Saturday, May 24, 2008

เรื่องย่อ ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ ( ตอนที่ 20 )


...ตอนที่ 20...

ในค่ายทหารของยอนโฮแก
แม่ทัพใหญ่รายงานต่อ ยอนโฮแกว่า : เขาพูดกันว่า กษัตริย์ เสด็จเข้ามาในอาณาเขต คอรัลแล้ว ท่านต้องตัดสินใจ ทรงมีพระราชโองการมาถึงท่าน มีพระบัญชาว่า ถ้าพวกเราไม่กลับ ก็จะกลายเป็นกบฎ และ พระราชโองการนี้ มานานแล้ว ( แต่ ท่านไม่อยู่)
แล้วก็กล่าวต่อ : ทหาร-ทั้ง 4 หมื่นนาย เดินทางมาที่นี่แต่ยังไม่เคยทำสงครามแม้แต่สักครั้งเดียว (ตอนที่ยอนโฮแก ฆ่าชาวเผ่าต่างๆ เป็นกองกำลังพิเศษที่แยกจากกองทัพใหญ่ ) ในขณะที่ทหารของฝ่าบาท 4 พันนาย ได้รับชัยชนะ พวกเราเลยกลายเป็นเหยื่อถึงอย่างนั้นข้าไม่เคยพูดอะไรสักครั้งเดียว แล้ว เมื่อท่านให้เคลื่อนทัพมาทางตะวันตกเฉียงเหนืออย่างกะทันหัน เราก็ไม่เคยถามว่าทำไม เพราะข้าเชื่อว่าท่านคือกษัตริย์ จูชิน




ยอนโฮแก : ท่านต้องการถามถึงสิ่งใด
แม่ทัพใหญ่ : มีข่าวลือว่าฝ่าบาทได้ครอบครองสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 3 อย่างแล้ว ทั้ง สัญลักษณ์ เต่าดำ มังกรน้ำเงิน และฟินิกซ์ ทั้งหมดอยู่ในความครอบครองของฝ่าบาท
จอกฮวาน ค้านว่า เป็นไปไม่ได้ ข้าจอกฮวาน หัวหน้ากองทหารม้าเหล็ก อยู่ที่นั่นด้วยเมื่อผู้พิทักษ์ฟินิกซ์ฟื้นขึ้นมา ข้าเห็นด้วยตาตัวเองว่านางยอมรับท่านโฮแกในฐานะกษัตริย์จูชิน แต่ทำไมฝ่าบาทถึงได้ทรงมี
ยอนโฮแก ยกมือห้าม : ฝ่าบาททรงนำกองทัพด้วยพระองค์เองหรือ
แม่ทัพใหญ่ : นั่นเป็นสิ่งที่ข้าได้ยินมา



แต่เมื่อยอนโฮแกรู้ว่า ทัมด๊กมีทหารเพียง 5 พันนายก็พูดว่า : ทรงกำลังจะเรียกทหาร 4 หมื่นนาย ของเราว่าเป็นกบฏ ในเมื่อทรงมีทหารแค่ 5 พันนาย
แม่ทัพใหญ่ ถามถึงคนเชิญพระราชโองการที่ยอนโฮแกฆ่าไปเมื่อเดือนก่อน (ฮยอนกง ศิษย์โคมิล)ว่า ส่งมาโดยฝ่าบาทหรือ : ฝ่าบาททรงกริ้วท่านและทหารของท่าน ยอนโฮแกตอบแม่ทัพใหญ่ว่า ถูกต้อง
แม่ทัพใหญ่ : ท่านตัดสินใจหรือยัง.... ( เว้นระยะพูด ) .เป็นกบฏ จอกฮวานขยับตัว ยอนโฮแกเหลือบตาดู แล้วก็ถามแม่ทัพใหญ่ว่า : คนที่นำข่าวลือมาปล่อย พวกมันอยู่ที่ใด



จูมูชิ และ มันดัก ฆ่าทหารของยอนโฮแกไปหลายคน และพยายามหาจนเจอบาซอนและดัลบี ที่ยังถูกขังอยู่ในรถม้า จูมูชิ ยื่นมือตัวเองให้ ดัลบี จะดึงดัลบีออกมาจากรถม้า ก็มีดาบของ อิลซูพาดใต้คางของจูมูชิ อิลซูถามว่า : เจ้าเป็นคนคุ้มกัน ผู้เชิญพระราชโองการของกษัตริย์มาหรือ
จูมูชิ : ถามว่า ทำไม เจ้าจะจ่ายค่าจ้างให้ข้าหรือ เจ้านี่หยาบคายเสียจริง แล้วจูมูชิ ก็เดินหน้าเข้าหา อิลซู ดาบเลื่อนจากใต้คางไปที่ลำคอ ดัลบี เห็นแล้ว ต้องกลืนน้ำลายลงคอ อิลซู เอาดาบลง พูดว่า : ตามข้ามา จูมูชิ หันไปมองมันดัก สั่งด้วยสายตาเป็นทำนองว่า ดูนางให้ดี ๆ นะ
ยอนโฮแก ถามว่า : ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นพวกทหารรับจ้าง ที่มาเป็นผู้คุ้มกันดูแลผู้เชิญพระราชโองการ
จูมูชิ : ถูกต้อง ยอนโฮแก พูดต่อว่า : ..และ
จูมูชิ สวนกลับว่า : และอะไร ยอนโฮแกพูดต่อว่า : เจ้ามีหน้าที่อีกอย่าง ปล่อยข่าวลือเพื่อทำให้คนตื่น
ตกใจ
อิลซู : คนพวกนี้กำลังทำให้ทหารตื่นตกใจข้าแน่ใจว่าพวกนี้มาที่นี่เพื่อช่วยช่างตีเหล็ก ยอนโฮแก ทวนคำว่า ช่างตีเหล็ก



จูมูชิ : ข้าจูมูชิ จะไม่พูดอ้อมค้อม เรามีหน้าที่ 3 ประการ คือ 1.อารักขาผู้เชิญพระราชโองการ 2.ปล่อยข่าวลือที่เป็นจริงให้ทหารได้รับรู้ความจริงที่เกิดขึ้น และ สุดท้าย ตามหาช่างตีเหล็ก บาซอน และคนที่อยู่กับนาง แค่นั้นแหละ
ยอนโฮแก : เจ้าได้รับคำสั่งจากปราสาทโกกแน หรือ งั้นบอกข้ามา ไม่ใช่ข่าวลือ แต่เป็นเรื่องจริง ปราสาทโกกแนเป็นอย่างไรบ้าง
จูมูชิ : เราได้สะสางเรียบร้อย พวกสารเลวฮวาเซินได้ถูกกำจัดไปหมดสิ้นแล้ว เราได้ช่วยชีวิตพวกขุนนางที่เข้าข้างพวกนั้น ยอนโฮแก ตกใจ เข้ามากระชาก จูมูชิ : แล้วพ่อของข้าเล่า ท่านเสนาบดีใหญ่
จูมูชิ : ข้าบอกท่านแล้วว่าเราช่วยพวกเขาจากการคิดนอกลู่นอกทาง
ยอนโฮแก ถามต่อ : แล้วอารามของเทวีพยากรณ์เล่า
จูมูชิ บอกว่า : เรื่องนั้นข้าไม่รู้ ข้าออกมาหลังจากที่สะสางเรื่องแล้ว
ยอนโฮแก คิดจะจ้างจูมูชิ แต่ จูมูชิ บอกว่า พวกเราอยู่ภายใต้สัญญาแล้ว แล้วยอนโฮแกก็รู้ว่า ทัมด๊ก เสด็จไปซื้อตัวจูมูชิและพวกด้วยพระองค์เอง ต้องรำพึงออกว่า : ช่างตีเหล็กก็พูดเช่นเดียวกัน นางบอกว่า เสด็จไปหานางด้วยพระองค์เอง
จูมูชิ ตอบว่า : พระอุปนิสัยคงไม่ยอมอยู่เฉย ทรงต้องการเข้ามาคลุกคลีกับระดับล่างไม่ใช่ระดับสูง
ยอนโฮแก เดินวนรอบ จูมูชิ และบอกว่า : เอาตัวช่างตีเหล็กไปกับเจ้าแล้วก็เอาตัวคนของเจ้าที่ปะปนอยู่กับทหารของข้าไปด้วย ถ้าภายหลังข้าพบข้าจะตัดแขนขาของพวกนั้น ถ้าเจ้าต้องการช่วยชีวิตคนพวกนั้นก็เอาตัวไปกับเจ้าด้วย เมื่อจูมูชิออกมาจากกระโจม ยอนโฮแก กลับบอกกับ อิลซู ว่า พวกนั้นไม่ยอมเข้ากับเราหรอก ถ้าเราให้พวกนั้นกลับไปหาฝ่าบาท เราอาจจะต้องพ่ายแพ้
จูมูชิ แต่แรก ก็จะให้ บาซอน และ ดัลบี นั่งรถม้า(เกวียน) แล้วด้วยสัญชาตญาณ ที่พอมองเห็นเหตุการณ์แล้วรู้ว่า อิลซู สั่งเตรียมทหารไล่ล่า จึงให้ ทุกคน ขี่ม้าเมื่อถาม ดัลบี ว่า : เจ้าขี่ม้าเป็นไหม ดัลบี ตอบว่า : ถ้าข้าอยู่บนหลังม้าได้แล้วข้าก็ไม่ตกลงมาหรอก จูมูชิบอกมันดักว่า : ข้าเรียนรู้บางอย่างมาจากฝ่าบาท เมื่อใดจะสู้และเมื่อใดจะถอย พวกเรารีบไป เมื่อ อิลซู พากองทหารตามหลังมา จูมูชิ ตะโกนว่า : ขี่เร็วคนที่ตกม้าจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ชีวิตของเจ้าขึ้นอยู่กับมัน



กองทัพหลวงของโคคุเรียว
ทัมด๊ก เสด็จมาถึงหมู่บ้าน คอรัล ที่ยอนโฮแก ฆ่าชาวบ้านไปมากมาย มีศพจำนวนมาก
ฮีกแก : หม่อมฉันเคยสาปแช่ง โฮแก มาก่อน แต่ยุทธวิธีของเจ้านั่นน่าอัศจรรย์ ดูนี่สิ คนพวกนี้เคยเป็นนักฆ่า พวกนั้นรู้ว่ากำลังถูกโจมตี และดูนี่สิแม้แต่เด็ก ๆ ก็ถูกฆ่าด้วยด้วย
ฮยอนโก: ข้าก็เข้าใจความหมายของพวกนั้น ถ้าเขาปล่อยให้ใครรอดชีวิตไปได้ พวกนั้นก็จะไปเตือนเผ่าที่อยู่รอบด้าน ข่าวก็จะแพร่กระจายออกไป เผ่าพวกนั้นอาจจะรวมตัวกันตั้งรับ พวกเขาก็เลยฆ่าปิดปาก และเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
ขุนพลโก รีบเดินมาข้าง ทัมด๊ก : ฝ่าบาทเราก็ต้องรีบเคลื่อนทัพอย่างรวดเร็วเช่นกันพะย่ะค่ะ ตามรายงาน คนนับร้อยจากบีเรียว กำลังรวมตัวกัน
ฮีกแก : เราอาจตกเป็นเหยื่อ ของความโกรธ ที่มุ่งตรงไปยังยอนโฮแก นะพะย่ะค่ะ
ขุนพลโก : เวลานี้กษัตริย์แห่งโคคุเรียวเป็นศัตรูตัวฉกาจของพวกนั้น เราต้องเคลื่อนตัวให้เร็วเป็น 2 เท่า เพื่อว่าพวกนั้นจะได้ไม่มีเวลาเตรียมตัว
แต่ทัมด๊ก กลับให้ ทหารชั้นรองลงไป จัดพิธีศพให้กับ ศพของชาวหมู่บ้านนี้ที่คอรัล ทรงสั่งให้ทหารหาศพมาให้หมด ศพที่เน่าเปื่อยจะทำให้เกิดโรค และที่ตรงนี้จะเป็นที่ที่ทำให้คนตายได้
ฮยอนโก : ฝ่าบาท เวลานี้พวกเราอยู่บนที่ราบ ไม่มีสิ่งใดป้องกัน การเคลื่อนไหวของเราเห็นได้อย่างชัดเจน ในระยะหลายลี้ พะย่ะค่ะ ( หนึ่งลี้ ประมาณ ครี่งไมล์)
ฮีกแก : ฝ่าบาททรงต้องการให้ศัตรูโจมตีหรือพะย่ะค่ะ ที่ตรงนี่ไม่มีหิน ไม่มีอะไรจะป้องกันเราได้
ทัมด๊ก : ถ้าพวกนั้นจะโจมตีเรา พวกเขาต้องซุ่มดูเราหลายวันมิใช่หรือ ทรงหันไปที่ทหารอีกคน : เจ้าบอกว่าเจ้าตระเวนอยู่บริเวณชายแดน คนของ คอรัล ดูเหมือนว่าจะสายตาดี ทหารทูลตอบว่า เพราะพวกเขาอยู่บนที่ราบพวกเขาสามารถมองเห็นได้ไกลกว่าคนอื่นพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก ทรงพระราชดำเนินออกไปจากที่นั้น ฮีกแก ทำท่ายกมือเหมือนอยากห้าม ทัมด๊ก แต่ไม่กล้า จึงปราดไปหา ฮยอนโก แทน : ท่านที่ปรึกษา ท่านเรียกตัวเองว่าพระอาจารย์ ทำอะไรสักอย่างที่จะหยุดพระองค์ สิ
ฮยอนโก : ทำเสียงคล้าย อะฮ้า ท่านไม่รู้จักพระองค์หรือ ทรงเป็นคนสุขุมที่ไม่ตรัสขึ้นเสียง แต่ท่านคิดว่าภายในทรงรู้สึกเช่นนั้นหรือ ขุนพลโก เสริมว่า ทรงเป็นกษัตริย์ที่ใส่ใจคำพูดของคนใต้บังคับบัญชา
ฮยอนโก: แล้วข้าจะไปห้ามคนที่บุกเข้าไปในป้อมปราการควานมีด้วยพระองค์เองได้หรือ
ขุนพลโก มองตามพระปฤษฎางค์แล้วพูดว่า : บางครั้งข้าก็อยากจะมัดพระองค์ ไว้ ( แม้จะเป็นกษัตริย์แล้ว แต่ ขุนพลโก นอกจากจะบูชาเทิดทูน จงรักภักดี ทัมด๊กแล้ว ก็ เอ็นดู ทัมด๊ก เหมือนพระองค์ยังเป็นเด็กที่เคยได้ดูแลพระองค์มา) ฮีกแกและ ฮยอนโก หันไปทางขุนพลโก ท่าทางดีอกดีใจ ฮีกแก บอกว่า : ลองทำดูสิ ขุนพลโก ค่อยๆ เบือนหน้ามาที่ฮีกแก ฮีกแก หดคอลงเล็กน้อย หลบสายตา ขุนพลโก ขุนพลโก ออกเดินตาม ทัมด๊กไป ฮยอนโก ทำเสียงลมออกจากปาก อู้.. ฮีกแก ตะโกนขึ้น : พูดน่ะมันง่าย

มีพวกคอรัลนั่งอยู่บนหลังม้าสังเกตการณ์ ดู ความเป็นไปไม่ไกลออกไปนัก

ที่ตำบลหนึ่งไม่ไกลจากปราสาทโกกแนนัก เป็นที่หลบซ่อนของแทจังโร แทจังโรได้รับรายงานเรื่องกษัตริย์พระองค์ใหม่ ของแพคเจ จากขุนนางแพคเจว่า กษัตริย์ อาชิน มีความเชื่อถือกับฮวาเซินในแพคเจ เพราะฮวาเซินมีส่วนในการสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์ จินซา เมื่อเสด็จไปล่าสัตว์ แทจังโรสั่งขุนนางแพคเจ สาวกฮวาเซิน ว่า กษัตริย์ ทัมด๊ก แห่งโคคุเรียว ได้ออกไปจากปราสาทโกกแนถ้าตอนนี้ แพคเจ โจมตีโคคุเรียว ขุนนาง : ท่านเปลี่ยนแปลงแผนการที่เคยคิดไว้ ที่จะยก ยอนโฮแก ขึ้นเป็นกษัตริย์โคคุเรียว และควบคุมทั้งแพคเจและโคคุเรียว



แทจังโร จ้องมองขุนนาง จนต้องหลบสายตา และสั่งว่าให้หาทางชักชวนให้กษัตริย์อาชินมาโจมตีโคคุเรียว ไปทูลให้พระองค์เอาป้อมปราการทั้งสิบคืนมา รวมทั้งป้อมปราการควานมีด้วย บอกให้เสด็จมายึดโคคุเรียว ทั้งซารยาง และขุนนางแพคเจ อธิบายความไม่น่าเป็นไปได้ ทั้งเรื่อง ป้อมทั้งสิบและป้อมควานมี ล้วนเป็นชาว แพคเจ ที่เปิดรับ ทัมด๊ก เข้าไปในป้อมเอง คนพวกนั้นเลือกที่จะรับใช้กษัตริย์โคคุเรียว หากกองกำลังแพคเจใช้กำลังบุก พวกนั้นจะกล่าวหาว่าถูกรุกราน แม้แต่ผู้หญิงในป้อม ก็คงลุกขึ้นมาต่อสู้ปกป้องป้อมปราการของตน และกษัตริย์ อาชิน ก็ทรงฉลาดเกินพระชนม์ คงไม่ทำเช่นนั้น แทจังโรฟังแล้วโกรธจัด สายลมพัดวูบ พูดเสียงฉุนเฉียว : แล้วมีเหตุผลใดที่เราต้องอยู่ฝ่ายกษัตริย์แพคเจมาหลายร้อยปี หากกษัตริย์อาชินต้องการความจงรักภักดีจากประชาชน ต้องทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ยึดป้อมคืนมาทั้งหมด ข้าจะไปที่ยาน เหตุผลที่ทัมด๊กไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ เพราะเชื่อว่าพวกยานจะสนับสนุนพระองค์ เรายอมให้เรื่องนั้นเกิดขึ้นไม่ได้ หากทัมด๊ก ได้คอรัลทั้งหมดและเอาทหารทั้ง 4 หมื่นนาย ของยอนโฮแก ไป ทัมด๊กจะไม่อยู่ในเงื้อมมือของข้าอีกต่อไป และสั่งซารยางให้อยู่กับโซคีฮา เพื่อภารกิจ



โซคีฮา นอนไม่หลับ ซารยางยกข้าวต้มมาให้ ไม่พบที่เตียง พอเดินออกมาก็ถูกโซคีฮาเอาดาบพาดคอ ถามว่าหัวหน้าฮวาเซินไปอยู่ที่ใด ซารยางตอบว่า ท่านไปที่ยานพร้อมด้วยคนของท่าน โซคีฮา ถามว่า ทำไมเจ้าไม่ไปด้วย เจ้าคิดว่าข้าฆ่าเจ้าไม่ได้เช่นนั้นหรือ : เจ้าฆ่า พ่อแม่ของข้า ลักพาตัวของข้า เจ้าคิดว่าข้าฆ่าเจ้าไม่ได้หรือ ซารยางตอบว่า : ข้ามอบชีวิตให้กับท่านอยู่แล้ว (โธ่เอ๋ย.... ซารยาง) โซคีฮา เอาดาบออก มีเลือดซิบซิบ ที่คอซารยาง ซารยางเป็นห่วงว่าที่อารามหลวงไม่ปลอดภัย เสียแล้ว เสนาบดียอนหันหลังให้ฮวาเซิน และอาจพยายามฆ่าโซคีฮา โซคีฮา ถามว่าเจ้าปิศาจสั่งให้เจ้าทำอะไร เขาคงสั่งอะไรกับเจ้าเมื่อให้เจ้ามาอยู่กับข้าเช่นนี้ซารยางตอบว่า ท่านหัวหน้าสั่งให้ข้ารออยู่ที่นี่ จนกว่าท่านโฮแกจะกลับมา การที่ท่านอยู่ที่นี่โดยไม่มีฮวาเซินมันอันตรายและต้องการให้ท่านหาสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ ที่ 4 พร้อมกับ โฮแก สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์เสือขาว
โซคีฮา : ท่านหัวหน้าอยู่นานเกินไป เขาลืมว่ามนุษย์เขาคิดกันอย่างไร... เจ้าคิดว่านางยังมีชีวิตอยู่ไหม น้องสาวของข้า ครั้งก่อนนางเสียเลือดไปมาก ... เจ้าดูแลข้าตั้งแต่ข้ายังเด็ก เหมือนพ่อ เหมือนพี่ชาย ... เขาไม่ตาย เขาถูกฆ่าแล้วไม่ตาย อำนาจของเขามหาศาล ถ้าข้าขอให้เจ้าหันหลังให้เขามันคงไม่เป็นธรรมกับเจ้า ไม่มีคำตอบจากซารยาง
ชอโร ไปนั่งคอยซูจินี ที่สะพานในตลาดของปราสาทโกกแน จากวัน เป็นคืน..



ทัมด๊กทรงจุดไฟเผาศพชาวหมู่บ้านที่คอรัล
ฮยอนโก : ช่างดีอะไรอย่างนี้ พวกเขาถูกเผา คนของคอรัลคงเฝ้ามองดูอยู่ห่างๆ
ขุนพลโก : ฝ่าบาทเราอยู่ในที่แจ้ง ในขณะที่ศัตรูอยู่ในที่มืด ทรงโปรดมีพระบัญชา เพื่อว่าพวกเราจะเคลื่อนกำลังป้องกัน
ทัมด๊ก : นั่นมันคงจะดูแปลกมิใช่หรือ พิธีเผาศพที่ติดอาวุธกวัดแกว่งไปมา
ฮีกแก เอามือตบอกร้องตะโกนระบายอารมณ์อึดอัด ฮีดฮัดไม่ได้อย่างใจต้องการ ลูกชายทำท่าห้ามปราม
และคอรัลก็มาแอบดูจริงๆ


ในกระโจม ฮยอนคง อาลักษณ์กำลังจดบันทึกเหตุการณ์ กองทัพหลวงเคลื่อนตัวช้าๆ มันแตกต่างจากกองทัพที่ไปโจมตีแพคเจ กษัตริย์ทรงดูแลศพก่อนสิ่งอื่นใด จากนั้นทรงรวบรวมสัตว์เลี้ยง ทรงเสวยพระกระยาหารเช่นเดียวกับทหาร ทรงเสวยน้ำจัณฑ์เดียวกันกับทหาร (คนจดบันทึก จดไปยิ้มไป รักกษัตริย์พระองค์นี้เหลือเกิน) พระองค์ยังไม่สามารถบรรทมในเวลากลางคืนได้ แม้คนของพระองค์จะอ้อนวอนให้เข้าบรรทม การบรรทมกลับเลวร้ายมากขึ้นหลังจากเสด็จออกมาจากปราสาทโกกแน



ในขณะนั้นทัมด๊กทรงพระอักษร (ใช้ได้ทั้ง อ่าน เขียน เรียนหนังสือ) ในที่นี้ คืออ่าน ทัมด๊ก หลับพระเนตร มีขวดน้ำหอมที่ซูจินีถวายคืน วางบนโต๊ะทรงพระอักษร เสียงและภาพซูจินี ให้ห้วงคำนึงของทัมด๊ก : ฝ่าบาท หลังของฝ่าบาท ช่างอบอุ่นน่ามหัศจรรย์ ดีจริงๆ ทรงไม่ทราบใช่ไหม เมื่อ ทัมด๊ก ลืมพระเนตรขึ้น ทรงทอดพระเนตร ขวดน้ำหอม เอื้อมไปถือไว้ในพระหัตถ์ พระพักตร์เศร้า รำลึกไปถึง เจ้าตัวเล็กน่ารักคนนั้น ทรงวางขวดน้ำหอมลง แล้วทรงพระอักษรต่อ (อ่าน)



ทหารชั้นผู้น้อยพูดคุยเฮฮากันอยู่ ทัมด๊กเสด็จเข้ามา ทหาร 5-6 คน ลุกขึ้นยืนถวายคำนับ คนหนึ่งทูลถามว่า : ฝ่าบาท บรรทมดีไหมพระเจ้าค่ะ ทัมด๊ก ตรัสตอบว่า : แล้วพวกเจ้าล่ะ ทัมด๊ก และเหล่าทหารถือชามข้าวในมือ ทัมด๊กทรงประทับนั่งเสวย ไปพร้อมๆ กับทหาร ทรง ตรัสว่า : ครั้งนี้เราคงไม่ใช้เวลานาน เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงภรรยาของท่านมาก แล้วทรงบ่นว่าวันนี้เค็มไปจริงๆ ทหาร :หลังจาก หัวหน้า ดัลบี หายไป อาหารของพวกเราแย่มาก ขุนพลโก เข้ามาถวายรายงานว่า ได้ส่งทหารออกไปสังเกตการณ์ 7 กลุ่ม มุ่งหน้าไป 7 ทิศทาง และสั่งพวกนั้นให้ส่งรายงานก่อนเที่ยง ทัมด๊ก ตรัสชมว่าดีมาก แล้วถามขุนพลโกว่า ท่านลองสิ่งนี้หรือยังข้าเสียดายเกลือที่มีค่า แล้วทรงบอกทหารชั้นผู้น้อยว่า กินกันต่อเถอะ กินกันเถอะ ขุนพลโก ยืนยิ้มนิดๆ ปลาบปลื้ม พระจริยาวัตรไม่ถือพระองค์ของทัมด๊ก



กองทหารลาดตระเวน ถูกซุ่มโจมตี โดยใช้ผู้หญิงมาเรียกร้องความสนใจหยุดกองทหารและเข้ามาถามไถ่ความเป็นไปอย่างมีไมตรี เหลือทหารรอดกลับมากราบทูลรายงาน ทัมด๊ก เพียงคนเดียว ทัมด๊ก ทรงเข้ามาพยุงเมื่อทหารวิ่งพรวดพราดเข้ามาทรุดตัวในกระโจม ทรงเรียกหาหมอ (ศิษย์โคมิลตามเคย เป็นโดเรมอน สารพัดประโยชน์แบบตั้งแต่ ไม้จิ้มฟัน จนถึง.. .เรือรบ ... ของพระองค์) ทรงพยุงให้ทหารลุกขึ้นส่งให้คณะแพทย์ ในพระหัตถ์ มีเศษผ้า ทรงถามฮีกแก เมื่อยื่นสิ่งที่อยู่ในพระหัตถ์ ให้ดู ฮีกแกกราบทูลว่า : เป็นผ้า ของชนเผ่าคีโดฮารี เผ่าที่ใหญ่เป็นอันดับสองของคอรัล ทัมด๊ก ตรัสต่อว่า : เผ่าคีโดฮารี มาจากทางเหนือของคอรัล มีทหารเข้ามาถวายรายงานอีกคนว่า คนของคอรัลกำลังรวมตัวกันที่ทางแยก มีประมาณ 2 พันคน เราอยู่ไกลไม่สามารถทราบว่าเป็นเผ่าใด แต่ แน่นอนว่ามี 2 เผ่า ฮีกแก กราบทูลว่า : ดูเหมือนเผ่าพวกนั้นจะรวมตัวกัน ซึ่งปกติ จะไม่เป็นเช่นนี้ แต่เวลานี้พวกเขาทำ ฮยอนโก ทูลว่า : ศัตรูเข้ามาใกล้เร็วกว่าที่เราคาดคิด พวกนั้นอาจคิดว่ามีโอกาสดีกว่าที่จะกำจัด ยอนโฮแก ด้วยการร่วมมือกัน



ทัมด๊ก : อาจารย์ เตรียมสิ่งที่เราเคยปรึกษากัน ท่านแม่ทัพ ฮีกแก เราจะไปเอาคนของเรากลับมา
ขุนพลโก กราบทูลว่า : ฝ่าบาทศัตรูคอยดักโจมตีอยู่พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : เตรียมคนถือธง 30 คน และกองทหาร 5 ระดับสำหรับต่อสู้ อย่าเคลื่อนทัพหากไม่ได้รับคำสั่งจากข้า ทหารจะเคลื่อนทัพได้ ต่อเมื่อข้าสั่งเท่านั้น ท่านเข้าใจไหม เราจะไปทันทีที่ท่านพร้อม ทุกคนออกไปนอกกระโจมแล้วเหลือแต่ ทัมด๊ก และขุนพลโก
นี่คือความน่าประทับใจของตอนที่ 20
ทัมด๊ก ก้มทอดพระเนตรโต๊ะ นิ่ง ขุนพลโก ทูลถามว่า : พระองค์จะเสด็จเองหรือพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : ข้าวางแผนเช่นนั้น
ขุนพลโก : ทรงไม่เชื่อถือทหารของพระองค์หรือพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : ตรงนี้ไม่มีใครใช่หรือไม่
ขุนพลโก เหลียวดู แล้วทูลตอบว่า : หม่อมฉันอยู่ที่นี่คนเดียวพระเจ้าค่ะ
ทัมด๊ก : ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อถือทหารของตัวเอง แต่ข้าไม่เชื่อถือตัวเองต่างหาก ท่านที่ปรึกษา ท่านแม่ทัพและทหารลาดตระเวน ให้คำแนะนำมากมากมายแก่ข้า แต่ทั้งหมดข้าต้องเป็นคนตัดสินใจเอง ในแต่ละครั้งข้าก็เต็มไปด้วยความกลัว ถ้าเมื่อใด ที่ข้าตัดสินใจผิด ? ถ้าข้าผิดเล่า ถ้าข้าดื้อดึง....
ขุนพลโก : ฝ่าบาท
ทัมด๊ก : ข้าอาจจะพาพวกเขาไปตายหมด
ขุนพลโก : ฝ่าบาท ทรงหันมาทางนี้สักครู่ได้ไหมพะย่ะค่ะ ทัมด๊ก ทรงหันไปทางขุนพลโก ขุนพลโกใช้ผ้าเช็ดหน้าของตัวเองเช็ดเลือดที่เปรอะติดเสื้อเกราะของ ทัมด๊ก ที่ใกล้กับที่ตั้งของดวงหทัย ( เปรอะเลือดของทหารบาดเจ็บที่ทรงเข้าช่วยพยุง) ท่าทางนุ่มนวล
แล้วทูลความว่า : หม่อมฉันเข้าสู่สนามรบตั้งแต่อายุ 15 ปี เมื่อใดที่หม่อมฉันได้ยินเสียงสัญญาณรบ หม่อมฉันจะเป็นคนแรกที่ออกไปต่อสู้ แต่ว่า...... หม่อมฉันก็กลัวตายอยู่เสมอ แต่ว่า.... ทรงทราบบ้างไหม ...
ทัมด๊ก ทรงเงยพระพักตร์ทอดพระเนตรขุนพลโก
ขุนพลโก น้ำตาคลอ : เมื่อหม่อมฉันเริ่มรับใช้ฝ่าบาท เป็นครั้งแรกที่หม่อมฉันไม่กลัวตาย คนของฝ่าบาทที่อยู่ข้างนอก ความคิดของพวกเขา ก็เป็นเช่นเดียวกัน พะย่ะค่ะ ถ้าหากเพื่อ ฝ่าบาท หม่อมฉันสละชีวิตของตัวเองได้ ดังนั้น สิ่งที่ต้องทรงทำคือ อยู่ร่วมกับพวกเราพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก และขุนพลโก มองกันอย่างต่างซาบซึ้ง เข้าใจกันและกัน
(เป็นฉากที่ยงจุนคงประทับใจ เพราะ ยงจุน พูดถึง ใน Special program 2 ด้วย ซาบซึ้งทั้งความคิดของทัมด๊กที่ห่วงใยทหาร ซาบซึ้งทั้งความเทิดทูนภักดีของขุนพลโก ไหม)


ที่ปราสาทโกกแน
เสนาบดียอน เดินไปหยุดหน้าบัลลังก์ในท้องพระโรง เพียงคนเดียว องครักษ์ ศิษย์โคมิลกัมดง เข้ามา และเล่าว่า เคยทูลถามทัมด๊ก ที่ตั้งแต่ขึ้นครองราชย์มา ยังไม่เคยประทับนั่งบนบัลลังก์นี้สักครั้งเดียว ทรงบอกว่า เป็นเพราะพระองค์ยังไม่ได้แก้ไขการบ้านที่กษัตริย์พระองค์ก่อนทรงให้ไว้ เพราะฉะนั้นบัลลังก์นี้ ยังไม่ใช่ที่ของพระองค์ ทำให้เสนาบดียอนหวนนึกถึง วันที่ ทัมด๊ก ประทานตราประจำตำแหน่งเสนาบดีคืนให้ตนเอง เป็นการยอมรับการเป็นเสนาบดีของยอนการยอ วันนั้น ทัมด๊ก ก็ประทับนั่งที่ขั้นบันไดหน้าพระราชบัลลังก์ :ข้าเอาตราประทับของเสนาบดีมาคืนท่าน ตนเคยทูล ว่า : ฝ่าบาททรงอนุญาตให้หม่อมฉันเป็นเสนาบดีของสภาอีกครั้งหรือพะย่ะค่ะ ทัมด๊ก ทรงตรัสว่า : ข้าเกรงว่าข้าจะไม่ได้อยู่ที่ปราสาทโกกแน อีกนาน ในขณะที่ข้าไม่อยู่ ช่วยดูแลบ้านเมืองด้วย เสนาบดียอน มองตราประทับในมือตนเอง : ฝ่าบาทกำลังตรัสว่าจะให้หม่อมฉันรับผิดชอบทั้งหมดหรือ พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : ข้าคิดว่าข้าทำไปแล้ว ข้าต้องออกไปนอกอาณาเขต ทหารของข้ากำลังรออยู่
เสนาบดียอน : หม่อมฉันต้องรับผิดชอบเต็มที่เหนือปราสาททั้งหมด ป้อมปราการ และหมู่บ้านในโคคุเรียวหรือพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : ป้อมปราการทั้ง สิบเอ็ดแห่งที่แพคเจ หมู่บ้าน 120 หมู่บ้าน ในแพคเจ ดูแลทั้งหมดด้วย แพคเจอาจต้องการเอากลับคืนไป ฉะนั้นอย่าลืมส่งกองกำลังเสริมออกไปเป็นระยะ
เสนาบดียอน กราบทูล ทัมด๊ก ว่า : หม่อมฉันจำเป็นต้องทูลฝ่าบาทเช่นนี้ ถ้าหากหม่อมฉันต้องเลือก ระหว่างฝ่าบาทและลูกชายของหม่อมฉัน หม่อมฉันจะต้องเลือกลูกชายของหม่อมฉัน แน่นอน พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : เมื่อเวลานั้นมาถึงก็ทำไปเถอะ แต่ตอนนี้บ้านเมืองต้องการท่าน ในแง่การเมืองท่านรู้ไกลกว่าข้าและ ข้ารู้ว่าท่านจงรักภักดีต่อโดคุเรียว แล้วข้าต้องห่วงสิ่งใดอีก ท่านยอนท่านรู้ไหมจูชินหมายถึงอะไร ดินแดนที่พวกเราชาว แพดัล อาศัยอยู่ นั่นแหละจูชิน ถ้าพวกเราจะต้องเอาดินแดนกลับคืนมา ข้ายังมีหนทางอีกยาวไกล ท่านต้องช่วยข้าดูแลที่นี่
องครักษ์ : ฝ่าบาททรงขอให้ข้าแนะนำท่านกับฝ่ายอาลักษณ์ และฝ่ายยุทธวิธี ซึ่งเป็นตำแหน่งใหม่ที่ทรงแต่งตั้งขึ้น ทรงแต่งตั้งอาลักษณ์เพราะทรงรู้ว่า การบันทึกประวัติศาสตร์เป็นสิ่งสำคัญของประเทศ และทรงแต่งตั้ง ฝ่ายยุทธวิธี เพื่อดูแลทางด้านการทหาร



ในห้องทำงาน มีคนทำงานจำนวนมาก และทุกคนเหมือนกำลังง่วนกับงานของตนเอง โคมิลอาวุโส ฮยอนจัง เล่าว่า ตอนนี้พวกเรากำลังกำลังเตรียมของขวัญให้กับพวกยาน แพคเจเป็นสิ่งทรงห่วงในขณะเสด็จไปคอรัล การป้องกันการบุกรุกที่ป้อมปราการแพคเจ ทั้งสิบ รวมทั้งป้อมปราการควานมี ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ จึงทรงขอให้พวกเราให้ความสนใจเป็นพิเศษในการรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตกับพวกยาน
อีกโต๊ะทำงานหนึ่ง : เหล่านี้คือรายงานจากการสืบสานด้านความสัมพันธ์ทางการค้ากับคายา และทางโน้นคือรายงานด้านความสัมพันธ์ทางการทูตกับคายาและ แพคเจ
เสนาบดียอน : ท่านกำลังจะบอกข้าว่า ฝ่าบาททรงมีพระบัญชาให้ทำรายงานพวกนี้
ฮยอนจัง : พวกเราจะส่งรายงานให้ฝ่าบาททุก 3 วัน และรับพระบัญชาสำหรับงานต่อไป โชคดีที่คนของโคมิล มีระบบการสื่อสารข้อมูลที่รวดเร็ว
เสนาบดียอน อึ้งคาดไม่ถึง แล้วเดินออกมาจากห้องดังกล่าว ไปยืนอยู่ที่ลานด้านนอก องครักษ์โคมิล กัมดงแง้มประตูมองดู เสนาบดียอน เสนาบดียอน หันกลับมามองห้องที่เข้ามาเมื่อครู่
ที่ค่ายทหารของยอนโฮแก
มีคนมาส่งสารของเสนาบดียอน
ยอนโฮแก อ่านสารแล้วบอกว่า : ฝ่าบาทกำลังจะขายพวกเราให้กับคนที่นี่ที่ให้ราคาสูงสุด ทรงวางแผนเป็นพันธมิตรกับคอรัลและโจมตีเราในฐานะกบฏ
จอกฮวาน : ทำไมทรงกล่าวหาว่าพวกเราเป็นกบฏ
แล้วบรรดาแม่ทัพของ ยอนโฮแก ก็ส่งเสียงอื้ออึง
ยอนโฮแก : นี่คือกษัตริย์ของเรา ทรงต้องการเอาชนะข้าเป็นการส่วนตัว ทรงสละทหารของพระองค์ ทั้ง 4 หมื่นนาย ในฐานะกบฏ และเป็นพันธมิตรกับศัตรู นี่คือกษัตริย์ของเรา
อิลซู : เป็นไปไม่ได้
จอกฮวาน : ข้าไม่เชื่อ
แม่ทัพ :ไม่มีอะไรต้องคิดอีกแล้ว ทรงทอดทิ้งพวกเรา
รองแม่ทัพ :แต่เราก็ตอบโต้ไม่ได้ ครอบครัวของพวกเราที่บ้านเล่า
แม่ทัพ : พวกเราไม่มีทางเลือก พวกเราถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศไปแล้ว
ยอนโฮแก : ข้า ผู้บัญชาการของพวกเจ้า ยอนโฮแก ขอประกาศต่อหน้าพวกท่าน จากนี้เป็นต้นไป พวกเราจะไม่ต่อสู้เพื่อกษัตริย์ผู้ซึ่งไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างคนของประเทศกับศัตรู จากนี้เป็นต้นไปใครก็ตามที่ติดต่อกับกองทัพของกษัตริย์ หรือไปเชื่อฟังข่าวลือและทำให้เกิดความแตกแยกจะถูกลงโทษทันทีท่านแม่ทัพทั้งหลายได้ยินข้าพูดหรือไม่ ทุกคนรับคำ ขอรับ ท่าทางยอนโฮแก แค้นจัด ( แหม เอาแต่ดีใส่ตัว เหิมเกริม ไม่เชื่อฟังพระบรมราชโองการแล้วมาร้องแรกแหกกระเชอ ทีหลัง ร้ายจริง แบบนี้ไม่ใช่พระรองแล้วเป็นตัวผู้ร้ายแล้วนะนี่ โฮแก เอ๋ย )

ในค่ายของทัมด๊ก
เพราะว่ามีหลายเผ่าพันธุ์รวมตัวกันอยู่ที่เดียว มันอาจทำให้เกิดความสับสนตรึงเครียด บางคนที่โง่เขลา อาจจะรวมตัวและโจมตีที่นี่
ขุนพลโก : ไม่ต้องทรงห่วงพวกเราฝ่าบาท ทรงห่วงพระองค์ในขณะเดินทาง เถอะพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : ข้าอยากจะให้ จูมูชิ อยู่ที่นี่ ดัลโก ก็เข้ามากราบทูลว่าทหารพร้อมแล้ว ทัมด๊ก ทรงตบไหล่ ดัลโก เราไปสนุกกันไหม
ขุนพลโก : พวกเราจะรอคอยการเสด็จกลับของฝ่าบาทพะย่ะค่ะ
ทัมด๊กทรงม้าออกมาแล้วพบชนเผ่าของคอรัล ที่กำลังทำร้ายทหารที่ไปขนศพทหารโคคุเรียวขึ้นเกวียน
ฮีกแก : นี่คือกษัตริย์แห่งโคคุเรียว
ทัมด๊ก ทรงม้าออกมาจากกลุ่ม : คนของเจ้าเป็นเผ่าคีโดฮารีหรือ
คอรัล :พวกเราเป็นเผ่าพันธุ์แรกของดินแดนทางเหนือ คีโดฮารี
ทัมด๊ก : ข้าได้ยินมาว่า อัตทิลา ข่านแห่งคอรัลก็อยู่ที่นี่เช่นกัน มีทหารยกหีบเหล็กไปวางให้คนที่ดูเป็นหัวหน้าของทหารเผ่าต่างๆของคอรัล (ดูทัย) นี่คือของขวัญของข้าต่อ ท่านอัตทิลา และสาสน์ถึง อัตทิลา ส่งไปให้ให้เขาด้วย โยนกระบอกใส่สาสน์ให้ แล้วทัมด๊ก ทรงชักม้ากลับ
ฮีกแก : ชีวิตของทหารโคคุเรียวที่เสียไป ต้องตอบแทนกลับมาเป็น 100 เท่า แต่กษัตริย์ของเราทรงมีพระเมตตาและไว้ชีวิตพวกเจ้าทุกคน ฝ่าบาททรงรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคอรัล แม้แต่ที่ ที่แพะของพวกเจ้าไปกินหญ้า ถ้าเจ้าได้รับรายงานก็ขอให้มั่นใจว่าถูกต้องแล้ว ทหารทั้งหมดที่รับใช้ฝ่าบาทก็คือทหารม้าเหล็กที่น่าเกรงขามแห่งจูชิน ปล่อยพวกนี้ไป หัวหน้าคอรัล (ดูทัย) ดวงตาไหววูบขึ้นมากับคำว่า จูชิน



ที่บ้านตระกูลยอน
โซคีฮามาพบเสนาบดียอน
เสนาบดียอน : เทวีพยากรณ์ได้รับการอารักขาไม่ใช่จากนักพรต แต่เป็นฝ่ายอธรรมใช่หรือไม่
โซคีฮาบอกว่า แม้เราสองฝ่ายจะมีเรื่องในใจต่อกันมากมายขอให้ลืมเรื่องพวกนั้นและพูดกันตรงประเด็น ผู้อาวุโส ฮวาเซิน ได้จากไปยังยาน ข้ากำลังวางแผนจะรวบองค์กรฮวาเซินไว้เอง ท่านคงไม่รู้เป็นเช่นไร ซารยางส่งม้วนผ้าหนังสือให้ เสนาบดีกางออกอ่าน โซคีฮาพูดต่อว่าองค์กรองค์กรนี้มีมานานนับพันปี กองบัญชาการใหญ่อยู่ที่ อาบูลันซา มันเชื่อมโยงหลายอย่างและถือว่าเป็นศูนย์กลางเช่นใยแมงมุม
เสนาบดียอน :ฮวาเซินครอบครองดูแล พูกี ซอนีล จีนโบราณและคายา หรือ
โซคีฮา : เป็นความต่อเนื่องมาจนทุกวันนี้ ท่านผู้นำ (แทจังโร) ต้องการครอบครองพลังแห่งสวรรค์ แต่ข้าต้องการอาณาจักรจูชิน เพื่อสร้างโดยประชาชน พร้อมด้วยท่านโฮแกแก
เสนาบดียอน : ท่านบอกเรื่องนี้ทำไม ถ้าท่านเป็นเทวีพยากรณ์ที่ดูหมิ่นสวรรค์ ข้า ยอนการยอ มีอำนาจในการปลดท่านออกจากตำแหน่ง แต่โซคีฮา ก็ยังพูดต่อว่า : แต่เพื่อการนี้ ก่อนอื่นข้าต้องได้สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นของข้ากลับไปด้วย และยังมีอีกสิ่งหนึ่งข้าวางแผนจะมอบสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์เสือขาวให้กับท่านโฮแก ท่านจะช่วยข้าหรือไม่ ข้าไม่คาดหวังได้คำตอบทันที แต่ข้าก็ไม่สามารถรอได้นาน
เสนาบดียอน: ให้ข้าถามประการหนึ่งก่อนที่ข้าจะตอบ ลูกชายของข้า โฮแกเขาเป็นอะไรต่อท่าน
โซคีฮา คิด ครู่หนึ่งก็ปลด ดุมเสื้อคลุมตัวนอกให้เสนาบดียอน มองเห็นท้องที่ใกล้คลอดแล้ว สองมือวางบนท้อง : แล้วนี่เพียงพอจะตอบคำถามหรือไม่
เสนาบดียอน ทำหน้าตาเหมือนไม่เชื่อสายตาตัวเอง ทำหน้าตาเจ็บปวดกับการตัดสินใจของตัวเอง
(โซคีฮา ก็ตัดสินใจ เหมือนกัน ที่จะไปขอให้ ยอนโฮแก รับเป็นพ่อของลูกในท้อง สุดยอดนางมารร้ายแห่งยุค พันกว่าปีก่อนโน้น)


ชอโร ได้พบซูจินี ที่นอนไม่ได้สติมาหลายวัน ชอโร พาหมอมาตรวจ หมอบอกว่า ข้าหาสาเหตุไม่พบดูเหมือนว่านางปิดตัวเอง ชีรพจรนางอ่อนเหลือเกิน ข้าจับไม่ได้เลย นางแทบไม่หายใจ



ชอโรพาซูจินี ไปนอนกับพื้นที่รองด้วยใบเมเปิ้ลสีแดงที่หล่นลงมาจำนวนมกมายใต้ต้นเมเปิ้ล ชอโร นั่งพิงต้นแหงนมองใบไม้ที่ค่อยๆ ร่วงหล่นลงมาทีละใบ เห็นเป็นภาพ แชโอ เมื่อ 2 พันปีที่แล้ว กำลังแทงปลา และกินน้ำในลำธาร ชอโร เอามือไปวางที่หน้าผาก ซูจินี ที่นอนไม่รู้ตัว (แล้วกันซี นี่พ่อมังกรน้ำเงิน แชโอ นั่นน่ะ ภรรยา เจ้านาย นะคร๊าบ)
ซูจินี เหมือนตกอยู่ในภวังค์คล้ายโซคีฮาเคยเป็น เพียงแต่ไม่ทุรนทุราย ซูจินี กลับไปสู่ภวังค์ เมื่อ 2 พันปี แชโฮธิดาของเผ่าหมี แชโอยิงธนู แชโอต่อสู้กับเผ่าเสือ แชโอท้อง ฯลฯ มีสุรเสียงของ ทัมด๊ก แทรกว่า นี่ และเสียงของซุจินีเองว่า ข้าชื่อ ซูจินี และสุดท้าย กับ เทพฮวานอุงที่ยกธนูพาดสาย ... โอ้ ...แชโอของข้า ...
ซูจินีสะดุ้ง ลืมตา มองใบไม้สีแดงบนต้นเมเปิ้ล ชอโร มองตาม แล้วก็ บอกว่า ตื่นเถอะ...เขา เขาบอกให้ข้าส่งเจ้าให้กับเขา ซูจินี นอนเฉยไม่ตอบอะไร

ค่ายของทัมด๊ก
ขุนพลโก : ข้าได้รับรายงาน คนของคอรัลกำลังข้ามาใกล้ มันดูเหมือนกองทัพพันธมิตรกับเผ่าทั้ง 4 แล้ว พวกคอรัลก็ขี่ม้าเข้ามา
ขุนพลโก : ข้าแม่ทัพ โกอูชุง แห่งกองทัพหลวงของฝ่าบาท
ข้าดูทัย จากเผ่า คีโดฮารี
ข้ามาจากเผ่า คาราคีตัย
ข้ามาจากเผ่า จิลดูส
ข้ามาจาก คูลคูสถาน
ขุนพลโก : ยินดีต้อนรับทุกคน ข้าจะฟังสิ่งที่ท่านต้องการจะพูด
ทัมด๊กเสด็จออกมาจากกระโจม มีฮีกแก ดัลโก และฮยอนโก ตามเสด็จออกมา : ข้าจะฟังพวกเขาด้วยตัวเองข้าได้ยินว่าหัวหน้าเผ่า คาราคิตัย เพิ่งจะได้หลานชายคนแรก ฝากความยินดีไปให้ท่านด้วย
คอรัล : ข้าจะส่งข้อความให้พระองค์
ทัมด๊ก : ข้าจะฟังข้อความของท่าน อัตทิลาข่าน ที่เพิ่งได้รับเลือก ของคิตัย
คอรัล 4 คน คำนับ ทัมด๊ก
ดูทัย : หัวหน้าทั้งหลาย ของ คีโดฮารี คาราคิตัย จิลดูส และคูลคูสถาน พร้อมกับท่านข่านของ คิตัย ได้ส่งสาสน์มาถวายฝ่าบาท เที่ยงตรงวันนี้ขอให้ไปพบกับพวกเรา ณ สถานที่ ที่เรากำหนดไว้ กษัตริย์แห่งโคคุเรียว จะทรงนำทหารไปได้แค่ 7 คน ม้า 7 ตัวเท่านั้น
ฮีกแก ชักดาบ: เจ้ากล้าดี เจ้ากล้าดีอย่างไรมาตั้งเงื่อนไขเช่นนี้ มีเพียงทหาร 7 คน สำหรับ ฝ่าบาทหรือ
มีเสียง จูมูชิ ดังขึ้นว่า : 1 ใน 7 เป็นหม่อมฉันด้วยใช่หรือไม่พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก ทรงดีพระทัย

ปล. 8 เมือง ยาน ที่มีชื่อ ในบทคำแปลนี้ มาจาก คำแปลเกาหลีเป็นภาษาอังกฤษ ว่า Hooyeon ในความรู้สึกของคนเล่า คิดว่าน่าจะเป็น เมืองเยี่ยน ที่ชาวแฟนคลับละครจีน เคยคุ้น แต่ก็ไม่แน่ใจ เพราะเมืองเยี่ยนที่ว่านี้ เป็น รัฐ หนึ่งใน 7 รัฐใหญ่ สมัยโบราณ ตั้งแต่ กษัตริย์ จิ๋นซีฮ่องเต้ ของจีน ซึ่งจิ๋นซี ฮ่องเต้ ได้ รวมรวบ 7 รัฐใหญ่ มาสังกัดภายใต้ รัฐ ฉิน ของพระองค์ แต่เมื่อ ถึงสมัยพระโอรส รัฐฉิน ที่สถาปนาไว้ใหญ่โต ก็ล่มสลาย พระราชวังถูกเผา นานถึง 3 เดือน จึงไหม้หมด ทั้ง 7 รัฐ น่าจะ แยกตัวออกมาใหม่ และในช่วงเวลา ของ สามก๊ก ของจีนก็จะกล่าวถึงเมืองเยี่ยนด้วย แล้วก็งง ๆว่า ตั้งใจ เรียก ชื่อเมือง เพื่อไม่ต้องอ้างถึง ฮั่น ของ จีนหรือเปล่า และมาถึงปลายราชวงศ์ฮั่นนี้เมือง เยี่ยน ยังมีหรือเปล่า เอ แล้ว ปล.นี้ จะทำให้ ยิ่งงง หนักขึ้นหรือเปล่า ถือว่า เป็นคำถามที่ คนเล่า รอ มีผู้รู้มาตอบก็แล้วกัน ขอบคุณล่วงหน้ามา ณ ที่นี้

Copyright @ Amornbyj & SUE