...ตอนที่ 23...
ทัมด๊ก เสด็จพระราชดำเนินที่ระเบียงของพระราชวัง มีขุนพลโก และองครักษ์ ตามเสด็จ
ทัมดีก มีพระประสงค์ จะเสด็จไปช่วย รัชทายาทแห่งยาน ที่กำลังถูกปองร้าย
ขุนพลโก กราบทูลว่า เราจะเอากองทหารไปที่นั่นไม่ได้ มันเป็นดินแดนของยาน
ทรงสั่งให้ขุนพลโกจัดทหาร ห้า พันคน ที่ป้อม ฮยอนโด และป้อมชิน ทหารพวกนั้นต้องเตรียมพร้อม
ขุนพลโก ทูลถามว่า ทรงมีแผนการอะไร พะย่ะค่ะ
ทรงตรัสว่า การที่จะช่วยใครสักคนที่อาจได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ของชาติ มันจะเป็นประโยชน์ แก่เราอย่างยิ่ง ทรงขอให้ขุนพลโก ดูแล จัดการ กับรายงาน ที่ ยังกองเป็นภูเขาเลากา อย่างที่เห็น ๆกันอยู่ เหล่านี้ แทนพระองค์
ทรงถามฮยอนโก ว่า มีศิษย์ของโคมิล ที่ป้อมปราการ ยงหรือไม่ ฮยอนโก ทูลตอบว่า มีศิษย์ของโคมิลอยุ่ที่นั่นพอสมควร ทรงให้ ชอโร ตามเสด็จด้วย ส่วนจูมูชิ จะทิ้ง ไว้ที่ปราสาท และให้ขุนพลโก ช่วยจัดการเรื่องของจูมูชิ และดัลบี เพราะ จูมูชิ เอง คงจะลำบากที่จะจัดการเรื่องของดัลบี ด้วยตัวเอง
จูมูชิ ไปที่โรงตีเหล็กของบาซอน
จูมูชิ : ท่านบาซอน ท่านช่วยดูขวานนี้ให้ข้าหน่อย
บาซอน : เจ้าจะลับขวานทุกวันหรือไง
จูมุชิ ตามองอยู่ที่ดัลบี ปากก็พุดกับบาซอนว่า : ดูให้ดีดี ข้าคิดว่าขวานนี้มันคมเกินไป (โถ...จูมูชิ เอ๋ย)
บาซอน : ไปคุยกับนางสิ ไปแล้วจับนางให้ได้ พูดกับนางว่า เจ้าเป็นผู้หญิงของข้า ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุข พูดอะไร ทำนองนี้ น่ะ
จูมูชิ : ไหนพูดอีกครั้งสิ ให้ข้าพูดว่าอย่างไรนะ
ฮยอนยอง : น่าสงสารจริง สู้รบเก่งแล้วมีประโยชน์อะไร ดูตัวอย่างข้านะ จับนางไว้อย่างนี้ แล้วก็ จับแขนบาซอน เป็นตัวอย่าง สอนต่อว่า มองเข้าไปในตาของนาง เจ้าอยากเป็นของข้าไหม
บาซอน ผลักหน้าฮยอนยองที่ทำตัวอย่างให้ดูอยู่ ออกไป : ขอโทษ
ดัลบี วิ่งเข้ามาพอดี ถามว่า : ท่านไม่ไปด้วยหรือ
จูมูชิ : ไป..ไหน..ข้าจะไปไหน ?
ดัลบี : ดูเหมือนว่าฝ่าบาท จะทรงเดินทางอีก ข้ากำลังเตรียมเสบียงให้พระองค์
จูมูชิ : เสด็จโดยไม่มีข้าไปด้วย เออ....โมโหผลุนผลันหันกลับ วิ่งไปได้ 2-3 ก้าวก็หยุด
บาซอน : เสด็จอีกแล้ว ทรงไม่เคยประทับที่วังเลย ใน 50 วัน ทรงอยู่ในสนามรบเสีย 20 วัน อีก 20 วัน ก็ เสด็จไปโน่น มานี่ และอีก 5 วัน ก็อยู่ในสนามฝึกซ้อม
จูมูชิ วิ่งกลับมายืนหอบตรงหน้าดัลบี
ฮยอนยองเข้ามากระซิบ เบา ๆ : จับนาง
จูมูชิ : นี่.... (ทำท่าทางรวบรวม สมาธิ และความกล้า คำรามในคอ แล้วเดินออกไปข้างนอก ( โธ่แล้วกันแล้ววิ่งกลับมาทำไมนี่ พ่อจูมูชิ)
ดัลบี เดินแกมวิ่งตามออกมา : ท่านรู้จักบ้านใกล้ ๆ ต้นไม้ใหญ่ ที่ ดองโกลไหม
จูมูชิ : บ้าน ?
ดัลบี : ฝ่าบาท ทรงให้ข้าไปดู และข้าก็ไปดูมาแล้ว ถ้าชอบ ...ฝ่าบาท จะทรงประทานให้ ข้า...ชอบมัน...
จูมูชิ ยิ้มออก
ดัลบี : เมื่อท่านกลับมา ท่านควรไปดูว่าท่านชอบไหม
จูมุชิ ติดอ่างขึ้นมาเสียแล้ว : เมื่อ...ข้ากลับมา...ข้า..ข้าแน่ใจว่า..ข้าจะชอบมัน...บ้าน...หัวเราะเขินๆ แล้วก็ดีใจเต็มที่ หัวเราะก้อง.. แล้วก็หงายหลังหกล้มเพราะเหยียบ ไปโดนหิมะที่พื้นด้านนอก ดัลบี ทำหน้าขบขัน ปนเอ็นดู คนตัวใหญ่เสียงดังฟังชัด ผมทรงนกหัวขวานเสียเหลือเกิน บาซอนและฮยอนยอง เอาฝ่ามือ แปะกัน ร่วมยินดี กับ คนคู่นี้ เพราะช่วยลุ้นเสียเหนื่อยใจมานานแล้ว
ทัมด๊ก เสด็จออกนอกประตูวัง ดำรัสว่า : บอกท่านขุนพล กากิน ที่ป้อมปราการควานมี ให้ใช้กองทหาร ออกไปพรวนดิน มันสำคัญมากที่พวกเขาจะต้องไม่พลาดฤดูกาลเพาะปลูกนี้
องครักษ์ : รับด้วยเกล้าพระเจ้าค่ะ
ขุนพลโก : ฝ่าบาทอย่างน้อย ทรงนำทหารราชองครักษ์ไปด้วย หม่อมฉันจะให้เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นคนธรรมดาสามัญ พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : ข้ากำลังจะเดินทางไปประเทศอื่นอย่างลับๆ พร้อมด้วยคนที่ห้อมล้อมข้าหรือ ? มันจะทำให้ข้าปลอดภัยหรือ ทรงพระสรวล ปลอบใจขุนพลโกให้ไม่ต้องห่วงพระองค์ : ข้าจะรีบกลับมา
มีเพียงชอโร และฮยอนโก ตามเสด็จ
องครักษ์ : อะไรหรือ
ขุนพลโก : สารจากพวกยาน หลังจากทรงทอดพระเนตร ทรงมีท่าทางแปลกไป ท่านไม่คิดเช่นนั้นหรือ ?
ทัมด๊ก ทรงม้า.. มีเสียง เรียก ฝ่าบาท...
เป็นเสียงของ จูมูชิ : ฝ่าบาท เป็นพระกรุณา สำหรับบ้านพะย่ะค่ะ หัวเราะเริงร่าอีกต่างหาก
ที่ป้อมปราการยง ใน ยาน
ที่พำนักของโกอูน
โกอูน ทายาทคนหนึ่งของโคคุเรียว เป็นหลานปู่ของเชื้อพระวงศ์ ที่ถูกนำไปเป็นเชลย พร้อมราชินีแห่งโคคุเรียว พระอัยยิกา (ย่า) ของทัมด๊ก ได้ส่งสารมาขอความช่วยเหลือ กษัตริย์แห่งโคคุเรียว เพื่อให้ช่วยปกป้องรัชทายาท แห่งยาน (โมยงโบ- ต่อมาได้ครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งยานเหนือ) ซึ่งโกอูน เป็นองครักษ์ให้อยู่ ทัมด๊ก เสด็จไปด้วยพระองค์เอง เพราะมีข้อความในสารบอกร่องรอย ของ ซูจินี ทรงตัดสินพระทัยที่จะเสด็จมา
กษัตริย์แห่งยาน ทรงมีพระญาติและพระโอรส หลายพระองค์ ทำให้แก่งแย่งกัน ต่อสู้กันมาโดยตลอด โมยงฮวี พระโอรสองค์ที่สอง พยามจะปลงพระชนม์ รัชทายาท โมยงโบ โดยที่กษัตริย์แห่งยาน ได้แต่ทรงมองดูว่าใครจะรอดชีวิต มิหนำซ้ำไม่ทรงอนุญาตให้รัชทายาท มีกำลังทหาร
ซูจินี มาเป็นครูสอนภาษาโคคุเรียวให้กับ บุตรสาวของโกอูน
โกอูน : อาจารย์ ช่วยพาเด็ก ๆออกไปจากบริเวณนี้สักระยะหนึ่ง ข้าต้องเอาคนไปกับข้าเพื่ออารักขาองค์รัชทายาท ที่นี่จะมีแต่ผู้หญิงและเด็ก ข้าจะส่งคนรับใช้ไปกับท่าน ท่านไปอยู่ที่ชนบทสักพักหนึ่งก่อน
ซูจินี : ข้าเข้าใจ ท่านได้รับคำตอบจากโคคุเรียวแล้วหรือยัง
โกอูน : ข้าไม่ได้คาดหวังอะไร ถ้าหากมีเรื่องขัดแย้งกันภายในยาน นี่จะเป็นสิ่งดีสำหรับโคคุเรียว ถ้าข้าเป็นกษัตริย์แห่งโคคุเรียว ข้าจะพยายามสร้างปัญหา ข้าคิดว่า เราทำสิ่งที่ไม่มีประโยชน์
บุตรสาวโกอูนพูดกับบิดาด้วยภาษายาน โกอูน บอกบุตรสาวว่า พูดตามที่อาจารย์สอนเจ้าสิ เด็กหญิงถามว่า ท่านพ่อจะไปไหนหรือ
โกอูน : ดีมาก พ่อต้องไปบางแห่ง อยู่กับอาจารย์และอย่าทิ้งนาง เด็กหญิงพยักหน้ารับคำ
โกอูน : อาจารย์ หากมีอะไรเกิดขึ้นกับข้า ซูจินี รีบตอบว่า : ไม่ต้องห่วงเด็กๆ ข้าจะอยู่กับพวกเขา
โกอูน คำนับขอบคุณ ซูจินี บอกให้เด็กๆไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วหันมาอุ้มหลานตัวน้อย ออกไปด้วย
ในตลาด มีทหารขี่ม้า และทหารหลายคนวิ่งมา ซูจินีส่งหลานให้คนรับใช้ ในรถม้ามีเด็กหญิง 2 คนนั่งอยู่ ซูจินี สั่ง ว่า พาเด็กไปก่อน ข้าจะไปร่วมกับเจ้า หลังจากส่งสารเรียบร้อยแล้ว หญิงรับใช้พยักหน้ารับคำ ซูจินี คว้าห่อผ้าและธนู
ที่บ้านของโกอูน ได้ต้อนรับ แขกจากโคคุเรียว
เมื่อโกอูน เดินเข้ามาในห้อง ทุกคนลุกขึ้นยืน ทัมด๊ก บอก ว่า พวกเรามาที่นี่ตามพระบัญชาของฝ่าบาท
โกอูน : เชิญนั่ง ถ้าเช่นนั้น กษัตริย์แห่งโคคุเรียวคงได้รับสารของข้า พระองค์จะส่งกองทัพมาหรือไม่
ทัมด๊ก : ทรงตรัสว่า จะไม่ส่งมา
โกอูน พยักหน้ายอมรับ : ใช่แน่นอน การส่งกองทัพไปยังดินแดนอื่นเป็นเรื่องลำบาก แต่ข้าคิดว่า ทรงต้องทำบางอย่าง ทรงมีกองกำลังทหารรับจ้างที่เก่งกาจ ข้าคิดว่าอย่างน้อยพระองค์จะส่งพวกนั้นมา
ทัมด๊ก : ใครบอกท่านเช่นนั้น ทรงถามย้ำ ใครบอกท่านเกี่ยวกับเรื่องทหารรับจ้าง
โกอูน : เรามีอาจารย์มาจากโคคุเรียว
ทัมด๊ก : ข้าขอพบอาจารย์ท่านนั้นหน่อยได้ไหม
โกอูน : นางออกไปพร้อมกับเด็ก ๆ แล้ว
มีคนวิ่งเข้ามารายงานว่า โยยงฮวี ได้นำทหารไปยังตำหนักของรัชทายาท ดูเหมือนว่าทหารจะมีมากกว่าร้อยคน
โกอูน : อะไร
พ่อบ้าน : เขาจะโจมตีกลางวันแสกๆ หรือ
โกอูน : กษัตริย์ทรงทำอะไรอยู่
คำตอบ : ไม่มีความเคลื่อนไหวจากพระองค์
โกอูน : ทรงกล่าวว่า จะไม่แทรกแซงหรือไม่
ทัมด๊ก กอดพระอุระฟังอยู่ โกอูน หันมาทางทัมด๊ก : เราต้องคุ้มครององค์รัชทายาท โมยงฮวี เป็นพระโอรสองค์ที่สอง แต่พยายามปลงพระชนม์องค์รัชทายาท กษัตริย์ทรงมองดูว่า ใครจะรอดชีวิต พวกท่านจะช่วยเราหรือไม่ ท่านต้องช่วยชีวิตของรัชทายาท ข้าเป็นองครักษ์ของพระองค์
ฮยอนโก : เรามาเพื่อช่วยท่าน
โกอูน : ข้ารวบรวมคนได้ 50 คน แต่พวกนั้นไม่ใช่นักสู้ ข้าไม่รู้ว่า คนพวกนั้นจะช่วยได้มากน้อยเพียงใด ท่านมีคนสักเท่าใด
จูมูชิ ทำท่าทางนับนิ้ว ทัมด๊กทรงตอบว่า 4 คน โกอูน ทั้งตกใจและผิดหวัง ทัมด๊กทรงถามว่า โมยงฮวีบัญชากองทัพหรือ ข้าคิดว่าพวกเขาคงจะมีฝีมือ
โกอูน : ท่านบอกว่ากษัตริย์โคคุเรียว ส่งท่านมา
ทัมด๊ก : ถูกต้องทรงส่งเราทั้ง 4 คนมา โกฮุน ทำท่าผิดหวังและหมุนตัวออกไปจากห้อง
ทัมด๊ก : ข้าคิดว่าพวกเขาดูถูกพวกเรา ทุกคนลุกขึ้นยืน จูมูชิ : หม่อมฉันเดาว่า เขาคงไม่เลี้ยงอาหารเรา
ฮยอนโก : เวลาเช่นนี้ เจ้ายังจะหิวอีกหรือ ? ฝ่าบาท จะทรงทำเช่นไร พระเจ้าค่ะ
ทัมด๊ก : เราต้องช่วยเขา ข้ามีเรื่องจะถามเขา จูมูชิ เอามือจับท้อง ท่าทางหิวข้าวจริง ๆ
ที่ด้านนอกซูจินี มองเห็นทัมด๊ก และคณะ ที่อาคารอีกหลังหนึ่งในบ้านของโกอูน
ทัมด๊ก : ท่านคิดอย่างไรกับคนเหล่านั้น พวกเขาพอจะเป็นประโยชน์บ้างไหม
จูมูชิ : ขึ้นกับฝ่ายตรงข้าม แต่หม่อมฉันคิดว่า ครึ่งหนึ่งคงยังไม่รู้จักวิธีชักดาบด้วยซ้ำไปพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก ทรงพบ โกอูน ที่ยืนครุ่นคิดแก้ปัญหาอยู่ ทรงตรัสด้วยว่า : สิ่งที่เราต้องทำคือการอารักขารัชทายาทหรือ ตามเส้นทางที่มาที่นี่ เราผ่านตำหนักของรัชทายาทมันไม่ใหญ่โตมาก คนสักร้อยก็ยึดได้แล้ว มีคนป้องกันอยู่เพียงเล็กน้อย นั่นหมายความว่าประตูหน้าตำหนักเป็นเป้าหมายที่ง่ายดาย
โกอูน : ทรงไม่อนุญาตให้รัชทายาทมีกำลังทหาร ข้าไม่รู้ว่า ทรงกลัวอะไร
ทัมด๊ก : ข้าไม่ต้องการสู้กับคนเป็นร้อย แล้วทำไมเราไม่ลอบเข้าไปพาตัวรัชทายาทออกมาแบบลับๆ แต่ข้าไม่รู้ว่า รัชทายาททรงมีหน้าตาอย่างไร และรัชทายาท ไม่ทรงรู้ว่าข้าเป็นอย่างไรเช่นกัน ท่านจะไปกับพวกเราไหม
โกอูน มองหน้าทุกคน
ทัมด๊กและชอโร มีความรู้สึก มีบางสิ่งบางอย่างรบกวนจิตใจ นั่นเป็นเพราะ ซูจินี ยืนแอบอยู่ที่เสามุมเหลี่ยมบ้านแอบดูอยู่
โกอูน เดินนำเข้าไปข้างใน ทัมด๊ก ทรงหยุดพระราชดำเนิน และหันพระพักตร์ไปทางด้านซูจินี แต่ทอดพระเนตรไม่เห็นมีสิ่งใด ชอโร ก็พลอยหยุดไปด้วย และหันไปมองเช่นกัน
ที่ตำหนักของ โมยงโบ
จูมูชิ แบ่งพวกนั้นออกเป็น 2 ส่วน หม่อมฉันเอาไปครึ่งหนึ่ง ท่านทั้งสองเอาที่เหลือไป
ทัมด๊ก : มันมากเกินไป
จูมูชิ : พวกนั้นดูกะปลกกะเปลี้ยเหลือเกินพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : งั้นเจ้าก็ทำเถอะ ทรงแยกไปกับชอโรก่อน จูมูชิ บ่น ออกไป แล้วก็ตามทัมด๊กไป
อีกด้านหนึ่งของตำหนัก
จูมูชิ : แล้วที่นี่ล่ะ
ทัมด๊ก : ข้าชอบมัน
จูมูชิ : มันก็ พอ ๆ กับกลุ่มเมื่อสักครู่
แล้วทัมด๊ก และจูมูชิ ชอโรก็ ฆ่าทหารที่เข้ามาบุกรุกตำหนักรัชทายาท ครู่เดียวก็ตายหมด
โกอูน ทั้งประหลาดใจและตกใจในผลงาน
จูมูชิ เปิดประตูเข้าไปข้างใน ทัมด๊ก สั่ง ไปทางประตูนั่น ชอโรพยักหน้า ชอโร และจูมูชิไปอีกด้าน
โกอูนตามเข้ามา
ส่วนฮยอนโก แยกไปทำหน้าที่ล่อหลอก ทหารยาน
ฮยอนโก ยกไม้เท้าขึ้น บอกว่า เดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้ มันขึ้นมาแล้ว หันกลับไปเรียกคนของโกอูน ทุกคนมาทางนี้ ลงไปทางโน้น เสนอหน้าออกไป แล้วรีบวิ่งหนีไปทางโน้น
คนของโกอูน : วิ่งหนี
: ท่านไม่ต้องการให้พวกเราสู้หรือ
ฮยอนโกหงุดหงิด : ทำไมเข้าใจยากเช่นนี้นะ ทำไปตามที่ข้าบอกก็แล้วกัน แล้ว ทวนคำสั่ง ลงไปทางโน้น เสนอหน้าออกไป แล้ววิ่งเหมือนหนีนรก ไปทางด้านนั้น วิ่ง...
แล้วก็ชักโมโหที่เห็นทุกคนทำท่าง งง งง : เจ้าพวกนี้นี่ (คงนึกในใจ ว่า พวกเจ้านี่โง่จริงๆ)
(คุณลุงเต่าดำ น่ะเป็นคนปัญญาล้ำลึก แต่ชอบพูดเรื่องง่ายๆ ให้ฟังดูยาก แม้กระทั่งการจะพูด ว่า อีก 3 วันเป็นต้น คุณลุง เป็นพวกไฮเปอร์ไหมนี่)
แต่ทุกคนก็ทำตามคำสั่ง คือวิ่งไปหาทหารฝ่ายตรงข้าม พอทหารฝ่ายตรงข้ามที่จะพังประตูหันมา และวิ่งไล่ คนของโกอูนก็ พากันวิ่งหนี ทหารฝ่ายตรงข้ามก็วิ่งไล่ตาม ( แหม ที่แท้ ก็ เอากลยุทธ์เก่าของทัมด๊กมาใช้ ล่อ ทหารฝ่ายตรงข้าม ไม่ให้เข้าไปในตำหนัก ก็เท่านั้นเอง)
ทัมด๊ก ถามทหารว่า องค์รัชทายาทอยู่ที่ไหน ทรงได้คำตอบว่าในห้องทรงพระอักษร โกอูน พาทุกคนมาที่หน้าห้องที่ใส่กลอน โกอูนทั้งร้องเรียกทั้งเขย่าประตู ทุบประตู ทัมด๊ก จับตัวโกอูน เบี่ยงให้พ้นประตู ตรัสว่า เรามีเวลาไม่มาก แล้วใช้พระบาท พังโครม จนประตูเปิดออก รัชทายาทเสวยน้ำจัณฑ์ ท่าทางท้อแท้ ตัดพ้อต่อว่าพระบิดา โกอูน ก็อ้อนวอน ว่ามารับรัชทายาท จะอารักขา รัชทายาทด้วยชีวิต
ทัมด๊ก ทรงถามว่า : ท่านเคยบอกว่า ท่านมีพื้นเพเดิมเป็นคนโคคุเรียว โกอูน ตอบว่า ถูกต้อง ทัมด๊ก : ท่านบอกว่าศัตรูคือ โมยงฮวี วันนี้ทรงอยู่ที่นี่หรือไม่
ในที่สุด ทัมด๊ก จูมูชิ และโกอูน ก็พารัชทายาท ออกจากห้องทรงพระอักษรพบกับจูมูชิ และฆ่า คนของ โมใยงฮวี ไปกลุ่มหนึ่ง เป็นเวลาเดียวกับที่กษัตริย์แห่งยาน เปลี่ยนพระทัย ส่งทหารมาช่วยรัชทายาท
คนนำทาง ยาน ที่เป็นผู้พา ชาวโคคุเรียว ไปบ้านโกอูน ครั้งแรก เล่าให้ ฮยอนโก ฟังว่า
กษัตริย์ ทรงมีพระโอรส และพระญาติมากมาย และพวกนั้นก็ต่อสู้กันเองเสมอๆ คงจะไม่สบายพระทัย
ฮยอนโก หาข้อมูล เรื่องอาจารย์ ที่เข้ามาสอนหนังสือที่บ้านโกอูน
ได้ข้อมูลมาว่า อาจารย์สอนหนังสือที่ โกอูน มีนั้นนาง ยังสาวและมาอยู่ที่นี่ ประมาณ 1 ปี สอนพวกเด็ก ๆ นายหญิงของบ้านเสียชีวิตไปนานแล้ว โกอูนจ้างนางเพราะนางมาจากโคคุเรียวเช่นกัน และนางดูแลเด็ก ๆ เป็นอย่างดี
โกอูน พาทัมด๊ก และคณะ กลับมาบ้าน และ คนรับใช้ ก็พาบุตรสาว นั่งรถม้ากลับมาเหมือนกัน โกอูน บอกทัมด๊กว่า พวกเขาบอกว่า : อาจารย์ต้องไปเยี่ยมญาติ ทัมด๊ก ทรงถามว่า บ้านญาติของนางอยู่ที่ใด โกอูน ตอบว่า ข้าไม่แน่ใจ นางพาเด็กไป และก็ไปที่นั่นบ่อยๆ แต่ข้าไม่เคยถามนางว่าอยู่ที่ใด นางเป็นแม่เลี้ยงดูลูกคนเดียว ข้าก็เลยช่วยนางด้วยการรับนางไว้ที่นี่ นางเป็นคนที่ท่านรู้จักหรือ
ทัมด๊ก ต้องทวนคำว่า เด็ก
ฮยอนโก ไปที่รถม้า
โกอูน ชวนว่า ตอนนี้เราเข้าไปข้างในกันเถิด ข้าได้เตรียมงานเลี้ยงไว้ ( สมใจ จูมูชิ แลัวซินะ พ่อนกหัวขวาน)
ฮยอนโก แลเห็นลูกธนู ทัมด๊ก ทรงถาม คนที่นำรถม้าพาลูก ๆ ของโกอูนกลับมา ว่า ผู้หญิงคนนั้นแยกจากเจ้า ณ ที่ใด
ฮยอนโก จำได้ ว่า นี่คือ ลูกธนูของซูจินี ก็เกิด อาการเจ็บที่หัวใจอย่างกะทันหัน ทัมด๊ก ทอดพระเนตรเห็น ก็ทรงห่วงใย : ท่านอาจารย์ท่านป่วยหรือ ฮยอนโก ทูลว่า : หัวใจของหม่อมฉัน
ฮยอนโกถูกพาไปนอนที่เตียง จูมูชิ เป็นห่วงว่า ฮยอนโก คงจะหิวจับมือฮยอนโกไว้ : ข้าทำข้าวต้มให้เอาไหม( จูมูชิ น่ารักขึ้นทุกวัน ซึบซับหลายๆ อย่างมาจากทัมด๊กไง เห็นไหม)
โกอูน : เราโชคดีที่ที่กษัตริย์ส่งทหารราชองครักษ์มาช่วยไว้ ขอบคุณ สำหรับความช่วยเหลือของท่าน
ท่านรู้ไหม นานมาแล้ว ราชินีโคคุเรียวทรงถูกจับมาในฐานะเป็นตัวประกันอยู่ที่นี่โดย โมยงฮวา ปู่ของข้าก็อยู่ในกลุ่มตัวประกันด้วย ปู่ของข้าเป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ที่ถูกนำตัวมาในฐานะตัวประกัน
ทัมด๊ก : ใช่ ข้าเคยได้ยิน....ข้ารู้ว่าทายาทโคคุเรียวได้อาศัยอยู่ที่นี่และยังใช้ภาษาและวัฒนธรรมของเราอยู่
โกอูนหยิบม้วนหนังสือวางลงบนโต๊ะ ถามว่าท่านอยากดูสิ่งนี้ไหม ฮยอนโก ลืมตาขึ้นมาพอดี
โกอูน เมื่อตอนที่พระราชินีถูกลักพาตัวและนำมาที่นี่ ทรงมอบสิ่งนี้ให้ไว้กับปู่ของข้าให้เก็บรักษาไว้ เวลานี้ท่านมาที่นี่ตามพระบัญชาของกษัตริย์ โคคุเรียว ข้าอยากขอร้องท่าน ช่วยถวายสิ่งนี้ให้กับกษัตริย์ โคคุเรียวด้วย ... ลาก่อน แล้วโกอูนก็ลุกขึ้นออกไปจากห้อง
ฮยอนโก ผงกตัวเองขึ้นมาและลุกขึ้นยืน ทัมด๊ก ทรงแก้ม้วนนังสือออก มีอักษร ภาษาจีน เพียง 2 ตัว
ซุนกุง คันธนูแห่งสวรรค์ คันธนูแห่งท่านฮวานอุง เปลี่ยนรูปมาจากดาบศักดิ์สิทธิ์ของจูมง
ฮยอนโกมองอย่างสนใจ ทัมด๊ก ทรงถามว่า ท่านหายดีแล้วหรือ ฮยอนโก พยักหน้า พะย่ะค่ะ แล้วทูลว่า
นี่เกี่ยวกับ ซุนกง พะย่ะค่ะ และ นี่เป็นม้วนกระดาษลับพะย่ะค่ะ เรามีส่วนต้นของสิ่งนี้ที่หมู่บ้านโคมิล และนี่เป็นส่วนท้ายพะย่ะค่ะ หม่อมฉันไม่ทราบว่ายังมีส่วนนี้อีก
ทัมด๊ก ทรงทอดพระเนตรตัวอักษร 2 ตัว นี้ ส่วนชอโร ออกมานอกห้อง เดินไปยืนตรงมุมที่ ซูจินี เคยยืนแอบ ชอโร ยืนนิ่งนาน ในมุม และท่าเดียวกับซูจินี
ชอโร นำน้ำจัณฑ์มาถวาย ทัมด๊ก ที่ยังทรงพระอักษรอยู่ที่โต๊ะ แล้วเดินไปเปิดบานประตูออกทั้ง2 บานและก้าวออกมายืนข้างนอกห้อง ทัมด๊ก ทรงเสด็จตามมา ทรงยกน้ำจัณฑ์เสวย แล้วยื่นประทาน ชอโร อีก คราวนี้ ชอโร รับมาดื่ม ทำหน้าตาเหยเก สะอึก กระอักกระไอ ทัมด๊ก ทรงพระสรวลขบขัน ชอโรถวายขวดน้ำจัณฑ์ คืน
ซูจินี แอบมองอยู่ ที่แนวต้นไม้ อมยิ้มน้ำตาคลอ นึกถึงวันเก่าๆ ที่เคยแบ่งปันเหล้า ดื่มขวด เดียวกันกับทัมด๊ก ทัมด๊ก ยังเคยโอบไหล่เธอ และเธอ เคยซบพระอังสาของทัมด๊กอย่างเป็นสุข แม้ว่าในวันนั้นจะเป็นความสุขปนเศร้าก็ตามที แล้วก็ตัดใจ ผละจากตรงนั้นไป
ที่หมู่บ้านโคมิล
ฮยอนโก คลี่หนังสือที่ได้มาจากโกอูน ศิษย์โคมิลอีกคนตักน้ำมาจากแอ่งหิน ค่อยๆเทน้ำราดบนหนังสือ ฮยอนโกยกหนังสือกลิ้งไปกลิ้งมาให้น้ำซึมจนทั่วแผ่นหนังสือ แล้วยกไฟส่อง ไม่นานก็ ปรากฎตัวอักษรขึ้นมาเต็มหน้าในที่สุด ฮยอนโก นำไปถวายให้ ทัมด๊ก ทรงถามว่าข้อความเป็นอย่างไร ทำไมพวกท่านดูเคร่งเครียด
ผู้อาวุโสโคมิล : ฝ่าบาทพวกเรามาเพื่ออ้อนวอนต่อพระองค์ ถึงแม้ตัวอักษรโบราณเหล่านี้จะหาค่ามิได้ แต่พวกหม่อมฉันขอร้องให้พระองค์ เผาหนังสือนี้ทิ้งพระเจ้าค่ะ
ทัมด๊กทรงหันไปทางฮยอนโก : ท่านไม่ต้องการให้ข้ารู้ว่า มันหมายถึงอะไรหรือ
ฮยอนโก : มันเป็นคำอธิบายถึงการใช้คันธนูแห่งสวรรค์ ซึ่งจะใช้ได้เฉพาะแต่กษัตริย์จูชินเท่านั้นมันจะให้
อำนาจที่จะฆ่าหรือรักษาชีวิตพระเจ้าบนสวรรค์ ขึ้นอยู่กับความตั้งพระทัย
ทัมด๊ก ตรัสว่า ข้าเคยใช้มันมาแล้วครั้งหนึ่ง ทรงนึกถึงวันยิงธนูวิเศษเพื่อช่วยชอโร
ฮยอนโก : ประเด็นอยู่ที่ข้อความต่อมา คันธนูแห่งสวรรค์มีอำนาจในการทำลายล้างสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์
ทัมด๊ก : เช่นนั้นถ้าจะพูดใหม่ก็คือ สิ่งเดียวที่จะทำลายสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ก็คือคันธนูแห่งสวรรค์หรือ
โดยอย่างไรล่ะ ยิงธนูใส่ของพวกนั้น
ฮยอนโก : มันง่าย พะย่ะค่ะ ถ้าทรง ถ้าทรงทำลายคันธนู ทุกอย่างก็จะถูกทำลายไปด้วยพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก ทรงเปิดหีบอีกหีบ ข้างในคือด้ามพระแสงดาบของกษัตริย์จูมง ทรงหยิบมาตีเบาๆ ที่ฝ่าพระหัตถ์อีกข้างเล่น ๆ ตรัสว่า มันดูเหมือนจะทำลายไม่ได้ง่ายๆทรงนึกถึงวันที่ โซคีฮา ใช้ดาบนี้แทงพระหทัยของพระองค์ในการทดสอบดาบคาอูริ ที่ท้องพระโรง เกิดแสงสว่างจนดาบละลายเหลือแต่ด้ามนี้หล่นลงพื้น
ผู้อาวุโสโคมิล : ถ้ามันถูกทำลายเช่นนั้น กษัตริย์จูชินก็ต้องตายไปด้วย กราบทูลย้ำอีกว่า สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ผู้พิทักษ์และกษัตริย์จูชิน จะต้องตายหมดพะย่ะค่ะ
ฮยอนโก : เพราะเหตุนี้มันถึงได้ซ่อนอยู่ในพระแสงดาบศักดิ์สิทธิ์ของกษัตริย์ จูมง มีแต่หัวใจของกษัตริย์จูชินเท่านั้นที่จะเปิดเผยได้ (ดาบแทงที่หัวใจของกษัตริย์จูชิน)
ผู้อาวุโสโคมิล : ความลับนี้ไม่สามารถเปิดเผยต่อโลก โปรดทรงอนุญาตให้พวกเราทำลายมันด้วยพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก ทรงแย้มพระโอษฐ์ : มันไม่ประหลาดหรือ ทำไมสวรรค์ส่งอำนาจมา แล้วทำไมท่านฮวานอุง ต้องซ่อนไว้ แล้วทำไมท่านถึงได้ทิ้งสิ่งนี้ไว้ ทรงยกด้ามพระแสงดาบขึ้นมาทอดพระเนตร แล้วทรงหันไปทาง ฮยอนโก : ท่านไม่เห็นด้วยหรือ ฮยอนโก เงียบไม่ทูลความใดๆ
ทัมด๊ก : หรือมีแต่ข้าคนเดียว
ทรงโยนด้ามดาบเล่นเบาๆและหล่นลงพื้น สองผู้เฒ่าโคมิล ตกอกตกใจ เสียยิ่งนัก
ฮยอนโก : อย่าทรงทำเช่นนั้น ทัมด๊ก ก้มพระองค์ เก็บด้ามพระแสงดาบขึ้นมา
ขุนพลโก เข้ามา : ฝ่าบาท ชายแดนทางใต้ส่งสารมา แพคเจเข้าโจมตี พวกนั้นมุ่งหน้ามาทางป้อมซูกุ๊ก พะย่ะค่ะ ทัมด๊ก ทรงหันมา ฮยอนโก และผุ้อาวุโส ออกไปอีกด้าน
ทัมด๊กเสด็จไปที่ห้องทำงาน
ฮยอนโก กราบทูลว่า : หมู่บ้านโคมิลได้ส่งรายงานมาถวายพะย่ะค่ะ นำทัมด๊กเสด็จไปที่แผนที่ ทูลว่า นี่คือป้อมซูกุ๊ก เราคิดว่าพวกนั้นจะไปป้อมควานมี แต่เราคิดผิด
ทัมด๊ก : พวกนั้นคงจะรู้ว่าขุนพลคากิน เป็นผู้บัญชาการป้อม ควานมี พวกนั้นคงไม่มีโอกาสไปถึง
ขุนพลโก : ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว หม่อมฉันเตรียมม้าสำหรับเดินทางได้เร็วที่สุดพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : ท่านอาจารย์ แม่ทัพจินมู ยังเป็นหัวหน้ากองทหารแพคเจหรือ
ฮยอนโก : กษัตริย์ อาชิน เป็นหัวหน้ากองทหารม้า 5 พันนาย
ทัมด๊ก : กองทหารม้า ?
ฮยอนโก : เป้าหมายของพระองค์ คงจะถึงที่นั้นอย่างรวดเร็วพระเจ้าค่ะ
ทัมด๊ก ไปบอกป้อมซูกุ๊ก ให้ต้านทานการโจมตีไว้ บอกพวกเขาว่าข้าจะไปด้วยตัวเอง
ขุนพลโก กราบทูลว่า
ป้อมปราการ ซูกุ๊ก ล้อมรอบไปด้วย ภูเขา ทางด้านตะวันออก ตะวันตก และที่ราบทางใต้ มีแม่น้ำไหลผ่านอยู่ด้านหน้า ของป้อม เป็นพื้นที่ทำการเกษตรที่กว้างใหญ่ และการต้านทานก็ค่อนข้างอ่อนแอ หม่อมฉันไม่รู้ว่าพวกเขาจะรอดจากการโจมตีจนกว่าเราจะไปถึงได้หรือไม่
ทัมด๊ก เสด็จออกมาลานข้างนอก มีขุนพลโก และชอโร
ทัมด๊ก : พวกเราจะขี่ม้าไปโดยไม่ต้องหยุดพัก
จูมูชิ : ฝ่าบาท เราต้องสวมเสื้อเกราะนั่นหรือพะย่ะค่ะ มันไม่ค่อยเหมาะกับหม่อมฉัน ยกมือขึ้นทำท่าทาง
ทัมด๊ก จับแขนจูมูชิ แบบกันให้ออกไปห่างๆ หน่อย เกะกะทางของพระองค์ : บาซอนทำเป็นพิเศษให้เจ้า
จูมูชิ : หม่อมฉันควรจะขอยกเลิกตำแหน่งแม่ทัพ ( เพราะไม่อยากสวมเสื้อเกราะเนี่ยนะจูมูชิ เอ๊ย)
ทัมด๊ก :จะมีคนช่วยใส่ให้เจ้า จูมูชิ ทำท่า งง งง ทัมด๊ก เสด็จ จากไป และตรัสว่า : เจ้าไม่รู้วิธีใส่เสื้อเกราะ ไปถามนางดู จูมูชิ วิ่งออกไป ด้านหนึ่ง แล้วนึกได้ว่าผิดทาง วิ่งกลับมาอีกด้าน ทัมด๊ก ทรงพระสรวล : ทำไมเราต้องผลักดันเขาด้วย
ขุนพลโก ทูลว่า : ทำไมฝ่าบาทไม่ทรงมีพระบัญชา ถ้าพวกเขาไม่เชื่อฟัง ก็โบยสัก 10 ที หรืออะไรทำนองนั้นล่ะพะย่ะค่ะ ทัมด๊ก ทรงพระสรวล ชอบพระทัยในข้อเสนอนี้ ชอโร ที่ยืนใกล้ๆ ขุนพลโก ยืนยิ้ม ( พ่อรูปหล่อผมยาว เฮ้อ)
จูมูชิ ใส่เสื้อเกราะพิเศษที่บาซอนตั้งใจทำให้ โดยมี ดัลบี เป็นคนสวมใส่ให้ และได้กอดดัลบี บาซอน พลอยมีความสุขไปด้วย
ในประวัติศาสตร์ กษัตริย์ DAMDEOK โปรดให้ประชาชนเรียกพระองค์ว่า YEONGNAK ( และที่โคคุเรียวก็เหมือนที่เมืองจีน เช่น เรียกกษัตริย์ อ้ายซินเจียหลอ หรือ หงลี่ ที่มีฉายาว่าเฉินหลง และใช้คำแทน ปี ต่างๆ ที่อยู่ในระหว่างการครองราชย์ว่า เฉินหลง ปี ที่ 5 เฉินหลงปีที่ 10 แบบเดียวกัน)
ปีที่ 3 ยองนัก การโจมตีของแพคเจต่อป้อมควานมี แพคเจถอยเมื่อกองกำลังสู้กลับ กษัตริย์อาชินแห่งแพคเจ ยังคงประกาศสงครามต่อไป แต่ละครั้งฝ่าบาททรงนำกองทัพและต่อสู้กับพวกนั้นจนได้ชัยชนะ
ปีที่ 4 ยองนัก แพคเจ โจมตีป้อมซูกุ๊ก ฝ่าบาททรงได้รับชัยชนะด้วยทหาร 5 พันนาย
ปีที่ 5 ยองนัก ชัยชนะครั้งสำคัญต่อแพคเจ ฝ่าบาททรงนำทหาร 7 พันนาย ต่อสู้กับแพคเจ 3 หมื่นนาย และจับทหารแพคเจ 7 พันนาย เป็นเชลย
อาลักษณ์เดินถือสารมาที่กระโจม
ฮยอนโก กราบทูลว่า ว ฝ่าบาทนี่เป็นเวลาที่ทรงรอคอย รายงานกล่าวว่า
กษัตริย์อาชินพยายามระดมทหาร และเสบียงก็กำลังน้อยลงมาก
มีรายงานจากชิลลา ว่า คนที่ไม่อยากเป็นทหารได้หนีทัพจากกองทัพของแพคเจ และรวมเข้ากับชิลลา ชิลลานั้นขอให้เราให้ความช่วยเหลือกับผู้อพยพ แพคเจ
ป้อมปราการควานมีทุกอย่างพร้อมแล้ว เรือรบ 30 ลำสร้างเสร็จแล้ว และกองทัพเรือได้รับการฝึกฝนอย่างสมบูรณ์
ที่คอรัลพวกเผ่าต่างๆกำลังวุ่นวายทะเลาะกันเอง เกี่ยวกับที่ตั้งของถนนเส้นทางการค้า
ที่ชิลลา พวกนั้นเคลื่อนกำลังไปยังคายา พวกนั้นพยายามป้องกันไม่ให้คาายาส่งกำลังเสริมเข้าไปในแพคเจ
ทัมด๊ก ทรงหันมาแย้มพระโอษฐ์ (ทรงมีพระมัสสุ -หนวด ด้วย -หล่อ-หน้าเข้ม มาดเข้ม ) เราจะจัดการกับแพคเจ
ทุกคนดีใจผุดลุกขึ้นยืน ฮีกแกหัวเราะลั่น
ทัมด๊ก : กองกำลังแรกจะมุ่งหน้าไปยัง อาริซู เราจะตั้งค่ายเพื่อเรียกความสนใจ ใช้ไม้ชี้ลงไปในแผนที่ (ที่พัฒนารูปแบบโต๊ะประชุมอัศวินอีกแล้ว) กองทหารเรือของเราจะออกจากป้อมควานมีและขึ้นฝั่งที่ แฮอัน
กองกำลังที่ 3 จะประกอบด้วยทหารม้าเหล็ก และจะขี่ม้าอย่างไม่หยุดพักไปยังปราสาทฮัน กองกำลังที่ 2 จะมุ่งตรงไปยังปราสาทฮัน ป้อมปราการต่างๆ ในระหว่างเส้นทางจะผ่านตลอดหลังจากเราได้ปักธง โคคุเรียว ลงแล้ว ด้วยกองกำลังที่รออยู่ ที่ อาริซู เราจะโจมตีปราสาทฮัน จากทุกทิศ
ในปีที่ 6 ยองนัก แห่งรัชสมัยของพระองค์ ในที่สุดสงครามกับแพคเจ ก็เกิดขึ้น ขวัญกำลังใจของกองทัพของฝ่าบาทได้ล่วงรู้ถึงสวรรค์ ทรงเตรียมการเพื่อสงครามนี้มา 4 ปี ตามที่ทรงต้องการ อำนาจของแพคเจได้อ่อนแอลง
กษัตริย์อาชิน ที่มีการเร่งการเกณฑ์ทหารได้ถูกต่อต้านโดยประชาชนที่โกรธแค้นกับสงครามที่ไม่สิ้นสุด ก่อนที่ฤดูกาลจะจบสิ้น ฝ่าบาท ทรงเอาชนะปราสาทฮันได้ วันหนึ่งการการล่มสลายของปราสาทฮัน กษัตริย์อาชินได้เสด็จมาพบฝ่าบาท โดยปราศจากม้าหรือเสลี่ยงคานหาม
กษัตริย์ อาชินและผู้ติดตามมาเข้าเฝ้าทัมด๊ก ในชุดสีขาว
ขุนพลโก :ถ้าทรงมาเพื่อขอร้องชีวิต ควรที่จะทรงคุกเข่าลง
อาชิน : ก่อนที่ข้าจะก้มหัวให้ กษัตริย์ผู้พ่ายแพ้ มาเพื่อขอร้องต่อกษัตริย์ผู้ชนะ
ทัมด๊ก : ข้ากำลังฟังอยู่
อาชิน : บรรดาพันธมิตรของแพคเจ ก็คือ คายาใต้ และแพคเจตะวันตก จะข้ามทะเลมา ถ้าหากทรงต้องการทั้งหมดนั่น ทรงต้องฆ่าและต่อสู้ไปอีก 1 ปี
ฮีกแก : เรื่องเหลวไหลอะไรกัน แพคเจต่างหากที่เริ่มต้นก่อสงครามก่อนเสมอมา และทุกครั้งทรงวิ่งหนี เราช่วยพวกท่านไว้
อาชิน : เราได้ยินมาว่า กษัตริย์แห่งโคคุเรียวไม่สนใจดินแดน แต่เป็น พี่น้อง ทรงโปรดอนุญาตให้เรายังคงชนชาติแพคเจไว้ และป้องกันมิให้มีการนองเลือดของคนบริสุทธิ์
ฮีกแก : อะไรนะ เลือดของคนบริสุทธิ์
ทัมด๊ก : ทรงต้องการรักษาชาติไว้ หรือทรงต้องการรักษาชีวิตกันแน่
อาชิน ทรุดองค์ลงคุกพระชานุ : ข้าอาชินแห่งแพเจขอคุกเข่าต่อกษัตริย์โคคุเรียว ข้าขอสาบานต่อสวรรค์ว่า ข้าจะขอรับใช้และจงรักภักดีต่อพระองค์ รับแพคเจในฐานะเมืองน้องของโคคุเรียว และรับหม่อมฉันไว้ในฐานะทาสด้วยพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : ให้ชีวิตของพระองค์มา แล้วข้าจะรักษาแพคเจและแต่งตั้งกษัตริย์
ทั้งขุนพลโก และฮีกแกแปลกใจหันมามอง ทัมด๊ก อาชิน เงยพระพักตร์แบบคาดไม่ถึง แต่ก็ใจเด็ด ทูลว่า :
หม่อมฉันจะตอบแทนพระองค์ในชาติหน้า เบือนพระพักตร์มาที่ขุนพลโก จะทรงให้หม่อมฉันขอยืมดาบได้หรือไม่
ทัมด๊ก พยักพระพักตร์ จูมูชิหยิบดาบสั้นจากอกเสื้อ ส่งให้ขุนพลโก เอาดาบยื่นไปที่ อาชิน ผู้ติดตามของอาชินพากันร้องไห้ อาชิน ทรงชักดาบออกจากฝัก เหลียวไปสั่งผู้ติดตาม ว่า กษัตริย์จะทรงรักษาสัญญา เชื่อพระองค์ และดำเนินการต่อไป แล้วทรงค่อยๆยกดาบขึ้นจะเชือดพระศอ ทรงด๊ก ทรงใช้พระแสงดาบปัดดาบสั้นหล่นลงพื้น ตรัสว่า : แพคเจสอนในสิ่งเดียวกันหรือไม่ โคคุเรียวและแพคเจ เป็นชนชาติพี่น้องกันตั้งแต่สมัยกษัตริย์จูมง พวกเราทั้งหมดเป็นพลเมืองของจูชิน และยื่นพระหัตถ์มาให้อาชินจับขยับพระองค์ขึ้น
ฮีกแก : ฝ่าบาททรงเชื่อเขาได้อย่างไร นาทีที่เราหันหลังกลับ เขาก็จะรวบรวมทหารอีก เขาจะรวบรวมกำลังทหาร จนกว่าจะพอที่จะโจมตีเรา
ทัมด๊ก : ดูแลแพคเจให้ดี แล้วทรงหันไปทางบรรดาแม่ทัพของโคคุเรียว ตรัสว่า เตรียมกองทัพ เราจะกลับปราสาทโกกแน บรรดา แม่ทัพ รับพระบัญชา พะย่ะค่ะ
ฮีกแก : ฝ่าบาท
ฮยอนโก : ทรงอนุญาตให้พวกเขายังคงเป็นแพคเจต่อไปหรือพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : นั่นคือแผนของข้า
ฮยอนโก : พวกนั้นจะแทงเราข้างหลังนะพะย่ะค่ะ บางที... ฝ่าบาทจะทรงเสียพระทัย
ทัมด๊ก : ข้าพร้อมจะเสียใจ
ฮยอนโก : แล้วจะทรงทำทำไม
ทัมด๊ก : เพราะว่าข้าได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้ากำลังต่อสู้กับสวรรค์
ฮยอนโก : ต่อสู้กับสวรรค์
ทัมด๊ก : การเป็นกษัตริย์จูชิน สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้ง สี่ ท่านรู้ไหมว่า ข้าเกลียดมันแค่ไหน
ฮยอนโก : อะไรพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : ท่านรู้ไหมว่า ข้าสูญเสียมากแค่ไหน เพราะมัน เสด็จแม่ของข้า เสด็จพ่อของข้า ประชาชนของข้า
ฮยอนโก : ฝ่าบาท
ทัมด๊ก : ข้าต้องการก่อตั้งชนชาติจูชิน โดยไม่ต้องการความช่วยเหลือจากสวรรค์
ฮยอนโก ค้านว่า: มนุษย์จะก่อตั้งชนชาติจูชินโดยไม่มีความช่วยเหลือจากสวรรค์ได้อย่างไร มันจะทำได้อย่างไร
ทัมด๊ก : อย่างนั้นหรือ ประชาชน อ้อนวอน ขอร้อง และร้องไห้ ขอความช่วยเหลือ นั่นคือสิ่งที่สวรรค์ต้องการหรือ
ฮยอนโก หมดปัญญาจะทูลตอบตามเคย (ทั้งที่ ฮยอนโก เฉลียวฉลาด รอบรู้ และทันคน ที่สุดในบรรดาตัวละคร ยกเว้น พระเอก ทัมด๊ก และผู้ร้าย แทจังโร ) ทำท่าจะตอบ แต่หาคำมาทูลตอบไม่ได้
ทัมด๊ก ทรงจับขวดน้ำหอม ทรงรำพึงว่า เจ้าไปอยู่ที่ใด และกำลังทำอะไรอยู่
ที่วัด อาบูลันซา
โซคีฮาส่งคนตามหา ซูจินี แต่ไม่มีใครหาพบ : เราหาคนชื่อซูจินีไม่พบ ปราสาทโกกแนก็ตามหานางเช่นกัน แต่ก็ยังหานางไม่พบ
โซคีฮา : มันมีทางเป็นไปได้นางอาจ จะเป็นฟินิกซ์ดำ เป็นเหตุให้นางต้องจากไปหรือนางอาจจะเปลี่ยนชื่อ นางเก่งทางยิงธนู ไปหาผู้หญิงในวัยเดียวกันและเก่งทางยิงธนู ตามนางไปจนสุดขอบฟ้า นางเป็นน้องสาวของข้า
ทหารฮวานเซิน : ขอรับนายหญิง
จูมูชิ แต่งงานกับ ดัลบี และกำลังตั้งท้อง จะคลอดในเดือนหน้า และเป็นลูก แฝด ท้องใหญ่มากจริงๆ
ฮยอนยอง สงสัยและถามมันดักว่า : ที่ข้าได้ยินว่าเผ่าของเจ้าไม่ยอมรับดินแดนที่ฝ่าบาททรงมอบให้ นั่นเคยเป็นเป้าหมายของพวกเจ้า นี่เกิดอะไรขึ้น
มันดักตอบว่า พวกเราตัดสินใจกันว่า พวกเราต้องการถนนทุกเส้นในโลกนี้
บาซอนสงสัย : เจ้าจะเป็นเจ้าของถนนได้อย่างไรจะไปเขียนชื่อไว้บนถนนเช่นนั้นหรือ
มันดักตอบว่า พวกเรากำลังจัดตั้งกลุ่มการค้าขายขึ้น จนถึงสุดขอบโลก เราจะขนส่ง ซื้อและขาย สินค้าทั่วทุกมุมโลก
(โอ้โฮ เหลือเชื่อ ชนเผ่าเร่ร่อน ทหารรับจ้าง พื้นเพจากพวกชาวป่าพื้นเมืองด้วยซ้ำ มีวิสัยทัศน์กว้างไกลแบบนี้ คงซึมซับมาจาก ทัมด๊ก มั้ง.. มันดัก และซีอู พัฒนาขึ้นตามกาลเวลาจริงๆ)
ฮยอนยอง เอ่ยถามบาซอน ว่านี่ซูจินี จากไป กี่ปีแล้ว 8 หรือ 9 ปี ที่ซูจินี ของเราจากไป
บาซอน ทุบ แขน ฮยอนยองโดยแรงจนเซ : นางไม่ได้จากไปอย่างถาวร นางอาจจะอยู่อย่างดี ณ ที่ใดที่หนึ่ง ตอนนี้...อาจแต่งงานมีลูกไปแล้ว
ทั้งหมด นั่งคุยกันไป มอง จูมูชิ กับ ดัลบี ที่ กำลังใส่เสื้อเกราะอย่างยากลำบากให้จูมูชิ ใส่ไปสอนไป ว่า ถ้าฝ่าบาท ทรงมีรับสั่งให้ไป ท่านก็ต้องไป ทรงมีรับสั่งให้หยุด ก็ต้องหยุด อย่าไปทำอะไรตามใจตัวเอง ข้าควรจะไปด้วย ฝ่าบาททรงประทับที่นี่นานแค่ไหน ทรงกลับมายังไม่นานเลย ทรงอยู่แต่ในสนามรบ ข้ากังวลว่าพระพลานามัยจะเป็นอย่างไร ทรงมีใครดูแลพระองค์บ้างไหม
จูมูชิ ได้แต่ จะพูด แต่ ไม่ทันจบประโยค เพราะดัลบี ไม่สนใจฟัง กล่าวร่ายยาวไปเรื่อยๆ
ข้าไปทำเช่นนั้นเมื่อไร.....อย่าพูดเช่นนั้น.....ภรรยาของข้า...เมียของข้า....ผลที่สุดทำท่าจะจุ๊บแก้มดัลบี โอพระเจ้า พอดีมีเสียงนกร้อง ดัลบีตกใจสลัดจูมูชิ ที่กอดตนเองอยู่ :นั่นคงจะมีข่าวอีกแล้ว
จูมูชิ : เจ้านกบ้า
ดัลบีหน้าคะมำ จูมูชิ คว้าไว้ บ่นว่า ระวังหน่อย ระวัง จุ๊บเสียทีหนึ่ง
ทัมด๊ก ต้องเตรียม สงครามอีก
คราวนี้เพราะพวกยาน พวกยานกำลังมุ่งหน้า มาชายแดนของโคคุเรียว ด้วยทหาร 3 หมื่นคน ทั้งที่ ยานได้สูญเสียกษัตริย์ และ ทหาร ถึง 4 แสนคน ในการทำสงครามกับ มูกุย เมื่อปีที่แล้ว
ฮยอนโก : หม่อมฉันสงสัยว่า อะไรทำให้พวกนั้นข้ามพรมแดนเข้ามา
องครักษ์ ทูลว่า : ฝ่าบาทคนจากชิลลาขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ ชิลลายังได้ขอความช่วยเหลือจากโคคุเรียว เพราะมีการบุกรุกเข้าไปที่ ชิลลา จากป้อม นัมโก ถึงปราสาทชิลลา
ยอนโฮแก อยู่ที่หน้าแผนที่ถามถึงสถานการณ์ของแพคเจตอนนี้
ขุนนางสาวกฮวาเซิน : กษัตริย์อาชิน ไม่ใช่คนที่จะเจรจาด้วยง่ายๆ ทรงไม่ยอมเคลื่อนทัพตามความต้องการของเรา
ยอนโฮแก : เช่นนั้น ข้าจะหาเหตุ ที่ทำให้พระองค์เคลื่อนทัพ ในคายามีกองทหารเว่ยสักเท่าใด
ขุนนาง : เว่ยยังคงส่งทหารไปคายา
ยอนโฮแก : ส่งทหารไปโจมตี ชิลลาต่อไป เพื่อให้ชิลลาขอความช่วยเหลือไปที่โคคุเรียว มันจำเป็นที่เราต้องแบ่งทหารโคคุเรียวออกไป
ทั้งหมดเกิดจาก ฮวาเซิน ที่มี ยอนโฮแก เป็นแม่ทัพ และกองทหารเว่ย ยอนโฮแก กำลังหาทาง ให้กษัตริย์อาชิน เคลื่อนกองทัพ ยอนโฮแก นั่งคิดว่า กษัตริย์แห่งโคคุเรียว จะทำอย่างไร จะช่วยชิลลา หรือมาเอาป้อม ในยาน คืน ไม่ว่าเลือกอย่างใด ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แพคเจ จะรอคอยเจ้าอยู่ทางใต้ เคลื่อนไหว สิ..
ทัมด๊ก ทรงไตร่ตรอง
ดัลโก กราบทูลว่า : ฝ่าบาท พวกนั้นโจมตีป้อมชิน พระเจ้าค่ะ
ทัมด๊กตัดสินพระทัย : ท่านแม่ทัพ ข้าจะให้กำลังพลกับท่าน ห้าหมื่นนาย
ฮีกแก ตกใจ ถามคนอื่นๆ ว่า ข้าหรือ ห้าหมื่นนาย ทรงให้ทหารกับหม่อมฉัน ห้าหมื่นนายหรือพะย่ะค่ะ ทัมด๊ก : ห้าหมื่นนายรวมทั้งทหารม้า พาพวกนั้นไปขับไล่ศัตรู ออกไปให้สุดแดน คายา บดขยี้ศัตรูให้จมดิน (นอกจากมาดเข้มแล้ว เริ่ม ห้าว เหี้ยม อีกต่างหาก)
ฮีกแก ได้สมอารมณ์หมายคราวนี้แหละ : นั่นเป็นสิ่งที่หม่อมฉันต้องการทำพะย่ะค่ะแพคเจจะไม่สามารถทำอะไรได้โดยไม่คาดคิด
ทัมด๊ก มีรับสั่งให้ดัลโก ไปตาม 2 แม่ทัพ ท่านเสือขาวคงอยู่ที่บ้าน ท่านมังกรน้ำเงินคงจะอยู่ในป่า
ยอนโฮแก ก็ได้รับรายงานว่า กษัตริย์โคคุเรียว ทรงนำทัพเล็ก 7 พันนาย มุ่งหน้ามาทางนี้
ยอนโฮแก สั่งเคลื่อนทัพ กลุ่มแรกจะมีราว 2 หมื่น ทุก ๆ 10 วัน อีก 2 หมื่นคน เข้าไปร่วมด้วยหากพวกนั้นมาถึง อาบูลันซา
โซคีฮา สั่งแทจังโรว่า เราต้องวางกับดัก สำหรับกษัตริย์แห่งโคคุเรียว เราต้องวางกับดัก เป็นท่านดีที่สุด มีคนพูดกันว่าสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ อีก สองอย่างเก็บไว้ที่หมู่บ้านโคมิล ท่านไปเอามาให้ข้าได้ไหม ข้าได้ยินมาว่าท่านสะกดคนจำนวนหนึ่งในหมู่บ้านโคมิล ท่านควบคุมเขาได้
: ไปเอาสัญลักษณ์ เสือขาวและเต่าดำกลับมา ข้าจะคืนดินแดนแห่งเผ่าเสือ ที่ท่านต้องการนักหนาให้
แทจังโร ยิ้ม หัวเราะ ถูกใจ สมใจ เป็นอย่างยิ่ง
ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในโคคุเรียว
โกอูน เดินทางเพื่อไปเข้าเฝ้า กษัตริย์แห่งโคคุเรียว ระหว่างทาง ได้ พบซูจินี และ เด็กน้อย เปิดร้านขายอาหารเล็ก ๆ ที่หมู่บ้าน
ซูจินี ถามโกอูนว่า : อะไรทำให้ท่านมาถึงที่นี่ ที่นี่เป็นดินแดนโคคุเรียว แม่ทัพใหญ่แห่งยาน ไม่ควรมาเดินตามลำพังที่นี่
โกอูน : ข้ามาเพื่อส่งสาสน์ให้กษัตริย์
ซูจินี : ฝ่าบาทเสด็จมาที่นี่พร้อมกับกองกำลังที่ป้อม ฮยอนโดหรือ
โกอูน : ข้าไม่รู้รายละเอียด แต่โปรดเชื่อข้าว่าฝ่าบาททรงเรียกข้าเข้าเฝ้าในฐานะเพื่อนร่วมชาติ
ซูจินี : เด็ก ๆ สบายดีหรือ โปรดให้อภัยข้าด้วยที่จากมาโดยไม่ได้ร่ำลา
ที่ป้อมฮยอนโด
โกอูน กราบทูล กษัตริย์โคคุเรียวว่า: ตอนนี้มีคนๆหนึ่งควบคุมกำลังทหารของยาน รัชทายาทที่ทรงเคยช่วยเหลือ เมื่อคราวก่อนได้ขึ้นครองราชย์ แต่ทรงถูกวางยาพิษสิ้นพระชนม์ เมื่อ 2 ปีก่อน กษัตริย์องค์ปัจจุบันเป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่งของพวกนั้น พวกนั้นอยู่เบื้องหลังอำนาจของ บู ควี และพวกนั้น เป็นคนส่งทหารยานกองแรกเข้าโจมตีในสงครามครั้งนี้
ขุนพลโก : ข้าได้ยินมาว่า ผู้บัญชาการบูควี แต่เดิมเป็นคนโคคุเรียว
โกอูน : ท่านหมายถึง คีโมอิน หรือ เขาเป็นคนที่ทำให้กองทัพบูควี กลายเป็นกองทัพที่น่าเกรงขามในหนึ่งปี หม่อมฉันไม่รู้ว่าเขามาจากโคคุเรียว แต่ได้ยินว่าวิธีการฝึกซ้อมของเขาคล้ายคลึงกับโคคุเรียว พะย่ะค่ะ
นโยบายของเขาคือการโจมตีป้อมชินด้วย ทหารยาน สามหมื่นคนรับคำสั่งเขาพะย่ะค่ะ
ฝ่าบาททหารของยานกำลังถูกใช้ให้เป็นเหยื่อ เราได้รับคำสั่งให้ถอยไป มาโบล เมื่อทรงบุกไปที่ป้อม ชิน
ฮยอนโก : ท่านพูดว่า มาโบลหรือ และได้รับคำยืนยันว่าใช่
ฮยอนโก : ฝ่าบาท อาบูลันซา อยู่ที่ มาโบล อาบูลันซา เป็น กองบัญชาการใหญ่ของฮวาเซิน และ
กองบัญชาการของพวกนี้ตั้งอยู่เหนือต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ พะย่ะค่ะ
จูมูชิ ทักทายว่า ไม่ได้พบกันนานแล้ว
โกอูน ท่านทั้งสองชื่อเสียงโด่งดัง ท่านแม่ทัพน้ำเงินและขาวแห่งโคคุเรียว ข้ารูสึกประหลาดใจเมื่อได้ยินและพบว่า พระองค์ คือกษัตริย์แห่งโคคุเรียว
จูมุชิ หันไปทางชอโร : เขาบอกว่า เราชื่อเสียงโด่งดัง ท่านได้ยินไหม แล้วเอามือตบพุงชอโร ที่ยืนเฉย
โกอูน บอกว่า : ระหว่างทางข้าได้พบอาจารย์ ที่เคยสอนบุตรสาวของข้า เวลามันผ่านไปกี่ปีแล้วนี่ อาจารย์ที่พวกท่านตามหา เราไม่ได้ข่าวคราวของนางเลย แต่ระหว่างเดินทางมาที่นี่ข้าได้พบนางโดยบังเอิญ
เป็นเวลาที่ ทัมด๊ก ทรงเปิดประตู ออกมาพอดี
และพากัน ขี่ม้าไปยังที่ ที่ โกอูน กราบทูล และนำทาง แต่เมื่อไปถึง ก็พบว่า ซูจินี เพิ่ง จากไปไม่นานนัก ชอโร กราบทูลว่าดูเหมือนนางยังไปไม่นาน ถ้าเรารีบตามไปอาจจะพบนาง ทัมด๊กทรงหันพระองค์กลับทันที
ทัมด๊ก ทรงม้า ไปพระองค์เดียว ตามริมฝั่งน้ำ จนเจอท่าน้ำแห่งหนึ่ง มีเกวียน หนึ่งเล่ม จอดอยู่ ผู้หญิงผมยาวกำลังง่วนอยู่กับล้อเกวียน ทัมด๊ก ทรงลงจากหลังม้า เสด็จพระราชดำเนินเข้าไปหา ทอดพระเนตรเห็นเด็กชาย กำลังขว้างก้อนหินเล่นลงในแม่น้ำ เด็กน้อยหันมามองแล้วเอามือจิ้มอกตัวเอง ผู้หญิงผมยาว ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน แล้วหันมา มองผู้มาเยือน เป็น ซูจินี ยืนน้ำตาคลอ ในขณะที่ ทัมด๊ก เสด็จ เข้ามาใกล้ อย่างช้า ๆ