Friday, May 2, 2008

เรื่องย่อ ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ (ตอนที่ 7)


ตอนที่ 7

หัวหน้ากองทหารม้าเหล็กของโคคุเรียว ชื่อ จอกฮวาน เข้ามาในที่ประชุม ทันได้เห็นเหตุการณ์ ที่โซคีฮา มีแสงรัศมีสีแดงเพลิงล้อมรอบตัว และคุกเข่าแสดงคารวะ ยอนโฮแก ยอมรับ ยอนโฮแก เป็นกษัตริย์ จูชิน เพราะโซคีฮา ถูก แทจังโร ใช้แวทย์มนต์
นกสื่อสาร บูรุมแซ กางปีกร่อนบนท้องฟ้า ส่งเสียงบอกว่า....(เผอิญคนเล่าฟังภาษานกรู้เรื่อง.).. มีข่าวมาบอก....มีข่าวมาบอก.... เรียกชุมนุมจ้า.....

ที่เรือนจำ บ้านตระกูลยอน ซูจินี เหมือนคนคลุ้ม คลั่ง ทั้งเขย่า หน้าต่างลูกกรง ทั้งเอาตัวกระแทกประตู ห้องขังดิ้นรนที่จะออกไปร่วมชุมนุมในครั้งนี้ ทีมโปโลสีดำ ยื้อยุด ห้ามปรามก็ไม่ฟัง แต่บทจะหยุด ซูจินี ก็หยุดเอง บ่นว่า "ข้าจะบ้าตอนที่เห็นนกบูรุมแช แต่ข้าออกไปไม่ได้ ถ้าพวกเจ้าพบหัวหน้าข้า ช่วยบอกเขาด้วย ตอนนี้ถึงเวลานอนแล้ว" แล้วซูจินี ก็ ล้มตัวลงนอน จริงๆ ทุกคนงงงวย

ที่หมู่บ้านโคมิล เรียกชุมนุมศิษย์ เพราะ ฮยอนโกได้รับสาสน์ว่า สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์หัวใจฟินิกซ์ ได้พบกษัตริย์จูชินแล้ว ทำให้ฟื้นขึ้นมาและส่องแสงที่บ้านตระกูลยอนนั่นยิ่งทำให้มั่นใจกันว่ายอนโฮแก คือกษัตริย์จูชิน แต่เกิดความสับสนว่า สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ อยู่ในครอบครองของฮวาเซิน ส่วนผู้พิทักษ์อยู่หมู่บ้านโคมิล (คือซูจินี) แล้วจะพูดได้อย่างไรว่า กษัตริย์จูชิน ทรงกลับมาแล้ว ฮยอนยองรายงานว่า "น่าจะมี ผู้หญิงอีกคน เป็นผู้พิทักษ์สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ และ แทจังโรแห่งฮวาเซิน เป็นผู้พานางเข้าไปที่บ้านตระกูลยอน แต่ก็สงสัยต่อว่า เหตุใด ผู้พิทักษ์ ถึงได้ไปอยู่กับฝ่ายชั่วร้าย" ฮวาเซิน
ฮยอนโกจึงเท้าความถึง ฮยอนชุก หัวหน้าหมู่บ้านโคมิลคนหนึ่ง ถูก ฮวาเซินจับตัวไปฝังสัญลักษณ์ สาวก ฮวาเซิน เป็นบ้า ฆ่าศิษย์โคมิล ไปถึง 20 คน และต้องใช้ คนถึง12 คนจึงจะจับตัวฮยอนชุกได้ ฮยอนโกย้ำว่า "ถ้าถูกประทับตราแล้ว คนคนนั้นจะไม่สามารถหลุดพ้นจากพวก ฮวาเซิน ...บางทีผู้พิทักษ์ อาจถูกประทับตราด้วยก็ได้" (ศิษย์ของโคมิล จะกระจายกันอยู่ ในที่ต่างๆ ทั้งเป็นองครักษ์ที่ปราสาทโกกแน เป็นทหารที่ปราสาทเพียงอันฯลฯ)

โซคีฮา กลับมาที่ห้องใช้ดาบเพื่อจะทำร้ายตัวเอง แต่พอดาบไปใกล้ไหล่ข้างขวาที่ถูกฝังสัญลักษณ์ฮวาเซิน ดาบสั้น นั้นก็ หักลง โซคีฮาได้แต่ ทอดตัวเอง ลงกับโต๊ะ ร่ำไห้อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรกับตัวเองดี


ที่สุสานหลวง องค์ชาย ประทับนั่งที่พื้นฟุบพระพักตร์หลับบนพระกรที่วางบนพระชานุ แขนที่วางบนเข่า หัวหน้าองค์รักษ์หญิงกองทหารที่สาม กั๊กตัง เปิดประตูเข้ามาปลุกบรรทมทูลว่า "ถึงเวลาที่องค์ชายจะต้องเสด็จแล้ว ขันที (แบบจีน ถ้าแบบไทย ก็มหาดเล็ก) กำลังรอคอยอยู่" องค์ชายบอกว่า "ข้ากำลังฝันดีที่เดียว" องค์ชายนึกว่าถูกปล่อยเป็นอิสระ แต่องค์รักษ์ทูลว่า "วันนี้เป็นวัน ราชาภิเษกองค์ชายขึ้นเป็นกษัตริย์"

ที่อารามหลวง เทวีพยากรณ์และนักพรต เรียงรายกันเข้าประจำที่

องค์ชายไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ กราบทูลถามว่า :"ทำไมทรงทำเช่นนี้ พิธีราชาภิเษกให้หม่อมฉันเป็นกษัตริย์ โปรดอย่าทรงทำเช่นนี้เลย มันจะเป็นการดีสำหรับประเทศของเราที่ยอมรับกษัตริย์จูชิน บางที ยอนโฮแก อาจจะสามารถรวบรวมอาณาจักรเข้าด้วยกันได้ เสด็จพ่อปล่อยเขาเถอะ"
กษัตริย์ ทรงตำหนิ กับท่าทางและน้ำเสียงเอาจริงเอาจังและเอาเรื่องว่า : "หลังจากถูกกักบริเวณเจ้าแย่ลงนะ"
ตลอดเวลาที่องค์ชายกราบทูลอยู่นั้น ทรงพระราชดำเนินไปที่โต๊ะ เปิดกล่องที่เก็บขวดน้ำหอม ของพระชายา พระมารดาขององค์ชาย ทรงยื่นประทานให้องค์ชาย เมื่อองค์ชายตรัสจบประโยคทรงมีพระดำรัสว่า : "สิ่งนี้เป็นของแม่เจ้า ในคืนดวงดาวแห่งจูชิน แม่ของเจ้าซ่อนตัวอยู่ในป่า และเมื่อดวงดาวส่องสว่างเต็มที่ นางก็ให้กำเนิดเจ้า มันเป็นคืนที่หนาวอย่างผิดปกติ ในคืนที่หนาวเช่นนั้น แม่ของเจ้าพาตัวเองขึ้นไปบนภูเขา สามวันจากนั้น นางก็เสียชีวิตในกระท่อมบนเขา เราทำให้วันนั้นเป็นวันเกิดของเจ้าตามที่แม่ของเจ้าต้องการ เพราะเราเชื่อว่าเจ้าคือกษัตริย์จูชิน เพราะเราต้องการปกป้องเจ้านักพรตหญิงที่มาหาเราคืนนั้นบอกเช่นนี้ มีคนมากมาย ที่อยากได้ชีวิตของกษัตริย์จูชิน เพราะฉะนั้นเขาจะต้องซ่อนตัวและทำตัวสงบเสงี่ยม พวกเขาบอกว่า มันเป็นโองการสวรรค์"



องค์ชายอ่อนลงตลอดเวลาที่ฟังพระบิดาเล่าเรื่องพระมารดา ทรงซาบซึ้งในความรักของพระนางที่มีต่อพระองค์ กษัตริย์ทรงย้ำว่า : "แม่ของเจ้าปกป้องเจ้าด้วยชีวิตของนางและข้าจะทำให้เจ้าเป็นกษัตริย์วันนี้คือวันที่มาถึงแล้ว" ทรงอ้าพระกรออกให้องค์ชายเข้ามาในอ้อมกอด แต่องค์ชายประทับยืนเฉย ต้องทรงเข้ามากอดองค์ชายเสียเอง ทรงตรัสว่า : "ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้าพิธี ไปที่อารามหลวง และอย่าไปสาย" แล้วเสด็จออกไป องค์ชาย ทูลตามหลังว่า : "เสด็จพ่อถ้าหากจะมีพวกคัดค้านพิธีราชาภิเษก ก็จะมีพวกที่จะคัดค้านพวกนั้นด้วยเช่นกัน พระองค์กำลังจะแบ่งชาติ ออกเป็น 2 ส่วน นั่นเป็นสิ่งที่ทรงต้องการหรือหม่อมฉันต้องก้าวไปในกองเลือดเพื่อเป็นกษัตริย์ นั่นคือสิ่งที่ต้องการหรือพะย่ะค่ะ" แต่กษัตริย์ไม่ทรงหยุดฟังคำทูลนี้



ที่อารามหลวง มีเพียงฮีกแกผู้นำเผ่าจุนโนและผู้ติดตาม ผู้นำแคว้นคนอื่น พากันอยู่ที่ท้องพระโรง เทวีพยากรณ์ ไปที่ท้องพระโรง เตือนว่าพระอาทิตย์กำลังจะเที่ยงวันและพิธีกำลังจะเริ่ม ผู้นำทุกคนต้องอยู่ในพิธี โชจูโด พูดว่า "ส่งตัวบุตรชายผู้นำแคว้นคืนมาก่อน จากนั้นเราจะเริ่มไม่ว่าเป็นพิธีอะไร พิธีราชาภิเษก หรือพิธีสละราชสมบัติ" เสนาบดียอนเสนอตัวไปเข้าเฝ้าเพื่อกราบทูล คำพูดเหล่านี้เอง

ที่บ้านตระกูลยอน โซคีฮาตื่นนอน แล้วนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน แล้วก็ทำท่าปวดหัว ยอนโฮแกมาที่ห้อง ถามโซคีฮาว่า "รู้เรื่องแผนการของเสนาบดียอน พ่อของตน กับหัวหน้า แทจังโรของโซคีฮา จับตัวบุตรชายคนโตของบรรดาผู้นำ 3 แคว้น และกล่าวหาฝ่าบาท เป็นผู้กระทำ ไหม" โซคีฮา พูดตอบและทำท่าทางดูถูก ยอนโฮแก ยอนโฮแก ถามว่า : "ท่านเรียกข้าว่ากษัตริย์ นั่นคือสิ่งที่ท่านคิด ผู้พิทักษ์หัวใจฟินิกซ์รับใช้กษัตริย์ที่น่ารังเกียจได้หรือ" โซคีฮา ทำท่างงงวย : "ข้าเคยยอมรับท่านเป็นกษัตริย์หรือ"
ยอนโฮแก ท่าทางเจ็บปวด กับท่าทางของโซคีฮา : "โปรดอย่าทำเช่นนั้น โปรดอย่ามองข้าเช่นนั้น ตั้งแต่เด็กข้าถูกเลี้ยงดูมาเพื่อเป็นกษัตริย์ ข้าไม่สมควรได้รับการมองเช่นนั้น"
โซคีฮา จึงให้ยอนโอแก ปล่อยเธอไป เพราะชีวิตของคนคนหนึ่งกำลังอยู่ในอันตราย ถ้าเธอไม่สามารถปกป้องเขาได้ เธอก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้เช่นกัน



ยอนโฮแกไปหาแทจังโรที่ ที่พักลับของฮวาเซิน : "ข้าหวังว่ามันจะไม่เป็นความจริง การลักพาตัวบุตรชายคนโตของ 3 ผู้นำแคว้น และพนันด้วยชีวิตของพวกเขา ข้าหวังว่าจะใช่แผนการที่ชั่วร้าย ของท่านและพ่อข้า"
แทจังโร ทำสียงเหมือนพ่อมดสะกดจิต โฮแก : "ท่านโฮแก กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่และเมตตาหลายพระองค์ ก็ทรงเคยผ่านการนองเลือดก่อนจะขึ้นครองบัลลังก์ มันไม่สำคัญหรอกว่าจะขึ้นเป็นกษัตริย์อย่างไร สิ่งที่ทรงทำหลังจากการขึ้นเป็นกษัตริย์เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า" แล้วเสริมต่อว่า "ท่านสามารถอยู่ในที่สว่างท่านโฮแก ฮวาเซินจะทำงานในที่มืดเอง" ยอนโฮแก ยังห่วงว่า : "แต่เลือดของประชาชนโคคุเรียวจะนองท่วมพื้น "แทจังโรตอบว่า "ในแผ่นดินโคคุเรียวจะมีเพียงเลือดของกษัตริย์และองค์รัชทายาท เท่านั้น ข้าขอสาบานกับท่าน" แล้วก็ทำท่านบนอบค้อมคำนับ ก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มที่ชั่วร้าย ( ในเรื่องนี้ แทจังโร คงจบปริญญาสาขาเอกจิตวิทยา และคงทำคะแนนได้ A คอยติดตามวาทศิลป์ จอมขมังเวทย์ ตอนต่อ ๆ ไป ก็แล้วกัน)



องค์ชายทรงทราบว่าผุ้นำแคว้นไม่มาเข้าร่วมพิธี : "ถ้าหากไม่ได้รับการยินยอมจาก 5 แคว้น กษัตริย์พระองค์ใหม่ไม่สามารถรับคำอำนวยพรจากสวรรค์" ทรงให้องครักษ์หญิงไปสังเกตดูเหตุการณ์

โซคีฮา มา ทูลองค์ชายเรื่องบุตรชาย 3 ผู้นำแคว้น และ เสนาบดียอนเป็นคนลักพาตัว องค์ชายถามว่า "และยังมีแผนการ ฆ่าพวกนั้น แล้วกล่าวหาว่า ฝ่าบาทเป็นผู้สั่งการ ใช่ไหม" โซคีฮา ทูลว่า "เกรงว่าจะเป็นเช่นนั้น" องค์ชาย ทรงสั่งให้องครักษ์หญิงกั๊กตัง ไปกราบทูลกษัตริย์ว่าพระองค์ ออกไปจากวังและจะกลับมาเมื่อทุกอย่างมั่นคงแล้ว ขอให้ทรงระวังพระองค์ด้วย และยังขอให้ กั๊กตัง ช่วยคุ้มครองกษัตริย์ กั๊กตัง ทูลว่า ตนเองมีหน้าที่คุ้มครององค์ชาย องค์ชายทรงวางสองพระหัตถ์ลงบนไหล่องค์รักษ์ : "คุ้มกันฝ่าบาทเหมือนพ่อของเจ้าแทนข้าที ข้าขอร้องเจ้าในฐานะพี่ชาย" องค์รักษ์หญิงจะทำอะไรได้ จึงได้แต่ค้อมหัวคำนับรับพระบัญชา แล้วองค์ชาย ก็หันไปหยิบฉลองพระองค์สามัญชน ไปเปลี่ยน ไม่ได้เหลือบแลฉลองพระองค์ที่เตรียมไว้สำหรับเข้าพิธีเลยแม้แต่น้อย

ในอารามหลวง เสนาบดียอน กราบทูลว่า บุตรชาย 3 ผู้นำแคว้น ถูกจับไป นั่นคงไม่ใช่สิ่งที่พระองค์ทรงทำ แถมยังขอกำลังทหารม้าเหล็กไปคุ้มครองนักโทษที่บ้านตนเอง เพราะ เผ่าจุนโนอาจไปช่วยพวกนักโทษออกมา ฮีกแก โมโหจน จอกฮวานหัวหน้ากองทหารม้าเหล็กที่เข้ามาอารักขากษัตริย์ต้องคอยห้าม เสนาบดียอน ทูลว่า "หม่อมฉันคงต้องเก็บตัวคนของจุนโนไว้เป็นตัวประกัน แล้วหันไปทาง ฮีกแก เมื่อบุตรชาย 3 ผู้นำแคว้นกลับไป คนของจุนโน ก็จะกลับไปเช่นกัน ข้าเกรงว่าความจงรักภักดีของท่านจะทำอันตรายต่อฝ่าบาทและองค์รัชทายาท" กษัตริย์ทรงให้ จอกฮวาน และกองทหารม้าเหล็กคอยคุ้มครองอารักขา องค์ชาย ได้ตามเสด็จองค์ชายออกไปนอกเมือง จอกฮวาน เมื่อพบโซคีฮา ก็นึกภาพที่ตนไปพบมาที่บ้านตระกูลยอนเสนาบดียอนกลับออกไป

ขุนพลโก อูซุง เข้ามารายงานกษัตริย์ในอารามหลวงหลังรับสาร จากทหารม้าเร็ว ว่า แคว้นซุนโนส่งทหาร มา 3 พันคน มุ่งตรงมายังปราสาทโกกแน จะมาถึงภายใน 1 ชั่วโมง และได้ไปถึงปราสาทฮันชิแล้ว ประมาณว่าจะมีทหาร ราว สี่พันห้าร้อย
ฮีกแก : "นี่เป็นการฝ่าฝืนที่เคลื่อนกำลังทหารโดยไม่มีพระบัญชาจากฝ่าบาท "
กษัตรย์ทรงสั่งให้ปิดประตูเมือง ทั้งทางตะวันออกตะวันตกและทิศใต้ ยอนโฮแก กำลังฝึกอาวุธ ที่ลานบ้านตระกูลยอน มีทหารเข้ามารายงาน



ส่วนที่อารามหลวง องครักษ์หญิงเข้ามากราบทูลเรื่ององค์ชายเสด็จออกไปนอกวัง เทวีพยากณ์จึงกราบทูลว่า :"ฝ่าบาทสิ่งที่ดีที่สุดเวลานี้คือพยายามปลอบโยนผู้นำแคว้นและทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ฮีกแก ขอนำกำลังทหารจุนโนเข้ามาที่ปราสาทโกกแน" แต่กษัตริย์กลับดำรัสว่า : "แม้คนของท่านยังอยู่ที่เรือนจำบ้านตระกูลยอน ข้าขอสั่งให้ท่านกลับไปจุนโน องค์รัชทายาทออกไปนอกวังแล้ว อาจจะต้องการสถานที่ที่ปลอดภัยในการบซ่อนตัว เขาอาจต้องการสถานที่ ที่ไปขอความช่วยเหลือ นี่ไม่ใช่คำขอร้อง ข้าสั่งให้ท่านทำ" ขุนพลโก ทูลเชิญ ให้เสด็จกลับพระราชฐานชั้นใน เนื่องจากอารามหลวง อยู่ใกล้ภายนอกเกินไป
องค์ชาย ทรงม้าออกมานอกวังพร้อมโซคีฮา และกองทหารม้าเหล็กของจอกฮวานเพื่อไปช่วย บุตรชาย หัวหน้าเผ่าที่ถูกจับไป เมื่อยังอยู่ในระหว่างทางที่แห่งหนึ่งองค์ชายสั่งให้มีการตั้งค่ายและให้ทหารบางส่วนออกไปลาดคระเวน จอกฮวาน กลับทูลว่า "จะไม่มีการตั้งค่าย ไม่มีการออกลาดตระเวน และขอให้องค์ชายสละพระชนม์ชีพ" ทหารทุกคนกลับชักม้าล้อมองค์ชายไว้ โซคีฮา ทำท่าปกป้ององค์ชายทันที จอกฮวานถามโซคีฮาว่า "ท่านเป็นผู้พิทักษ์หัวใจนกฟินิกซ์ มิใช่หรือ" องค์ชายหันมามอง โซคีฮา แบบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินในขณะนั้น จอก ฮวาน กล่าวต่อว่า "ข้ารู้ว่าผู้พิทักษ์หัวใจนกฟินิกซ์ รับใช้ท่านโฮแก ข้าเข้าใจผิดหรือไม่ แล้วท่านโฮแก ทราบไหมว่าท่านมาอยู่ที่นี่" โซ คีฮา ชักดาบสั้นที่ติดตัว บอกว่า "ข้าไม่ตอบคำถามคนทรยศ" และปรี่เข้าหา จอกฮวาน องค์ชายรั้ง โซคีฮาไว้ ตรัสกับจอกฮวาน ว่า "ท่านพูดถูก ถ้าข้าตาย ก็จะไม่มีความบาดหมางนี้ ความสงบสุขของปราสาทโกกแน จะกลับคืนมา เขาเป็นคนเดียวที่เกิดภายใต้ดวงดาวจูชิน ที่จะแบกรับพรหมลิขิตจากตำนาน" จอกฮวาน รีบตอบว่า "ถูกต้องพะย่ะค่ะ" องค์ชายตรัสต่อว่า "คนที่จะเป็นกษัตริย์แห่งจูชิน ต้องการเช่นนี้หรือ ลักพาตัวบุตรชายผู้นำแคว้น ป้ายความผิดให้กษัตริย์ พาคนของกษัตริย์ก่อการจลาจล นำอันตรายมาสู่บ้านเมือง เอาทหารเข้าเมืองหลวง นำความตายมาให้องค์รัชทายาท โฮแกแห่งตระกูลยอน คนที่เกิดภายใต้ดวงดาวจูชิน ต้องการหรือ เจ้าตอบคำถามข้าได้ไหม" จอกฮวานอึ้งหลบตาองค์ชาย ยอนโฮแก ตามมาถึงพอดี กล่าวตอบว่า "มีบางอย่างที่ไม่ทรงรู้ มีคนเกิดภายใต้ดวงดาวจูชิน อีกคนคือท่าน แต่กษัตริย์ มีได้เพียง หนึ่ง" พวกทหารพากันลงจากม้าและชักดาบ โซคีฮา เข้าขวางหน้าทำท่าปกป้ององค์ชายทันที ยอนโฮแก มองอย่างเจ็บปวดใจ โซคีฮาใช้เข็มที่ผ่ามือทำให้องค์ชายสลบ ทรุดองค์ลง โซคีฮาโอบไหล่ประคององค์ชายไว้ บอก ยอนโฮแกว่า "ข้าทำพระองค์สลบ ข้าสาบานกับท่านว่า ข้าจะกลับเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นในวันพรุ่งนี้" หลังจากนั้น.....
ยอนโฮแก บอกว่า "จงบอกรัชทายาทว่า ไปให้ไกลจากปราสาทโกกแน ข้าจะไม่ปล่อยเขาเป็นครั้งที่สอง" โซคีฮา ถามถึงกษัตริย์ ยอนโฮแก ตอบว่า "กษัตริย์จะไม่มีอันตราย ถ้ารัชทายาทไปแล้ว และเหตุการณ์นี้ไม่เกี่ยวกับข้า ถ้าข้าจะเป็นกษัตริย์ ข้าจะอยู่ในที่สว่าง พร้อมด้วยความสง่างาม และเกียรติยศ แล้วพวกเจ้าจะยอมรับข้าเป็นกษัตริย์อย่างแท้จริง" ยอนโฮแก หันกลับจะขึ้นม้า และหันมามองโซคีฮา แบบ ทวงสัญญาแกมขอร้อง แกมเจ็บปวด .."จนกว่าพระอาทิตย์จะขึ้นในวันพรุ่งนี้ จนกว่าเจ้าจะกลับมา"
โซคีฮา โอบประคององค์ชาย..

เมื่อกลับถึงบ้านตระกูลยอน เสนาบดียอน เอาแจกันขว้างใส่ เฉียดหน้า ยอนโฮแก ด้วยความโกรธ สุด ๆ แจกันหล่นแตกกระจาย ยังไม่พอยังยกหีบเล็ก จะทุ่มใส่อีก “ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าทำอะไรลงไป “ ยอนโฮแก ตอบว่า "ข้ารู้ว่าข้าไม่ได้ลักพาตัวบุตรชายผู้นำแคว้น ข้าไม่ได้กล่าวหากษัตริย์ โกหกน่ารังเกียจ คิดกบฏ" เสนาบดียอนตอบว่า "เจ้ายังไม่เข้าใจว่า ทำไมจึงจำเป็นต้องทำเรื่องนี้" ยอนโฮแกสวนว่า "รัชทายาทรู้เรื่องทุกอย่าง และอีกไม่นานคนอื่น ๆ ก็จะรู้เช่นกัน ท่านพ่อบอกว่า อยากให้ข้าเป็นกษัตริย์จูชิน แต่ทำไมเอาเรื่องโกหก มาใส่ข้าด้วย ทำไม...นางคนที่บอกว่าเป็นผู้พิทักษ์หัวใจนกฟินิกซ์นั้น ท่านรู้ไหมนางมองข้าอย่างไร นางมองข้าอย่างดูถูกแค่ไหน"
เสนาบดียอน : "ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ข้าเข้าใจทุกอย่าง ว่าทำไมเจ้าทำเช่นนี้"
ยอนโฮแก : "ข้าจะเป็นกษัตริย์แต่ต้องด้วยความสง่างาม และเกียรติยศ เพราะฉะนั้นท่านพ่อ..." ยังไม่ทันจบประโยค เสนาบดียอน ก็ตบหน้ายอนโฮแก เสียงดังฉาด
เสนาบดียอน : "เจ้าเอาอันตรายมาสู่บ้านเมือง เพราะผู้หญิงคนเดียว นั่นหรือคือความสง่างามและเกียรติยศของเจ้า"
แทจังโรแอบฟังอยู่นาน เข้ามาเสริมว่า "ถูกแล้วท่านโฮแก มันควรจะจัดการ โดยมิให้ ต้องชักดาบสักเล่มเดียวออกจากฝัก ผู้นำแคว้นที่ถูกลักพาตัวบุตรชายไป จะรวมตัวเข้าเป็นหนึ่ง และหากพวกเขาต้องสละชีวิต เพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองแล้ว ก็ควร กษัตริย์ไม่ต้องมีห่วงอีกต่อไป ท่านควรขึ้นครองราชย์ เหมือนอย่างที่ทุกคนต้องการ ให้ท่านคนที่เกิดภายใต้ราชวงศ์ ภายใต้ดวงดาวจูชิน ก็คือท่านโฮแก ประชาชนในอาณาจักรนี้จะมีแต่ความสงบสุขในดินแดน ไม่มีการบาดหมางอีกต่อไป "
เสนาบดียอนเสริมว่า "รัชทายาทยังมีพระชนม์อยู่ มันมีทางเดียวเท่านั้น คือ ทหารในโคคุเรียวต้องหลั่งเลือด เลือดหยดสุดท้ายที่หลั่งออกมาเป็นเพราะเจ้าทำให้มันหลั่งออกมาเอง "
ยอนโฮแก มีทีท่าแบบคาดไม่ถึง แกมตกใจ ที่ตัวเอง จะทำให้เกิดการนองเลือด
( โบราณบอกว่า คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล เสนาบดียอน เดิมก็เป็นคนดี เห็นแก่ความสงบสุขของบ้านเมือง และส่วนลึก คือไม่ได้คิดร้ายกับกษัตริย์หยาง แต่ เมื่อถูกชักจูงหว่านล้อมด้วย ผู้มี วาทศิลป์ มีจิตวิทยา แต่เป็นไปในทางร้าย ของแทจังโร แทจังโร ..จะบอกว่า ต้องเสียสละส่วนน้อย เพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวม ประมาณนั้น )เสนาบดียอน ก็หลงผิด กระโดดขึ้นหลังเสือ และเกิดความทะเยอทะยานขึ้นมา ภายหลังเริ่มรู้ตัว แต่ก็ลงจากหลังเสือไม่ได้เสียแล้ว



ที่ชายแดนหมู่บ้านผู้ลี้ภัย
องค์ชายฟื้นขึ้นมาให้ห้องพักในหมู่บ้านผู้ลี้ภัย เมื่อออกมาข้างนอกทรงพบเห็น ความทุกข์ยากหิวโหย ของผู้คน ที่อพยพมาจากดินแดนอื่น แม้ว่า เมื่อสามปีที่แล้วมีการส่งอาหารมาให้จากการเปิดคลังหลวง แต่ประชาชนก็ยังเผชิญกับความทุกข์ยากเหล่านี้ ( แสดงว่าองค์ชาย ทรงใส่ใจความเป็นไปของบ้านเมืองรวมทั้งการบริหารราชกิจของพระบิดา) โซคีฮาบอกว่า "ทุกบ้านเมืองมีคนตกอยู่ในสภาวะนี้เสมอๆ เขาสูญเสียบ้านจากการพนัน สูญเสียประเทศชาติจากการสงคราม คนเหล่านี้ มิได้มีเพียงในดินแดน โคคุเรียวเท่านั้น " โซคีฮายังบอกอีกว่า "องค์ชายจะอยู่ที่นี่อย่างปลอดภัย และจะหาคนมาให้ องค์ชาย โปรดรออีกคืนเดียว" เมื่อกลับมาข้างใน โซคีฮา เตรียมอาหารให้องค์ชาย องค์ชายทรงเรียก คีฮา โซคีฮา ทูลว่า "คนของแคว้นจุนโนสนับสนุนกษัตริย์จนนาทีสุดท้าย"
แต่องค์ชายกลับถามว่า “เจ้าจะสอนข้าไหม “
แต่ โซคีฮา ก็ตอบไปอีกทางว่า "หม่อมฉันส่งคนไปที่เมืองหลวง เพื่อสืบดูสถานการณ์" โซคีฮาตักอาหารมาคุกเข่าตรงหน้าองค์ชาย.
องค์ชาย : "ข้าจะทำอะไรได้ เสนาบดีของอาณาจักร พากันเป็นศัตรูกับกษัตริย์ พวกเขาต้องการฆ่าข้า เพื่อยกกษัตริย์ของพวกเขาขึ้นมา ทหารที่มีหน้าที่คุ้มครองข้า กลับขอให้ข้าเสียสละชีวิตตนเอง และ..ผู้หญิงที่ข้าไว้ใจ กลับรับใช้คนอื่นในฐานะกษัตริย์"



โซคีฮา :"ทรงเกลียดหม่อมฉันหรือ....ทรงต่อว่าหม่อมฉันหรือ...." แล้วโซคีฮา ก็ลุกขึ้นจะเดินผ่านองค์ชาย องค์ชายทรงเอื้อมหัตถ์ไปจับมือโซคีฮาไว้ โซตีฮาเหลียวมามอง ทั้งคู่สบตากัน ต่างองค์ ต่างคน น้ำตาคลอ
องค์ชาย : "เจ้าคงรู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน"
โซคีฮา : "ทรงลงโทษหม่อมฉันเถิด หม่อมฉันโกหกพระองค์ "
องค์ชาย : "เจ้า......รับใช้คนอื่นจริง ๆหรือ" (รอคำตอบแล้วถามซ้ำว่า) "ข้ากำลังถามเจ้าว่า .... เจ้าเชื่อจริง ๆหรือ...."
โซคีฮา ไม่ตอบ มีแต่หยดน้ำตาเป็นคำตอบ (เพราะไม่รู้จะตอบอย่างไร) องค์ชายปล่อยมือ ละสายพระเนตรที่เงยมองสบตาโซคีฮาอยู่ น้ำพระเนตรคลอมากขึ้น



องค์ชาย : "มันเป็นโชคชะตาของเจ้าที่จะเป็นฟินิกซ์ คีฮา.... เจ้าอย่าเจ็บปวดเพราะข้าเลย"
โซคีฮา คุกเข่าลงร้องไห้ "... หม่อมฉันจำได้.....ที่หอสมุดหลวง....ตอนที่ตรัสกับหม่อมฉันครั้งแรก...ว่า... หัวใจของหม่อมฉันเต้นแรง เพียงใดแค่ไหน "
โซคีฮาเข้ามากอดองค์ชาย ทั้งคู่ต่างซบไหล่ซึ่งกันและกัน และต่างน้ำตาคลอในโชคชะตา ของตัวเอง



ส่วนที่บ้านตระกูลยอน ยอนโฮแก นั่งพิงเสาหลับตาอยู่กับพื้น มีขวดสุรา กลิ้งอยู่ใกล้ ๆ รายรอบห้องมีเทียนที่จุดไว้ให้แสงสว่าง แต่หัวใจของ ยอนโฮแก กลับหม่นหมองและมืดมน กลัวว่า โซคีฮาจะไม่กลับมาในรุ่งเช้า...ยอนโฮแก ลืมตาขึ้น มองที่เพดานห้องอย่างวิงวอนขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้โซคีฮากลับมา



ก่อนค่อนรุ่งที่บ้านพักผู้ลี้ภัย....... ไม่ขอเล่าว่าองค์ชายลงโทษ โซคีฮา อย่างไร.....ที่โกหกพระองค์ ..และด้วยความเต็มใจของโซคีฮา...อุตส่าห์ รอมาตั้ง 2 พันปี เฮ้อ.................
ก่อนจากไป โซคีฮา สวมเสื้อคลุมของตนเองมานอนซบพระอุระขององค์ชายร้องไห้ และทิ้งจดหมายไว้ บนกองฉลองพระองค์คลุมขององค์ชาย ที่พับไว้เรียบร้อย...



เมื่อขี่ม้าออกมาก็พบทหารของฮวาเซินไล่หลังและดักหน้า แทจังโรมาด้วยตัวเอง ถามโซคีฮาว่า "เจ้าบอกกับท่านโฮแกจะกลับมาตอนพระอาทิตย์ขึ้น เรามาเพื่อพบเจ้า เจ้าอยู่กับเขาหรือ รัชทายาท ทัมด๊ก "
โซคีฮา พูดเสียงดังว่า "อย่าเอ่ยชื่อพระองค์จากปากของท่าน"
แทจังโร : "ข้าเคยเตือนเจ้าแล้วว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขา นั่นเป็นเพราะความผิดของเจ้า"
โซคีฮา สบตาแทจังโร อย่างแค้นใจ ส่วน แทจังโร อย่างท้าทาย แล้วโซคีฮา ก็กระตุ้นม้า โผนทะยานฝ่าวงล้อมทหารของแทจังโร จนทหารตกจากม้า แต่ว่า...ผลที่สุด โซคีฮา ก็ไม้พ้นจากอำนาจของแทจังโร

ส่วน ฮยอนโก ที่นั่งบังคับรถม้า มากับ ฮยอนยอง (คนที่หาบขนมหวานเร่ขาย)
ฮยอนยอง ถามว่า "มีผู้พิทักษ์ ฟินิกซ์ 2 คนหรือ "
ฮยอนโก ตอบว่า "เมื่อ 2 พันปีมาแล้ว คาจินเป็นเจ้าของพลังไฟ แต่เทพฮวานอุง ทรงเอาพลังไฟไปให้กับ แซ โอ แห่งเผ่าหมี ทรงทำให้ แซโอ กลายเป็นผู้พิทักษ์ ฟินิกซ์ "
ฮยอนยอง : "เพราะฉะนั้น คาจิน เป็นผู้มีพลังไฟก่อน และ แซโอ คนที่ท่านฮวานอุงให้พลังไฟไป ทั้งสองคน สามารถกลับชาติมาเกิดใหม่"
ฮยอนโก : "เป็นไปได้ เราถึงต้องเดินทางมา เราต้องไปช่วยซูจินี"



องค์ชาย ทัมด๊ก ตื่นบรรทมขึ้นมา พบจดหมายของ โซคีฮา บอกว่า ประตูเมืองด้าน ตะวันออก ตะวันตก และทิศใต้ถูกปิด ผู้นำแคว้นจุนโน และทหารของเขาออกไปจากเมืองหลวงแล้ว กษัตริย์กำลังมีอันตราย หม่อมฉันจะกลับไปพากษัตริย์มาที่นี่อย่างปลอดภัย สถานที่เดียวที่หม่อมฉันกับพระองค์จะอยู่ได้ อย่างปลอดภัยคือแคว้น จุนโน มันเป็นการเดินทางที่อันตราย หม่อมฉันจะนำคนกลับมาคุ้มครองพระองค์ในระหว่างเดินทาง ทรงบอกว่าฟินิกซ์ คือชะตาลิขิตจากสวรรค์ หม่อมฉันจะยอมรับการลงโทษจากสวรรค์ หม่อมฉันยินดีจะรับมันหลังจากได้ใช้ชีวิตร่วมกับพระองค์ รอหม่อมฉันก่อน หม่อมฉันจะรีบกลับมา



องค์ชาย ทรงใช้พระหัตถ์ ลูบ ฉลองพระองค์ ที่พับกองไว้ และโซคีฮา ม้วนจดหมายฉบับนี้วางซ้อนไว้ คงรำลึกไปถึง เจ้าของจดหมายนั่นเอง ......

ป.ล. ที่1 เรื่องย่อแบบยาว คนอ่าน ต้องทำใจกันหน่อยละ เพราะคนเล่า เป็นคนค่อนข้างเอาใจตัวเอง ก็อยากเล่าแบบนี้นี่นา
ป.ล ที่ 2 ที่สุสานหลวง ( ที่จริงเรียกศาลบรรพชนก็ดีเหมือนกันแต่เรียกอย่างนี้มาแต่ต้นน่ะ)องค์ชาย ประทับนั่งที่พื้นฟุบพระพักตร์หลับบนพระกรที่วางบนพระชานุ (ฟุบหน้าหลับบนแขนที่วางบนเข่า น่ะ คุณ Joนึกภาพออกไหม)

Copyright @ Amornbyj & SUE