนว่า : พวกเจ้าได้ยินนางแล้ว พวกเราต้องอารักขาฝ่าบาท เดือนหน้าลูกชายข้าจะครบขวบไปกันเถอะพวกเรา



เทวีพยากรณ์ขึ้นไปบนกำแพงประตูปราสาท ถามว่าพวกท่านกลายเป็นคนที่ต้องการความตายให้กับฝ่าบาทตั้งแต่เมื่อไร พวกท่านต้องเชื่อฟังโองการแห่งสวรรค์ ผู้นำแคว้นตะโกนตอบ โคคุเรียวกลายเป็นชาติที่ปิดประตูใส่ประชาชน พวกเราสูญเสียบุตรชาย ข้าไม่ต้องการฟังสวรรค์ ข้าต้องการเห็นด้วยตาตัวเอง ข้าต้องการแก้แค้นให้ลูกข้า ข้าต้องการเฝ้าฝ่าบาท เปิดประตูเดี๋ยวนี้ เสียงโห่ร้องฮึกเหิม ของทหารชั้นผู้น้อย ดังเข้าไปในพระราชฐาน กษัตริย์ ทรงประทับนิ่ง สายพระเนตรไม่หวั่นไหว

องค์ชาย มาถึงปราสาทดัลจา
ยอนโฮแก ขี่ม้าตามมา แล้วหยุดม้ารอ มีทหารฮวาเซิน ชี้บอกทางให้ยอนโฮแก ยอนโฮแก ดึงผ้าขึ้นมาปิดครึ่งหน้าของตัวเอง ที่ปราสาทดัลจา ทหารที่อยู่นอกประตูปราสาท รีบกลับเข้าภายในประตู เมื่อองค์ชายมาถึง ประตูปิด ทรงทำท่าแปลกพระทัย โซวดูรู ก็ตกใจ ... อะไรนี่อะไรกัน.... ทหารทุกคนบนกำแพงประตู เข้าประจำการ องค์ชายเองก็ ไม่คาดฝันกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้


ปล . ที่ 3 ตอนต่างๆของการเล่าเรื่องย่อ ที่นี้ เป็นไปตามต้นฉบับของเกาหลี ที่มี 24 ตอน จะไม่ตรงกับของไทยมีวีช่อง3
ปล. ที่ 4. ต้นฉบับของการแปล น่าจะมีที่มาต่างกัน เรื่องย่อนี้ แปลมาจาก แฟนคลับเกาหลี แปลเป็นภาษาอังกฤษให้บรรดาแฟนคลับ ของดารา เบยองจุน ส่วน ของ ช่อง 3 น่าจะแปล มาจาก ภาษาจีน แต่ไม่ทราบว่า เป็นการแปล จากเกาหลีเป็น จีน หรือ จากเกาหลีเป็นอังกฤษ แล้วแปลจีนอีกที แล้วจึงแปลไทย

Copyright @ Amornbyj & SUE

Friday, May 2, 2008

เรื่องย่อ ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ (ตอนที่ 7)


ตอนที่ 7

หัวหน้ากองทหารม้าเหล็กของโคคุเรียว ชื่อ จอกฮวาน เข้ามาในที่ประชุม ทันได้เห็นเหตุการณ์ ที่โซคีฮา มีแสงรัศมีสีแดงเพลิงล้อมรอบตัว และคุกเข่าแสดงคารวะ ยอนโฮแก ยอมรับ ยอนโฮแก เป็นกษัตริย์ จูชิน เพราะโซคีฮา ถูก แทจังโร ใช้แวทย์มนต์
นกสื่อสาร บูรุมแซ กางปีกร่อนบนท้องฟ้า ส่งเสียงบอกว่า....(เผอิญคนเล่าฟังภาษานกรู้เรื่อง.).. มีข่าวมาบอก....มีข่าวมาบอก.... เรียกชุมนุมจ้า.....

ที่เรือนจำ บ้านตระกูลยอน ซูจินี เหมือนคนคลุ้ม คลั่ง ทั้งเขย่า หน้าต่างลูกกรง ทั้งเอาตัวกระแทกประตู ห้องขังดิ้นรนที่จะออกไปร่วมชุมนุมในครั้งนี้ ทีมโปโลสีดำ ยื้อยุด ห้ามปรามก็ไม่ฟัง แต่บทจะหยุด ซูจินี ก็หยุดเอง บ่นว่า "ข้าจะบ้าตอนที่เห็นนกบูรุมแช แต่ข้าออกไปไม่ได้ ถ้าพวกเจ้าพบหัวหน้าข้า ช่วยบอกเขาด้วย ตอนนี้ถึงเวลานอนแล้ว" แล้วซูจินี ก็ ล้มตัวลงนอน จริงๆ ทุกคนงงงวย

ที่หมู่บ้านโคมิล เรียกชุมนุมศิษย์ เพราะ ฮยอนโกได้รับสาสน์ว่า สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์หัวใจฟินิกซ์ ได้พบกษัตริย์จูชินแล้ว ทำให้ฟื้นขึ้นมาและส่องแสงที่บ้านตระกูลยอนนั่นยิ่งทำให้มั่นใจกันว่ายอนโฮแก คือกษัตริย์จูชิน แต่เกิดความสับสนว่า สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ อยู่ในครอบครองของฮวาเซิน ส่วนผู้พิทักษ์อยู่หมู่บ้านโคมิล (คือซูจินี) แล้วจะพูดได้อย่างไรว่า กษัตริย์จูชิน ทรงกลับมาแล้ว ฮยอนยองรายงานว่า "น่าจะมี ผู้หญิงอีกคน เป็นผู้พิทักษ์สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ และ แทจังโรแห่งฮวาเซิน เป็นผู้พานางเข้าไปที่บ้านตระกูลยอน แต่ก็สงสัยต่อว่า เหตุใด ผู้พิทักษ์ ถึงได้ไปอยู่กับฝ่ายชั่วร้าย" ฮวาเซิน
ฮยอนโกจึงเท้าความถึง ฮยอนชุก หัวหน้าหมู่บ้านโคมิลคนหนึ่ง ถูก ฮวาเซินจับตัวไปฝังสัญลักษณ์ สาวก ฮวาเซิน เป็นบ้า ฆ่าศิษย์โคมิล ไปถึง 20 คน และต้องใช้ คนถึง12 คนจึงจะจับตัวฮยอนชุกได้ ฮยอนโกย้ำว่า "ถ้าถูกประทับตราแล้ว คนคนนั้นจะไม่สามารถหลุดพ้นจากพวก ฮวาเซิน ...บางทีผู้พิทักษ์ อาจถูกประทับตราด้วยก็ได้" (ศิษย์ของโคมิล จะกระจายกันอยู่ ในที่ต่างๆ ทั้งเป็นองครักษ์ที่ปราสาทโกกแน เป็นทหารที่ปราสาทเพียงอันฯลฯ)

โซคีฮา กลับมาที่ห้องใช้ดาบเพื่อจะทำร้ายตัวเอง แต่พอดาบไปใกล้ไหล่ข้างขวาที่ถูกฝังสัญลักษณ์ฮวาเซิน ดาบสั้น นั้นก็ หักลง โซคีฮาได้แต่ ทอดตัวเอง ลงกับโต๊ะ ร่ำไห้อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรกับตัวเองดี


ที่สุสานหลวง องค์ชาย ประทับนั่งที่พื้นฟุบพระพักตร์หลับบนพระกรที่วางบนพระชานุ แขนที่วางบนเข่า หัวหน้าองค์รักษ์หญิงกองทหารที่สาม กั๊กตัง เปิดประตูเข้ามาปลุกบรรทมทูลว่า "ถึงเวลาที่องค์ชายจะต้องเสด็จแล้ว ขันที (แบบจีน ถ้าแบบไทย ก็มหาดเล็ก) กำลังรอคอยอยู่" องค์ชายบอกว่า "ข้ากำลังฝันดีที่เดียว" องค์ชายนึกว่าถูกปล่อยเป็นอิสระ แต่องค์รักษ์ทูลว่า "วันนี้เป็นวัน ราชาภิเษกองค์ชายขึ้นเป็นกษัตริย์"

ที่อารามหลวง เทวีพยากรณ์และนักพรต เรียงรายกันเข้าประจำที่

องค์ชายไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ กราบทูลถามว่า :"ทำไมทรงทำเช่นนี้ พิธีราชาภิเษกให้หม่อมฉันเป็นกษัตริย์ โปรดอย่าทรงทำเช่นนี้เลย มันจะเป็นการดีสำหรับประเทศของเราที่ยอมรับกษัตริย์จูชิน บางที ยอนโฮแก อาจจะสามารถรวบรวมอาณาจักรเข้าด้วยกันได้ เสด็จพ่อปล่อยเขาเถอะ"
กษัตริย์ ทรงตำหนิ กับท่าทางและน้ำเสียงเอาจริงเอาจังและเอาเรื่องว่า : "หลังจากถูกกักบริเวณเจ้าแย่ลงนะ"
ตลอดเวลาที่องค์ชายกราบทูลอยู่นั้น ทรงพระราชดำเนินไปที่โต๊ะ เปิดกล่องที่เก็บขวดน้ำหอม ของพระชายา พระมารดาขององค์ชาย ทรงยื่นประทานให้องค์ชาย เมื่อองค์ชายตรัสจบประโยคทรงมีพระดำรัสว่า : "สิ่งนี้เป็นของแม่เจ้า ในคืนดวงดาวแห่งจูชิน แม่ของเจ้าซ่อนตัวอยู่ในป่า และเมื่อดวงดาวส่องสว่างเต็มที่ นางก็ให้กำเนิดเจ้า มันเป็นคืนที่หนาวอย่างผิดปกติ ในคืนที่หนาวเช่นนั้น แม่ของเจ้าพาตัวเองขึ้นไปบนภูเขา สามวันจากนั้น นางก็เสียชีวิตในกระท่อมบนเขา เราทำให้วันนั้นเป็นวันเกิดของเจ้าตามที่แม่ของเจ้าต้องการ เพราะเราเชื่อว่าเจ้าคือกษัตริย์จูชิน เพราะเราต้องการปกป้องเจ้านักพรตหญิงที่มาหาเราคืนนั้นบอกเช่นนี้ มีคนมากมาย ที่อยากได้ชีวิตของกษัตริย์จูชิน เพราะฉะนั้นเขาจะต้องซ่อนตัวและทำตัวสงบเสงี่ยม พวกเขาบอกว่า มันเป็นโองการสวรรค์"



องค์ชายอ่อนลงตลอดเวลาที่ฟังพระบิดาเล่าเรื่องพระมารดา ทรงซาบซึ้งในความรักของพระนางที่มีต่อพระองค์ กษัตริย์ทรงย้ำว่า : "แม่ของเจ้าปกป้องเจ้าด้วยชีวิตของนางและข้าจะทำให้เจ้าเป็นกษัตริย์วันนี้คือวันที่มาถึงแล้ว" ทรงอ้าพระกรออกให้องค์ชายเข้ามาในอ้อมกอด แต่องค์ชายประทับยืนเฉย ต้องทรงเข้ามากอดองค์ชายเสียเอง ทรงตรัสว่า : "ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้าพิธี ไปที่อารามหลวง และอย่าไปสาย" แล้วเสด็จออกไป องค์ชาย ทูลตามหลังว่า : "เสด็จพ่อถ้าหากจะมีพวกคัดค้านพิธีราชาภิเษก ก็จะมีพวกที่จะคัดค้านพวกนั้นด้วยเช่นกัน พระองค์กำลังจะแบ่งชาติ ออกเป็น 2 ส่วน นั่นเป็นสิ่งที่ทรงต้องการหรือหม่อมฉันต้องก้าวไปในกองเลือดเพื่อเป็นกษัตริย์ นั่นคือสิ่งที่ต้องการหรือพะย่ะค่ะ" แต่กษัตริย์ไม่ทรงหยุดฟังคำทูลนี้



ที่อารามหลวง มีเพียงฮีกแกผู้นำเผ่าจุนโนและผู้ติดตาม ผู้นำแคว้นคนอื่น พากันอยู่ที่ท้องพระโรง เทวีพยากรณ์ ไปที่ท้องพระโรง เตือนว่าพระอาทิตย์กำลังจะเที่ยงวันและพิธีกำลังจะเริ่ม ผู้นำทุกคนต้องอยู่ในพิธี โชจูโด พูดว่า "ส่งตัวบุตรชายผู้นำแคว้นคืนมาก่อน จากนั้นเราจะเริ่มไม่ว่าเป็นพิธีอะไร พิธีราชาภิเษก หรือพิธีสละราชสมบัติ" เสนาบดียอนเสนอตัวไปเข้าเฝ้าเพื่อกราบทูล คำพูดเหล่านี้เอง

ที่บ้านตระกูลยอน โซคีฮาตื่นนอน แล้วนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน แล้วก็ทำท่าปวดหัว ยอนโฮแกมาที่ห้อง ถามโซคีฮาว่า "รู้เรื่องแผนการของเสนาบดียอน พ่อของตน กับหัวหน้า แทจังโรของโซคีฮา จับตัวบุตรชายคนโตของบรรดาผู้นำ 3 แคว้น และกล่าวหาฝ่าบาท เป็นผู้กระทำ ไหม" โซคีฮา พูดตอบและทำท่าทางดูถูก ยอนโฮแก ยอนโฮแก ถามว่า : "ท่านเรียกข้าว่ากษัตริย์ นั่นคือสิ่งที่ท่านคิด ผู้พิทักษ์หัวใจฟินิกซ์รับใช้กษัตริย์ที่น่ารังเกียจได้หรือ" โซคีฮา ทำท่างงงวย : "ข้าเคยยอมรับท่านเป็นกษัตริย์หรือ"
ยอนโฮแก ท่าทางเจ็บปวด กับท่าทางของโซคีฮา : "โปรดอย่าทำเช่นนั้น โปรดอย่ามองข้าเช่นนั้น ตั้งแต่เด็กข้าถูกเลี้ยงดูมาเพื่อเป็นกษัตริย์ ข้าไม่สมควรได้รับการมองเช่นนั้น"
โซคีฮา จึงให้ยอนโอแก ปล่อยเธอไป เพราะชีวิตของคนคนหนึ่งกำลังอยู่ในอันตราย ถ้าเธอไม่สามารถปกป้องเขาได้ เธอก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้เช่นกัน



ยอนโฮแกไปหาแทจังโรที่ ที่พักลับของฮวาเซิน : "ข้าหวังว่ามันจะไม่เป็นความจริง การลักพาตัวบุตรชายคนโตของ 3 ผู้นำแคว้น และพนันด้วยชีวิตของพวกเขา ข้าหวังว่าจะใช่แผนการที่ชั่วร้าย ของท่านและพ่อข้า"
แทจังโร ทำสียงเหมือนพ่อมดสะกดจิต โฮแก : "ท่านโฮแก กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่และเมตตาหลายพระองค์ ก็ทรงเคยผ่านการนองเลือดก่อนจะขึ้นครองบัลลังก์ มันไม่สำคัญหรอกว่าจะขึ้นเป็นกษัตริย์อย่างไร สิ่งที่ทรงทำหลังจากการขึ้นเป็นกษัตริย์เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า" แล้วเสริมต่อว่า "ท่านสามารถอยู่ในที่สว่างท่านโฮแก ฮวาเซินจะทำงานในที่มืดเอง" ยอนโฮแก ยังห่วงว่า : "แต่เลือดของประชาชนโคคุเรียวจะนองท่วมพื้น "แทจังโรตอบว่า "ในแผ่นดินโคคุเรียวจะมีเพียงเลือดของกษัตริย์และองค์รัชทายาท เท่านั้น ข้าขอสาบานกับท่าน" แล้วก็ทำท่านบนอบค้อมคำนับ ก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มที่ชั่วร้าย ( ในเรื่องนี้ แทจังโร คงจบปริญญาสาขาเอกจิตวิทยา และคงทำคะแนนได้ A คอยติดตามวาทศิลป์ จอมขมังเวทย์ ตอนต่อ ๆ ไป ก็แล้วกัน)



องค์ชายทรงทราบว่าผุ้นำแคว้นไม่มาเข้าร่วมพิธี : "ถ้าหากไม่ได้รับการยินยอมจาก 5 แคว้น กษัตริย์พระองค์ใหม่ไม่สามารถรับคำอำนวยพรจากสวรรค์" ทรงให้องครักษ์หญิงไปสังเกตดูเหตุการณ์

โซคีฮา มา ทูลองค์ชายเรื่องบุตรชาย 3 ผู้นำแคว้น และ เสนาบดียอนเป็นคนลักพาตัว องค์ชายถามว่า "และยังมีแผนการ ฆ่าพวกนั้น แล้วกล่าวหาว่า ฝ่าบาทเป็นผู้สั่งการ ใช่ไหม" โซคีฮา ทูลว่า "เกรงว่าจะเป็นเช่นนั้น" องค์ชาย ทรงสั่งให้องครักษ์หญิงกั๊กตัง ไปกราบทูลกษัตริย์ว่าพระองค์ ออกไปจากวังและจะกลับมาเมื่อทุกอย่างมั่นคงแล้ว ขอให้ทรงระวังพระองค์ด้วย และยังขอให้ กั๊กตัง ช่วยคุ้มครองกษัตริย์ กั๊กตัง ทูลว่า ตนเองมีหน้าที่คุ้มครององค์ชาย องค์ชายทรงวางสองพระหัตถ์ลงบนไหล่องค์รักษ์ : "คุ้มกันฝ่าบาทเหมือนพ่อของเจ้าแทนข้าที ข้าขอร้องเจ้าในฐานะพี่ชาย" องค์รักษ์หญิงจะทำอะไรได้ จึงได้แต่ค้อมหัวคำนับรับพระบัญชา แล้วองค์ชาย ก็หันไปหยิบฉลองพระองค์สามัญชน ไปเปลี่ยน ไม่ได้เหลือบแลฉลองพระองค์ที่เตรียมไว้สำหรับเข้าพิธีเลยแม้แต่น้อย

ในอารามหลวง เสนาบดียอน กราบทูลว่า บุตรชาย 3 ผู้นำแคว้น ถูกจับไป นั่นคงไม่ใช่สิ่งที่พระองค์ทรงทำ แถมยังขอกำลังทหารม้าเหล็กไปคุ้มครองนักโทษที่บ้านตนเอง เพราะ เผ่าจุนโนอาจไปช่วยพวกนักโทษออกมา ฮีกแก โมโหจน จอกฮวานหัวหน้ากองทหารม้าเหล็กที่เข้ามาอารักขากษัตริย์ต้องคอยห้าม เสนาบดียอน ทูลว่า "หม่อมฉันคงต้องเก็บตัวคนของจุนโนไว้เป็นตัวประกัน แล้วหันไปทาง ฮีกแก เมื่อบุตรชาย 3 ผู้นำแคว้นกลับไป คนของจุนโน ก็จะกลับไปเช่นกัน ข้าเกรงว่าความจงรักภักดีของท่านจะทำอันตรายต่อฝ่าบาทและองค์รัชทายาท" กษัตริย์ทรงให้ จอกฮวาน และกองทหารม้าเหล็กคอยคุ้มครองอารักขา องค์ชาย ได้ตามเสด็จองค์ชายออกไปนอกเมือง จอกฮวาน เมื่อพบโซคีฮา ก็นึกภาพที่ตนไปพบมาที่บ้านตระกูลยอนเสนาบดียอนกลับออกไป

ขุนพลโก อูซุง เข้ามารายงานกษัตริย์ในอารามหลวงหลังรับสาร จากทหารม้าเร็ว ว่า แคว้นซุนโนส่งทหาร มา 3 พันคน มุ่งตรงมายังปราสาทโกกแน จะมาถึงภายใน 1 ชั่วโมง และได้ไปถึงปราสาทฮันชิแล้ว ประมาณว่าจะมีทหาร ราว สี่พันห้าร้อย
ฮีกแก : "นี่เป็นการฝ่าฝืนที่เคลื่อนกำลังทหารโดยไม่มีพระบัญชาจากฝ่าบาท "
กษัตรย์ทรงสั่งให้ปิดประตูเมือง ทั้งทางตะวันออกตะวันตกและทิศใต้ ยอนโฮแก กำลังฝึกอาวุธ ที่ลานบ้านตระกูลยอน มีทหารเข้ามารายงาน



ส่วนที่อารามหลวง องครักษ์หญิงเข้ามากราบทูลเรื่ององค์ชายเสด็จออกไปนอกวัง เทวีพยากณ์จึงกราบทูลว่า :"ฝ่าบาทสิ่งที่ดีที่สุดเวลานี้คือพยายามปลอบโยนผู้นำแคว้นและทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ฮีกแก ขอนำกำลังทหารจุนโนเข้ามาที่ปราสาทโกกแน" แต่กษัตริย์กลับดำรัสว่า : "แม้คนของท่านยังอยู่ที่เรือนจำบ้านตระกูลยอน ข้าขอสั่งให้ท่านกลับไปจุนโน องค์รัชทายาทออกไปนอกวังแล้ว อาจจะต้องการสถานที่ที่ปลอดภัยในการบซ่อนตัว เขาอาจต้องการสถานที่ ที่ไปขอความช่วยเหลือ นี่ไม่ใช่คำขอร้อง ข้าสั่งให้ท่านทำ" ขุนพลโก ทูลเชิญ ให้เสด็จกลับพระราชฐานชั้นใน เนื่องจากอารามหลวง อยู่ใกล้ภายนอกเกินไป
องค์ชาย ทรงม้าออกมานอกวังพร้อมโซคีฮา และกองทหารม้าเหล็กของจอกฮวานเพื่อไปช่วย บุตรชาย หัวหน้าเผ่าที่ถูกจับไป เมื่อยังอยู่ในระหว่างทางที่แห่งหนึ่งองค์ชายสั่งให้มีการตั้งค่ายและให้ทหารบางส่วนออกไปลาดคระเวน จอกฮวาน กลับทูลว่า "จะไม่มีการตั้งค่าย ไม่มีการออกลาดตระเวน และขอให้องค์ชายสละพระชนม์ชีพ" ทหารทุกคนกลับชักม้าล้อมองค์ชายไว้ โซคีฮา ทำท่าปกป้ององค์ชายทันที จอกฮวานถามโซคีฮาว่า "ท่านเป็นผู้พิทักษ์หัวใจนกฟินิกซ์ มิใช่หรือ" องค์ชายหันมามอง โซคีฮา แบบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินในขณะนั้น จอก ฮวาน กล่าวต่อว่า "ข้ารู้ว่าผู้พิทักษ์หัวใจนกฟินิกซ์ รับใช้ท่านโฮแก ข้าเข้าใจผิดหรือไม่ แล้วท่านโฮแก ทราบไหมว่าท่านมาอยู่ที่นี่" โซ คีฮา ชักดาบสั้นที่ติดตัว บอกว่า "ข้าไม่ตอบคำถามคนทรยศ" และปรี่เข้าหา จอกฮวาน องค์ชายรั้ง โซคีฮาไว้ ตรัสกับจอกฮวาน ว่า "ท่านพูดถูก ถ้าข้าตาย ก็จะไม่มีความบาดหมางนี้ ความสงบสุขของปราสาทโกกแน จะกลับคืนมา เขาเป็นคนเดียวที่เกิดภายใต้ดวงดาวจูชิน ที่จะแบกรับพรหมลิขิตจากตำนาน" จอกฮวาน รีบตอบว่า "ถูกต้องพะย่ะค่ะ" องค์ชายตรัสต่อว่า "คนที่จะเป็นกษัตริย์แห่งจูชิน ต้องการเช่นนี้หรือ ลักพาตัวบุตรชายผู้นำแคว้น ป้ายความผิดให้กษัตริย์ พาคนของกษัตริย์ก่อการจลาจล นำอันตรายมาสู่บ้านเมือง เอาทหารเข้าเมืองหลวง นำความตายมาให้องค์รัชทายาท โฮแกแห่งตระกูลยอน คนที่เกิดภายใต้ดวงดาวจูชิน ต้องการหรือ เจ้าตอบคำถามข้าได้ไหม" จอกฮวานอึ้งหลบตาองค์ชาย ยอนโฮแก ตามมาถึงพอดี กล่าวตอบว่า "มีบางอย่างที่ไม่ทรงรู้ มีคนเกิดภายใต้ดวงดาวจูชิน อีกคนคือท่าน แต่กษัตริย์ มีได้เพียง หนึ่ง" พวกทหารพากันลงจากม้าและชักดาบ โซคีฮา เข้าขวางหน้าทำท่าปกป้ององค์ชายทันที ยอนโฮแก มองอย่างเจ็บปวดใจ โซคีฮาใช้เข็มที่ผ่ามือทำให้องค์ชายสลบ ทรุดองค์ลง โซคีฮาโอบไหล่ประคององค์ชายไว้ บอก ยอนโฮแกว่า "ข้าทำพระองค์สลบ ข้าสาบานกับท่านว่า ข้าจะกลับเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นในวันพรุ่งนี้" หลังจากนั้น.....
ยอนโฮแก บอกว่า "จงบอกรัชทายาทว่า ไปให้ไกลจากปราสาทโกกแน ข้าจะไม่ปล่อยเขาเป็นครั้งที่สอง" โซคีฮา ถามถึงกษัตริย์ ยอนโฮแก ตอบว่า "กษัตริย์จะไม่มีอันตราย ถ้ารัชทายาทไปแล้ว และเหตุการณ์นี้ไม่เกี่ยวกับข้า ถ้าข้าจะเป็นกษัตริย์ ข้าจะอยู่ในที่สว่าง พร้อมด้วยความสง่างาม และเกียรติยศ แล้วพวกเจ้าจะยอมรับข้าเป็นกษัตริย์อย่างแท้จริง" ยอนโฮแก หันกลับจะขึ้นม้า และหันมามองโซคีฮา แบบ ทวงสัญญาแกมขอร้อง แกมเจ็บปวด .."จนกว่าพระอาทิตย์จะขึ้นในวันพรุ่งนี้ จนกว่าเจ้าจะกลับมา"
โซคีฮา โอบประคององค์ชาย..

เมื่อกลับถึงบ้านตระกูลยอน เสนาบดียอน เอาแจกันขว้างใส่ เฉียดหน้า ยอนโฮแก ด้วยความโกรธ สุด ๆ แจกันหล่นแตกกระจาย ยังไม่พอยังยกหีบเล็ก จะทุ่มใส่อีก “ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าทำอะไรลงไป “ ยอนโฮแก ตอบว่า "ข้ารู้ว่าข้าไม่ได้ลักพาตัวบุตรชายผู้นำแคว้น ข้าไม่ได้กล่าวหากษัตริย์ โกหกน่ารังเกียจ คิดกบฏ" เสนาบดียอนตอบว่า "เจ้ายังไม่เข้าใจว่า ทำไมจึงจำเป็นต้องทำเรื่องนี้" ยอนโฮแกสวนว่า "รัชทายาทรู้เรื่องทุกอย่าง และอีกไม่นานคนอื่น ๆ ก็จะรู้เช่นกัน ท่านพ่อบอกว่า อยากให้ข้าเป็นกษัตริย์จูชิน แต่ทำไมเอาเรื่องโกหก มาใส่ข้าด้วย ทำไม...นางคนที่บอกว่าเป็นผู้พิทักษ์หัวใจนกฟินิกซ์นั้น ท่านรู้ไหมนางมองข้าอย่างไร นางมองข้าอย่างดูถูกแค่ไหน"
เสนาบดียอน : "ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ข้าเข้าใจทุกอย่าง ว่าทำไมเจ้าทำเช่นนี้"
ยอนโฮแก : "ข้าจะเป็นกษัตริย์แต่ต้องด้วยความสง่างาม และเกียรติยศ เพราะฉะนั้นท่านพ่อ..." ยังไม่ทันจบประโยค เสนาบดียอน ก็ตบหน้ายอนโฮแก เสียงดังฉาด
เสนาบดียอน : "เจ้าเอาอันตรายมาสู่บ้านเมือง เพราะผู้หญิงคนเดียว นั่นหรือคือความสง่างามและเกียรติยศของเจ้า"
แทจังโรแอบฟังอยู่นาน เข้ามาเสริมว่า "ถูกแล้วท่านโฮแก มันควรจะจัดการ โดยมิให้ ต้องชักดาบสักเล่มเดียวออกจากฝัก ผู้นำแคว้นที่ถูกลักพาตัวบุตรชายไป จะรวมตัวเข้าเป็นหนึ่ง และหากพวกเขาต้องสละชีวิต เพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองแล้ว ก็ควร กษัตริย์ไม่ต้องมีห่วงอีกต่อไป ท่านควรขึ้นครองราชย์ เหมือนอย่างที่ทุกคนต้องการ ให้ท่านคนที่เกิดภายใต้ราชวงศ์ ภายใต้ดวงดาวจูชิน ก็คือท่านโฮแก ประชาชนในอาณาจักรนี้จะมีแต่ความสงบสุขในดินแดน ไม่มีการบาดหมางอีกต่อไป "
เสนาบดียอนเสริมว่า "รัชทายาทยังมีพระชนม์อยู่ มันมีทางเดียวเท่านั้น คือ ทหารในโคคุเรียวต้องหลั่งเลือด เลือดหยดสุดท้ายที่หลั่งออกมาเป็นเพราะเจ้าทำให้มันหลั่งออกมาเอง "
ยอนโฮแก มีทีท่าแบบคาดไม่ถึง แกมตกใจ ที่ตัวเอง จะทำให้เกิดการนองเลือด
( โบราณบอกว่า คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล เสนาบดียอน เดิมก็เป็นคนดี เห็นแก่ความสงบสุขของบ้านเมือง และส่วนลึก คือไม่ได้คิดร้ายกับกษัตริย์หยาง แต่ เมื่อถูกชักจูงหว่านล้อมด้วย ผู้มี วาทศิลป์ มีจิตวิทยา แต่เป็นไปในทางร้าย ของแทจังโร แทจังโร ..จะบอกว่า ต้องเสียสละส่วนน้อย เพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวม ประมาณนั้น )เสนาบดียอน ก็หลงผิด กระโดดขึ้นหลังเสือ และเกิดความทะเยอทะยานขึ้นมา ภายหลังเริ่มรู้ตัว แต่ก็ลงจากหลังเสือไม่ได้เสียแล้ว



ที่ชายแดนหมู่บ้านผู้ลี้ภัย
องค์ชายฟื้นขึ้นมาให้ห้องพักในหมู่บ้านผู้ลี้ภัย เมื่อออกมาข้างนอกทรงพบเห็น ความทุกข์ยากหิวโหย ของผู้คน ที่อพยพมาจากดินแดนอื่น แม้ว่า เมื่อสามปีที่แล้วมีการส่งอาหารมาให้จากการเปิดคลังหลวง แต่ประชาชนก็ยังเผชิญกับความทุกข์ยากเหล่านี้ ( แสดงว่าองค์ชาย ทรงใส่ใจความเป็นไปของบ้านเมืองรวมทั้งการบริหารราชกิจของพระบิดา) โซคีฮาบอกว่า "ทุกบ้านเมืองมีคนตกอยู่ในสภาวะนี้เสมอๆ เขาสูญเสียบ้านจากการพนัน สูญเสียประเทศชาติจากการสงคราม คนเหล่านี้ มิได้มีเพียงในดินแดน โคคุเรียวเท่านั้น " โซคีฮายังบอกอีกว่า "องค์ชายจะอยู่ที่นี่อย่างปลอดภัย และจะหาคนมาให้ องค์ชาย โปรดรออีกคืนเดียว" เมื่อกลับมาข้างใน โซคีฮา เตรียมอาหารให้องค์ชาย องค์ชายทรงเรียก คีฮา โซคีฮา ทูลว่า "คนของแคว้นจุนโนสนับสนุนกษัตริย์จนนาทีสุดท้าย"
แต่องค์ชายกลับถามว่า “เจ้าจะสอนข้าไหม “
แต่ โซคีฮา ก็ตอบไปอีกทางว่า "หม่อมฉันส่งคนไปที่เมืองหลวง เพื่อสืบดูสถานการณ์" โซคีฮาตักอาหารมาคุกเข่าตรงหน้าองค์ชาย.
องค์ชาย : "ข้าจะทำอะไรได้ เสนาบดีของอาณาจักร พากันเป็นศัตรูกับกษัตริย์ พวกเขาต้องการฆ่าข้า เพื่อยกกษัตริย์ของพวกเขาขึ้นมา ทหารที่มีหน้าที่คุ้มครองข้า กลับขอให้ข้าเสียสละชีวิตตนเอง และ..ผู้หญิงที่ข้าไว้ใจ กลับรับใช้คนอื่นในฐานะกษัตริย์"



โซคีฮา :"ทรงเกลียดหม่อมฉันหรือ....ทรงต่อว่าหม่อมฉันหรือ...." แล้วโซคีฮา ก็ลุกขึ้นจะเดินผ่านองค์ชาย องค์ชายทรงเอื้อมหัตถ์ไปจับมือโซคีฮาไว้ โซตีฮาเหลียวมามอง ทั้งคู่สบตากัน ต่างองค์ ต่างคน น้ำตาคลอ
องค์ชาย : "เจ้าคงรู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน"
โซคีฮา : "ทรงลงโทษหม่อมฉันเถิด หม่อมฉันโกหกพระองค์ "
องค์ชาย : "เจ้า......รับใช้คนอื่นจริง ๆหรือ" (รอคำตอบแล้วถามซ้ำว่า) "ข้ากำลังถามเจ้าว่า .... เจ้าเชื่อจริง ๆหรือ...."
โซคีฮา ไม่ตอบ มีแต่หยดน้ำตาเป็นคำตอบ (เพราะไม่รู้จะตอบอย่างไร) องค์ชายปล่อยมือ ละสายพระเนตรที่เงยมองสบตาโซคีฮาอยู่ น้ำพระเนตรคลอมากขึ้น



องค์ชาย : "มันเป็นโชคชะตาของเจ้าที่จะเป็นฟินิกซ์ คีฮา.... เจ้าอย่าเจ็บปวดเพราะข้าเลย"
โซคีฮา คุกเข่าลงร้องไห้ "... หม่อมฉันจำได้.....ที่หอสมุดหลวง....ตอนที่ตรัสกับหม่อมฉันครั้งแรก...ว่า... หัวใจของหม่อมฉันเต้นแรง เพียงใดแค่ไหน "
โซคีฮาเข้ามากอดองค์ชาย ทั้งคู่ต่างซบไหล่ซึ่งกันและกัน และต่างน้ำตาคลอในโชคชะตา ของตัวเอง



ส่วนที่บ้านตระกูลยอน ยอนโฮแก นั่งพิงเสาหลับตาอยู่กับพื้น มีขวดสุรา กลิ้งอยู่ใกล้ ๆ รายรอบห้องมีเทียนที่จุดไว้ให้แสงสว่าง แต่หัวใจของ ยอนโฮแก กลับหม่นหมองและมืดมน กลัวว่า โซคีฮาจะไม่กลับมาในรุ่งเช้า...ยอนโฮแก ลืมตาขึ้น มองที่เพดานห้องอย่างวิงวอนขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้โซคีฮากลับมา



ก่อนค่อนรุ่งที่บ้านพักผู้ลี้ภัย....... ไม่ขอเล่าว่าองค์ชายลงโทษ โซคีฮา อย่างไร.....ที่โกหกพระองค์ ..และด้วยความเต็มใจของโซคีฮา...อุตส่าห์ รอมาตั้ง 2 พันปี เฮ้อ.................
ก่อนจากไป โซคีฮา สวมเสื้อคลุมของตนเองมานอนซบพระอุระขององค์ชายร้องไห้ และทิ้งจดหมายไว้ บนกองฉลองพระองค์คลุมขององค์ชาย ที่พับไว้เรียบร้อย...



เมื่อขี่ม้าออกมาก็พบทหารของฮวาเซินไล่หลังและดักหน้า แทจังโรมาด้วยตัวเอง ถามโซคีฮาว่า "เจ้าบอกกับท่านโฮแกจะกลับมาตอนพระอาทิตย์ขึ้น เรามาเพื่อพบเจ้า เจ้าอยู่กับเขาหรือ รัชทายาท ทัมด๊ก "
โซคีฮา พูดเสียงดังว่า "อย่าเอ่ยชื่อพระองค์จากปากของท่าน"
แทจังโร : "ข้าเคยเตือนเจ้าแล้วว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขา นั่นเป็นเพราะความผิดของเจ้า"
โซคีฮา สบตาแทจังโร อย่างแค้นใจ ส่วน แทจังโร อย่างท้าทาย แล้วโซคีฮา ก็กระตุ้นม้า โผนทะยานฝ่าวงล้อมทหารของแทจังโร จนทหารตกจากม้า แต่ว่า...ผลที่สุด โซคีฮา ก็ไม้พ้นจากอำนาจของแทจังโร

ส่วน ฮยอนโก ที่นั่งบังคับรถม้า มากับ ฮยอนยอง (คนที่หาบขนมหวานเร่ขาย)
ฮยอนยอง ถามว่า "มีผู้พิทักษ์ ฟินิกซ์ 2 คนหรือ "
ฮยอนโก ตอบว่า "เมื่อ 2 พันปีมาแล้ว คาจินเป็นเจ้าของพลังไฟ แต่เทพฮวานอุง ทรงเอาพลังไฟไปให้กับ แซ โอ แห่งเผ่าหมี ทรงทำให้ แซโอ กลายเป็นผู้พิทักษ์ ฟินิกซ์ "
ฮยอนยอง : "เพราะฉะนั้น คาจิน เป็นผู้มีพลังไฟก่อน และ แซโอ คนที่ท่านฮวานอุงให้พลังไฟไป ทั้งสองคน สามารถกลับชาติมาเกิดใหม่"
ฮยอนโก : "เป็นไปได้ เราถึงต้องเดินทางมา เราต้องไปช่วยซูจินี"



องค์ชาย ทัมด๊ก ตื่นบรรทมขึ้นมา พบจดหมายของ โซคีฮา บอกว่า ประตูเมืองด้าน ตะวันออก ตะวันตก และทิศใต้ถูกปิด ผู้นำแคว้นจุนโน และทหารของเขาออกไปจากเมืองหลวงแล้ว กษัตริย์กำลังมีอันตราย หม่อมฉันจะกลับไปพากษัตริย์มาที่นี่อย่างปลอดภัย สถานที่เดียวที่หม่อมฉันกับพระองค์จะอยู่ได้ อย่างปลอดภัยคือแคว้น จุนโน มันเป็นการเดินทางที่อันตราย หม่อมฉันจะนำคนกลับมาคุ้มครองพระองค์ในระหว่างเดินทาง ทรงบอกว่าฟินิกซ์ คือชะตาลิขิตจากสวรรค์ หม่อมฉันจะยอมรับการลงโทษจากสวรรค์ หม่อมฉันยินดีจะรับมันหลังจากได้ใช้ชีวิตร่วมกับพระองค์ รอหม่อมฉันก่อน หม่อมฉันจะรีบกลับมา



องค์ชาย ทรงใช้พระหัตถ์ ลูบ ฉลองพระองค์ ที่พับกองไว้ และโซคีฮา ม้วนจดหมายฉบับนี้วางซ้อนไว้ คงรำลึกไปถึง เจ้าของจดหมายนั่นเอง ......

ป.ล. ที่1 เรื่องย่อแบบยาว คนอ่าน ต้องทำใจกันหน่อยละ เพราะคนเล่า เป็นคนค่อนข้างเอาใจตัวเอง ก็อยากเล่าแบบนี้นี่นา
ป.ล ที่ 2 ที่สุสานหลวง ( ที่จริงเรียกศาลบรรพชนก็ดีเหมือนกันแต่เรียกอย่างนี้มาแต่ต้นน่ะ)องค์ชาย ประทับนั่งที่พื้นฟุบพระพักตร์หลับบนพระกรที่วางบนพระชานุ (ฟุบหน้าหลับบนแขนที่วางบนเข่า น่ะ คุณ Joนึกภาพออกไหม)

Copyright @ Amornbyj & SUE

Sunday, April 27, 2008

เรื่องย่อ ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ (ตอนที่ 6)


ตอนที่ 6
ในการสอบสวน ของเทวีพยากกรณ์ โซคีฮา ให้การว่า ที่แอบปีนกำแพงอารามออกไปข้างนอกทุกคืน เพื่อออกไปพบกับคนที่เลี้ยงดู แต่เทวีพยากรณ์ ไม่เชื่อ ให้โซคีฮายอกความจริงมา โดยบอกว่า เจ้าเป็นนักพรตหญิงที่ได้รับการฝึกฝน เพื่อรับฟัง(โองการสวรรค์) และติดต่อกับสวรรค์ ซึ่งเจ้าควรฝากชีวิตไว้อย่างนี้ เทวีพยากรณ์สงสัยว่า โซคีฮาเป็นสายลับจากอาณาจักรอื่น หรือไม่ ก็เป็นคู่นอนขององค์ชาย หากโซคีฮา สารภาพจะไว้ชีวิต โซคีฮาไม่ตอบ เทวีพยากรณ์ ลุกขึ้น จากเก้าอี้ที่นั่ง โซคีฮา เรียก เทวีพยากรณ์ และบอกว่า ต่อไป องค์ชายจะขึ้นเป็นกษัตริย์ จะทรง ออกไปข้างนอกวัง เพื่อพบกับคนเช่นข้าหรือมันเป็นไปไม่ได้ เทวีพยากรณ์ออกไปจากห้อง ประตูห้องอีกห้องก็เปิดออกมองเห็น เก้าอี้ โซ่ตรวน และแส้ โชจูโด ถือสารของเสนาบดียอน มาถึง แจ้งว่า เสนาบดียอน เฉพาะเจาะจง ขอตัวโซคีฮา เพราะต้องการคำทำนาย เกี่ยวกับอาณาจักร โคคุเรียว
องค์ชายไปถึงบ้านเสนาบดียอน เสด็จผ่านฮยอนยองๆ จึงรีบไปบอกฮยอนโก ฮยอนโก พยายามรวบรวมสมาธิ ที่จะปล่อย ม่านควันอำพรางเพื่อจะแอบเข้าไปในบ้านเสนาบดียอน แต่ ไม่เป็นผล สมาธิไม่แก่กล้าพอ
เสนาบดียอน ออกมาต้อนรับและแปลกใจที่พบองค์ชาย เพราะองค์ชาย กำลังถูกกักบริเวณ องค์ชายทรงบอกว่า ทรงหนีออกมา และทรงขอให้ เสนาบดีปล่อยนักโทษ ทีมโปโลสีดำ ชาวเผ่าจุนโน เสนาบดียอน ทูลว่า ยังไม่ได้ตัดสินโทษ ว่าควรจะลงโทษ ทีมโปโลสีดำว่าที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือจะลงโทษ ในฐานะหลอกลวง ดี


องค์ชาย : ท่านก็รู้ว่า ท่านกำลังทำให้เรื่องใหญ่เกินจริง ท่านต้องการใช้โอกาสนี้แก้แค้นข้า งั้นก็ทำสิ แก้แค้นข้า แล้วปล่อยพวกนั้นไป ท่านต้องการทำอะไร ท่านต้องการให้ข้าสละตำแหน่งรัชทายาทหรือ ท่านต้องการพูดว่าทัมด๊ก ไม่มีสิทธิในการเป็นรัชทายาท
เสนาบดียอน ย้อนทูลองค์ชายว่า หากหม่อมฉันต้องการเช่นนั้นจะทรงยอมหรือไม่พะย่ะค่ะ
องค์ชาย ตรัสว่า ถ้าข้ายอมรับ ท่านจะปล่อยฝ่ายสีดำออกไปคืนนี้หรือไม่
เสนาบดียอน ยังโยกโย้ เพราะสงสัยที่องค์ชายจะสละตำแหน่งรัชทายาท ซึ่งจะต้องเป็นกษัตริย์ องค์ต่อไป
แทจังโร เดินผ่านมาและแอบยืนฟัง องค์ชาย ทรงตรัสยืดยาวว่า : ตั้งแต่ก้าวแรกที่ข้าเข้ามาในวัง ข้าไม่ต้องการเป็นรัชทายาท ข้ารู้ว่าตำแหน่งนี้ เป็นของโฮแก ข้ายังรู้อีกว่าไม่ช้าก็เร็วข้าต้องสละตำแหน่งนี้ สวรรค์เป็นพยาน เมื่อโฮแกเกิด โลกทั้งโลกเห็น ดวงดาว จูชิน ข้าเองก็เป็นผู้สืบทอดจากจูชิน และเป็นพลเมืองของอาณาจักรนี้ ข้าเองก็รอคอยการกลับมาของกษัตริย์จูชิน แต่ท่านจะรออีกนิดไม่ได้หรือ ถ้าไม่เป็นเพราะความตั้งใจของท่านที่จะปลงพระชนม์เสด็จพ่อของข้าเพื่อยึดราชบัลลังก์ ท่านจะไม่รอต่อไปอีกสักนิดหรือ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมข้าจะมอบตำแหน่งให้ ข้าจะดีใจที่มอบบัลลังก์ให้กับบุตรชายของท่าน
แทจังโรที่อยู่ด้านนอก คิดหนักกับคำตรัสขององค์ชาย
เสนาบดียอนเดินมาส่งเสด็จองค์ชาย เป็นเวลาที่โซคีฮามาถึงบ้านตระกูลยอนพอดี สวนกันโดยต่างไม่เห็นกัน เสนาบดียอนทูลว่า วันนี้ยังคงปล่อยตัวไม่ได้ การจะปล่อยตัวนักโทษต้องมีการตัดสิน แต่หม่อมฉันจะทำให้ดีที่สุด องค์ชายทรงเตือนว่า พยายามรีบปล่อยนักโทษ ในจำนวนนั้น มีคนที่ไม่ค่อยจะอดทน นางอาจจะเอะอะโวยวาย ข้ามอบความไว้วางใจให้ท่าน เสนาบดียอนทูลว่า ขอขอบพระทัย ในน้ำพระทัยพะย่ะค่ะ
แทจังโร ถามโซคีฮาว่า ข้าเคยคิดว่ารัชทายาทองค์นี้ เป็นคนอ่อนแอทั้งร่างการและจิตใจ ทรงเป็นเช่นนั้นจริงๆหรือ จะทรงสละตำแหน่งรัชทายาท ทรงตรัสถึงความไม่เหมาะสมที่จะทรงเป็นกษัตริย์ ซึ่งนั่นมิใช่ผลดีเสียเลย เหตุผลแรก เวลา ที่เสนาบดียอนยอมรอ นั้นมันเป็นปัญหาของพวกเรา เรารอจนกว่ากษัตริย์ องค์ปัจจุบันสวรรคตไม่ได้ ประการที่สอง มันไม่มีประโยชน์อะไรกับเรา ถ้าหากยอนโฮแกเป็นกษัตริย์ง่ายๆ
ข้าต้องการเป็นคนที่มีความสำคัญ ที่มีคุณค่า สำหรับทั้งพ่อและลูก ข้ามีแผนการที่จะอยู่กับตระกูล ยอนอย่างมั่นคงปลอดภัย เจ้าต้องแสดงบทบาทที่นี่ โซคีฮาจึงรู้ว่า ที่จริงแล้ว แทจังโรต่างหาก ที่ต้องการให้เธอมาที่นี่ แทจังโรย้ำว่า เจ้ารอคอยเวลามานานแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่เจ้าต้องรุก ครองหัวใจเจ้าหนุ่มยอนโฮแกให้ได้ ในระหว่างนั้นข้าจะวางแผนสร้างปัญหาเล็ก ๆในอาณาจักรนี้ คีฮา ในความเห็นของเจ้า เจ้าไม่คิดหรือว่า โคคุเรียวตอนนี้มันสงบมากเกินไป หรือ ที่เรือนจำ ซูจินีสนุกสนาน กับการโยนเบี้ยเล่นพนัน กับทีมโปโลสีดำ


องค์ชายเมื่อกลับไปที่สุสานหลวง ทรงพบพระบิดา ประทับยืนรออยู่ ทรงคุกพระชานุ ลง แล้ว กราบทูล (กราบบังคมทูล)เล่าเรื่องที่เสด็จไปบ้านตระกูลยอน กษัตริย์ ทรงตกพระทัย ผิดหวัง และทรงพิโรธองค์ชาย เมื่อองค์ชาย กราบทูลต่อว่า คิดจะสละตำแหน่งให้ ยอนโฮแก สวรรค์ได้เลือกกษัตริย์แล้ว จะมีประโยชน์อะไรที่จะฝ่าฝืนโองการสวรรค์ โปรดทรงอนุญาต กษัตริย์ทรงถามว่า องค์ชายจะทำอะไรหลังจากสละตำแหน่ง องค์ชายกราบทูลถามกลับว่า เสด็จพ่อทรงมีความสุขหรือ ทุกย่างก้าวที่ทรงอยู่ในวังท่ามกลางอสรพิษ ที่คอยจ้องมองความเคลื่อนไหว ทรงเว้นระยะ แล้ว กราบทูลต่อว่า วันหนึ่ง หม่อมฉันต้องการอยู่กับคนที่หม่อมฉันรัก
กษัตริย์ทรงคลายพระพักตร์ที่บึ้งตึงลง แต่พระสุรเสียงยังทรงกริ้วอยู่ ทรงถามว่า นักพรตหญิงที่มาจากอารามหลวงหรือ นางบอกให้เจ้าทิ้งพ่อ และสวรรค์ เพื่อไปอยู่กับนางหรือ ทรงทรุดพระองค์ ลงในระดับเดียวกับองค์ชาย ตัดพ้อพระโอรสว่า เจ้าช่างไม่รู้อะไรเลย เจ้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร เจ้าไม่รู้ว่านานแค่ไหน เจ้าไม่รู้ว่าคนจำนวนมากเท่าใดที่รอเจ้าอยู่ เจ้าช่างไม่รู้อะไรเลย .... องค์ชาย เงยพระพักตร์ สบสายพระเนตรกับพระบิดา
ยอนโฮแก เข้าใจว่าเสนาบดีเรียกหา เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป ก็ไม่พบผู้ใด เมื่อเดินลึกเข้าไป จึงได้เห็นโซคีฮา ต่างคำนับทักทายกันส่วนอีกห้องหนึ่ง แทจังโร นั่งอยู่กับเสนาบดียอน และเปิดฝากล่องสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธ์ หัวใจฟืนิกซ์ ส่วนโซคีฮา ก็ ใช้สองนิ้วของตัวเอง จุดไฟ ที่เทียนแท่งต่างๆ ที่วางเรียงรายในห้อง ไฟ ลุกขึ้น ที่เทียนแต่ละเล่ม ยอนโฮแก แอบยืนมองอยู่ แล้วโซคีฮา ก็เริ่มตั้งท่าจะร่ายรำในการจุดเทียน แล้วโซคีฮา ก็นึกถึง องค์ชายในขณะเยาว์ชันษา องค์ชายตรัสถามตนเองว่า ถ้าข้าเรียนรู้การต่อสู้ ข้าจะเป็นกษัตริย์ ที่ดีไหมและตนเองตอบว่า ข้าเพียงต้องการให้พระองค์ ทรงแข็งแรงและแคล่วคล่องกว่านี้ เพื่อว่าเมื่อทรงตกอยู่ในอันตราย จะทรงหนีได้และไม่ได้รับอันตราย


ส่วนองค์ชาย ในสุสานหลวง ทรงกำลังระลึก ถึงเวลาในขณะยังเยาว์ชันษาเช่นกัน ทรงเรียกคีฮา เสียงโซคีฮาตอบว่า เพคะ
องค์ชาย : อยู่ข้างๆข้าเสมอนะ อยู่ในที่ที่ข้าจะเห็นเจ้าได้เสมอ
เป็นจังหวะที่โซคีฮาหมุนตัวรวดเร็ว จนเสื่อคลุมสีดำ กระเด็นหลุดจากตัว เหลือแต่ชุดสีขาว แล้ว โซคีฮา ก็ร่ายรำ จุดเทียนเล่มโน้นเล่มนี้ จนสว่างไสวไปทั้งห้อง
ส่วนยอนโฮแก ก็กำลังภาพอดีต ที่เห็นโซคีฮา ครั้งแรกที่อารามหลวง และภาพที่ตัวเองฉุดโซคีฮา หลบพ้น อันตราย ทีมีม้า วิ่งเข้าหาโซคีฮาอย่างรวดเร็ว และยอนโฮแก ช่วยไว้ เด็กทั้งคู่สบตากัน
ที่ห้องของเสนาบดียอนและแทจังโร หัวใจฟินิกซ์ ส่องประกาย สีแดงขึ้นมา ทั้งคู่ตกใจเช่นกัน ในเวลาที่หัวใจฟินิกซ์ ส่องประกายสีแดงนั้น ซูจินี ที่นอนหลับอุตุอยู่บนพื้นที่คุกของบ้านตระกูลยอน ก็สะดุ้ง เห็นภาพแชโอกลายเป็นฟินิกซ์ดำ ไฟลุกท่วมไปทั่วตัวเอง ซูจินีดิ้นรนร้องโวยวาย โซดูรู เจ้าหมู่ป่าเข้ามาจับตัวซูจินีเขย่าให้ตื่น ผู้คุมตวาดให้ทุกคนนอนลงให้หมด เจ้าหมูป่าปลอบใจว่า เจ้าคงฝันร้าย กลับไปนอน ซูจินี ล้มตัวลงนอนต่อ
ฮยอนยอง ซักถามฮยอนโก เพราะไม่ค่อยเชื่อเรื่องที่สัญลักษณ์ชี้นำกษัตริย์จูชินได้ ฮยอนโกย้ำว่า ตำนานเมื่อ 2 พันปีเป็นเช่นนั้น มังกรน้ำเงิน เสือขาว เต่าดำ สัญลักษณ์ ศักดิ์สิทธิ์ ถูกทิ้งไว้บนโลกมนุษย์ สัญลักษณ์จะเลือกผู้พิทักษ์ และจดจำกษัตริย์จูชินได้ เรื่องเป็นเช่นนี้
ฮยอนยองถามต่อว่า ดังนั้นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์และผู้พิทักษ์ ทุกอย่างจะปลดปล่อยหมดหากพวกนั้นพบกษัตริย์จูชิน ขอถามอีกข้อ ในกรณีเต่าดำของเรา ถ้าสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์พบกับกษัตริย์จูชิน “ โทสะที่เยือกเย็นจะปลุกทุกสิ่ง “ นั่นคือเรื่องที่เล่ากันมา แต่แล้วอย่างอื่นอีกล่ะ ท่านหัวหน้า แล้วสัญลักษณ์อย่างอื่นล่ะ ปรากฏว่า ฮยอนยองเหลียวหาก็ไม่พบฮยอนโกเสียแล้ว
ฮยอนโก นั่งอยู่ในตลาด ที่ตัวเองใช้เป็นที่ดูหมอดูให้ลูกค้า รำพึงว่า ถ้าซูจินีทำผิดพวกนั้นจะฆ่านาง ฮยอนยองตามมา บอกว่า ท่านเป็นหมอดู ก็ดูดวงให้นางสิ
โซคีฮากำลังรินชาจากกาชา ลงถ้วยยกขึ้นจะดื่ม ยอนโฮแก ก็เข้ามา ถามว่าเจ้าจำข้าได้ไหม ข้าอยากจะพบเจ้า เพื่อว่าเจ้าจะจำข้าได้ แต่เจ้าอยู่ในอารามหลวงที่ข้าไม่สามารถเข้าไปพบเจ้าได้ โซคีฮาตอบว่า ข้าเห็นท่านบ่อยๆ ที่อารามและที่สนามแข่งขัน ยอนโฮแกยิ้ม สำหรับข้า เป็น นานๆครั้ง แต่สำหรับเจ้ากลับนับครั้งไม่ถ้วน โซคีฮา บอกว่า จะต้องพำนักที่นี่ระยะหนึ่งเพื่อทำนายและสวดมนตร์ภาวนาให้ครอบครัวของท่าน ข้าเป็นนักพรตฝึกหัด ต้องขอความกรุณาจากท่าน
ที่ประตูเมือง ฮีกแก ผู้นำเผ่าจุนโน ขี่ม้านำทหารของแคว้นมาที่ประตูเมืองแต่เข้าประตูมาไม่ได้ ทหารบนกำแพงเมืองตะโกนบอกว่า มีคำสั่งไม่ให้คนจากแคว้นจุนโนเข้ามา ฮีกแกถามว่าคำสั่งของใคร บอกข้าสิว่าคำสั่งของใคร ทหารบนกำแพงตอบว่า คำสั่งเดียวที่พวกเรายอมรับคือคำสั่งจากสวรรค์ และกษัตริย์ของเรา
ฮีกแก ถามว่า กษัตริย์ไหน เจ้าหมายถึงหุ่นเชิดที่เรียกว่ากษัตริย์อย่างนั้นหรือ เจ้าไม่รู้หรือว่า คนจากแคว้นจุนโนไม่เคยกลัวอะไร เพราะเหตุนั้นพวกเจ้าจึงจับลูกชายของข้าและขังไว้ และกีดกันข้าออกจากสภา แล้วคว้าดาบมาจากทหารจุนโนที่อยู่ใกล้มาขู่ สั่งให้เปิดประตู ทหารบนกำแพงเมือง ยกธนูขึ้นพาดสาย เล็งมาที่ฮีกแก ๆชะงัก เจ้าสารเลว จนกว่าพวกเราจะได้เข้าเฝ้ากษัตริย์ คนจากแคว้นจุนโนจะไม่ยอมถอยจากประตูนี้แม้แต่ก้าวเดียว โยนดาบคืนให้ทหาร แล้วฮีกแกก็ลงจากหลังม้า
ในท้องพระโรง โชจูโด คนสนิทของเสนาบดียอน เสนอให้กษัตริย์เปลี่ยนรัชทายาท เพราะรัชทายาทคือคนที่โชคชะตากำหนดให้เป็นกษัตริย์ มีหน้าที่ให้ความสว่างไสวเฉกเช่นดวงอาทิตย์ ให้กับประชาชนทุกคนไม่เลือกชนชั้น แต่ รัชทายาทหลอกลวงประชาชนละกษัตริย์ โดย ซ่อนพระพักตร์และลงเล่นให้กับฝ่ายหนึ่งไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และ ไม่มีใครในโคคุเรียวรวมทั้งอาณาจักรใกล้ๆ ที่คิดว่ารัชทายาททัมด๊กจะเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป และถวายฎีกา ว่ามาจากตระกูลขุนนาง ขอร้องให้กษัตริย์ทรงเปลี่ยนรัชทายาท พวกเราก็รู้ดีว่ามีคนที่เกิดภายใต้ดวงดาวจูชินที่ทุกคนในดินแดนนี้รู้กันทั้งนั้น แล้วก็เดินไปหยุดตรงหน้ายอนโฮแก ถามว่าฝ่าบาทไม่ทรงทราบหรือ
กษัตริย์ทรงถามว่า บรรดาผู้นำทั้งหลาย มีความเห็นเช่นเดียวกันหรือ บรรดาผู้นำแคว้น ต่างกราบทูลไปทางเดียวกันว่าทุกคนรอคอย กษัตริย์แห่งจูชิน และผู้พิทักษ์ ทั้งสี่ กษัตริย์ พยักพระพักตร์เป็นเชิงบอกว่า ข้าได้ยินแล้ว ทรงถามขุนพล โก อูซุง ว่า เขาอยู่ที่หรือไม่ แล้วเทวีพยากรณ์ ก็ เข้ามาพร้อมนักพรต อีก 3 คน ขออนุญาตสภาเสนาบดีเพื่อเข้ามาเป็นพยาน กษัตริย์ทรงอนุญาต ทุกคนในท้องพระโรงเหลียวมองเทวีพยากรณ์


เทวีพยากรณ์ กล่าวว่า เมื่อ 17 ปีที่แล้ว ข้าเป็นนักพรตในอารามในเวลานั้นอารามหลวงได้รับคำสั่งจากสวรรค์
ในอารามบรรดารูปปั้นต่างๆ พากันสั่นไหว อุปกรณ์ที่ใช้แขวนประดับแกว่งไกว มีลมกรรโชกแรง เทียนทุกเล่มที่จุดสว่างไสว ไหววูบวาบตามแรงลม แต่ไม่ดับ อารามหลวงได้รับคำพยากรณ์ว่า......
“ ดวงดาวที่ไม่เหมือนดวงดาวดวงอื่นจะปรากฏ เมื่อกษัตริย์ที่ไม่เหมือนกษัตริย์พระองค์อื่น ๆ จะประสูติ
จนกว่ากษัตริย์จะได้รับการปลุกขึ้นเป็นกษัตริย์ สายลมจะพัดผ่านเฉกเช่นใบไม้
ปิดบังสิ่งที่ได้ยิน ปิดบังสิ่งที่ได้เห็น
จนกว่าเขาจะตื่นขึ้นมาจากเสียงเรียกที่แท้จริง
จงจำไว้ให้ดีอย่าได้ลืมเลือน”
ภาพของละครจะเป็น นักพรต 4 คนขี่ม้าไปที่บ้านพักนอกเมืองขององค์ชายออจิจี เมื่อ องค์ชาย ออจิจี นำนักพรตเปิดประตูเข้าไปที่ห้องของพระชายา ที่เตรียมเชือกสำหรับการคลอด พบความว่างเปล่าบนเตียง จึงพากันมุ่งหน้า ไปที่ยอดเขา ในขณะที่ดวงดาวจูชิน เปล่งประกายวาบเรืองเป็นวงแหวนบนท้องฟ้า บรรดาม้าก็พาองค์ชายออจิจี และนักพรต ไปถึงพอดี กับเสียงร้องของทารกแรกเกิด องค์ชายทัมด๊กประสูติบนกองฟางที่รองรับพระมารดาอยู่ แล้วประกายวาบเรืองเป็นวงแหวน ก็วูบหายไป เหลือแต่แสงดาวของดาวจูชิน
เทวีพยากรณ์กล่าวต่อว่า มันถูกต้องแล้ว คืนที่ดวงดาวแห่งจูชินปรากฏ องค์ชายที่เกิดมาจากสายเลือดแห่งราชวงศ์ ก็คือองค์ชายทัมด๊ก



ทุกคนตะลึงงันกับเรื่องราวที่ได้ยิน คนสนิทของเสนาบดียอน รีบแก้ไขสถานการณ์ ขัดขึ้นว่า เป็นที่รู้กันว่า ท่าน ยอนโฮแก ต่างหากที่เกิดภายใต้ดวงดาวจูชิน เทวีพยากรณ์ตอบว่า นั่นคือสิ่งที่ท่านอ้าง คนคนเดียวที่จะอ้างได้ว่าเกิดภายใต้ดวงดาวจูชินก็คือองค์ชายทัมด๊ก
คนสนิทเสนาบดียอนถามเทวีพยากรณ์ว่า :ท่านกล่าวสิ่งที่เหลวไหลได้อย่างไร
เทวีพยากรณ์ ตอบว่า อารามจะกล่าวเฉพาะคำพูดจากสวรรค์เท่านั้น ท่านกล้ากล่าวหาสวรรค์ และพูดว่าโกหกอย่างนั้นหรือ
เสนาบดียอนที่อึ้งไปนานกล่าวขึ้นว่า ท่านหมายความว่าข้ออ้างนี้รู้กันเฉพาะกษัตริย์และอารามหลวงเท่านั้น ?
กษัตริย์ ตอบว่า เพราะเราต้องปกป้องเขา นั่นเป็นหนทางเดียวที่พ่อผู้อ่อนแอจะปกป้องลูกชายของเขาได้ ตอนนี้ข้าต้องการจะสละราชบัลลังก์ แล้วส่งต่อไปให้เจ้าของที่แท้จริง
ทุกคนในที่ประชุม ส่งเสียงอื้ออึง ไม่เห็นด้วย บรรดาผู้นำ และ ยอนโฮแก ลุกขึ้นยืน แต่กษัตริย์ ยกสองพระหัตถ์ห้าม เทวีพยากรณ์คลี่พระราชโองการอ่านว่า เวลาเที่ยงวันของพรุ่งนี้จะมีพิธีราชาภิเษกองค์รัชทายาททัมด๊ก ขอเชิญทั้ง 5 แคว้นของโคคุเรียว เตรียมตัวเข้าเฝ้ากษัตริย์พระองค์ใหม่ สวรรค์จะได้บรรลุวัตถุประสงค์
เสนาบดียอนมองกษัตริย์อย่างไม่ยอมแพ้ ส่วน ยอนโฮแก มีท่าทางครุ่นคิดกับสิ่งที่ได้ยินในวันนี้
กัมดงองครักษ์ในวังหลวง เป็นสายลับของหมู่บ้านโคมิลมาแจ้งข่าวนี้ให้ ฮยอนโก ทราบ ฮยอนโก สับสนไม่อยากเชื่อข่าวนี้ แต่ ตัวเองก็รู้ว่า เทวีพยากรณ์ของโคคุเรียวจะไม่กล่าวคำเท็จ ฮยอนโกจะกลับไปที่หมู่บ้านเพื่อตรวจสอบบันทึกใหม่อีกครั้ง กัมดง แย้งว่า หัวหน้าไม่ห่วงซูจินีหรือ ฮยอนโก ตอบว่า ถึงข้าจะเป็นอาจารย์ แต่ข้าก็ยังเป็นหัวหน้าของหมู่บ้านโคมิล (เรื่องของส่วนรวมต้องมาก่อนเรื่องส่วนตัว)
เสนาบดียอน ไม่เชื่อและมีความคิดว่า กษัตริย์และเทวีพยากรณ์ กำลังฝ่าฝืนโองการสวรรค์ และคิดจัดการเรื่องนี้ เพื่อให้ ยอนโฮแก ขึ้นเป็นกษัตริย์
เทวีพยากรณ์ เต็มไปด้วยความกังวลใจว่ากษัตริย์ควรจะรอต่อไปอีกหน่อย เทวีพยากรณ์(คนก่อน)บอกหม่อมฉันว่า นางได้ยินชัด ว่า เราจะต้องปกป้องพระองค์เป็นความลับ จนกว่ากษัตริย์จะตระหนักว่าทรงเป็นใคร



กษัตริย์บอกเทวีพยากรณ์ เรื่องที่ องค์ชายจะยกบัลลังก์ให้ ยอนโฮแก เพราะเชื่อว่า ยอนโฮแก เกิดภายใต้ดวงดาวจูชิน จึงควรเป็นกษัตริย์ และองค์ชายขอให้พระองค์อนุญาตให้องค์ชาย หนีไปกับผู้หญิงที่องค์ชายรัก ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ในที่ไกลแสนไกลซึ่งพระองค์ยอมไม่ได้ เทวีพยากรณ์เป็นห่วงองค์ชายว่า เสนาบดียอนคงไม่ยอมง่าย ๆ และองค์ชายจะมีอันตราย กษัตริย์ตรัสอย่างยอมรับว่า หากนี่เป็นสาเหตุให้องค์ชายต้องตาย เขาคงไม่ใช่กษัตริย์ที่แท้จริง ถ้า ยอนโฮแก จะต้องเป็นกษัตริย์ มันก็ถูกต้องที่เขาจะได้เป็น เทวีพยากรณ์ถามว่า พระองค์ ยังไม่แน่พระทัยในตัวของพระโอรสของพระองค์เองหรือ กษัตริย์ทรงตอบว่า ข้าไม่ได้ปกป้องเขาในฐานะลูกชายของข้า ข้าปกป้องเขาในฐานะประชาชนของจูชิน ถ้าไม่มีใครไปปลุกให้เขาตื่นขึ้นจากการหลับ นั่นเราคงจะปกป้องผิดคน
(ที่องค์ชายทัมด๊ก ยังไม่ตื่นจากการหลับใหลที่ดูว่ายาวนาน เพราะสวรรค์ลิขิตไว้แบบนี้นั่นเอง)
ส่วนองค์ชาย ที่ยังถูกกักบริเวณที่สุสานหลวง ก็ทูลกับบรรพบุรุษของพระองค์ว่า หม่อมฉันจะสละราชบัลลังก์ จะได้ไม่มีการนองเลือดในโคคุเรียว อย่าทรงเป็นห่วง แล้ว ก็ ประทับนั่งหันข้างให้โต๊ะบูชา และดาบของกษัตริย์จูมง ทูลต่อว่า โฮแกจะเป็นกษัตริย์ที่ดี ตอนเรายังเด็ก มีเขาคนเดียวที่หัวเราะให้หม่อมฉัน เขาอยากเป็นเพื่อนกับหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันฆ่าแม่ของเขาเพื่อปกป้องเสด็จพ่อของหม่อมฉัน แล้วหันไปทอดพระเนตรที่ดาบ ทูลถามต่อว่าพระองค์ทรงเงียบเพราะทรงเห็นด้วยใช่ไหมพะย่ะค่ะ องค์ชาย ทอดพระเนตรอยู่อึดใจแล้วก็ก้มพระพักตร์ลง ไม่ทันได้เห็นประกายสว่างจ้าที่วาบขึ้นบนดาบของกษัตริย์จูมง แล้วก็ วูบหายไป
กษัตริย์เสด็จไปหาฮีกแกที่ประตูเมือง พามายังท้องพระโรง ฮีกแก ทูลว่า หม่อมฉันฮีกแก แห่งจุนโน ถึงแม้คำกราบทูลของหม่อมฉันจะทำให้ทรงไม่สบายพระทัยแต่ทรงฟังบ้าง ฝ่าบาทอย่าตกอยู่ในกลอุบายของตระกูลยอนอย่าทรงจำคุก ลูกหลานของจุนโนที่บริสุทธิ์ เพื่อให้ตระกูลยอนพอใจ ถ้าพวกนั้นทำผิดต่อองค์กษัตริย์พวกเขาควรถูกจำคุกในคุกหลวง กษัตริย์ของอาณาจักร เป็นอะไร ไปหรือ
กษัตริย์ถามว่า ท่านพูดจบแล้วหรือยัง ฮีกแกกราบทูลว่า ยัง มีเรื่องจะกราบทูลอีก หากหม่อมฉันไม่สามารถพูดสิ่งที่อยากพูด เช่นนั้นแล้ว หม่อมฉันจะตายเพราะหัวใจระเบิดลงตรงนี้
กษัตริย์ ทรงขัดขึ้นว่า ท่านมีลูกสาวใช่ไหม ท่านเห็นองค์รัชทายาทที่สนามแข่งขันแล้วใช่ไหม ท่านคิดว่าเขาเป็นอย่างไร แคว้นจุนโนจะยอมรับ องค์รัชทายาทเป็นลูกเขยไหม พรุ่งนี้กษัตริย์พระองค์ใหม่จะขึ้นครองราชย์ ข้ากำลังขอให้ท่านมอบราชินีให้กับเขา มีราชินีหลายพระองค์มาจากแคว้นจุนโนท่านจะสนับสนุนข้าหรือไม่ถึงแม้เสนาบดีอื่นๆ จะไม่เห็นด้วย ถ้าท่านสนับสนุนข้าท่านอาจจะถูกตัดสินว่าเป็นศัตรูกับเผ่าอื่นๆ


ฮีกแก กราบทูลว่า กษัตริย์จะไม่ขอการสนับสนุนจากเสนาบดี กษัตริย์ทรงเป็นหัว ข้าราชบริพารเป็นแขนขา คนประเภทไหนกันที่จะขอให้นิ้วมือนิ้วเท้าของเขาเองทำสิ่งที่เขาต้องการ
กษัตริย์ ทรงตรัสว่า ถ้าท่านสนับสนุนข้า ท่านอาจจะไม่ได้เห็นคนของท่านที่ถูกขังอยู่ที่บ้านตระกูลยอน ข้ากำลังขอให้ท่านสละชีวิตเพื่อกษัตริย์พระองค์ใหม่
ฮีกแก หลับตาลงอึดใจ แล้ว กราบทูลว่า ฝ่าบาท อย่าทรงขอสิ่งนั้นจากหม่อมฉัน สิ่งที่ต้องทำก็คือ สั่งหม่อมฉันพะย่ะค่ะ
เสนาบดียอน เมื่ออกจากท้องพระโรงก็บ่นกับยอนโฮแก ถึงคำบอกเล่าของเทวีพยากรณ์ว่า นั่นเป็นเรื่องเหลวไหล เทวีพยากรณ์กล้าหลอกลวงสวรรค์ ด้วยการอ้างว่า ทัมด๊กเกิดภายใต้ดวงดาว ยอนโฮแกถามว่าท่านพ่อเชื่อเรื่องดวงดาวจูชินจริงหรือ ดวงดาวอะไรกันและอะไรจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาเรื่องเหลวไหลนั่นทำให้ท่านแม่ต้องตาย ข้าไม่รู้ว่าท่านพ่อก็เชื่อด้วย
เสนาบดียอนตอบว่า เจ้าพูดถูก ข้าไม่เคยเชื่อจนกระทั่งข้าเห็นด้วยตาของข้าเอง กษัตริย์และเทวีพยากรณ์กำลังฝ่าฝืนโองการสวรรค์ แม่ของเจ้าสละชีวิต เพื่อพยายามทำตามโองการสวรรค์ เจ้าต้องการทำอะไร ถ้าเจ้าเป็นกษัตริย์จูชินจริง ข้าจะโค้งคำนับและภักดีต่อเจ้า
ยอนโฮแกหน้าเสียถามว่า ท่านพ่อต้องการก่อจลาจลหรือ
เสนาบดียอนตอบว่า แค่ก่อกวนองค์รัชทายาทที่สนามแข่งขัน เจ้าก็พอใจแล้วหรือ เจ้าจะพอใจหรือเมื่อ ทัมด๊กจะมอบบัลลังก์ให้เจ้า เจ้าพอใจที่จะคุกเข่าต่อหน้าเขาเพื่อรับบัลลังก์หรือ นั่นคือกษัตริย์จูชินหรือ
ยอนโฮแกเริ่มคล้อยตาม แล้วเสนาบดียอน ก็นั่งเกี้ยว ไปที่พำนักลับฮวาเซิน ระหว่างทาง เสนาบดียอนเล่าว่า มันเป็นเรื่องที่เล่าต่อกันมา หัวใจฟินิกซ์ เป็นหนึ่งในสี่ของสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านฮวานอุงทิ้งไว้ กล่าวกันว่าจะส่องรัศมีหากกษัตริย์จูชินและผู้พิทักษ์เข้าใกล้กัน ข้าเห็นแสงรัศมีนั่นเมื่อเจ้าอยู่กับนักพรตหญิงคนนั้น หัวใจฟินิกซ์ส่องสว่างขึ้น เจ้ารู้ใช่ไหมว่ามีคนกำลังรอคอยการกลับมาของกษัตริย์จูชินหลายพันปี พวกนั้นมาหาข้า ถึงแม้เทวีพยากรณ์จะกล่าวเท็จ พวกนั้นเชื่อว่าเจ้าคือกษัตริย์จูชิน พวกนั้นมาเพื่อตามหาเจ้า
เมื่อไปถึงที่พักลับฮวาเซิน ซารยางเชิญเสนาบดีไปยังห้องหนึ่งส่วนยอนโฮแก ไปอีกห้องที่มีโซคีฮานั่งอยู่ก่อนแล้ว
แทจังโร บอกว่า กษัตริย์ทรงฉลาดที่รีบยกบัลลังก์ให้รัชทายาท เสนาบดียอนถามว่า ท่านบอกว่าลูกข้าคือกษัตริย์จูชิน ท่านจะทำทุกอย่างเพื่อกษัตริย์จูชิน ลูกชายข้าต้องเป็นกษัตริย์แห่งโคคุเรียว กษัตริย์(หยาง)ต้องไม่ใช้ความโลภของพระองค์ในการขัดขวางโองการแห่งสวรรค์
แทจังโร : หัวใจฟินิกซ์ยืนยันเช่นนั้น แล้วก็ทำท่าทางนบนอบเสียเหลือประมาณ บัลลังก์ของโคคุเรียวจะต้องเป็นของท่าน แล้วก็ผายมือเชิญเสนาบดี ไปยังห้องพิธี ทีมีสาวก ฮวาเซินยืนเรียงราย
แทจังโรกล่าวขึ้นว่า เผ่าฮวาเซินของพวกเราได้รอคอยการกลับมาของกษัตริย์จูชินเป็นเวลา สองพันปีมาแล้ว ตอนนี้เราพบพระองค์และผู้พิทักษ์หัวใจฟินิกซ์ (โฮแกและคีฮา ยืนเคียงกันอยู่) พวกเราเต็มไปด้วยความยินดี และสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์อีก สามสิ่ง ก็จะตามมาเช่นกัน มาหาเราเถอะ แล้วสาวก ก็ ตะโกนพร้อม ๆกัน กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้พิทักษ์ ทั้งสี่ แทวังซาชิน แทวังซาชิน แทวัง ซาชิน
ในระหว่างนั้น บุตรชายคนโตของ ผู้นำแคว้น กวานโน แคว้นโซโน และแคว้น ซุนโน ถูก ทหารฮวานซินในชุดแดงจับตัวไว้หมด
โซคีฮา บอกแทจังโรว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะร่วมกันคิดกบฏ องค์รัชทายาทไม่มีความปรารถนา เป็นกษัตริย์
แทจังโร ตอบว่า เจ้าพูดแปลกๆ คิดกบฏและองค์รัชทายาท นั่นเป็นคำพูดของคนโคคุเรียวพวกนั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเจ้า คีฮา....
โซคีฮาถามว่า ท่านจะฆ่าเขาไหม ฆ่าไหม
แทจังโร บอกว่า ข้าจำได้ว่า เมื่อ 5-6 ปีก่อน เจ้ามาขอยาแก้พิษของยาพิษให้กับกษัตริย์ มันเริ่มจากนั้น ชื่อของเขาทัมด๊ก ข้าขอถามเจ้าข้อหนึ่ง เพื่อชีวิตของคนเล็กๆคนหนึ่ง เจ้าจะยอมเสี่ยงกับความฝันนับพันปีของคนฮวาเซินหรือ แล้วก็ยกสายสร้อยขึ้น อย่าลืม คีฮา.... อย่าลืมเรื่องที่เกิดกับฟินิกซ์ ที่ปล่อยให้ความรู้สึกเหนือนาง นางให้หัวใจและสูญเสียพลังฟินิกซ์ (แล้วก็เป็นภาพ คาจินถูกเทพฮวานอุงเก็บพลังไฟใส่ลูกแก้ว แล้วคาจินหงายหลังลงหน้าผา) แทจังโรสวมสร้อยให้โซคีฮา อย่าลืมเรื่องนั้น ว่าเราสูญเสียพลังและดินแดนอย่างไร แล้วก็เอามือจับไหล่โซคีฮาที่แทจังโรฝังสัญลักษณ์สาวกฮวาเซินไว้ ย้ำว่า ถ้ามีใครมาเอาหัวใจของฟินิกซ์ของเรา เขาจะกลายเป็นศัตรูของฮวาเซิน แล้วก็ใช้ เวทย์มนตร์สะกดโซ คีฮา
ในที่ประชุมเสนาบดี เสนาบดียอน ใส่ร้ายกษัตริย์กับผู้นำแคว้น ว่า กษัตริย์ เป็นผู้ จับตัวบุตรชายคนโตของแต่ละเผ่าไป เพื่อบีบบังคับผู้นำแคว้น ในพิธีราชาภิเษกกษัตริย์พระองค์ใหม่ และให้เหตุผลว่า ที่กษัตริย์ทรงรีบร้อนจัดพิธีราชาภิเษก เพราะขณะนี้ มีสัญญาณจากสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ ยอมรับกษัตริย์จูชินพระองค์จริง ไม่ใช่องค์ปลอมแล้ว แล้วโซคีฮาก็เข้ามา ในที่ประชุม ผู้นำแคว้นเอะอะที่มีนักพรตหญิงเข้ามาในที่ประชุมเสนาบดียอนแนะนำว่านี่คือผู้พิทักษ์สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์หัวใจฟินิกซ์ ผู้นำแคว้นพากันเบะปาก
โซคีฮา เริ่มบทบาท ว่าข้าขอส่งสารถึงลูกหลานจูชิน กษัตริย์จูชินทรงพระราชดำเนินอยู่ในแผ่นดิน แต่ประชาชนกลับจำพระองค์ไม่ได้ ตอนนี้ถึงเวลาที่จะทรงขึ้นเป็นกษัตริย์และรวบรวมดินแดนจูชินเข้าด้วยกัน กษัตริย์ของคนธรรมดาสามัญไม่สามารถหยุดยั้งกษัตริย์แห่งสวรรค์ได้
ผู้นำแคว้นตะโกน เรื่องเหลวไหลอะไรกัน
แล้วก็มีรัศมีสีแดงเพลิงส่องรัศมีรอบตัวโซคีฮา
ที่สุสานหลวง องค์ชายทัมด๊กทรงรู้สึก มีบางสิ่งกระทบพระหทัย
ฮยอนยอง มองเห็น แสงรัศมี ก็รีบไปหาฮยอนโก
ในที่ประชุม โซคีฮา พูดว่า ผู้พิทักษ์แห่งใต้ และผู้เก็บรักษาไฟ ผู้พิทักษ์หัวใจฟินิกซ์ ขอถวายความเคารพต่อกษัตริย์จูชิน แล้วโซคีฮา ก็ทรุดตัวลงคุกเข่า ตรงหน้า ยอนโฮแก มีแทจังโรยืนแสยะยิ้ม อยู่ข้างนอก
ทัมด๊ก ทรงแปลกพระทัยในความรู้สึกของพระองค์เอง
(หมายเหตุ -หัวใจฟินิกซ์จะถูกปลุก ด้วยความรู้สึก ที่ดูดดื่ม หากผู้พิทักษ์ และกษัตริย์จูชิน รู้สึกถึงกัน )

Copyright@ Amornbyj & SUE

เรื่องย่อ ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ (ตอนที่ 5)


Kyukku (คยอคคู ) กีฬาที่ปรากฏในละครเรื่องนี้ ก็เป็นกีฬาที่โปรดปรานของราชวงศ์อังกฤษ ที่เรารู้จักกัน คือ โปโล สำหรับบ้านเรา ก็เป็นกีฬาที่ปรากฏในวรรณคดี เรื่องสังข์ทอง ที่คนไทยเราเคยคุ้นคำว่าตีคลี ลองนึกภาพว่า พระสังข์ทอง ตีคลี แข่งขันพนันเอาเมืองกัน กับผู้มาท้าตีคลี คือพระอินทร์ที่แปลงองค์ลงมาจากสวรรค์ เพื่อให้ พระสังข์ยอมถอดรูปเงาะ ในพระราชนิพนธ์ได้บรรยายความสง่างามของ การตีคลี ของพระอินทร์และพระสังข์
ขอเชิญชมความอลังการของสนามและการแข่งขัน ตีคลี หรือโปโล ใน the legend แต่ต้องชมจากหน้าจอทีวี กันเอง เพราะผู้เล่า มิสามารถบรรยายภาพให้มองเห็นเป็นตัวอักษรได้
และขออภัย ที่การเล่า มีการใช้คำ ทั้งโปโล และ ไม้ตีคลี




ตอนที่5

การแข่งขัน คู่แรก คือทีมสีเหลือง ตัวแทนจากจากแคว้นกลาง คือเครุ และทีมสีน้ำเงิน ตัวแทนแคว้นซุนโน เมื่อยอน โฮแก ลงสนาม ก็มีเสียงผู้ชมต้อนรับ ซูจินี ทำท่าทางละเมอเพ้อฝันกับความสง่างามของยอนโฮแก แต่กลับเอาตัวเองกระแซะ องค์ชาย ทีมสีเหลืองทำคะแนนนำ ที่ทำให้เสนาบดียอน พออกพอใจ ทีมสีเหลืองเล่นแบบแรงขึ้น เรื่อยๆและ ใช้ไม้ตีคลี ตีผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม องค์ชายทอดพระเนตรแล้ว ทรงบ่นว่า ทำอย่างนั้นได้หรือ ซูจินีตอบว่า กฎมีเพียงข้อเดียวคือไม่ทำให้ม้าบาดเจ็บ การใช้ไม้ตีคลี จะทุบตีหรือกระแทก ทุกอย่างทำได้หมด บางทีคนเล่นก็ล้มลงกระดูกแตก บางทีก็ถึงตายได้ องค์ชายทรงค้านว่า แต่ไม้ตีคลีต้องทำจากไม้ไผ่เท่านั้นมิใช่หรือ นี่เป็นกฎเท่าที่ข้ารู้ ซูจินี ก็ได้แต่สงสัยว่า ถ้าไม่ใช่ไม้ไผ่แล้ว มันคืออะไรกันแน่


ผู้แข่งขัน ทีมสีดำ ก็ตั้งข้อสงสัยว่า กันในทีมว่า ดูและฟังเสียงแล้ว เหมือน ทีมสีน้ำเงินจะถูกตีด้วยเหล็ก รวมทั้งบาซอน และจูมูชิที่เข้าสนามมาและมองดูอยู่ และ จะมาถามข่าวเรื่องม้าของทีมสีดำ บาซอนบอกว่า จากประสบการณ์ 3 0 ปีในการเป็นช่างตีเหล็ก และเป็นทายาทจากตระกูลช่างตีเหล็ก ไม้ตีคลีนั่นทำจากเหล็ก
แล้วทุกคน ก็ฮือฮาตกใจ ที่ผู้แข่งทีมสีน้ำเงินตกลงมาจากหลังม้า และทีมสีเหลืองก็ ทำประตูได้ ยอนโฮแกดีใจ
แทจังโร เริ่มรูสึกถึงแสงแดงวาบ ๆที่ปรากฏในกระเป๋าเสื้อของตัวเอง ที่ใส่ หัวใจฟินิกซ์ไว้ เมื่อมองไปที่ ยอนโฮแก และโซคีฮา แทจังโรก็เข้าใจว่า เมื่อ ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันทำให้ หัวใจฟินิกซ์ เปล่งแสงออกมา แท้ที่จริงแล้ว ซูจินี อดรนทนไม่ไหวลุกขึ้นจาก อัฒจรรย์ และองค์ชายขยับองค์ขึ้นตาม และกำลังจะเสด็จผ่าน แทจังโร โซคีฮาที่มององค์ชายอยู่ตลอด พลอยขยับตัวด้วยต่างหาก เมื่อองค์ชายเสด็จผ่านแทจังโร จริง แสงที่เปล่งออกมาก็ แดงยิ่งขึ้น แทจังโร มองยอนโฮแก แล้วยิ้มที่มุมปาก ทำท่าทางมั่นอกมั่นใจยิ่งขึ้น


ซูจินีไปที่ค่ายพักทีมสีเหลือง เพื่อมาดูไม้ตีคลี แล้วก็หายข้องใจ และเรียกค่าปิดปาก จาก อิลซู คนสนิทของยอนโฮแก 30 เหรียญ อิลซู โมโห บอกว่า ถ้าอย่างนั้นข้าจะปิดปากเจ้า ข้าจะทำให้มั่นใจว่า เจ้าจะเปิดปากอีกไม่ได้ และใช้ไม้ตีคลีเหล็ก ไล่ทำร้ายซูจินี ซูจินีหลบไปหลบมา จนตีพลาด ถูกตุ่มน้ำแตก ยอนโฮแกเข้ามาพอดี ถามว่า เจ้าทำอะไร นางเป็นผู้หญิงและไม่มีอาวุธ อิลซู ใส่ร้ายว่าซูจินี นำอะไรบางอย่างมาใส่น้ำ ข้าเห็นด้วยตาตัวเอง ต้องมีฝ่ายอื่นส่งนางมา ในที่สุดซูจินีถูกจับหิ้วปีก อิลซูบอกว่า จะดูแลนางเองและจะซักเอาความจริงให้ มีสุรเสียงขององค์ชายดังขึ้นว่า ใครกันแน่ที่ต้องบอกความจริง ซูจินีตกใจ รีบ บอกองค์ชายว่าอย่ามาที่นี่ ท่านมาทำไม ท่านรีบหนีไป ท่าทางหน้าตา สุ้มเสียงซูจินี เป็นห่วงองค์ชาย มาก (คงเป็นความรู้สึกลึก ๆ จาก ชาติภพ แช โอ เมื่อ2 พันปีมาแล้ว)


อิลซู เป็นผู้จัดการเรื่องไม้ตีคลี โดย ยอนโฮแก มิได้รู้เห็นด้วย เมื่อองค์ชาย เอาไม้ตีคลี ฟาดต้นเสา ยอนโฮแก ถึงได้เห็นด้ามเหล็กที่อยู่ข้างใน (สันนิษฐานว่า ไม้ตีคลี อันที่ยอนโฮแกใช้ คงเป็นไม้ไผ่ธรรมดาจริงๆ) ยอนโฮแกตกใจ อิลซู หลบตา เหมือนการสารภาพ องค์ชายทรงแนะนำว่าให้จ่ายเงินให้ซูจินีให้มากหน่อย ซูจินี คงปิดปากตัวเองได้ แต่ยอนโฮแก กลับตอบองค์ชายว่า องค์ชาย (ซูจินี ได้ยินชัด เจนที่ยอนโฮแก เรียกองค์ชายกว่า ครั้งแรก) หม่อมฉันจะไม่ปกปิดเรื่องนี้ หม่อมฉันจะพูดความจริงและยอมรับผลที่เกิดขึ้นในฐานะหัวหน้าทีมสีเหลือง หม่อมฉันจะรับผิดชอบเต็มที่พะย่ะค่ะ
องค์ชายทรงห้าม เพราะองค์ชายจะเดือดร้อนไปด้วย ที่เสด็จมาที่นี่ทั้งที่ทรงถูกห้ามไม่ให้ออกมานอกเขตวัง ทรงแนะนำให้ยอนโอแก เปลี่ยนใช้ไม้ตีคลี ที่สกปรกเป็นของที่สะอาด เจ้าไม่เห็นข้า และข้าก็ไม่เห็นไม้ตีคลีนี้ ตกลงไหม แล้วเสด็จออกมาจากค่ายพัก ยอนโฮแก ท่าทางครุ่นคิด และทำท่าทาง ไม่ได้ดังใจตัวเอง

โซคีฮา ตามมาถึงหน้าค่ายพักทีมสีเหลือง พอดีกับที่องค์ชาย เสด็จอยู่หลังซูจินี ทรงถามซูจินีว่าเจ้าจะไม่ขอบคุณ ที่ข้าช่วยชีวิตเจ้าหรือ ซูจินี รู้สึกน้อยใจ ที่ไม่รู้ศักดิ์ที่แท้จริงขององค์ชาย องค์ชายห้ามไม่ให้ซูจินี พูดอะไรที่เกี่ยวกับองค์ชาย เกี่ยวกับทีมสีเหลือง และ.... แต่ซูจินี พูดขัดขึ้นว่า อย่างไรก็ไม่มีใครเชื่อข้าอยู่แล้ว ข้าเป็นเด็กข้างถนน มีเพื่อนเป็นองค์ชาย แล้วใครจะเชื่อว่า นักรบที่ยิ่งใหญ่ของชาติเราแอบเอาเหล็กใส่ไว้ในไม้ตีคลี องค์ชายปรามว่า เสียงเบาหน่อย ซูจินีไม่สนใจ พูดต่อว่า ข้าเป็นคนไร้การศึกษา โง่เง่า ข้าอยากจะถามท่าน มันเหมาะสมไหมที่เด็กข้างถนนอย่างข้าจะปิดปากเพราะเงิน แต่ในฐานะของคนในประเทศนี้ ท่านจะไม่ยึดถือ ความยุติธรรมสักหน่อยหรือ คนน่ารังเกียจบังอาจหลอกลวงต่อหน้ากษัตริย์ แล้วท่านจะให้ข้าเงียบไว้ องค์ชาย ทรงกระแอม กอดพระอุระ ซูจินีพูดต่อ ข้าได้เงินแล้วท่านได้อะไร องค์ชายตรัสว่า เจ้านี่ช่างไม่กลัวอะไรเลย ซูจินี ตอบว่า หัวหน้าของข้าก็พูดอย่างนี้ตลอดเวลาเลย “ เจ้านี่ช่างไม่กลัวอะไร “
องค์ชาย ทรงบอกกับซูจินีว่า มันมีหนี้ที่ต้องจ่าย ข้ามีหนี้ที่ต้องจ่ายให้กับลูกชายของตระกูลยอน วันนี้ข้าจ่ายเพียงดอกเบี้ย

โซคีฮาที่มายืนดูองค์ชายกับซูจินี ที่นอกค่ายของทีมสีเหลือง มีท่าทางไม่สบายใจ ซารยางมาบอกโซคีฮาว่า แทจังโรขอพบคืนนี้ โซคีฮาจะสะดวกไหม แต่โซคีฮา ยังคงมององค์ชายและซูจินีนิ่ง ซารยางต้องเรียกซ้ำว่า นายหญิงคีฮา แต่โซคีฮากลับตอบว่า เขากำลังยิ้ม ซารยางถามว่าอะไร โซคีฮาตอบว่า หลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้นตอนเด็กข้ายังไม่เคยเห็นเขายิ้มง่ายๆเลย เขากำลังยิ้มสดใส ...เมื่อเขามองดูเธอ ... (แต่เราคนชม ไม่เห็นภาพนี้หรอกว่าองค์ชายยิ้มสดใสขนาดไหน มีแต่โซคีฮาเห็นคนเดียว)

ตอนกลางคืน ซูจินีบ่นพึมพำกับตัวเอง ทำท่าขัดอกขัดใจ ฟาดแขนตัวเองไปมา กับคำห้ามขององค์ชาย ฮยอนโกยืนมองอยู่นานอย่างสงสัย เรียกหาว่า นี่ลูกศิษย์ของข้า แต่ซุจินีไม่สนใจยังบ่นเรื่องที่ ฮยอนโกฟังแล้วไม่เข้าใจ พยายามปะติดปะต่อเรื่อง ซูจินีบอกว่า ไม่มีอะไรสลักสำคัญสำหรับท่านหรอก ข้าพูดอะไรไม่ได้ มันน่าอึดอัดใจ ฮยอนโกถามถึงยอนโฮแก ที่สั่งให้ซุจินี จับตาคอยมองไว้ ซูจินีตอบว่า ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่านักต้มตุ๋นนั่นทำอะไรอยู่ ฮยอนโก ถามว่าเจ้าเป็นอะไรไป ข้าสั่งให้เจ้าจับตามองเขาอย่างใกล้ชิดเขาพูดกันว่า สาวๆในปราสาทโกกแน ฝันถึงยอนโฮแกทั้งคืน ซูจินี ทำท่าทางระคายหู ฮยอนโกบ่นว่าเจ้าคงไม่ใช่ผู้หญิงแท้ๆ ข้าจะทำอย่างไรกับเจ้าดี ซูจินี หงุดหงิดใจเต็มที่ ผุดลุกขึ้นพูดเสียงดังว่า ข้าไม่ต้องการเห็นเขาอีก และถึงอย่างไรข้าก็ทำไม่ได้ ข้าบอกว่าข้าทำไม่ได้ ฮยอนโกตกใจ ถามว่าเจ้าไม่ได้อยู่กับผู้ชายคนนั้นใช่ไหม เจ้านอนกับเขาหรือ คราวนี้ซูจีนี อ้าปากค้างไปเลย ฮยอนโก อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ซูจินีไม่เล่าเรื่อง ฮยอนโกชักโมโห บ่นว่าเพราะอย่างนั้นเจ้าถึงบอกว่า เขาเป็นนักต้มตุ๋น หลังจากเกิดเรื่องแล้วเจ้าสารเลวนั่นพูดอะไรกับเจ้า ข้าจะทำอย่างไร ทีนี้ข้าจะทำอย่างไร แล้วก็โอดครวญช้ำอีกว่า ข้าจะทำอย่างไร .....

ที่พักลับของฮวานเซิน โชคีฮา มาพบแทจังโร แทจังโรเล่าเรื่อง ตามที่ตัวเองเข้าใจเอาเองว่าหัวใจฟินิกซ์ เปล่งประกาย เมื่อ ยอนโฮแก และโซคีฮา อยู่ใกล้กัน โซคีฮา ทวนความว่า ที่สนามแข่งขัน ตอนที่ยอนโฮแกและข้าอยู่ใกล้กัน หัวใจฟินิกซ์ กลับมีชีวิตขึ้นมา แทจังโรพูดต่อว่า แต่เราก็ไม่อาจแน่ใจ ข้าวางแผนจะไปเยี่ยมเยียน ยอนโฮแก ข้าจะเชิญเจ้าไปด้วย เราสองคนจะได้ยืนยันเรื่องนี้กัน โซคีฮาถามต่อว่า ถ้ายืนยันได้แล้วต่อไปอะไรจะเกิดขึ้น แทจังโรตอบว่า
เราจะทำให้เขาเป็นกษัตริย์ โคคุเรียวตามแผนการ จากนั้นแท่นบูชาใต้อารามหลวงอาบูลันซา ของฮวาเซิน จะได้รับการปลดปล่อย เราจะให้เขาหาสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำเงิน เสือขาว และเต่าดำ


ที่วังหลวง องค์ชายแอบหนีออกจากวังมาอีกตามทางลับที่ทรงใช้เป็นประจำทรงแปลกพระทัยที่ พบ ยอนโฮแก ยอนโฮแก ไม่ต้องการมีจุดอ่อนให้องค์ชายมาใช้ข่มขู่ในวันหน้า องค์ชายตอบว่า พระองค์ก็ไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่า พระองค์ออกมานอกวัง ดังนั้น ให้ถือว่า เราสองคน ไม่ได้พบกันดีไหม ยอนโฮแก ทูลว่าหม่อมฉันจนตรอก หม่อมฉันต่างจากคนอื่นที่ฆ่าแม่คนอื่นแล้วยังไม่เคยชดใช้เลย หม่อมฉันไม่เคยได้อะไรมาโดยง่าย หม่อมฉันต้องการชนะการแข่งขันครั้งนี้และวางแผนให้ประชาชนสนับสนุน องค์ชายตอบว่า จะเอาชนะทีมสีดำนั้นไม่ง่ายหรอก มีหมอดูแม่นๆบอกว่าทีมสีดำจะชนะ ยอนโฮแก ย้ำว่า หม่อมฉันทูลแล้วว่าหม่อมฉันจนตรอก ทรงไม่เข้าพระทัยใช่ไหม ถือว่าหม่อมฉันได้รับอนุญาตจากองค์ชายแล้ว ทูลลาพะย่ะค่ะ ( อันที่จริง ยอนโฮแก เป็นคนดี มีความสง่าผ่าเผยในตัวเอง เป็นคนตรงไปตรงมา เคยอยากเป็นเพื่อนกับองค์ชายในวัยเด็ก แต่เป็นเพราะความแค้นจึงเปลี่ยนเป็นเกลียดชังและคิดแก้แค้นองค์ชาย )
องค์ชายพบซูจินี พึมพำพูดกับตัวเองอยู่คนเดียว ดื่มเหล้าด้วย องค์ชาย ถามซูจินีว่าป่วยหรือเปล่าจึงพูดอยู่คนเดียว ซูจินีถามว่ามาที่นี่ทำไม องค์ชายแย่งเหล้าเอาไปเสวย ซูจินีคว้าคืนไป ถามว่าท่านตัดสินใจออกมาข้างถนนหรือ องค์ชายตอบว่า ข้าอ่านหนังสือจนเหนื่อยเลยออกมาดูผู้คนและมีคนบอกว่าจะพาข้าไปดูอะไรที่น่าสนใจ
แล้วก็สมพระทัยองค์ชายจริงๆ เพราะยอนโฮแก มาดื่มเหล้า และโกรธลูกน้องอิลซูที่โกงเรื่องไม้ตีคลี ทำให้อับอายองค์ชาย อิลซูทำลงไปเพราะต้องการชัยชนะ ผู้ชายทุกคนต้องการเป็นอัศวิน ถ้าหากไม่ชนะการแข่งขัน ก็ไม่มีทางเข้ามาเป็นอัศวินได้ ยอนโฮแก เองก็เฝ้าแต่ย้ำว่า ข้าไม่แพ้กับใครทั้งนั้น เจ้าเข้าใจข้าไหมข้าจะไม่แพ้ อิลซูพูดว่า เราได้รับการดูถูกต่อหน้าองค์ชาย ถ้าเราไม่ชนะ...พูดไม่จบประโยคยอนโฮแก เข้ามาจับอิลซู ทั้งเขย่าทั้งตวาดว่า เจ้าเรียกมันว่าองค์ชายต่อหน้าข้าหรือ แล้วก็ผลักอิลซูออกไป สั่งว่าเจ้าจะต้องวางแผนสำหรับการแข่งขันวันพรุ่งนี้ เจ้าควรต้องเตรียมการเพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับชัยชนะ เหมือนอย่างที่เจ้าทำกับไม้ตีคลี
อิลซู พาลูกน้องไปทำร้าย นักแข่งทีมสีดำ องค์ชายและซูจินีเข้าไปช่วยเหลือ และองค์ชายต้องพาโซคีฮามาช่วยรักษา เพราะจะพาไปหาหมอไม่ได้ เนื่องจากมีกฎว่า ถ้าผู้แข่งขันบาดเจ็บ จะลงแข่งขันไมได้ ในระหว่างการรักษามีตอนหนึ่งซูจินีถามโซคีฮาว่าท่านเคยเห็นข้ามาก่อนไหม ข้ารู้สึกเหมือนเคยเห็นท่านโซคีฮาไม่ตอบ และในขณะที่กำลังจัดยาและ อธิบายอาการบาดเจ็บคนเจ็บทั้งสามคนและการรักษาให้ซูจินี ฟัง เมื่อโซคีฮา เห็นองค์ชายยืนทอดพระเนตรอยู่ ก็มองสบตา กับองค์ชาย ที่ยืนอยู่ห่างทั้งสองคนออกไป องค์ชายส่งรอยแย้มพระสรวลและสายพระเนตรวาวหวานให้โซคีฮา โดยทั้งสองไม่สนใจซูจินี ที่ยืนอยู่ใกล้ๆโซคีฮาเลย


ทีมโปโลสีเหลือง คือ ทีมของแคว้นกลาง เครุ
ทีมโปโลสีน้ำเงิน คือทีมของแคว้น ซุนโน
ทีมโปโลสีดำคือทีมของแคว้น จุนโน
มีอีก 2 แคว้น คือแคว้นกวานโน และแคว้น โซโน ที่ไม่กล่าวถึง

ในรอบนี้เป็นรอบตัดสินของทีมสีดำ และสีเหลือง หัวหน้าทีมสีดำ เป็นบุตรชายของหัวหน้าเผ่า ตัวอ้วนใหญ่เสียงดังฟังชัด และทีมสีดำ จะมามีความผูกพันกับองค์ชาย ช่วยเหลือองค์ชาย
หัวหน้าทีมสีดำ ฉายาเจ้าหมูป่า และผู้เล่นตัวสำรอง ถูกรุมตีในเกม จนกรรมการให้ยุติ โดยเฉพาะเจ้าหมูป่าบาดเจ็บถูกทำร้ายตั้งแต่ตอนกลางคืน (เมื่อองค์ชายและซูจินี เข้าไปช่วยและจะพาไปหาหมอ เจ้าหมูป่าได้ถามองค์ชาย( ยังไม่รู้ว่าเป็นองค์ชาย) ว่าช่วยพวกตนทำไม พวกทีมสีดำ ไม่ใช่คนของที่นี่ด้วยซ้ำไป องค์ชายตอบว่า เพราะข้าเล่นพนันไว้ ว่าทีมสีดำจะชนะทีมสีดำจึงยอมรับความช่วยเหลือ)



องค์ชายกับซูจินี ปลอมตัวลงไปแข่งให้ทีมสีดำ เมื่อกรรมการให้ทีมสีดำเปลี่ยนตัวผู้แข่งขัน แทนคนที่บาดเจ็บพอทีมสีดำได้คะแนน ทีมเชียร์บนอัฒจรรย์ มีหัวหน้าเผ่าตัวอ้วนใหญ่ นำทีม ลุกขึ้น มาเต้น ย้ายสะโพกซ้ายขวา ไปทางเดียวกันพร้อมๆกัน น่าเอ็นดู กับ ไอเดียของผู้กำกับ น่ารักปนขำกลิ้ง มีจังหวะหนึ่งที่ซูจินีหมวกหลุดทำให้ ยอนโฮแกและอิลซูจำได้ ว่าเป็นใครและเดาได้ ว่า ผู้ที่ลงมาแทนคนเจ็บอีกคนคือใคร ทั้งคู่พยามทำร้ายองค์ชาย จนองค์ชายตกจากหลังม้า และตั้งใจให้ม้าของตนเหยียบองค์ชาย แต่ซูจินีเข้ามาขวางไว้ (ด้วยสัญชาตญาณอีกตามเคย) พระมาลาขององค์ชายกระเด็นหลุดจากพระเศียร ทำให้ ทุกคนในสนาม รู้ว่า นั่นคือองค์ชายทัมด๊ก องค์ชายเสด็จขึ้นที่ประทับยอมรับผิด กับกษัตริย์ เป็นเหตุให้ เสนาบดียอน กล่าวหาในเรื่องรัชทายาท ไม่วางตัวเป็นกลาง และนี่เป็นการหลอกลวงกษัตริย์และประชาชน กษัตริย์ ทรงให้ยกเลิกการแข่งขัน และทำโทษ ผู้กระทำผิด ทำให้องค์ชายถูกกักบริเวณ อยู่ในสุสานหลวง และทีมสีดำ ถูกนำไปขังที่คุกบ้านตระกูลยอน รวมทั้งซูจินีด้วย


แทจังโรไปพบเสนาบดียอน เสนาบดียอนเข้าใจว่า แทจังโรมาคุยเรื่องการค้า จึงทำท่าไม่สนใจ แทจังโรจึงบอกว่าตนเอง มีสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ฟินิกซ์ และรู้จักผู้พิทักษ์สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์นี้ และจะนำมาพบ ยอนโฮแก หากผู้พิทักษ์ สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ และกษัตริย์ จูชิน มาอยู่พร้อมกัน สัญลักษณ์ จะเปล่งประกายแสงออกมา โซคีฮา ถูกนักพรตหญิงจับได้ในขณะที่จะหลบออกมาหาแทจังโร ถูกนำตัวไปสอบสวนเรื่องที่ เธอชอบหนีออกจากอารามหลวงในเวลากลางคืนเป็นประจำ


องค์ชายจะออกไปเจรจาช่วยเหลือผู้เล่นทีมสีดำที่ถูกขัง จึงขอให้องครักษ์หญิงยอมเป็นตัวประกัน องครักษ์หญิงถามว่า พระองค์มั่นใจ ว่าจะชนะหม่อมฉันหรือ องค์ชายจึงต้องประลองฝีมือเพื่อเอาชนะหัวหน้าองครักษ์หญิง องครักษ์หญิง ถวายดาบยาวให้ องค์ชายใช้พระหัตถ์ กดดาบลงเป็นทำนองไม่ใช้ องค์รักษ์ จึงชักดาบสั้นที่พกติดตัวออกมา พร้อมทูลว่า เกรงว่าจะทำอันตรายองค์ชายบาดเจ็บ องค์ชายตอบว่า ข้าสัญญาว่าถ้าข้าบาดเจ็บ ข้าจะไม่ร้องไห้


ฉากการต่อสู้ประลองฝีมือ ที่องค์ชายไม่ใช้อาวุธ ใช้พระหัตถ์เปล่า คอยหมุนองค์หลบหลีก ตลอดเวลา สู้ไปแย้มพระสรวลไป ส่งสายพระเนตรหวานฉ่ำ ทำลายความแข็งแกร่งของวิทยายุทธ์ขององครักษ์หญิง องค์ชายสู้แบบเล่นสนุกเสียมากกว่า พยายามยึดแขนข้างที่มีอาวุธ แต่ลีลา หลีกหลบ กระโดดไต่กำแพง จังหวะที่ช้พระบาทเตะ หมุนพระองค์ ลีลาเยี่ยมยุทธ์ พลิ้วไหว ยังกับสายลมพัดโบก ด้วยชุดสีขาว สวยมาก ผลที่สุดทรงยึดแขนที่จับมีดสั้นในลักษณะโอบองครักษ์ ไว้ ถามว่าเจ้าบอกว่าเจ้าชื่ออะไรนะ แล้วก็เหวี่ยงองครักษ์ออกห่างพระองค์ ทรงพระดำเนินเอาพระหัตถ์ไขว้พระปฤษฎางค์ 2-3 ก้าวแล้วหยุดเอียงข้าง(สีข้างเรียกว่าพระปรัศว์)แล้วก็หันพระพักตร์มาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่องครักษ์ หอบแฮก ผมเผ้ายุ่งเหยิง เข้ามาทูลว่า ตนเองชื่อ kakdan องค์ชายบอกว่าข้าจะรีบกลับมา kakdan ทูลองค์ชายว่า ทีมโปโลสีดำ ถูกขังที่คุกของบ้านตระกูลยอน

COPYRIGHT@ Amornbyj & SUE