Thursday, May 8, 2008

เรื่องย่อ ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ (ตอนที่ 14 )


...ตอนที่14 ...

ในป้อม ซอคคยอนซองของแพคเจ แม่ทัพให้ทหารไปส่งข่าวที่ป้อมโอ๊คซุน ขอกำลังเสริมมาด่วน ขุนพลโกประจัญหน้ากับหัวหน้าป้อม : ข้าเป็นผู้บัญชาการป้อมปราการแพคเจแห่งนี้ ถ้าท่านต้องการยึดป้อมของข้า ท่านต้องฆ่าข้าเสียก่อน ขุนพลโกตอบว่า ข้าไม่มีเวลาลงจากหลังม้าข้าจะพูดตรงนี้เลย กษัตริย์ได้มีพระบรมราชโองการว่าใครก็ตามที่เอาชีวิตของคนที่ไม่มีอาวุธ ใครก็ตามที่แตะต้องผู้หญิง หรือเอาของที่ไม่ใช่ของตนเอง พระองค์จะทรงจัดการคนผู้นั้นทันที
ผู้บัญชาการป้อมแพคเจ ยังดื้อดึงว่า นักรบแพคเจจะไม่ยอมแพ้แม้จะแลกด้วยชีวิตก็ตาม
ขุนพลโก : ไม่ว่าท่านจะยอมแพ้หรือไม่ ข้าก็แค่แจ้งพระบรมราชโองการกษัตริย์ของข้า ท่านจะทิ้งอาวุธและยอมเป็นคนในบังคับ หรือจะฆ่าแม่ทัพของท่านและตัวเองก็ตามใจท่าน
ขุนพลโกกระตุ้นม้าจะจากไป
ผู้บัญชาการป้อม : เดี๋ยวก่อนท่านควรบอกชื่อกษัตริย์ของท่านให้ข้ารู้
ขุนพลโกเหลียวหน้ากลับมา : ทรงเป็นคนที่ข้าไม่สามารถเอ่ยพระนามได้ โดยผู้นั้นไม่ก้มศีรษะให้
ทัมด๊ก ทรงม้าเข้ามา พอดี




ทัมด๊ก ทรงนำทหารยึดป้อมซอคคยอนซอง ได้วันที่ 2
และทรงสามารถเอาชนะป้อม โอ๊คซุนได้ในวันที่ 5
จูมูชิ และคนซีอู ตามจับตัว ม้าเร็วที่ส่งจากซอคคยอนซอง มา โอ๊คซุน ตามพระบัญชาที่ทรงคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า พอประตูป้อมเปิด รับม้าเร็ว คนนำสารถอดหมวกออกกลายเป็น จูมูชิและซูจินี
จูมูชิ ต่อว่าซูจินี ว่า : ทำไมเจ้าไม่อยู่ข้างหลัง เจ้าจะทำให้ฝ่าบาททรงเป็นห่วงหรือ
ซูจินี : ท่านคนเดียวหรือที่จะปกป้องพระองค์ ท่านเองไม่มีคนคอยเป็นห่วงอยู่ข้างหลังหรือ
จูมูชิ : อะไร เจ้าเหลวไหล
ซูจินี : ท่านไม่รู้หรือ นางบอกว่าทุกครั้งที่เห็นท่านหัวใจของนางแทบจะหล่นลงพื้น
จูมูชิ : จะ... จริง ..หรือ
ซูจินี : จริง จูมูชิ ลังเล แต่แล้วซูจินี ก็พูดต่อว่า เสียเมื่อไหร่ (รวมความว่า จริง..เสียเมื่อไหร่ ) แล้วก็หัวเราะชอบใจที่หลอกจูมูชิได้ .. พอดีทหารแพคเจ เห็น สองคน นี้ไม่ใช่ชาวแพคเจ ก็กรูกันมา ต่อสู้ ก็ต้องชนะอยู่แล้วนะคะ จูมูชิ ใช้พละกำลังเปิดประตูป้อมที่ปิดอยู่ด้วยสองมือ



ซูจินี ถามต่อว่า : ท่านยังไม่รู้ชื่อนางใช่ไหม จับมือนางหรือยังล่ะ
จูมูชิ : อะไร
ซูจินี : ท่านนี่ไม่เอาไหน ถ้าท่านอยากร่วมเตียงกับนาง ก็คงเป็นปีนี้แหละ
จูมูชิ : ผู้หญิงเขาต้องกินอะไรกัน ถึงจะเหมือนเจ้า...หา .... (อายปนดีใจ เลยทำเสียงดังกลบเกลื่อน)
ซูจินี : ฮ้า..ทุกคืนกินตับเต่า ( แบบนี้ชาวโคมิลหมู่บ้านเต่าดำโดนซูจินี หลอกกินตับไปหมดทั้งหมู่บ้าน ฮยอนโก โดนคนแรกเลย นะซี)
จูมูชิ เสียงหลง : หะ..หา..
ซูจินี พูดต่อ : ทุก 3 วัน กินหัวงูพิษ แล้วก็ .. โสมป่า ทุกเดือน
จูมูชิ : จริงหรือ
ซูจินี : มันจะจริงได้ยังไง แถมทำหน้าทะเล้นให้จูมูชิ ล้อว่าถูกหลอกอีกแล้ว (จูมูชิเอ๋ย ถูกหลอกซ้ำซาก)

ที่โอ๊คซุนนี้ ฮีกแก เป็นผู้อ่านพระบรมราชโองการ
กษัตริย์ แห่งโคคุเรียว ทรงมีพระดำรัสดังนี้ แพคเจเป็นชาติหนึ่งที่มีกำเนิดจากโคคุเรียว ใครก็ตามที่ร่วมมือกับเมืองพี่ ใหญ่ จะถือว่าเป็นพี่น้องกัน ดังนั้นช่วยกันกระจายพระราชดำรัสของกษัตริย์ ไปยังคนในบังคับของป้อมนี้ทุกคน



ทัมด๊กทรงเอาชนะป้อม อิลมี ได้ ในวันที่ 6 (ผลงานสูงกว่าเป้าหมาย เพราะตั้งเป้าตอนวางแผนว่า ใน 7 วันต้องยึดได้ 3 ป้อม ) ฮีกแก อ่านพระบรมราชโองการว่า
ของทุกอย่างในคลังของผู้บัญชาการ เป็นของคนในบังคับก่อน ของเหล่านี้จะกลับไปหาคนในบังคับ (ดัลบี ง่วนกับการจัดสรรสิ่งของเหล่านี้ และผู้บัญชาการป้อมนี้คงไม่ค่อยดีเลยถูกยึดทรัพย์เอามาแจกประชาชน)

ทัมด๊กเอาชนะ ป้อมปราการ อัพแพ ได้ในวันที่10 มีพระบรมราชโองการว่า
อย่าทำอันตรายต่อคนในบังคับ ถ้าใครทำจะถูกตัดหัว ทหารแพคเจที่ไม่ต้องการสู้กับโคคุเรียวจะไม่ถูกจัดการใดๆ พวกนั้นจะไม่ถูกจับเป็นเชลย
ป้อมปราการนี้ เปิดประตูรับกองทัพ ไม่มีการเสียเลือดเนื้อ



ทัมด๊ก เอาชนะป้อมปราการ ยอกุล ได้ในวันที่11 มีพระบรมราชโองการว่า
ถ้าพวกนั้นวางอาวุธ จะได้รับอนุญาต ให้ออกจากป้อมปราการ ไปบอกป้อมปราการที่อยู่ถัดไป
ว่ากษัตริย์ โคคุเรียว ทรงรอคอยความจงรักภักดี
ทัมด๊ก ทรงม้า เส้นพระเกศาปลิวไสว ในชุดนักรบ เกราะ งามสง่า


จอกฮวาน หัวหน้ากองทหารม้าเหล็ก พาทหารมาถึงค่ายของยอนโฮแก ทางเหนือของป้อม พัลโกล แพคเจ และถูก แม่ทัพของ ยอนโฮแก เสียดสี : ทหารม้าเหล็ก แบกม้า บนหลังมาหรืออย่างไร พวกเราเสียเวลาที่มีค่ามากแค่ไหน มานั่งรอนักรบที่มีค่าเช่นพวกท่าน แต่ ยอนโฮแก กลับถามว่า : แล้วคนที่จะพามาด้วยเล่า
จอกฮวาน ตอบว่า ที่มาช้าก็เพราะนางป่วยระหว่างทาง ยอนโฮแก ตกใจเล็กน้อย เรารอจนนางหายดี จึงเดินทางต่อ แต่นางบอกว่ามีเรื่องสำคัญที่ปราสาทโกกแน และกลับไปแล้ว
แม่ทัพคนหนึ่ง : ดีมากทหารของประเทศมาช้าเพราะผู้หญิงคนเดียว ทหารอีก 4 หมื่นคน ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะผู้หญิงคนเดียว
จอกฮวาน โกรธ ชักดาบออกมา ปราดไปหา : นางไม่ใช่แค่ผู้หญิงคนเดียว นางเป็นผู้พิทักษ์หัวใจฟินิกซ์ ข้าเห็นกับตา นาง เป็นหนึ่งใน สี่ ที่จะนำชาติของเราให้เป็น จูชิน



แล้วก็มีทหารมาส่งข่าว ความสำเร็จ ของทัมด๊ก ยอนโฮแกทั้งตกใจทั้งคาดไม่ถึง ให้นำตัว ศิษย์โคมิล ฮยอนกง มาซักถามใหม่ เมื่อ รู้ว่า ทัมด๊ก จะให้ไปร่วมโจมตีป้อมกวานมี ก็โกรธ คิดว่าสัญลักษณ์ มังกรนำเงินอยู่ที่ป้อมควานมี หาว่า ทัมด๊ก ส่งสาสน์หลอกตน สัญลักษณ์มังกรน้ำเงินมิได้อยู่ แพคเจตะวันออก แต่อยู่ที่แพคเจตะวันตก และ ทัมด๊ก เองก็เสด็จไปแพคเจตะวันตก(พาลพาโล ตัวเองเลือกมาด้านนี้เองแ ท้ๆ แบบนี้เรียกขี้แพ้ชวนตี) ฮยอนกง พูดต่อว่า ทรงบอกว่า เราต้องครองทะเล ถ้าเราโจมตีป้อมควานมี และแบ่งแพคเจเป็น 2ส่วน
มีทหารมารายงานอีกว่า กองกำลังเสริมของแพคเจ ถอยทัพกลับไป ฮยอนกง รีบบอกให้ ยอนโฮแก ยกทัพไล่ตีกองกำลังเสริมที่กำลังถอย ตามรับสั่ง แม่ทัพ คนหนึ่งกลับเสนอว่า ให้รีบโจมตีแพคเจ เพื่อยึดตรองปราสาท ฮัน ฮยอนกง แย้งว่า เราต้องโจมตีป้อมกวานมีก่อน พร้อมฝ่าบาท สิ่งที่ฝ่าบาททรงกระทำนี้ ก็เพื่อ ยอนโฮแก
ยอนโฮแก แสลงหู โกรธคำว่าฝ่าบาท คว้าดาบมาฆ่า ฮยอนกง เลือดสาดกระเด็นใส่หน้าตัวเอง
ใคร......ที่เจ้าเรียกว่า ฝ่าบาท

ที่ปราสาทโกกแน โชจูโด วิ่ง กระหืดกระหอบ มาหาเสนาบดียอน ที่เดินอยู่กับ ผู้นำแคว้น อีก 3 คน กำลังไม่พอใจ ที่ ทัมด๊ก เสด็จไปรบโดยไม่ปรึกษาสภาเสนาบดี พวกเราเป็นเสนาบดีหรือสุนัขในทุ่งหญ้า แต่ผู้นำแคว้น อีกคน ค้านว่า ไม่ว่าอย่างไรกษัตริย์ของเราก็อยู่ในสนามรบ ทรงยึดป้อมได้ 4 แห่ง นี่เป็นเรื่องใหญ่ของประเทศชาติ แต่แล้วผู้นำแคว้น อีกคน ก็พูดว่า : ข้ามีคำถาม ป้อมปราการทั้ง 4 ที่ทรงยึดได้ ใครจะเป็นผู้ดูแลพวกนั้น
: คงจะมอบให้ลูกชายหลานชายของฮีกแก เขาคงกระโดดด้วยความยินดี
: แล้วอะไรเกิดขึ้น กับโฮแกของเรา ที่เอาทหารของพวกเราไปหมด
: ข้าก็อยากรู้ ทำไม โฮแก ที่เอาทหารออกไป 4 หมื่นคน ยังยึดแม้แต่หมู่บ้านเล็กๆ ไม่ได้สักแห่งเดียว
โชจูโด มารายงานว่า ทัมด๊ก ยึดป้อมแพคเจ เป็นป้อมที่ 5 อีกแล้ว โดยไม่ได้ใช้ธนู สักดอกเดียว เสนาบดียอนทำหน้าตาอึดอัด

ในอารามหลวง เทวีพยากรณ์ : ทรงเป็นผู้นำทางสวรรค์ ประชาชนแพคเจ คือพี่น้องของเรา ที่เกิดภายใต้สวรรค์เดียวกัน ทั้งหมดคือโองการแห่งสวรรค์ ก่อนอรุณพรุ่งนี้เราจะเริ่มพิธีเฉลิมฉลองชัยชนะ บอกทุกคนให้เตรียมตัวให้พร้อมแต่แล้วก็ ไม่มีการเฉลิมฉลอง เพราะ โซคีฮา ได้เข้ามาควบคุมอาราม ใช้พลังไฟ ที่มีเพิ่มมากขึ้นในตัวเอง ควบคุม บังคับ เทวีพยากรณ์ ให้ยกตำแหน่ง เทวีพยากรณ์ ให้ โซคีฮา ก่อนจะถูก โซคีฮา ควบคุม เทวีพยากรณ์ ถามว่า โซคีฮา เป็น ผู้พิทักษ์หัวใจฟินิกซ์ ไม่รู้ไม่เห็นหรือว่าผู้ใดคือกษัตริย์จูชิน และทำไมไปรับใช้ผู้อื่นเป็นกษัตริย์ โซคีฮา ตอบว่า รู้ แต่เทวีพยากรณ์เองที่ไม่รู้บางอย่าง พลังของฟินิกซ์ เดิม เป็นของนักพรตหญิงแห่งไฟ ผู้ซึ่งเป็นแม่แห่งแผ่นดิน ( โอ๊ย !!!นางมารร้าย หลงตัวเองไปหน่อยแล้ว) กษัตริย์ จูชิน เป็นผู้ขโมยไป ข้าได้ยินเรื่องนี้ตั้งแต่เด็ก และข้าได้รับคำบอกให้เป็นผู้ เอาพลังไฟนี้กลับมา และเป็นแม่แห่งแผ่นดิน แต่หลังจากพบเขา ข้าไม่สนใจเรื่องนี้ ข้าแค่ต้องการอยู่กับคน ๆหนึ่ง แต่ข้าผิด เทวีพยากรณ์ บอกว่า : ฝ่าบาททรงเชื่อใจเจ้าที่สุด โซคีฮาตอบว่า : นั่นเป็นสิ่งที่ข้าเคยคิดเช่นกัน เทวีบอกว่า ข้าคิดว่าเจ้าคือลูกสาวข้า โซคีฮาตอบว่า ใช่ ท่านเป็นเช่นนั้น อภัยให้ข้าด้วย ข้าต้องการอารามแห่งนี้ ท่านจะยกให้ข้าไหม ข้ามีพลังเพิ่มขึ้นทุกวัน เพราะว่ามีบางสิ่งที่มีค่าภายในตัวข้า มันทำให้เข้าตื่นตัว ข้าจะเป็นแม่แห่งแผ่นดิน ข้าต้องเตรียมแผ่นดินไว้ให้ลูกของข้า และลูกของข้าจะเป็นกษัตริย์ที่แท้จริง ไม่ว่าเป็นสวรรค์หรือโลกมนุษย์ ช่วยข้าด้วย แล้ว โชคีฮาก็กอด เทวีฯ ใช้พลังจน เทวี ฯ หมดเรี่ยวแรง กลายเป็นคนเลื่อนลอย
ลูกข้า....เจ้าเห็นไหม นี่เป็นการเริ่มต้นเท่านั้น ก่อนอื่นข้าต้องให้โคคุเรียวแก่เจ้า และหลังจากนั้น ข้าจะให้อะไรเจ้าอีกเล่า และวันต่อมา เทวีพยากรณ์ก็ถูก อำนาจลึกลับจากโซคีฮา เอ่ย ปากยกตำแหน่งเทวีพยากรณ์ให้โซคีฮา ท่ามกลางนักพรตทั้งหลายในอาราม ทั้งๆที่ โซคีฮา กระซิบกับเทวีพยากรณ์ว่า ข้าคิดว่าท่านคือแม่ของข้าเช่นกัน ข้าคิดเช่นนั้นจริงๆ ฉะนั้นท่านจงไปสู่สุคติเถิดแล้วเทวีพยากรณ์ ก็สิ้นลมหายใจหลังเอ่ยปากยกตำแหน่งให้โซคีฮา นักพรต อาวุโส จำใจมอบสัญลักษณ์ ให้ เมื่อ โชคีฮา ใช้สายตาเข้มขมึงมองและพูดว่า เจ้าควรทำในสิ่งที่ต้องทำ



ในค่ายทหาร โคคุเรียว

ตื่นและหยุดนอนกันได้แล้ว
พวกเขาจะควบม้าอย่างหนักเป็นเวลา 15 วัน ทหารจะเหนื่อยกันมากจนกระทั่งไปถูกแทงมากกว่าไปต่อสู้ ทหารจากแพคเจตะวันตก ที่ถูกส่งไปที่มั่นของยอนโฮแก ได้กลับไปเมื่อ 2 วันก่อน ถ้าพวกเขามาถึง พวกเราที่อยู่ในสภาพนี้ ถ้าพวกเรามานั่งหลับกันเช่นนี้ เราคงถูกฆ่าตายเป็นอาหารเหมือนพวกหมู
ฮยอนโก ทูล ทัมด๊กว่า ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฮยอนกงที่ส่งไปหา ยอนโฮแก ไม่ส่งข่าวมาเลย
ทัมด๊ก ยังทรงเชื่อว่า ยอนโฮแก จะทำตามแผนการที่พระองค์ ให้ศิษย์โคมิล ฮยอนกง ไปส่งสาสน์
ฮีกแก : ทั้งฝ่าบาทและท่านแม่ทัพ (ขุนพลโก) ทำไมไร้เดียงสาเช่นนี้ คิดดูสิ ถ้าเขาเชื่อพระบรมราชโองการ นำทหารมาที่นี่ ใครจะเป็นผู้บัญชาการทหาร แน่นอนต้องเป็นฝ่าบาทอยู่แล้ว ยอนโฮแกผู้ซึ่งมีกำลังทหาร 4 หมื่น นาย จะยอมอยู่ใต้ฝ่าบาท ที่มีทหารเพียง 4 พันนาย หรือ คิดว่ามันจะเป็นไปได้หรือ
ขุนพลโก สีหน้ากังวล : ถ้ายอนโฮแกไม่มา เรื่องจะยุ่งยากมากขึ้น เมื่อกองทัพข้าศึกหันกลับมาที่นี่ ถ้า ยอนโฮแก ไม่มาโจมตี พวกเราทั้งหมด….
ฮีกแก : มีทางเดียวเท่านั้น เราต้องเข้าไปในป้อมควานมี ถ้าเข้าไปได้ เราจะปลอดภัย ป้อมควานมี ที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้
ทัมด๊ก : ท่านกำลังแนะนำ ส่งคนเข้าไปตาย เช่นนั้นหรือ ถ้าเราเข้าไปในป้อมที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้
ฮีกแก : ทหารเหล่านี้อยู่ในสนามรบ พวกเขาไม่กลัวตายพะย่ะค่ะ คนภายใต้บังคับของหม่อมฉันเป็นเช่นนั้น



ทัมด๊ก หลับพระเนตร ลง : ถ้าเราอยู่ที่นี่คนของเรา ต้องตาย เพราะฉะนั้นเราต้องไปหาร่มไม้ชายคาอื่น แม้มันจะหมายถึงชีวิตของเรา ทรงหันไปทางฮีกแก นั่นเป็นนโยบายอย่างไรกัน ฮีกแก ทำคอย่น กลืนน้ำลาย
เราจะคอยจนพรุ่งนี้เย็น ถ้าไม่มีอะไรจาก โฮแก เราจะกลับโคคุเรียว
ฮีกแก เงยหน้า ...ผิดคาด ...ขุนพลโก ก็หันมามองทัมด๊ก ฮีกแก ทูลถามว่า แล้ว ป้อมปราการที่ทรงยึดได้? ทัมด๊ก มีรับสั่งว่า เราต้องคืนให้พวกเขาไป
ฮีกแก กลับไปกระโจมตัวเอง อ้าปาก ตะโกน ระบายอารมณ์ เสียใจ อัดอั้นใจ โกรธ ไม่ได้ดั่งใจ จนลูกชายตกใจ ถามพ่อว่าเกิดอะไรขึ้น ฮีกแก ถามถึงเหตุการณ์ ที่ปราสาทดัลจา ที่ในคืนนั้น ทรงสั่งพวกเจ้า (ทีมโปโลสีดำ)ไม่ให้สู้ใช่หรือไม่ เมื่อลูกชายเล่ารายละเอียดให้พ่อฟัง…
ฮีกแก พยักหน้าเข้าใจ : ดังนั้น โซวดูรู ใช้ร่างกายของเขา เป็นเกราะกันธนูให้ฝ่าบาทหรือ ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นถึงได้ทรงอ่อนแอนัก ทรงเต็มไปด้วยความกลัว แต่ข้าไม่สามารถยืนดู ทรงหวาดกลัวได้ ตะโกน ส่งเสียง ระบายอารมณ์อีกครั้ง บอกลูกชาย และทหารของตัวเองว่าตามข้ามา จูมูชิ ยืนมองอยู่




ที่บ้านตระกูลยอน เสนาบดียอน เดินไปพูดไป มี โชจูโด เดินตาม : พวกนั้นพูดกันว่าทรงอ่อนแอ เปราะบาง แม้แต่ การออกไปล่าสัตว์ยังทำไม่ได้เลย แต่ครั้งแรกที่เข้าไปในสนามแข่งขัน และตอนนี้ทรงชนะการสู้รบ มันเกิดอะไรขึ้น โชจูโด ขอให้ เสนาบดี เขียนจดหมายถึงยอนโฮแก เสนาบดี ยอน ทุบโต๊ะ ปังปัง ข้าควรเขียนว่าอย่างไร ทรงมีทหารเพียง 4 พัน และกำลังได้รับชัยชนะ แต่เขามีทหาร 4 หมื่น ยังไม่ได้รับความสำเร็จสักอย่าง ให้ข้าเขียนอย่างนี้หรือ
แทจังโร เข้ามา และบอกว่า คนส่วนใหญ่ในโคคุเรียวไม่รู้เรื่องนี้ เราต้องให้เขารู้ช้า ๆ และพรุ่งนี้ เราจะส่งข่าวไปป้อมปราการควานมี และในวันรุ่งขึ้น ท่านไม่คิดหรือว่า ผู้บัญชาการที่น่ากลัวของป้อมปราการควานมี จะไม่ทำสิ่งใดในเรื่องนี้ (หน้าตาฉายแววเจ้าเล่ห์ ชั่วร้ายสุด ๆ ตามเคย หลับตาไม่เห็นหน้า ฟังแค่เสียง ก็ รู้ว่า เจ้าคนนี้ ชั่วร้ายขนาดไหน) และยังมีข่าว น่าสนใจอีกเรื่อง คนของ ฮวาเซิน จับลูกน้องของนักตีดาบที่มีชื่อเสียง นางคือบาซอน มันบอกว่า (บอกเพราะถูกซ้อมอย่างหนัก) ต้นกำเนิดของนาง มาจากหมู่บ้านช่างตีดาบฮิกซู มัลกัลหมู่บ้านที่ มี แสงสว่างของผู้พิทักษ์เสือขาว ปรากฏขึ้น ในคืนแห่งดวงดาวจูชิน เมื่อนางกินเหล้าเมานางจะเล่าเรื่องนี้ พี่ชายของนาง กำลังซ่อนตัวพร้อมของมีค่า และเผ้ารอกษัตริย์จูชิน กษัตริย์จูชินจะต้องมาหา นางจึงไปอยู่กับกษัตริย์จูชิน เพื่อว่าวันหนึ่งนางจะได้พบกับพี่ชาย



ดังนั้นเราต้องส่งคนไปทางเหนือ เพื่อตามหาช่างตีเหล็ก ท่านรีบส่งข่าวไปบอกท่านโฮแก ให้เคลื่อนพลไปทางเหนือ
เสนาบดียอน : แล้วฝ่าบาท ที่ทรงอยู่ใกล้ป้อมปราการควานมีเล่า
แทจังโร : มันคงลำบากสำหรับเขาที่จะได้อยู่ต่อไปอีก ท่านไม่ควรต้องมากังวลเกี่ยวกับเขา
และการเคลื่อนพลครั้งนี้ จะอ้างคำสั่งจากสวรรค์ ( ผ่านอารามเทวีพยากรณ์.. ขณะที่คุยกันเรื่องนี้ โซคีฮา ยังไม่ได้เป็นเทวีพยากรณ์)

และยอนโฮแก ก็ได้รับสาร จากอารามหลวง ว่า เทวีพยากรณ์ได้รับคำสั่งจากสวรรค์ แจ้งว่า สัญลักษณ์มังกรน้ำเงินอยู่ที่ควานมี และฝ่าบาทจะเป็นผู้ไปนำสิ่งนี้มา ดังนั้น ยอนโฮแก ต้องเคลื่อนพลไปทางเหนือของโยฮา ไปเอาสัญลักษณ์มังกรขาว
สารนี้ส่งมาโดยสภาเสนาบดี
แม่ทัพ : เช่นนั้นเราจะละทิ้งฝ่าบาทหรือ กองกำลังแพคเจตะวันตก กำลังมุ่งหน้าไปป้อมปราการควานมี และทรงมีทหารเพียง 4 พัน
ยอนโฮแก หันมามองแม่ทัพสายตาถมึงทึง จนต้องหยุดพูด จอกฮวานก้มหน้าลง
ยอนโฮแก สั่งการกับ กองทัพที่1 เคลื่อนทัพก่อนอาทิตย์ขึ้น
กองทัพที่2 ดูแลเสบียงอาหาร
กองทัพที่ 3 และ กองทัพที่ 4 รอจนอาทิตย์ตกดิน ให้จัดกองทหาร
กองทัพที่ 5 ต้องแน่ใจว่าทหารแพคเจ จะไม้ล่วงรู้แผนการของเรา
ศิษย์โคมิล ที่ปลอมตัวแทรกซึม ในค่ายทหารของยอนโฮแก แอบฟังอยู่ รีบ ไปส่งข่าว ด้วยนก สื่อสาร
ทัมด๊ก ได้รับกราบทูลรายงาน ในเรื่องของยอนโฮแก รวมทั้ง ฮยอนกง ว่าถูก ยอนโฮแก เชือดคอไปแล้ว ซูจินี แย่งเอาสารไปอ่าน เสียใจ ตกใจ

ดัลบีและบาซอน เข้ามากราบทูล ว่า อาวุธ และอาหารถูกขโมย ไป
ทัมด๊ก ทรงทราบทันทีถามหา ฮีกแก และจูมูชิ ( เพราะไม่อยู่ในที่ประชุม) เสด็จออกมานอกกระโจม ขุนพลโก ผู้รู้พระทัย รีบตามออกมา ทูลถามว่าพระองค์จะทำอะไรพะย่ะค่ะ
ขุนพลโกรู้ว่า จะทรงไปช่วย ฮีกแกและจูมูชิ ที่เอาทหารบางส่วนไปบุกป้อมควานมี ขุนพลโก พยายามขัดขวาง ทัมด๊ก
เอาละ ทัมด๊ก ทรงเมตตาอารี อารมณ์ดี เยือกเย็น มานาน ลองมาชม ท่าทางโมโหดุดัน กัดฟันกรอดๆ โกรธมาก พูดตะโกนเสียงดังของทัมด๊กกัน

ทัมด๊ก : ข้าควรทำอะไรได้อีก พวกโง่นั่นไปตาย ข้าไม่ยอมให้พวกเขาตายอีก ข้าไม่ยอมให้ใครตายเพราะข้าอีก ถอยไปท่านแม่ทัพ โกอูซุง
ขุนพลโกขยับตัวเข้าขวางทางที่จะเสด็จ วิงวอนขอร้องด้วยสายตา ฝ่าบาท... แล้วทรุดตัวลงคุกเข่า กราบทูลว่า
หม่อมฉัน โกอูซุง เป็นแม่ทัพที่ไม่สามารถปกป้องกษัตริย์พระองค์ก่อนได้ หม่อมฉันไม่ยอมให้มันเกิดอีกครั้ง ถึงแม้หม่อมฉันจะไม่สามารถปกป้องกษัตริย์พระองค์ก่อน แต่ทรงได้โปรดให้หม่อมฉันได้รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับกษัตริย์พระองค์ก่อนด้วยเถิด ทรงมอบความปลอดภัยของฝ่าบาทไว้ในมือของหม่อมฉัน
ขุนพลโกเสียงเครือ มอง ทัมด๊ก แบบวิงวอน
ทัมด๊ก ทรงเรียกซูจินีให้ไปนับจำนวนทหารที่เหลืออยู่.... เราจะไปกัน
แล้วทรงหันมาทางขุนพลโก ทรุดองค์ลงไประดับเดียวกับขุนพลโก ดำรัสว่า : ท่านแม่ทัพ
ขุนพลโก ลดสายตาลงต่ำ ไม่ยอมสบสายสายพระเนตร
ทัมด๊ก แย้มพระโอษฐ์ ให้นิดหนึ่งยกพระหัตถ์วางบนไหล่ขุนพล ดำรัสต่อว่า : ข้าจะทำให้ท่านมั่นใจว่า ท่านจะรักษาสัญญาที่มีกับเสด็จพ่อ
ขุนพลโก น้ำตาคลอ เงยหน้าสบพระเนตรของทัมด๊ก
ทัมด๊ก : ข้าจะไม่ตายก่อนท่าน ข้าขอสัญญา
ขุนพลโก น้ำตาร่วง ทัมด๊ก ทอดพระเนตรขุนพลโกอย่างซาบซึ้ง เข้าพระทัยดีถึงความจงรักภักดีของขุนพลโก

ส่วนฮีกแก และจูมูชิ พาทหารส่วนหนึ่งควบม้ามุ่งหน้าไปป้อมปราการควานมี ทุ่มเถียงกันไป…
ฮีกแก หาว่า คนของจูมูชิ น่าเกลียด ต่างฝ่ายบอกให้อีกฝ่ายให้ขี่ม้าตามตนเอง
จูมูชิ : ท่านควรอยู่กับคนของท่านในค่าย ท่านคิดว่าสนามรบเป็นสนามเด็กเล่นหรืออย่างไร มีคนบอกว่ามีผีร้ายอาศัยอยู่ในปราสาทควานมี เขาฆ่าคนเป็นร้อย ๆด้วยการแกว่งทวนเพียงครั้งเดียว ข้าจะสู้ทวนของเขาด้วยขวานของข้า ท่านปู่แม่ทัพ ท่านควรจะตามข้าไปช้าๆ แล้วจูมูชิ ก็กระตุ้นม้าขี่นำหน้า
ท่านปู่แม่ทัพ ... เจ้านี่...แล้วเร่งทหาร รีบตามไปเร็ว ๆ

ที่ปราสาทควานมี

กากิน แม่ทัพป้อมปราการควานมีและเป็นอาจารย์ ของผู้บัญชาการป้อมปราการ ชอโร มองไปที่ลานของปราสาท ระลึกถึง ความหลังครั้งฝึกทวน ให้เด็กน้อยชอโร ผู้บัญชาการป้อมคนเก่าบิดาของชอโร ชื่นชมฝีมือทวน ของบุตรชาย และถามกากินว่า : ท่านคิดว่าทวนเหมาะสำหรับลูกชายข้าหรือ กากิน ตอบว่า : เขามีความชำนาญอาวุธอื่น แต่เขามีความสามารถพิเศษด้านทวนออกมาให้เห็น
กากินเดินไปรายงาน ชอโร ที่ห้องพัก เมื่อไปถึง ก็รายงานว่า ข้า กากินแม่ทัพ ป้อม ข้าจะเปิดประตู เบื้องหลังประตู เป็นที่รกรุงรัง มีเก้าอี้ตัวใหญ่ที่ชอโรนั่งอยู่
สายลับของเราที่ปราสาทโกกแนได้ส่งข่าวมาว่า กองทัพที่เอาชนะป้อมปราการอื่นๆของเรา มีทหารเพียง 4 พันคน ผู้บัญชาการอื่นอาจจะหลงกลของเขา หนึ่งในพวกกองทัพนี้ กำลังมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือของป้อม ท่านไม่ต้องออกไปต่อสู้ เราจัดการกันได้
มีเสียงแหบ ๆ ตอบกลับมาจาก คนผมยาวรุงรัง :...ทำไม..ทำไม พวกนั้นไม่ปล่อยให้เราอยู่ตามลำพังพวกนั้นไม่ควรมา พวกนั้นไม่ควรมาตาย

ที่แนวนอกปราสาท ฮีกแกและจูมูชิ หลบซ่อนตัวตามแนวพงหญ้า จูมูชิ : ผู้บัญชาการกองทัพ (ขนาดย่อม ) คือข้า เรามาเพื่อมารบให้ได้ชัยชนะ ทำไมต้องหลบซ่อนตัวเหมือนหนูเล่า
ฮีกแก วางแผน : ก่อนอื่น เราต้องทำให้พวกเขาออกจากป้อม เจ้ารู้ไหม สิ่งที่มีค่าที่สุดของพวกเขาคืออะไร
จูมูชิรำคาญ : ข้าไม่อยากคิด บอก ๆมาเถอะ
ฮีกแก บอกยุทธวิธีให้

ซึ่งทางกองทัพโคคุเรียว ฮยอนโก ก็ กำลังกราบทูลทัมด๊ก ในเรื่องนี้ว่าทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของป้อมปราการควานมี คืออู่ต่อเรือ และฮีกแก ก็คงไปโจมตีที่อู่ต่อเรือเช่นกัน ทัมด๊ก ทรงตรัสว่า : นั่นเป็นแผนการของกองทัพทั้งหลายที่ต้องการป้อมปราการควานมี คือ โจมตีอู่ต่อเรือ แล้วรอทหารของควานมีออกมาแล้วก็ ต่อสู้กัน พยายามทะลายประตูป้อมเข้าไป แต่นั่นเป็นความคิดที่ดีหรือ แม่ทัพฮีกแกก็ไม่มีนโยบายอื่น นอกเหนือจากการโจมตีอู่ต่อเรือซึ่งจะทำโดยเผ่าซีอู ซูจินี นั่งลูบ เส้นผมฟังอยู่ ทัมด๊ก สั่งขุนพลโก : เลือกคนมาให้ข้า และข้าต้องการคนที่สั่งพวกนั้นได้ ขุนพลโกรับพระบัญชา ซูจินี ลุกขึ้นทูลว่า หม่อมฉันจะไปเอง ทัมด๊กและขุนพลหันมามองซูจินี ที่คว้ากระบอกลูกธนู ทรงเรียก : ซูจินี แต่ซูจินีทูลว่า ไม่มีใครเอา จูมูชิ กลับมาได้ นอกจากหม่อมฉัน มันไม่มีทางเลือก

ส่วนกากิน ก็ไปรายงาน ชอโรว่า ศัตรูใกล้เข้ามา พวกนั้นมีประมาณ พันคน หากเราไม่รู้จำนวนทหารศัตรู ข้าจะส่งทหารออกไปเอง แต่เรารู้แล้วว่า ศัตรู มีเพียงครึ่งหนึ่งที่เรามี เราควรออกไปจัดการไหม ชอโรตอบว่า เราจะรอ ...กากินรายงานต่อว่าลูกธนู ของโคคุเรียว แข็งแรงและยิงได้ไกล ถ้าพวกนั้นจุดไฟที่หัวลูกธนู
ชอโร : เราจะรอ พวกนั้นจะไม่กลับไป ทำไมพวกนั้นไม่กลับไป
กากิน : ข้าจะนำทหารไปจัดการพวกเขาเอง ข้าจะทำให้แน่ใจว่าท่านไม่ต้องไปเกี่ยวข้อง แผนการเขา คงเหมือนคนอื่น ที่ทุกครั้งก็เป็นวิธีนี้
ที่อู่ต่อเรือ จูมูชิ พาคนของซีอู ดำน้ำไป และขึ้นไป ต่อสู้กับคนเฝ้าป้อม กำลังจะเสียเปรียบทหารของป้อม แต่ซูจินี และทหารอีกส่วน ลงเรือเล็ก ไปช่วยทัน



ทัมด๊ก ก็ทรงวางแผนไว้ว่า
อย่าคิดต่อสู้ เป้าหมายของเราไม่ใช่เอาชัยชนะ
ประการที่1 เราต้องทำให้ทหารแพคเจ ออกจากป้อมปราการ
ประการที่2 เราต้องทำให้พวกเขาเชื่อ พวกนั้นต้องเชื่อว่าเรามีจำนวนทหารมากพอ
ประการที่ 3 เราจะแบ่งทหารออกเป็น 3ส่วน แล้วส่งพวกเขา ออกไปจุดต่างๆ กัน 3 จุด
เราจะโจมตีแล้วถอย ใช้วิธีเดียวกับการรบที่ป้อมปราการซอคคยอนซอง
ขุนพลโกทูลว่า มีสารไปแจ้งแม่ทัพ ฮีกแก ว่าไม่ให้ต่อสู้กับทหารที่ออกมาจากป้อมปราการแล้วพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : เพิ่มข้อความลงไปในสารของท่านด้วย ถ้าเขาไม่เชื่อฟังคำสั่งอีก เขาจะถูกปลดเป็นทหาร ไม่ให้เป็นแม่ทัพอีกต่อไป ขุนพลโกทูลว่า จะทำให้แม่ทัพเข้าใจในรับสั่ง
ฮยอนโก กล่าวกับ ผู้อาวุโสของโคมิล ว่า กษัตริย์ของเรากำลังทรงพระสำราญ สมองและหัวใจของพระองค์ทำเรื่องที่ต่างกัน สมองของพระองค์บอกว่า ไม่... เราต้องหนี เราต้องช่วยชีวิตคนของเรา แต่หัวใจกลับบอกว่า ใช่มันดี ไปต่อสู้กันเถอะ ใครพูดว่าเป็นไปไม่ได้ ไปสู้กันเถอะ
ผู้อาวุโสโคมิล งง ถามว่าอะไร ฮยอนโก ตอบว่า ไม่ ไม่ ไม่ เราจะไปรู้จิตใจของกษัตริย์จูชินได้อย่างไร ฮะฮ้า... (สมอง ต้องใช้คำว่า พระมัตถลุงค์ หัวใจ ต้องใช้ ว่าพระกมล พระหทัย พระหฤทัย)


ที่ป้อมควานมี

ศิษย์โคมิลปล่อยนกที่นำสาร ทหารของแพคเจกลุ่มหนึ่งมาที่อู่ต่อเรือ มีทหารตายมากมาย หัวหน้าจึงให้ม้าเร็วไปส่งสารถึงผู้บัญชาการป้อม ขี่ม้าผ่าน เผ่าจุนโน ที่แอบซ่อนในพงหญ้า
ฮีกแก และทุกคนดีใจ ที่ทัมด๊กมาช่วย ฮีกแก หัวเราะ : ข้าบอกเจ้าแล้วใช่ไหม ข้าบอกเจ้าแล้ว ฝ่าบาทต้องช่วยเรา
ลูกชายแย้งว่า : บอกเมื่อไรกันท่านพ่อ
ฮีกแก : ฝ่าบาทมีพระราชภารกิจมาก ข้าเสี่ยงชีวิตกรุยทางให้พระองค์
ลูกชายถามว่า หากฝ่าบาททิ้งเรา ท่านพ่อจะทำอย่างไร พวกเราฝ่าฝืนคำสั่ง แล้วมาก่อสงคราม
ฮีกแก : ถึงแม้จะทรงทอดทิ้งเรา...เรา... เช่นนั้นก็ต้องโทษพระองค์ เราจะต้องตายอย่างสิ้นหวัง โดยไม่เห็นชัยชนะ ฉะนั้นไปทูลพระองค์ตามนี้ แล้วผลักลูกชายหงายล้มลงกับพื้น ทูลพระองค์ว่า ทหารต้องออกจากป้อมควานมี เป็น 3 ระลอก ประมาณ 2 พันคน ทหารที่อยู่ในป้อมมี ประมาณ 500 คน ทูลให้พระองค์เสด็จมา เพื่ออาชนะป้อมปราการควานมี
ทัมด๊ก ทรงอาชา เสด็จมา...

ปล.ที่ 5 ต้องขออภัย กับคำราชาศัพท์ที่มีมากจริงๆ และคนเล่าเองก็ไม่ได้มีความรู้จริงในเรื่องนี้อาจมีการใช้คำผิดพลาด สาเหตุ ที่ ต้องใช้ เพราะหากดูละครนี้ ที่พากย์ภาษาเกาหลี พบว่า ที่เกาหลีเองก็ ใช้ราชาศัพท์ของเขาทั้งที่เขาไม่มีสถาบันกษัตริย์มานานแล้ว แต่ บ้านเรามี และกษัตริย์พระองค์นี้ของเกาหลี ทรงเป็นกษัตริย์ ที่เกรียงไกรมาก คนเล่า ก็พยายาม ถวายพระเกียรติ ตามแบบไทย ไทย และอย่างชาวบ้าน ๆ ให้กับพระองค์ ก็พยายาม ตัดทอนลงมาแล้ว ไม่เช่นนั้น เวลามีคำกราบบังคมทูลพระกรุณาต้องมี ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ต้องลงท้ายว่า ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ทั้งนี้มิได้มีเจตนาอวดใช้คำแต่ด้วยเจตนาที่เรียนข้างต้นจริงๆ

Copyright @ Amornbyj & SUE