Tuesday, May 6, 2008

เรื่องย่อ ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ ( ตอนที่ 12 )


...ตอนที่12...

จูมูชิ ใช้ ขวานอันใหญ่มาก มีน้ำหนัก เวลา เหวี่ยง ฟาด และฟัน น่าเกรงขาม ทัมด๊ก หลบไปหลีกมา พลิ้วสวยงามทั้งผมยาวหน้าหล่อ ชุดสวย วิทยายุทธ์ล้ำเลิศน่าดูน่าชม และทัมด๊ก ก็หลบไปแย้มพระสรวลไป ทรงคว้าดาบมาตอบโต้ต่อสู้อย่างน้อยต้องให้จูมูชิเห็น ฝีพระหัตถ์ของพระองค์เสียบ้าง มีตอนหนึ่ง ทัมดั๊กทรงล้มหงายไปที่โต๊ะ จูมูชิ ก็ไม่มีการออมกำลังให้ใช้ขวานฟาดลงมา ทัมด๊ก ทรงใช้ดาบรับไว้ ปะทะกัน จูมูชิ กดขวานลงมา ทดสอบความแกร่งของเรี่ยวแรง จูมูชิ เรี่ยวแรงยังกับช้างสารกำลังตกมัน เพราะต้องโชว์ฝีมือให้แม่หม้าย ดัลบี ชื่นชมด้วย



ทัมด๊ก ทรงต้านแรงเต็มที่ พอดี จูมูชิ เสียสมาธิ ที่ไป เหลือบตามอง ดัลบี ที่ยืนเกาะเสาทำท่าอกสั่นขวัญแขวน เพราะเชียร์ ทัมด๊ก อยู่ ทัมด๊ก เลยผลักจูมูชิออกไปได้ แต่ดาบก็บิ่น จูมูชิฟันอีกที ทีนี้ปลายดาบขาดเลย ฟาดไปฟันมา จูมูชิ ไปฟาดโต๊ะที่บาซอนวาง อาวุธ ดาบ และ เหล็กที่มีลักษณะแหลมคมมากมาย กระเด็นลอยขึ้นในอากาศ เป็นจังหวะที่ ทัมด๊ก ล้มหงายที่พื้นทอดพระเนตรเห็น ทรงลุกขึ้นออกแรงผลักจูมูชิ เต็มแรงจนพ้นทาง พระองค์เองล้มลงที่พื้นเฉียดฉิว กับ บรรดาเหล็ก แหลมคม และดาบที่ร่วงหล่นลงมา ปักดิ่งบนพื้นดิน



ทรงลุกขึ้นประทับนั่ง ตรัสว่า ข้าคิดว่ามากกว่า 10 ครั้งแล้วนะ จูมูชิ เอื้อมมือมาฉุด ทัมด๊ก ให้ทรงลุกขึ้น และบอกว่า ค่าตัวพวกข้าแพงมากต้องรวมค่าอาหารด้วย ทัมด๊ก รับสั่ง ปนเสียงหอบว่า ข้าจะคืนดินแดนที่บรรพบุรุษของเจ้าสูญเสียไป ให้ เจ้าสามารถเลี้ยงม้าได้อีก และอยู่ที่นั่นกับคนของเจ้า จูมูชิ หาว่าพระองค์ไม่มีเงิน และ เมื่อใช้งานเสร็จธุระแล้ว ก็คงลืมง่าย ๆ ทัมด๊ก ทรงย้อนว่า เจ้าเป็นคนที่ถูกลืมง่าย ๆหรือ แล้วก็มองประสานสายพระเนตรและสายตาแบบ วัดใจกัน



จูมูชิ มีข้อแม้ อีก คือจะไม่คุกเข่าถวายความเคารพ และห้ามถือตนและพวกพ้อง เป็นพลเมืองโคคุเรียว เรื่องคุกเข่า ทัมด๊ก พยักพักตร์ตอบรับ และดำรัสว่า ข้าไม่ทำ ส่วน เรื่องพลเมืองโคคุเรียว ทรงตอบว่าโคคุเรียว แพคเจ มัลกัลและซุนบิ พวกเราเป็นเมืองพี่เมืองน้องกันมาก่อน



ยอนโฮแก มาเข้าเฝ้าตามรับสั่งหา องครักษ์พามาเฝ้า ที่บันไดพระราชวัง ยอนโฮแกเห็นภาพตนเองและทัมด๊กยังเด็ก เคยสอนการใช้ทวนให้ทัมด๊ก และ สถานที่มาเฝ้านี้เป็น ที่ที่เดียว กับที่ตนเองเคยวิ่งมาหาทัมด๊ก อย่างรื่นเริง คุยเล่นสนุกสนานและจะชวนทัมด๊กแอบออกไปล่าสัตว์ ในคราวหน้า ยอนโฮแกกระพริบตาไล่ภาพความหลังออกไป ทัมด๊กประทับนั่งที่บันไดขั้นบน แบบเดิม ที่เดิมเหมือนครั้งเมื่อยังเยาว์ชันษา



ทัมด๊ก : ใคร ๆบอกว่าเจ้าคงหาข้ออ้างที่จะไม่ยอมมา
ยอนโฮแก : พระองค์ไม่ควรพบหม่อมฉัน ในที่ที่ไม่มีราชองครักษ์
ทัมด๊ก : ทำไมเจ้าจะฆ่าข้าหรือ
ยอนโฮแก : หม่อมฉันกำลังคิดอยู่
ทัมด๊ก : ทรงพระสรวล ตบพื้น ข้าง ๆ องค์ เหมือนชวนให้ ยอนโฮแก มานั่งข้าง ยอนโฮแกเหลือบมอง แล้วเดินไปนั่งหัวเสา ชั้นล่างสุดของบันได
จากนั้นก็สนทนากันเรื่อง ยอนโฮแก จะ ไปทำสงครามกับแพคเจ และเพื่อไปหาสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์
ทัมด๊ก : เมื่อเจ้าเรียกข้าว่าฝ่าบาท ถ้าคนของเจ้าไปรบ พวกเขาจะฟังคำสั่งข้าไหม
ยอนโฮแก ทำท่าถอนใจนิด ๆ : ทรงลืมแล้วหรือว่าเราสู้กันเพื่อหาสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ของผู้พิทักษ์กษัตริย์จูชิน พวกเขามาอยู่กับหม่อมฉัน เพราะอยากให้หม่อมฉันเป็นกษัตริย์จูชิน



ทัมด๊ก ไม่เห็นด้วยที่จะทำสงคราม เพราะจะทำให้ พลเมืองที่ไปเป็นทหารล้มตาย ยอนโฮแก ทูลว่า พรุ่งนี้หม่อมฉันจะถามพวกเขา ประชาชนที่ทรงห่วงใยนักหนา ในที่ประชุมสภา


วันรุ่งขึ้นในท้องพระโรง
คณะขุนนางและเสนาบดี ยังมีทีท่า ไม่ยอมรับการเป็นกษัตริย์ของ ทัมด๊ก ยอนโฮแก ยืนเด่นคนเดียวกลางท้องพระโรงทูลขอพระบรมราชานุญาติ พาคนของตระกูลยอนไปรบที่แพคเจ ทัมดั๊ก เสด็จไปยืนด้านหลังพระราชบัลลังก์แล้วก็ทรงพระดำเนินกลับไปกลับมา ทรงมีพระดำรัสว่า สงครามทำให้คนของเราเสี่ยงอันตราย ถ้าเจ้าเห็นแก่ชีวิตของพวกเขา ควรมีเหตุผลเพียงพอที่จะไปรบ และต้องมีนโยบายในการลดการสูญเสียให้มากที่สุด



ยอนโฮแกกราบทูลว่า เพื่อแก้แค้นให้ประเทศชาติ ที่แพคเจ เคยบุกเข้ามาและสังหาร กษัตริย์ โกดุ๊กวอน นโยบายและกลอุบาย คือความตั้งใจจริงของคนของหม่อมฉัน 4 หมื่นคน และตัวหม่อมฉัน วิญญาณแห่งมังกร และหัวใจเสือ ทุกคน ตบเท้าเห็นด้วย ทัมด๊ก พยายามอธิบาย ถึงการใช้แนวทางการเจริญสัมพันธไมตรี ให้ระวังการ ที่ประเทศอื่นจะเข้าร่วมและช่วยแพคเจ นอกจากนี้ แพคเจเอง ก็มีทั้ง แพคเจ ตะวันออก และ แพคเจตะวันตก



ผู้นำแคว้นกวานโนกล่าวหาพระองค์ว่ากลัวการทำสงคราม และ ไม่ทรงยอมรับในความกล้าหาญ เก่งกล้าของยอนโฮแก
โชจูโด : สงครามครั้งนี้มิใช่เพื่อหาสัญลักษณ์ ศักดิ์สิทธิ์ เท่านั้น เป็นการแก้แค้นให้กับชาติของเรา ท่านโฮแก ได้รับการสนับสนุน ความเคารพ จากประชาชนโคคุเรียว พวกเขามารวมกันจากทั่วประเทศ เพื่อต่อสู้ให้กับเขา ฝ่าบาทไม่ควรอิจฉาเขาเรื่องนี้ ชัยชนะของท่านโฮแก คือชัยชนะของโคคุเรียว และคือชัยชนะของฝ่าบาท



แล้วมีเสียงตอบรับ ถูกต้อง .... เขาพูดถูก .... มันน่าขำ.....
ทัมด๊ก ได้แต่หันพระพักตร์ไปทาง ฮยอนโก ที่มายืนแอบอยู่ด้านในข้างท้องพระโรง ซึ่งก็ได้แต่ยกไม้เท้าให้กำลังใจพระองค์



ตกกลางคืน ซูจินี มานั่งดื่มเหล้า ที่ท้องพระโรงด้านล่างที่ว่างเปล่าผู้คน ทัมดั๊กเสด็จลงไปหา
ซูจินี รู้สึกเจ็บร้อนแทน ทัมด๊ก ที่ไปเห็นภาพโซคีฮา และยอนโฮแกมา เธอ เริ่ม พูดถึงความรักวัยเด็กของพระองค์ ที่รู้กันทั่วไป กับโซคีฮา ทัมด๊ก ทรงให้ซูจินีหยุดพูด แต่ซูจินีไม่หยุด กลับทูลถาม ทัมด๊ก ว่า ยังทรงรัก โซคีฮา อยู่อีกหรือ ทั้งที่ปลงพระชนม์กษัตริย์พระองค์ก่อน และแทงพระองค์ที่อารามหลวง ทัมด๊กเริ่ม กริ้ว สั่งซูจินี เสียงดัง : ข้าบอกให้หยุด


ซูจินี : ไม่ทรงรู้เลยหรือ ว่า นางกำลังทำอะไรอยู่ หม่อมฉันขอทูลให้ทรงหยุด ทำไมกริ้วหม่อมฉัน เป็นเพราะฝ่าบาทยังรักนางอยู่ใช่ไหม
ทัมด๊ก : ถูกต้อง ข้ายังรู้สึกเช่นนั้น ถ้าข้าเริ่มคิดถึงนาง ข้าก็หยุดไม่ได้ สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับข้า ก็คือข้ายังต้องการเห็นนาง ข้าต้องการเห็นนางพูดกับนาง นั่นเป็นเหตุผลให้ข้าไม่ต้องการได้ยินเรื่องของนางอีกต่อไป ทัมด๊ก หยุดรับสั่งไปนานคงทำพระทัยอยู่...ได้โปรด.. อย่าพูดถึงนางต่อหน้าข้า
ซูจินี.. : หม่อมฉันเข้าใจแล้วแล้วก็พยายามกล้ำกลืนความน้อยใจ เสียใจ เกือบร้องไห้ออกมา ทัมด๊กเองพระพักตร์เศร้าสร้อย



ในห้องโถงใหญ่ ภายในพระราชวัง ฮีกแก แห่งจุนโน เดินเข้ามาบ่นเสียงดัง อย่างโมโห ฉุนเฉียวที่ได้ยินพวกขุนนางดูหมื่น ทัมด๊ก ว่า ทรงกลัวในการทำสงคราม อยู่แต่ภายในพระราชวัง ทูลขออนุญาตให้พวกจุนโน เข้าไปสู่สนามรบ ทหารจุนโนจะสู้เพื่อพระเกียรติยศของทัมด๊ก ในสนามรบเอง

ทัมด๊กทรงถามว่า โอกาสที่จะได้รับชัยชนะในการสู้รบกับแพคเจเป็นอย่างไร
ฮยอนโก ทูลว่า ระหว่างโคคุเรียวและแพคเจ ใครเป็นฝ่ายโจมตีก่อน ก็ได้เปรียบ เพราะทั้ง สองฝ่ายต่างก็เข้มแข็งในการทำสงคราม
ฮยอนจาง: ถ้ายอนโฮแกจะโจมตีปราสาทของแพคเจ จะต้องเอาชนะฝ่ายป้องกันซึ่งมีอยู่ 20 ป้อมปราการ เราประมาณว่าแต่ละป้อมปราการใช้เวลา 10 วันในการเอาชนะ การเอาชนะครึ่งหนึ่งของกองป้อมปราการต้องใช้เวลา 3 เดือน ยอนโฮแก จะนำทหาร 4 หมื่นนาย ไปรบนั้น ทรงต้องการให้คำนวณอาหารสำหรับ ทหาร 4 หมื่นนายไหม พะย่ะค่ะ
แต่ทัมด๊ก กลับถาม พระอาจารย์ ฮยอนโก ว่า ท่านบอกว่า โคมิลมีความสามารถในการสืบข้อมูลนั้น โคมิล จะส่งข้อมูลได้หรือไม่ ข้าต้องการปล่อยข่าวลับออกไป ถ้าเป็นไปได้ ข้าจะยอมให้ ยอนโฮแก เข้าสู่สงคราม ข้าไม่มีทางเลือก
ฮีกแก ทูลถามว่า เราจะนั่งแล้วคอยดูหรือ
ทัมด๊ก ทรงถามว่า ท่านไม่ได้ยินในสภาหรือ ทหารของยอนโฮแก ก็คือทหารของโคคุเรียว ชัยชนะของเขาคือชัยชนะของข้า ข้าจะช่วยเขา ข้าจะให้เขาได้ชัยชนะ และข้าก็จะชนะด้วย
ที่โรงตีเหล็กของบาซอน บาซอนได้เรียกช่างตีเหล็กฝีมือดี คูเปจู มาจากปราสาทฮัน และซื้อแร่เหล็กคุณภาพดีมาใช้ บาซอน อธิบายที่เตาเผาว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดของช่างตีเหล็ก คือเหล็กคุณภาพดี และไฟแรงที่จะหลอมละลายมัน เพื่อ เสื้อเกราะ โล่ ชุดเกราะ ตาข่ายเล็กเกล็ดปลา ดาบ



ฮยอนโก ทูลว่า ถ้าเราสู้เฉพาะ แพคเจตะวันออก เรามีทางชนะ แต่หากสู้กับ แพคเจตะวันตกพร้อมกัน มันเป็นไปไม่ได้ ต่อให้มีทหาร 4 หมื่นนาย
ทัมด๊ก มีพระดำรัสว่าเหตุผลที่ข้าเรียกท่านว่าอาจารย์ และขอให้คนของท่านมาที่วัง ...ไม่ใช่เพราะข้าต้องการได้ยิน สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ท่านบอกข้าถึงเหตุผล ว่า ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้ แล้วเราจะชนะได้อย่างไร
ฮยอนโกทูลว่า หม่อมฉันเองก็ไม่ต้องการพูดเช่นนั้น ทรงหยุดยอนโฮแก ได้หรือไม่พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : ยอนโฮแก คงไม่ยอมหยุด ตอนนี้เขามีทหาร 4 หมื่นนาย ที่มารวมตัวกันโดยที่ข้าไม่ได้ทำ บอกข้ามาว่าทำอย่างไร เราจึงจะได้ชัยชนะ โดยทหารพวกนี้
ฮยอนโก: กองทหารของแพคจ และโคคุเรียว ต่างมีกำลังและขนาดที่เท่าเทียมกัน เกราะและอาวุธคล้ายกัน สิ่งที่เราดีกว่าอาจจะเป็นทหารม้าเหล็ก


ทัมด๊ก ทรงถามถึงโรงตีเหล็กของบาซอน องครักษ์ ทูลตอบความเคลื่อนไหวของบาซอน
ฮยอนโก : ในตอนนนี้ ก็คือ รอเวลา มันต้องใช้เวลากว่าครึ่งปี ในการทำเกราะเหล็ก สำหรับทหาร 4 หมื่นนาย
ทัมด๊ก : การเดินทางไปแพคเจต้องใช้เวลาสักเท่าไร
ขุนพลโก : ยอนโฮแกอยู่ในสนามรบตั้งแต่เด็ก เขาเป็นนักรบที่เชี่ยวชาญ เขาคงไปถึงชายแดนได้ภายใน 7 วัน
ทัมด๊ก : แล้วถ้าแพคเจตะวันตกข้ามทะเลมาช่วยล่ะ
ขุนพลโก : ถ้า ยอนโฮแกบุกเข้าไป แพคเจจะต้องส่งข่าวออกไป แพคเจตะวันตกจะรู้ได้ ภายใน 3 วัน มันจะใช้เวลา 10-14 วัน กว่าพวกเขาจะรวมกับแพคเจตะวันออก
ทัมด๊ก ทรงไตร่ตรอง : พวกเราจะพยามยามถ่วงเวลาที่ ยอนโฮแกจะไปถึงชายแดนแพคเจ เราจะสกัดกั้นความช่วยเหลือจากแพคเจ
ฮยอนโก : เรา....หมายถึง ทหารของจุนโน และทหารของ แม่ทัพ โก
ขุนพลโก : เรามีกัน 3 พันนาย



ทัมด๊ก : มันเป็นตัวเลขที่ดี เราทำเสื้อเกราะสำหรับพวกเขาได้ทันที
ฮยอนโก :ทรงต้องการต่อสู้กับทหารแพคเจตะวันตก ด้วยทหาร 3 พัน นายหรือพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : อาจารย์ ถ่วงเวลาทหารของโฮแกไว้มากกว่า 2 อาทิตย์ ให้พวกเขาไปทางตะวันออกของปราสาทฮัน
ฮยอนโก: ทรงนำทหาร 3 พันนาย ไปสู้รบกับทหารแพคเจตะวันตกในช่วงเวลานั้นหรือพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : การส่งสารไปแพคเจ ใช้เวลานานแค่ไหน
ขุนพลโก : ถ้าส่งพรุ่งนี้ มันจะไปถึงปราสาทฮัน ภายใน 5 วัน
ทัมด๊ก : ถ้าเช่นนั้นให้พวกเขารู้ว่า ข้าอยู่ในวัง ให้ทำเป็นว่าข้าขี้ขลาด ไม่ไปสงคราม ทัมด๊ก ยังคงทำตัวเป็นไก่ฟ้าที่เอาแต่มุดหัวลงดิน เข้าใจไหม
ฮยอนโก สวนว่า : หม่อมฉันไม่เข้าใจ ทรงกำลังจะไปต่อสู้ กับแพคเจตะวันตก ด้วยทหาร 3 พันนาย เพื่อช่วย ยอนโฮแกหรือพะย่ะค่ะ ทรงต้องการให้พวกเราเป็นเป้าธนู เพื่อ โฮแกจะได้ครอบครองสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์หรือพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : อาจารย์...กษัตริย์ของท่าน เป็นคนไม่รักประชาชนของตัวเองหรือ ทหารของโฮแก ก็คือประชาชนของข้า ข้าไม่ยอมให้พวกเขาตายหรอก

วันหนึ่งซูจินีมาที่โรงตีเหล็ก บาซอน ได้อธิบายประสิทธิภาพของลูกธนู ที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่ ทั้งความแกร่ง วิถี และระยะไกล ซูจินี แปลกใจที่ บาซอน ไม่คิด ทำลูกธนู แบบนี้ ไว้ขายก่อนหน้านี้ ซึ่งถ้าทำคงรวยไปแล้ว บาซอน ยกลูกธนู ทำท่าจะเคาะหัว ซูจินี บอกว่า หัดใช้สมองเสียบ้างสิ อาวุธที่มีไว้ฆ่าคนแบบนี้ ถ้าข้าคิดจะทำ ข้าจะทำให้เพื่อคนที่ข้าสนับสนุนเท่านั้น ข้าทำแต่อาวุธ แย่ๆ ไว้ขายสำหรับคนอื่น ซูจินี ยกถือถูคาง ทำหน้าตาแบบคิดออกแล้ว “ท่านหมายถึงว่าท่านสนับสนุน คนที่ท่านรู้ว่า เป็นใครใช่ไหม” บาซอน ตอบว่า นักรบในสนามรบ จะตายเพื่อกษัตริย์ ผู้ซึ่งรู้ถึงความสามารถของเขา นักตีดาบจะทำอาวุธสำหรับนายทุน ที่รู้ถึงความสามารถของเขา เช่นกัน (อ้าวแล้วกัน นึกว่า ซูจินี คงลุ้นว่า บาซอน จะตอบว่า ทำลูกธนูนี้เพื่อกษัตริย์ แห่งจูชินมากกว่า ไม่ยักกะใช่)
แล้ว ดัลบี ก็ได้ฝากตำราการคำนวณ เสบียงอาหารและน้ำ จำนวนเกวียนและม้าสำหรับขนเสบียง ให้ซูจินี นำไปถวาย ทัมด๊ก ซึ่ง ดัลบี ได้ ทำไว้ เมื่อ ตอนยังอยู่ในบ้านตระกูลยอน หลังจากท่านหญิงยอนเสียชีวิต ดัลบี ได้เข้ามาดูแล เรื่องการจัดเตรียมเสบียงสำหรับทหาร เมื่อ ทัมด๊ก ได้ทอดพระเนตร และ ซูจินี ได้ทูลถึงเรื่องราวความเป็นมาของ ดัลบี ที่เข้ามาอยู่กับบาซอน ทรงเรียกขุนพลโกเข้ามา เพราะขุนพลโกกำลังมีปัญหา ที่ไม่มีผู้จะเข้ามาดูแล เรื่องเสบียงและสัมภาระของทหาร เนื่องจากคนที่มีประสบการณ์ ได้ไปอยู่ในกองทหารของยอนโฮแกหมดแล้ว (พอเหมาะพอเจาะอะไรแบบนี้ ) ทัมด๊ก ทรงยื่น ตำรา ของ ดัลบี ให้ ตรัสว่า“ท่านลองดู สักนิด ข้าประหลาดใจจริงๆ” ขุนพลโก เปิดอ่านแล้วทูลว่า เมื่อฝ่าบาททรงทอดพระเนตรแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องทบทวนอีก หม่อมฉันจะจ้าง คน คนนี้ทันทีพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : ไม่ว่าทหารจะสู้รบได้ดีขนาดไหน หากการสนับสนุนไม่ดี มันก็ไร้ประโยชน์
ขุนพลโก : ยังทรงจำได้อีกหรือพะย่ะค่ะ ( ยิ้มหน้าบาน ที่ลูกศิษย์สมัยเยาว์วัยยังจำคำสอนของครูได้ )
ทัมด๊ก : แล้วถ้าข้าทำผิดเล่า เป็นความผิดของข้าคนเดียว หรือของท่านด้วยที่รับคำสั่ง โดยไม่ไตร่ตรองเสียก่อน ( แย่แล้วคุณครู โก.อูชุง..)
ขุนพลโก ยิ้ม และก้มหน้าแบบรับผิด : มันเป็นความผิดของหม่อมฉันพะย่ะค่ะ ( ที่ยิ้ม คงเป็นเพราะปลาบปลื้มใจกับลูกศิษย์ องค์นี้นั่นเอง)
ทัมด๊ก : ถ้าเช่นนั้น
ขุนพลโก : หม่อมฉันจะพบคนคนนี้และสอบถามความสามารถของเขาพะย่ะค่ะทัมด๊กทรงพระสรวล เอื้อมหัตถ์ไปจับแขนขุนพลบีบแรง ๆ แบบสนิทชิดเชื้อเหลือเกิน



ส่วนซูจินี ก็ไปป่วนสร้างความวุ่นวาย กับชาวโคมิล ที่กำลังนั่งบันทึกอะไรสักอย่าง ( คงเหมือนเจ้ากรมอาลักษณ์ นั่งบันทึกเรื่องราวไว้เป็นพงศาวดารหรือประวัติศาสตร์) เวลาที่ ทัมด๊ก ประชุม ปรึกษาหารือ กับ ฮยอนโก ผู้อาวุโสโคมิล และฮีกแก จะมีคนคอยจดบันทึก เหมือนเป็นเลขานุการการประชุมแบบสมัยใหม่ทัมด๊ก ทรงทอดพระเนตรแล้วในสายพระเนตร บอกความความเหนื่อยพระทัย และเอือมระอากับซูจินีเหลือเกิน ก็คนอื่นเขากำลังทำงานเป็นงานเป็นการกัน

ที่บ้านตระกูลยอน โซคีฮา ฟื้นได้สติแล้วซารยางถือถาดเข้ามาพบว่าบนเตียงนอนว่างเปล่า ยอนโฮแก เดินมาตามระเบียงบ้านที่มีสระบัว กำลังเดินอยู่ หูก็ แว่วเสียงท่านหญิงยอนเรียก และมีภาพท่านหญิงยอนในวันสิ้นชีวิต เพราะยาพิษ ยอนโฮแกในวันนั้นไม่ได้ตอบคำใดๆกับท่านหญิงยอน แต่ว่าวันนี้ ยอนโฮแก บอกท่านแม่ที่ ยอนโฮแก รักมาก ว่า “ข้าจะเป็นกษัตริย์ ไม่ว่าจะของจูชินหรือโคคุเรียวสำหรับท่านแม่ ....สำหรับนาง.....มันต้องเป็นเช่นนั้น คอยดูข้าให้ดีท่านแม่ “ มีสายฝนตกปรอยๆ โปรยปรายลงมาพอหันไปอีกด้านก็พบ โซคีฮา ยืนอยู่กับกล่องใส่โคมไฟ พูดกับตัวเองและโคมไฟว่า “มันง่ายขึ้นสำหรับข้าที่จะจัดการกับไฟ ข้าไม่ต้องใช้ความพยายามแล้ว แต่ว่า มันแปลก ข้าจุดไฟได้ แต่ดับมันไม่ได้ ทำไม...ถึงไม่ได้เล่า"

ยอนโฮแก : ท่านหายดีแล้วหรือ
โซคีฮา พูดอย่างคนเลื่อนลอย เหมือนเป็นคำถามมากกว่าคำตอบ : หาย ?
ยอนโฮแก : ข้าได้ยินว่าท่านไม่ได้สติก็เลยมาเยี่ยมท่าน ข้าหวังว่าท่านจะเรียกข้า ถ้าข้ารออยู่
โซคีฮา ยืนอยู่ในท่าเดิม ถามว่า : ทำไม ...ท่านรอข้าทำไม ข้าไม่เคยรอท่านเลย
ยอนโฮแก ยิ้มรับกับความเจ็บปวดในหัวใจ : ถูกต้องมีแค่ชายคนเดียวที่ท่านรอ ถึงแม้ท่านจะเรียกข้าว่ากษัตริย์ ท่าน...ทำไปทำไม... ดึงดาบจากข้าไปทำไม ทำไมท่านอยากทำแบบนั้น ท่านรู้หรือว่าเขาจะรอ
โซคีฮา เหลือบตามองยอนโฮแก : ข้าจะตายพร้อมกับเขา แต่ตอนนี้ข้ามีเหตุผลที่ต้องมีชีวิตอยู่ ข้าต้องการพบเขาอีกครั้ง ข้าต้องรู้ อะไรทำให้ข้าต้องอยู่ ข้าต้องการพบเขาเพื่อหาคำตอบ
ในตอนกลางคืน โชคีฮา ก็ไปหา ทัมด๊ก เหมือน เป็นการปรากฏตัวของปีศาจ เป็นเงาวูบผ่านองครักษ์ มีสายลมกรรโชกนำทาง ที่ ฮยอนโก ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไร ได้แต่ทำหน้าตาสงสัย



ที่ห้องทรงอักษร ทัมด๊ก ประทับนั่งอ่านหนังสือ มีซูจินี ถือขวดเหล้ามาก่อกวน ด้วยความปรารถนาดี ที่อยากจะให้ทรงลิ้มชิมเหล้ารสใหม่ก่อนองค์แรก ทัมด๊ก ชิมครั้งแรกตรัสว่า มันแรงเกินไป แต่เมื่อตามมาอีกหลายอึก(ทัมด๊ก ทำโอษฐ์ จุ๊บจิ๊บน่าเอ็นดู) ซูจินี ก็ใจหายทำท่าผวากลัวว่าเหล้าจะหมดขวดเสียก่อน ตัวเอง ยังไม่ได้ลองเลย (ซูจินี จะนึกถึง ทัมด๊ก ก่อนตัวเองเห็นไหม) เรื่องดื่มเหล้านี่เป็นเรื่องใหญ่ของ ซูจินี ทีเดียว เมื่อทัมด๊ก ทรงกลั่นแกล้งโดยโยนขวดเหล้าคืนให้ ซูจินี ผวาเข้ามารับ แทบไม่ทัน แล้วกอดขวดเหล้าไว้แน่นแนบอกทัมด๊ก ทรงบ่นว่า มันไม่เห็นจะดีสักแค่ไหน และทรงไม่อยากให้ ซูจินี ออกไปกินเหล้าเมาแล้วจะไปรบกวนผู้อื่น
ทัมด๊ก : นั่งตรงนั้นแหละ ชี้ ดรรชนีไปที่พื้นห้อง : นั่งดื่มตรงที่ข้าเห็นเจ้า เจ้าเหมือนน้องสาวข้า ถ้าเจ้าทำเสื่อมเสียเท่ากับข้าก็เสื่อมเสียไปด้วย รู้ไหม
ซูจินี คนเก่ง แก่นแก้วไม่กลัวใครแต่แรกก็ทำกระเง้ากระงอด แล้วก็หงอ และจ๋องไปเลย เหมือนลูกแมวเชื่องๆ ว่านอนสอนง่ายขึ้นมาเชียว นั่งลงมุมห้องดื่มสุรา (เหนือฟ้าย่อมมีฟ้า ซูจินี ต้องมีคนปราบ ก็ ทัมด๊ก ไง) แบบมีความสุขเสียเต็มประดา (กับรสเหล้าและอยู่ใกล้ ทัมด๊ก ) ทัมด๊ก ทอดพระเนตรแล้ว ก็แย้มสรวลแบบเอ็นดู

แต่ว่า ที่ระเบียงด้านนอกในความมืด โซคีฮา ยืนมองอยู่ แบบ เข้าใจผิด คิดไปไกล ว่าทั้งคู่หวานชื่น มีความสุขกันเหลือเกิน เหมือนตัวเธอ ถูกลืมเลือนไปเสียแล้วจากดวงหทัยของทัมด๊ก(ช่างเหมือน เมื่อ 2 พันปีก่อน ที่ ริมสายธารท่ามกลางแมกไม้ ที่คาจิน ยืนมองอยู่ด้านหลังเทพฮวานอุงและสาวน้อยแซโอ)

ทัมด๊ก ทรงรับสัมผัสว่ามีใครคนหนึ่งอยู่ในเงามืด ทรงหันมาทอดพระเนตร พบแต่ความว่างเปล่า โซคีฮา จากไปแล้ว เดินเหมือนคนไร้หัวใจ ไร้เรี่ยวแรง และนึกถึงคำพูดของยอนโฮแกขึ้นมา“หลังจากพิธีเสร็จสิ้นลงในวันพรุ่งนี้ ข้าจะออกเดินทางทันที ข้าจะรอท่าน ข้าจะรอฟินิกซ์ของข้า”ตอนโฮแกพูดด้วย เหมือน โซคีฮาไม่ได้ยิน แต่เวลานี้ กลับได้ยินชัดเจน

และรุ่งเช้า ยอนโฮแกและกองทหารก็ออกจากเมือง ท่ามกลางประชาชน ที่ออกมาส่งสองข้างถนน อวยชัยให้พร กับกองทัพของ ยอนโฮแก ขวัญใจของชาวโคคุเรียว

หมู่บ้านโคมิล ส่งศิษย์ ไปสร้างสถานการณ์ว่า มีสัญลักษณ์ของผู้พิทักษ์ปรากฏขึ้นอีก 1 อย่าง
แทจังโร ไม่ค่อยเชื่อถือกับข่าวที่สาวกแจ้งมา เพราะสงสัยเส้นทางการเดินทาง แต่ซารยางและเสนาบดียอน เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
แทจังโร : เราต้องแจ้งให้ท่านโฮแกทราบทันที เขาต้องไปตามหาสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธ์ก่อน การบุกเข้าไปในแพคเจเป็นเรื่องรอง เสนาบดี ยอน เหมือนจะไม่ค่อยเห็นด้วย แต่ก็คล้อยตามในที่สุด

ทัมด๊ก ทรงได้รับรายงานว่า ลูกศิษย์ของโคมิล สร้างเรื่องสัญลักษณ์ศักดิ์สืทธิ์ หลอก เสนาบดียอน เรียบร้อยแล้ว
ทัมด๊ก : โฮแกจะมุ่งหน้าไปยังกองทหาร พัลกอน
ฮีกแก: ฝ่าบาท ฝ่าบาท กำลังนำพวกเขา ไปต่อสู้กับกองทหารที่มีการป้องกันการบุกรุกหรื่อพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก: เราต้องมั่นใจว่า พวกเขาจะอยู่ห่างจากแพคเจ ตะวันตก และเราต้องถ่วงเวลาไม่ให้พวกเขาบุกเข้าแพคเจ
ฮีกแก แห่งจุนโน ทำเสียงและท่าทางเหมือนมีอะไร อ้ดแน่นอยู่ในอก: ใครกำลังจุดไฟในหัวข้า ยกมือจับศีรษะตัวเองลุกขึ้นยืนพรวดพราด ทูลถาม ทัมด๊กว่า : ทรงไม่เห็นควันออกจากศีรษะของหม่อมฉันบ้างหรือ
ทัมด๊ก ทรงขำกับท่าทางกราดเกรี้ยวของฮีกแก : ว่ากันว่า การป้องกันการถูกรุกรานของแพคเจ เหมือนปกคลุมไว้ด้วยเหล็ก และยังทหารอีก ท่านคิดว่า ยอนโฮแก จะชนะหรือ
ฮีกแก : เจ้านั่นเป็นหนูตัวร้าย แต่ก็ต้องยอมรับว่า เขาเป็นนักรบ
ทัมด๊ก : ท่านคิดหรือว่า เขาจะชนะ ทรงถามซ้ำ 2 ครั้ง แต่ฮีกแกไม่ทูลตอบแต่อย่างใด
ทัมด๊ก เราจะเคลื่อนไปที่ตำแหน่งนี้ (ชี้แผนที่) ถ้าเราโจมตีป้อมปราการ กองกำลังเสริมที่ไปช่วยแพคเจตะวันออกจะรีบกลับมา ทรงหันไปทางแม่ทัพโก ถ้าเป็นเช่นนี้ ส่งคำสั่งของข้าไปให้โฮแก บอกให้เขาเข้าโจมตีกองทัพแพคเจที่กำลังล่าถอยเราจะกั้นอาณาเขต แพคเจตะวันออกและตะวันตกให้อยู่ต่างหากกัน ถ้าเราแบ่งเป็น 2 ส่วน และโจมตีบริเวณนี้ ทรงชี้ลงในแผนที่ เราจะควบคุมน่านน้ำทะเลได้
ทัมด๊ก : นี่คือสิ่งที่จุนโนต้องทำ
ฮีกแก : รับสั่งมาได้เลยพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : กลับไปจุนโน



ฮีกแก ตกตะลึง พูดติดอ่าง... ฝ่า.... ฝ่าบาท
ทัมด๊ก แย้มพระสรวลให้ : เราต้องเตรียมตัวก่อน ข้าไม่สามารถนำท่านไปสู่สงคราม โดยมิได้เตรียมตัว
ฮีกแก : ตบโต๊ะปัง.เสียงดังพูดรัวเร็วด้วยอารมณ์ที่เดือดพล่าน คงนึกในใจว่า ปรึกษา หารือกันมาตั้งนานแล้วทำไมได้แค่นี้ : .เตรียมตัว..เตรียมสิ่งใดพะย่ะค่ะ สิ่งที่ทรงต้องการคือการเอาชนะ ไม่ใช่เตรียมตัวชนะ
ทัมด๊ก : ข้าจะทำตามวิธีของข้า ข้าจะไม่ต่อสู้กับสิ่งที่ข้าไม่ชนะ
ฮีกแก งง !!! และอึ้ง

ขุนพลโก เปิดประตูเข้ามากราบทูลว่า ทหารม้าเหล็กและหัวหน้า ขอเข้าเฝ้า จึงเสด็จไปที่ท้องพระโรง ทรุดองค์นั่งที่บันไดที่ทอดสู่ราชบัลลังก์

จอกฮวาน กราบทูลความถึงภาคภูมิใจของการได้เข้าสู่สนามรบเคียงบ่าเคียงไหล่กษัตริย์ได้ถือเครื่องหมายนกสามขาทอง และขณะนี้เฝ้ารอให้กษัตริย์เรียกระดมพล หากกษัตริย์ตั้งพระทัยที่ไม่ไปสนามรบ ก็ขออนุญาตให้กองทหารม้าเหล็ก ได้ติดตาม ยอนโฮแก ด้วยเถิด การไม่ได้อยู่แถวหน้า ต่อสู้กับศัตรู เป็นความอับอายของกองทหารม้าเหล็ก
ทัมด๊ก เสด็จลุกขึ้น พระหัตถ์จับสองไหล่ของจอกฮวาน แล้ว มีดำรัสว่า ข้าอนุญาตให้ท่านส่งทหารม้าเหล็กออกไปได้ แต่..ว่า... ทหารม้าเหล็กต้องอยู่แถวหน้า ส่งข่าวไปให้โฮแก สงครามจะเริ่มโดยไม่มีทหารม้าเหล็กไม่ได้
ทุกคนคำนับ ทัมด๊ก : รับด้วยเกล้า พวกเราจะไม่ลืมพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก ต้องการถ่วงเวลาให้ได้มากกว่า 10 วัน : ให้ถ่วงเวลาการส่งกองทหารม้าเหล็กออกไป ขุนพลโก รับสนองพระบัญชา เมื่อ ยอนโฮแก ได้รับสาสน์ ว่าทรงห้ามกระทำการใด โดยไม่มีกองทหารม้าเหล็ก ซึ่งต้องอยู่เป็นแนวหน้าของกองทัพ
บรรดาแม่ทัพรอง : ข้าไม่เข้าใจ ศัตรูเตรียมตัวรับการโจมตีจากเราแล้ว พวกเขาส่งกำลังเสริมกันแล้วด้วยซ้ำ
: เราควรจะรีบโจมตี ก่อนกำลังเสริมของศัตรูจะมาถึง แต่ทรงให้เรารอ
: มันจะมากไปแล้ว
: เราจะต้องฟังคำสั่งของคนที่ไม่เคยไปรบเลยหรือ ชีวิตทหารของเราเป็นเดิมพัน
คนส่งสาสน์ บอก ยอนโฮแกว่า เสนาบดียอนมีสารส่วนตัว คือ ฟินิกซ์จะเดินทางมากับทหารม้าเหล็ก นางจะเป็นผู้พิทักษ์ให้ทหารทั้งหลาย ยอนโฮแก ดีใจ

ส่วนที่ตลาด ในปราสาทโกกแน มีนักแสดง ตั้งเวที ร้องชื่นชม ยอนโฮแก และกระแทกแดกดันทัมด๊ก ว่าขี้ขลาดในการทำสงคราม กษัตริย์ไม่ทำสิ่งใด ได้แต่รอ รอว่า จะไม่มีธนูเหลือมาเจาะเกราะเหล็กของข้า รอจนกว่าจะมีเกราะเหล็ก ที่ไม่มีดาบเล่มไหนแทงเข้าไปได้ จนกว่าจะมีเสื้อเกราะเหล็ก และไม่มีลูกธนู ข้าจะไม่ไปรบ คนดู ก็ส่งเสียงชอบอกชอบใจ ฮยอนยอง แค้นใจ
ดัลบี และจอกฮวาน เป็นตัวอย่าง ของคำว่า บุญญาภินิหาร (บุญที่สำเร็จได้ตามความปรารถนา) ของทัมด๊ก ประสงค์สิ่งใดสวรรค์ก็จัดสรรให้ เช่น ขาดคนดูแลเสบียงอาหาร และความต้องการถ่วงเวลาเดินทัพของยอนโฮแก (ด้วยความหวังดีต่อโฮแกไม่ได้ประสงค์ร้าย ไม่งั้น ฮีกแก จะควันพุ่งออกที่หัวอยู่แล้ว)

Copyright @ Amornbyj & SUE