Tuesday, May 20, 2008

เรื่องย่อ ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ (ตอนที่ 19 )



...ตอนที่ 19...

โซคีฮา สะบัด ซูจินี กระเด็นลงไปกองกับพื้นอาราม ชอโรก็แกว่งทวนสู้กับซารยาง โซคีฮา คว้าเทียนทั้งฐานรองขว้างไปที่ ชอโร ฐานเชิงเทียนตกลงมาแตก แต่เปลวไฟ ลุกไหม้ทะลุเสื้อเกราะของชอโร ชอโร เจ็บปวดทุรุนทุรายเพราะความร้อนของเปลวไฟ ซูจินี เข้าไปจะช่วย แต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ตะโกนว่า : ท่านทำอะไรลงไป ดับสิ ข้าบอกให้ดับ แต่โซคีฮา ตอบว่า : ข้าจุดไฟได้ แต่ข้าดับไม่ได้



ชอโร ยิ่งทุรนทุราย ซูจินี เอามือ พยายามเอาไฟออกจากอกเสื้อ ทีแรกต้องสะบัดมือเพราะร้อน แต่เมื่อทำใหม่ มือซูจินี ก็สามารถต้านทานความร้อน และดับไฟได้ นัยน์ตาของซูจีนี บอกอาการโกรธ ก้มลงหยิบดาบสั้นที่พื้นขึ้นมา นัยน์ตาแข็งทื่อ แล้วดาบที่หยิบขึ้นมาแล้วก็มีเปลวไฟลุกโชติช่วง





ทั้งซารยางและโซคีฮา ต่างตกใจ ซูจินี กวัดแกว่งดาบเดินเข้าหาโซคีฮา ซารยางเข้าขวางทันที แล้วก็ ต้องกระเด็นลอยตกลงพื้น บาดเจ็บ คล้ายจะกระอักเลือด อยู่ที่พื้น ซูจินี ใช้ดาบที่มีเปลวเพลิง ฟาดฟันโซคีฮา โซคีฮาได้แต่หลบหลีกแล้วล้มลงพื้น โซคีฮา ตะโกนว่า หยุด อย่าทำร้ายลูกข้า แต่ซูจินีเหมือน ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น เงื้อดาบขึ้นสูงจะทำร้าย โซคีฮา แต่แล้วก็มีพลังแรงออกมาจากโซคีฮา ผลัก กระแทกซูจินี กระเด็น ล้มลงไปกองกับพื้น และสลบไป




โซคีฮาและซารยางกลับไปที่พักลับเก่าของฮวาเซิน
แล้วโซคีฮาก็จำความได้ทั้งหมด ภาพในอดีตหลั่งไหลกันมา แทจังโร ดูดพลังจากจี้ฟินิกซ์ จากชายชรา เป็นวัยกลางคน และฝังสัญลักษณ์ ฮวาเซินให้เธอ แม่ที่สั่งข้อความว่า คีฮา นางเป็นน้องสาวของเจ้าและเจ้าก็เป็นพี่สาวของนาง ในฐานะพี่สาวไม่ว่าอย่างไรก็ตามเจ้าต้องปกป้องนาง เจ้าทำได้ใช่ไหม โซคีฮาวัยเด็กพยักหน้ารับคำแม่ แม่อุ้มน้องส่งให้เธออุ้ม ถอดสายสร้อยห้อยจี้ฟินิกซ์คล้องคอเธอ แม่เอาเธอกับน้องซ่อนไว้ ประตูห้องเปิดออก แม่ถูกฟันล้มกองกับพื้น เอียงหน้าส่งสายตามองโซคีฮา ที่เธอเองก็มองลอดช่องไม้จากที่ซ่อนตัวอยู่ แล้วแม่ก็สิ้นใจ ไฟไหม้บ้าน เธอเอาน้องใส่ถังถั่วแล้วปิดผาถัง เธอสำลักควันสลบไป ประกายของจี้ฟินิกซ์ แดงวาบ
โซคีฮา ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ เรียก ซารยางซ้ำๆ...นางเป็นน้องสาวข้าใช่ไหม ซารยางตอบเธอไม่ได้ ได้แต่หลบสายตาโซคีฮา


ที่ปราสาทโกกแน
พวกทหารเดินที่ลานพระราชวัง เข้าไปในห้อง ทัมด๊ก ขุนพลโก และฮีกแก เข้ามาในห้องนี้เช่นกัน ทัมด๊ก ถามเหล่าแม่ทัพ : ท่านไปหาครอบครัวแล้วหรือยัง
ทหาร : พะย่ะค่ะ ฝ่าบาท
ทัมด๊ก ทรงถามนายทหารคนหนึ่งว่า : ภรรยาของท่านกำลังตั้งครรภ์หรือ คำตอบที่ทรงได้รับคือ เมื่อหม่อมฉันกลับมานางก็คลอดแล้วเป็นบุตรสาวพะยะค่ะ
ทัมด๊ก แล้วลูกท่านแม่ทัพ อูซุง 2 ขวบแล้วใช่ไหม คำตอบ พะย่ะค่ะ ของหม่อมฉันเป็นชาย
ทัมด๊ก แล้วทำไม สองครอบครัวนี้ไม่ดองกันเสียล่ะ คำทูลตอบคือ ลูกสาวของเขาคงหน้าตาเหมือนเขา มันโหดร้าย พะย่ะค่ะฝ่าบาท นายทหารที่ได้ลูกสาว ชักโมโหนิดๆ ฮีกแก รีบไกล่เกลี่ย ว่าไม่ว่าลูกสาวลูกชายท่านก็ไม่ควรวิจารณ์คนอื่น แล้วฝ่าบาทจะเสด็จไปคอรัลเมื่อใด พะย่ะค่ะ ทัมด๊กทรงตอบว่า เราจะรีบไปทันทีที่ทำได้ ฮีกแก : ฝ่าบาทหม่อมฉันคิดว่า เราต้องรีบรวบรวมกองทหารให้มากขึ้นอีกและต้องฝึกฝนพวกเขา
นายทหารคนหนึ่งทูลว่า :เราต้องรีบไปที่มั่นของยอนโฮแก เราจะไม่ถูกสกัดกั้นโดยกองกำลังคอรัล พะย่ะค่ะ
ฮีกแกทูลว่า : หม่อมฉันเห็นด้วยเพราะโฮแกฆ่าคนไปมากมาย คอรัลคงจะรอเวลาแก้แค้นอยู่พะย่ะค่ะ กองทัพจะประกอบด้วยทหารม้าเหล็ก
แต่ทัมด๊กไม่มีพระประสงค์ เรียกกำลังเพิ่ม : ข้าวางแผนเอาพลแบกหามไปแค่ไม่กี่ร้อยคน ข้าต้องการคนที่จะส่งสินค้าบางอย่าง ท่านแม่ทัพทั้งหลายท่านกลับไปบอกคนของเราว่า เราจะไม่ไปรบที่คอรัล เราจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ก่อนจนกว่าจะถึงเวลาจำเป็นเท่านั้น ใครที่เริ่มลงมือต่อสู้ก่อน โดยไม่มีเหตุอันควรจะได้รับการลงโทษทันที พวกท่านเตือนพวกเขาซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้ง
ฮีกแก : ฝ่าบาทเราจะไปคอรัลเพื่อขนของให้ ยอนโฮแก หรือพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : ไม่ใช่ เราจะไป คอรัล เพื่อเอาของไปให้กับคนที่จะมาเป็นพี่น้องกับเรา เราไม่มีเวลาหากำลังเพิ่มและฝึกฝนให้พวกเขา พวกเรามีทหารที่เคลื่อนที่ออกไปแล้ว 4 หมื่นนาย ถ้าเราหาคนเพิ่มอีก ผู้หญิงกับคนแก่ ก็ต้องไปทำไร่หาสัตว์เอง เมื่อเรารวบรวมสินค้าจากชนชั้นสูงในประเทศและเหล่าพ่อค้า สินค้าในตลาดจะถูกจำกัดลง ราคาก็จะพุ่งสูงขึ้นด้วย ฉะนั้นประชาชนของเราก็จะเดือดร้อน เราไม่มีเวลา เราต้องออกไปทันทีและกลับมาพร้อมกับสินค้าที่เราต้องการ
นี่เหมือนการพนัน
องครักษ์ อ่านพระบรมราชโองการนี้ในที่ประชุมขุนนาง

ฝ่าบาทกำลังรวบเสบียงเพื่อพระราชภารกิจ ขอให้ท่านให้ความร่วมมืออย่างเต็มความสามารถ
โชจูโด : ขออภัยที่ต้องถาม เรื่องการชำระเงินสำหรับเสบียงของเรา
องครักษ์ตอบว่า : ประเทศจะไม่จ่ายเงินใดๆ ให้กับพวกท่าน แต่ ฝ่าบาทจะทรงให้สิทธิทางการค้าเกลือ ขึ้นกับจำนวนความอุดหนุนที่พวกท่านให้ในคราวนี้ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของคอรัล หลังจากข้ามภูเขาไป มีดินแดนแห่งเกลือที่กว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งกว้างใหญ่พอๆกับทะเล เรากำลังจะไปเอาเกลือมาจากที่นั่นและแจกจ่ายให้ทั่วให้กับประเทศอื่นๆ
พวกขุนนาง หันหน้ามาปรึกษาหารือกัน
โชจูโดรีบไปรายงานเสนาบดียอน ที่กำลังนั่งเขียนข้อความถึง ยอนโฮแก ไม่ใส่ใจคำพูดของโชจูโด : ข้อเสนอของฝ่าบาทช่างยั่วยวนใจเสียเหลือเกินกลุ่มพ่อค้าและตระกูลขุนนาง ต่างพากันตื่นเต้น เสนาบดียอนชะงักมือที่กำลังเขียนตัวอักษร
โชจูโด : ท่านเสนาบดีใหญ่ ท่านจะทำอย่างไร อย่างน้อย เราควรแกล้งทำเป็นให้เสบียง บ้างหรือไม่ เราควรได้ผลประโยชน์ของฝ่าบาท แต่เสนาบดียอน กลับสั่งว่า : รีบเตรียมม้าเร็วและคนส่งสาร
โชจูโด : ส่งสารไปให้ท่านโฮแก หรือ
เสนาบดียอน ลุกขึ้นเดินออกมาข้างนอก: ก่อนที่ภรรยาข้า แม่ของลูกชายข้าจะเสียชีวิต บอกให้ระวังคนที่ฉลาดเหมือนงูพิษ (เสนาบดีเดินเซต้องเกาะเสาที่อยู่ใกล้ โชจูโด ปราดเข้าประคองเรียก ท่านเสนาบดีใหญ่) เสนาบดียอนพูดต่อว่า : ข้าไม่เคยรู้ความหมายของเรื่องนี้ ภรรยาข้ากำลังจะตายแต่ข้าไม่เคยสนใจฟังคำของนาง สำหรับเขาโคคุเรียว เป็นแค่ชิ้นส่วนเล็กๆของปริศนา มันเล็กเกินกว่าความทะเยอทะยานของเขา โชจูโด :ท่านกำลังพุดถึงฝ่าบาทหรือ แต่ทรงได้สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำเงิน ทรงมุ่งหน้าสู่ดินแดนที่มากกว่านี้
เสนาบดียอน :มันไม่มีที่สิ้นสุดสำหรับดินแดนที่เขาต้องการ เขาจะทำทุกสิ่งที่ต้องการเพื่อให้ได้ดินแดนนั้น เป้าหมายของเขาไม่ใช่แค่ทำลายลูกชายของข้า เขากำลังทิ้งทหาร 4 หมื่นคนของโคคุเรียวให้เป็นเหยื่อ ข้าไม่รู้จักเขาดีพอ ข้าประเมินเขาต่ำไป ข้าต้องส่งข่าวเรื่องนี้ไปให้โฮแก เราต้องไม่ตกหลุมพรางของเขา ไม่ได้ ...ไม่ได้..



ในห้องประชุมทหาร
พวกทหารพากันอ่อนเพลีย บางคนนั่งหลับ ขุนพลโก เข้าไปทูลทัมด๊ก : ทรงอนุญาตให้หม่อมฉันช่วยเหลือฝ่าบาทไหมพะย่ะค่ะ เราประชุมต่อเนื่องกันมา หากพระองค์ไม่พัก คนอื่นๆ ก็ทำไม่ได้ พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก ทรงลุกขึ้นจากพระเก้าอี้ ฮีกแก ที่ทอดตัวเหยียดยาวกับเก้าอี้ หงายหลังผลึ่งลงไปส่งเสียงโวยวายตามนิสัย โอ๊ยเจ็บ กุมศีรษะบ่นว่า ... ข้า เลือด.ออก
ทัมด๊ก ตรัสว่า : วันนี้พอแค่นี้ก่อน ข้าจะพบกับพวกท่านพรุ่งนี้เช้า
ทรงถาม ฮีกแก ว่า เลือดออกหรือ ฮีกแก ทูลว่า หม่อมฉันไม่ได้เลือดออก
ทัมด๊ก : แต่ท่านเป็น ...ทรงพระสรวลขำฮีกแก เมื่อเสด็จออกมา ก็ เห็น ฮยอนยองกำลังปลุก ฮยอนโก กระซิบกระซาบข้อความข้างหู แล้ว ทั้งฮยอนโก และฮยอนยองก็รีบร้อนออกจากห้องนั้นไป

ซูจินี นอนอยู่บนเตียง รู้สึกตัวลุกขึ้นนั่ง ลองลูบแขนที่บาดเจ็บ แต่ไม่มีร่องรอยแผลอะไร จึงรีบลุกขึ้น

ชอโรนอนเจ็บ หมอเอาพวกสมุนไพร วางไว้ตามรอยแผลที่โดนไฟลวก พลางอธิบายว่า มันอาจจะลำบาก ไฟไหม้ผ่านเสื้อเกราะลงไปที่หน้าอก ข้าไม่รู้ว่ามันเป็นไฟอะไรมันเผาไหม้เขาไปทั่ว

ฮยอนโก ซักถามซูจินี เมื่อซูจินีเล่าเหตุการณ์ในอารามหลวงให้ฟัง
ซูจินี : ข้าจำสิ่งที่ข้าทำได้ ข้าควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่คำนึงถึงสิ่งที่ข้าต้องการทำ ข้าโกรธ สกัดไฟ และไล่ตีคน ข้าจู่โจมเพื่อฆ่า แล้วก็เงยหน้าถามฮยอนโก มันเป็นเช่นนี้ใช่ไหม
ฮยอนโก เบือนหน้าที่กำลังตั้งใจฟังคำบอกเล่า ไปทางอื่น
ซูจินี : เมื่อผู้พิทักษ์ฟินิกซ์ควบคุมจิตใจไม่ได้ มันเป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่ ฮยอนโก เหลียวกลับมา ซูจินีพูดต่อว่า เช่นนี้หมายความว่าอย่างไร หมายความว่าข้าเป็นผู้พิทักษ์ฟินิกซ์ นี่มันบ้าจริง ฮยอนโก ได้แต่พูดว่า เช่นนี้
ซูจินีพูดต่อว่า ข้าขอคืนได้ไหม ข้าพูดได้ไหมว่าไม่อยากได้มัน
ฮยอนโก : ซูจินี เรามาลองกันอีกครั้งลองเหมือนคราวก่อน เจ้าลองควบคุมตัวไม่ได้ต่อหน้าข้า และโกรธ ทำให้ข้าเห็นอีก
ซูจินี : ท่านบอกว่าในตำนานเล่าว่า ผู้หญิงคนนั้นลืมตัวอย่างไรและพยายามฆ่าท่าน ฮวานอุง ข้าไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ข้าจะโกรธลืมตัวอีก ข้าไม่รู้ว่า ทำไมข้าจะเผาโลกอีกครั้ง และทำไมข้าจะฆ่ากษัตริย์ ใช่ไหม
ฮยอนโก : ไม่มีใครรู้ เพราะฉะนั้นลองอีกครั้ง ข้าถึงจะบอกเจ้าได้ ว่าข้าคิดอย่างไร
ซูจินี : ข้าขอเป็นครั้งสุดท้าย ให้ข้าพบเขาเป็นครั้งสุดท้าย ฮยอนโก ถามว่า ใคร ซูจินีตอบว่า คนที่เรารู้ว่าเป็นใคร ฮยอนโกยืนถอนใจ ซูจินี พูดซ้ำ อีกครั้งเดียว ฮยอนโกนั่งลงข้างๆ
ซูจินี : ครั้งเดียวก็น่าจะดีแล้ว
ซูจินี เอามือจับมือฮยอนโก : ข้ายอมให้ท่านเป็นคนฆ่าข้าไม่ได้ ถ้าท่านเป็นคนฆ่าข้า ท่านต้องร้องไห้ไปตลอดชีวิต ท่านเลี้ยงดูข้ามาเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ตอนข้าเป็นทารก ทุกอย่างที่ข้ารู้ ข้าเรียนมาจากท่าน ข้าไม่สามารถตอบแทนบุญคุณด้วยความเศร้าได้หรอก ท่านหัวหน้า ข้าคิดว่า...ข้าคงไม่สามารถตอบแทนบุญคุณของท่านได้ ..ปล่อยข้าได้ไหม แล้วก็ลุกขึ้นยืน เดินจากไป ตลอดเวลา ฮยอนโกที่ได้แต่นั่งมองหน้าซูจินี พูดกับข้างหลังของซูจินีว่า..เด็ก..เด็กคนนั้น

โซคีฮา ไปหาแทจังโร ที่หลบซ่อนตัวในถ้ำ
ทหารฮวาเซินมาขวางว่า ท่านคีฮา ไม่ใช่ตอนนี้ บางที่หลังอาทิตย์ตกดิน โซคีฮา สบัดพลังไฟใส่ไปหลายคน แทจังโร ร้องทักว่าเจ้ามาแล้ว
โซคีฮา : ในคืนแห่งดวงดาวจูชิน บ้านหลังนั้นที่แพคเจที่มีแสงแห่งฟินิกซ์ ท่านฆ่าครอบครัวนั้น และเผาบ้านของเขา ท่านลบความจำของเด็กหญิงอายุ 5 ขวบ ที่พบในกองเถ้าถ่านยังอยู่ในบ้านและใช้เธอเยี่ยงทาสจนถึงบัดนี้
แทจังโร : เจ้าได้ความจำกลับมาแล้ว ข้าได้ลบมันจากเจ้าอย่างระมัดระวัง
โซคีฮา : ท่านฆ่า พ่อแม่ของข้าหรือ และตอนนี้ ท่านทำให้ข้าเกือบต้องฆ่าน้องสาวของตัวเอง แทจังโร แปลกใจ ตาลุก เจ้าพูดว่า น้องสาวหรือ
โซคีฮา : ใช่ น้องสาวของข้า น้องสาวที่ท่านแม่ฝากฝังกับข้าก่อนที่ท่านจะฆ่านาง ท่านรู้ทุกอย่างแล้วท่านไม่รู้เรื่องนี้หรือ เช่นนั้นท่านคงจะไม่รู้ว่าวันนี้ท่านต้องตายด้วยมือของข้า แล้วโซคีฮา ก็ใช้ดาบจะแทงแทจังโร แทจังโร ยกมือจับดาบ และ บอกว่า : ข้าขอเจ้าอีกสักครั้งเพราะข้าไม่ต้องการให้เจ้าตกใจ ดาบหักเป็นสองท่อน และโซคีฮา กระเด็นออกมา มือถือด้ามดาบ แทจังโร ที่นั่งอยู่ลุกขึ้นยืน
โซคีฮา ถามว่า : ท่านเป็นอะไร
แทจังโรตอบว่า : ข้าคือผู้นำแห่งเผ่าไฟ ที่ซึ่งอำนาจแห่งไฟถูกขโมยไปจากพวกเรา โยนดาบหักด้านปลายในมือทิ้ง เดินเข้าหาโชคีฮา ที่ได้แต่ค่อยๆถอยหลัง พูดต่อว่า : ข้าเป็นชายที่น่าสงสารที่ได้ร่างกายกลับมาด้วยอำนาจแห่งลูกแก้วสีแดง โซคีฮา ยกดาบหักขึ้น : ท่านยังเป็นคนฆ่าพ่อ แม่ของข้า และใช้ข้าเยี่ยงทาส แทจังโร ดึงผ้าที่คลุมศีรษะออก พูดต่อ : เจ้าได้ความจำเมื่อ 20 ปีก่อนกลับคืนมา ทั้งที่ข้าลบความจำเจ้าออกไปอย่างระมัดระวัง แต่ทำไมเจ้าถึงไม่ได้ความจำเมื่อ 2 พันปีก่อนกลับมาด้วยเล่า
โซคีฮา : ใครจะไปสนใจเรื่องความทรงจำนั่น ก่อนอื่นข้าขอแก้แค้นแทนพ่อแม่ ของข้า จากนั้นข้าค่อยคิดเรื่องอื่น แล้วก็เอาดาบที่หักครึ่ง แทงแทจังโรอีก คราวนี้ ดาบปักที่หน้าอก แทจังโร โซคีฮา กระเด็นล้มลงนั่งที่พื้น
แต่ แทจังโร ไม่เป็นอะไร : ข้าบอกเจ้าแล้ว เมื่อ 2 พัน ปีก่อนโน้น ข้าขโมยพลังแห่งไฟ เจ้าไม่สามารถใช้ไฟฆ่าคนที่อยู่ด้วยไฟได้หรอก เจ้ารู้ไหม ข้ามีชีวิตอยู่มานานแค่ไหนโดยไม่สัมผัสกับความตายสักนิด เอามือดึงดาบออก ไม่มีเลือดไหลแต่อย่างใด เป็นสายควันดำ ๆ ลอยอยู่รอบแผล แล้วก็พูดต่อ วันเวลามันช่างยาวนานและไม่มีที่สิ้นสุด จนครั้งหนึ่งข้าเคยแทงหัวใจตัวเอง .. สิ่งที่ข้าได้ทำไปก็แค่...ขโมยอำนาจแห่งไฟเพียงเล็กน้อย แต่นี่เป็นการลงโทษข้า..คีฮา....คาจิน....จำสิ่งนี้ไว้ ครั้งหนึ่งเจ้าเคยเป็นนักพรตหญิงแห่งไฟ แล้ว แทจังโร ก็ยกสองมือขึ้น พลังสายสีดำที่มือ ทำให้โซคีฮา เจ็บปวด ทุรนทุราย เหมือนทุกครั้ง (ทำไม ลูกในท้องไม่ช่วยแม่ นะแปลกจริง)

ทัมด๊ก ลุกจากแท่นบรรทม พระราชดำเนินออกมาที่ท้องพระโรง แต่ราตรีนี้มีเพียง ทัมด๊ก พระองค์เดียว

ซูจินี นั่งอยู่ตรงหน้าผู้อาวุโสสามคน และบรรดาศิษย์ที่ยืนเบื้องหลังผู้เฒ่า
ฮยอนจังถามซูจินีว่า : เจ้าใช้พลังแห่งไฟจริงหรือ อีกคนก็พูดว่า ถึงแม้เราไม่แน่ใจ แต่เราไม่สามารถรอจนกว่าจะแน่ใจได้ ตามตำนาน เมื่อฟินิกซ์เกิดขึ้น เราต้องเอาไว้แต่สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์และฆ่าผู้พิทักษ์เพื่อความสงบสุขของโลก เจ้าเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนหรือไม่..ใคร..จะช่วยเด็กคนนี้กับการเดินทางครั้งสุดท้ายของนาง คนพูดหันไปมองคนโน้นคนนี้
ซูจินีบอกว่า : ข้าจะทำเอง ข้ามักจะเป็นคนทำงานสกปรกในหมู่บ้านเสมอๆ ลุกขึ้นยืน : แต่ข้ารู้สึกเป็นห่วงจริงๆ ว่าพวกท่านจะทำอย่างไรถ้าไม่มีข้า ทุกคนในที่นั้นหน้าเศร้า ซูจินีพูดต่อ : ข้าขอร้องเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหมได้โปรดช่วยชีวิตผู้บัญชาการป้อมปราการควานมีที่ได้รับบาดเจ็บในขณะพยายามช่วยชีวิตของข้า ข้ารู้สึกผิดที่จะต้องทิ้งเขาไว้ข้างหลังแบบนี้
ผู้เฒ่าโคมิล : ฟินิกซ์เป็นมารดาแห่งโลกมนุษย์ เขาพูดกันว่านางไม่สามารถทนเห็น ใครต้องเจ็บปวดหรือหิวโหย ตกลงเราจะทำทุกอย่างภายใต้อำนาจของเรา
ซูจินี หันไปทาง ฮยอนยอง เรียกเพื่ออำลา : ท่านลุง ฮยอนยอง ก้มหน้าร้องไห้


ในพระราชวัง
ขณะที่องครักษ์ 2 คนกำลังสวมเสื้อเกราะให้ ทัมด๊ก ซูจินี ก็เข้ามา ทูลว่า หม่อมฉันขอทำได้ไหม ซูจินี ใส่ชุดสวยงาม ที่ ทัมด๊ก ทำท่าแปลกพระทัย เพราะไม่เคยทอดพระเนตรเห็นมาก่อน พระสุรเสียง คล้าย จะอุทาน อะไรนี่ เจ้าใส่อะไร ซูจินี อะไรหรือและหันหลังกลับ ทรงถามว่า นี่เจ้าจะไปไหน ซูจินี หันมา เดินมาหา ทัมด๊ก ทรงพยักพักตร์ให้องครักษ์แล้วทรงหันพระปฤษฎางค์ให้ ซูจินี (ใช้คำว่าพระขนองก็ได้) ตรัสว่า : ครั้งนี้ทำให้ดี อย่าให้เบี้ยวอย่างคราวที่แล้ว ตรัสไปแย้มพระโอษฐ์ไป : เจ้าไปไหนมาข้าเป็นห่วงที่ไม่เห็นเจ้า มีอะไรเกิดขึ้นในหมู่บ้านโคมิลหรือเมื่อคืนนี้อาจารย์ทั้งหลายต่างพากันรีบร้อนกลับไป




ซูจินี ผูกด้านหลังเสื้อเกราะเสร็จ ก็กอดบั้นพระองค์
สัญชาตญาณทำให้ ทัมด๊ก คว้ามือ ซูจินีไว้ : อะไรกัน ทรงนิ่ง และพยายามจะเอี้ยวพระองค์ไปทาง ซูจินี : มันประหลาด เมื่อเจ้าเงียบไป เจ้ามีปัญหาอีกหรือ ทรงพยายามหันมาจนมือซูจินีหลุดจากบั้นพระองค์ แต่ซูจินี ก็ โอบใหม่ ทูลว่า สักครู่ ขอสักครู่ แล้วก็ร้องไห้ : หม่อมฉันต้องการคิด แล้วเอาใบหน้าแนบลงไป (คงอยากจดจำท่านี้ไว้ในความทรงจำ)



ทัมด๊ก เอาพระหัตถ์ออก ปล่อยให้ ซูจินี กอด เบือนพระพักตร์ไปทางซูจินี ตรัสถามว่า เจ้ากำลัง..ร้องไห้หรือ ขยับองค์ แต่ ซูจินี กอดพระองค์แน่น : เด็กโง่...เจ้าจะจับกษัตริย์จากด้านหลังไม่ได้
ซูจินี ปล่อยพระองค์ ก้าวถอยออกไปยืนก้มหน้าร้องไห้



ทัมด๊ก : ไหนข้าขอดูหน้าเจ้าหน่อย ซูจินี เงยหน้าขึ้นทูลว่า : หม่อมฉันคงเมาค้างอยู่ พวกเขาบอกว่า เหล้านี้ถ้าดื่มแล้วทำให้ร้องไห้ มันก็จริง แล้วยกมือลูบผมแก้เก้อ ทัมด๊ก ทอดพระเนตรทรงสงสัย ซูจินี หม่อมฉันมาเพื่อคืนสิ่งนี้ให้กับฝ่าบาท ทัมด๊ก ก้มลงทอดพระเนตรขวดน้ำหอม




ซูจินี : ฝ่าบาททรงให้หม่อมฉันยืม แต่ทรงไม่เคยทวงคืน มันก็เลยยังอยู่กับหม่อมฉัน ตอนต่อสู้หม่อมฉันระวังไม่ให้มันแตก มันยังอยู่ในสภาพดีใช่ไหม ทัมด๊ก ทอดพระเนตรซูจินี นิ่ง และไม่รับขวดน้ำหอม ซูจินี เลยต้องวางไว้บนโต๊ะที่ตั้งอยู่ใกล้ๆพระองค์ ทูลต่อว่า หม่อมฉัน หม่อมฉันต้องการเสมอๆที่จะให้มีคนพูดกับหม่อมฉันว่า หม่อมฉันเป็นคนตัวเล็กที่น่ารัก หม่อมฉันถึงได้แต่งตัวแบบนี้ หม่อมฉันคิดว่าคงจะน่ารักถ้าใส่มัน แล้วก็หัวเราะแกล้งทำให้รื่นเริง เพราะหม่อมฉันต้องการให้ทรงจดจำเช่นนี้ เฮ้อ... น่าอายเสียจริง หม่อมฉันทูลลาก่อน ยกมือลูบผมแก้เก้ออีก ก้มคำนับ



ทัมด๊ก ทรงจับแขนซูจินีไว้ : จำอะไร พูดให้ชัดเจนสิ
ซูจินี : คนขี้เมา จะพูดให้ชัดเจนได้อย่างไร
ทัมด๊ก : เจ้าน่ารักเสมอ ถึงจะไม่ใส่เสื้อผ้าแบบนี้ เจ้าก็น่ารักเสมอ ดีใจไหม
ซูจินี : ฝ่าบาทอย่าทรงคืนคำนะ
ทัมด๊ก: ข้าคงพูดอะไรอย่างนี้ไม่ได้อีก
ซูจินี : หม่อมฉันจะไปตามทางของหม่อมฉันแล้ว ก้มศีรษะถวายคำนับ ทัมด๊ก ยังจับแขนซูจินีอยู่ : ปล่อยหม่อมฉัน แล้วก็ทูลซ้ำ ปล่อยหม่อมฉัน



ทัมด๊ก ปล่อยพระหัตถ์ ตรัสว่า : ไปนอนให้สร่างเมา พรุ่งนี้เราต้องฝึกซ้อม ทุกคนจะรอเจ้าอยู่
ซูจินี : ตกลงเพคะ ถวายคำนับอีก หันหลังเดินไป 3-4 ก้าว แล้วก็หันมา ทูลว่า ฝ่าบาท ..หลัง ของฝ่าบาทดีจริงๆ ฝ่าบาทไม่ทรงทราบใช่ไหม ซูจินี ร้องไห้ แล้วก็รีบเดินออกมา ทัมด๊ก ประทับยืนที่ตรงนั้นนิ่ง..นาน
เมื่อออกมาซูจินีก็พบฮยอนโก ที่ระเบียง ซูจินี ก้มคำนับอาจารย์ ฮยอนโก ก็ร้องไห้...เจ้า...เจ้าดูตลกดี..แล้ว ซูจินี ก็เดินจาก ฮยอนโก ไป

ที่ค่ายทหารค่ายใหญ่ของ ยอนโฮแก ที่นาเกลือคอรัล
ทหารจับกลุ่มกันวิพาทย์วิจารณ์พระบรมราชโองการของ ทัมด๊ก ที่สั่งให้ยอนโฮแก นำกองทหาร 4 หมื่นคน คืนกลับปราสาทโกกแน ว่า ตอนนี้พวกขุนนางในปราสาทกลับมาสนับสนุน กษัตริย์ ทั้งที่ก่อนเคลื่อนพลออกจากปราสาท พวกขุนนางต่างพากันพูดว่า ยอนโฮแก จะเป็นกษัตริย์จูชิน และเข้าข้างยอนโฮแก มีคนหนึ่งบอกว่าแต่ตอนนี้เสนาบดียอนจบแล้ว ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้ท่านโฮแกกลับไป ถ้าหากไม่กลับ ท่านโฮแกจะได้รับโทษในข้อหากบฏ เจ้าไม่ได้ยินหรอกหรือ ทหารพากันตกใจ กบฏหรือ และพากันมาถามมันดักของเผ่าซีอู (ที่ได้รับมอบหมายมาปล่อยข่าวลือ ) ว่า เจ้ามาจากปราสาทโกกแนใช่หรือไม่ ถ้าพวกเราเป็นกบฏจะเกิดอะไรขึ้น
มันดัก ตอบว่า เจ้ากำลังถามข้าถึงกฎหมายของประเทศของพวกเจ้าหรือ คนทรยศที่หักหลังประเทศชาติของตัวเอง จะถูกเผาทั้งเป็น ถูกตัดหัวและครอบครัวต้องตกเป็นทาส ถ้าเจ้าทรยศต่อกษัตริย์ก็เท่ากับทรยศต่อชาติ เจ้าไม่รู้เรื่องนั้นหรือ
แล้วมันดัก ก็เดินไปหาจูมูชิ ที่ หงุดหงิด งุ่นง่าน ที่มาถึง คอรัล แล้วไม่พบ บาซอนและดัลบี : ท่านหัวหน้า ข้าคิดว่าเราทำทุกอย่างที่ทำได้หมดแล้ว เราปล่อยข่าวลือ และทำให้ทหารเกรงกลัว ข้าคิดว่าเราสมควรกลับได้แล้ว
จูมูชิ ถามว่า เจ้าพบไหม มันดักบอกว่า ไม่มีใครรู้ แม้แต่แม่ทัพเองก็ไม่รู้ว่า ยอนโฮแก นำกองกำลังพิเศษไปที่ไหน แล้วข้าจะไปรู้ได้อย่างไร จูมูชิ ยิ่งโมโห ฟาดรั้วไม้ไผ่พัง มันดักได้แต่เรียกท่านหัวหน้า

ยอนโฮแก บุกไปหมู่บ้านช่างตีเหล็กที่คอรัล ไล่จับผู้คน และในจำนวนนั้นมี บุลโดล พี่ชายของบาซอน พี่น้องทั้งคู่ จำกันได้ แต่บาซอน แกล้ง บอกว่า เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาอาจตายไปแล้ว หรือไปจากที่นี่แล้ว อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ ยอนโฮแก สงสัยท่าทางพิรุธของบาซอน แล้วอิลซู ก็อุ้มเด็กคนหนึ่งออกมาจากบ้านหลังหนึ่ง เด็กที่ถูกอุ้มชี้มือไปที่ บุลโดล อิลซู จึงถามว่า ผู้ชายคนนั้นคือ บุลโดลใช่ไหม เด็กพยักหน้าตอบคำถาม ทำให้ บุลโดล ถูกจับแขนทั้งสองข้าง หิ้วปีก ขึ้น บาซอน มองพี่ชายแบบหมดปัญญาช่วย
ยอนโฮแก พูดขึ้นว่า : ข้ามาเพื่อสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์เสือขาว พวกนั้นบอกว่าเจ้ามี พวกเราเลยเดินทางมาไกลและต้องเสียสละมากมายเพื่อมาที่นี่ เจ้าจะคืนให้ข้าได้ไหม
บุลโดล : ท่านเป็นผู้พิทักษ์หรือ มีแต่ผู้พิทักษ์เท่านั้นที่เอาไปได้ นั่นคือสิ่งที่ตำนานบอกไว้
ยอนโฮแก หน้าตึงตาขึง (เพราะรู้สึกว่า บุลโดลประเมินค่าตัวเขาต่ำเกินไปมั้ง)
บุลโดล พูดย้ำ มีแต่ผู้พิทักษ์เท่านั้นที่ครอบครองได้
อิลซูชักดาบ บาซอนเข้าขวางถาม บุลโดลว่า พี่..ข้าเองบาซอน
พี่ชายตอบว่า ข้ารู้ ข้าจำเจ้าได้ ตั้งแต่แรกเห็น เจ้าสบายดีหรือ เจ้าแต่งงานหรือไม่มีลูกไหม
บาซอนร้องไห้ : มันอยู่ที่ไหน เอาไปให้พวกเขาไปเถอะ
บุลโดล มองยอนโฮแก : เจ้าพาพวกเขามาที่นี่หรือ
บาซอน : คนพวกนี้จะฆ่าพี่นะ พวกนั้นจะฆ่าพี่จริง ๆ
บุลโดล : เจ้าพาพวกเขามาเพราะเขาเป็นผู้พิทักษ์หรือ หรือเขาคือกษัตริย์จูชิน (มอง ยอนโฮแก) บุลโดล หัวเราะ อิลซู เอาดาบแทงที่แขนเลือดกระฉูด บาซอนร้องบอกว่า ให้เขาไปเถอะ อิลซู แทงอีกแผล
บุลโดล : เมื่อผู้พิทักษ์ที่แท้จริงมา...เขาบอกว่าข้าจะรู้จัก จนถึงตอนนี้ ข้าไม่มีความรู้สึก พ่อบอกข้าเช่นนี้ แล้วก็ถูกแทงแผลที่ 3 บาซอนทนไม่ไหว ร้องว่า ข้าจะหามันเอง ให้เวลาข้าอีกหน่อย ถ้าให้เวลาข้า ข้าจะหามัน ข้าจะหาเอง หยุดเถอะ แล้วบาซอนก็วิ่งเข้าไปตัวบ้านที่ บุลโดล ถูกจับมา ดัลบี ถลาเข้าไปหา บุลโดล เอามืออุดแผล โปรดอดทนอีกสักนิด โปรดอดทน
ยอนโฮแก เสียงเครียดหน้าเครียด มอง บุลโดล เขม็ง : ข้าไม่พร้อมสำหรับมันหรือ ในสายตาของเจ้าข้าไม่ใช่จริงหรือ เจ้าไม่มีความรู้สึกใด ๆหรือ ไม่มีเลยหรือ
บุลโดล กัดฟันเพราะความเจ็บปวด : ท่านมาจากกลุ่มเดียวที่ฆ่าพ่อของเราหรือ พวกนั้นเหมือนท่าน พวกนั้นพยายามบังคับด้วยกำลัง พ่อของข้าได้สละชีวิตเพื่อปกป้องมันจนวาระสุดท้าย...และลูกชายของพ่อ คือข้า....แล้ว บุลโดล ก็กัดลิ้นตัวเอง ตาย
บาซอน วิ่งกลับมาพร้อมย่ามที่ใส่สัญลักษณ์ ทิ้งย่ามลงกับพื้น เมื่อเห็นบุลโดลอยู่ในอ้อมแขนของ ยอนโฮแก วิ่งมาเขย่าพี่ชาย จอกฮวาน เปิดย่าม หยิบสัญลักษณ์เสือขาวออกมาส่งให้ ยอนโฮแก ยอนโฮแก สีหน้าไม่ได้ดีใจแต่เคร่งเครียดครุ่นคิด

ที่หมู่บ้านโคมิล ผู้เฒ่าเอาสัญลักษณ์มังกรน้ำเงินมาวางบนหน้าอก ชอโร สัญลักษณ์ ส่องแสงสว่าง ผู้เฒ่าทั้ง 2 คน คำนับสัญลักษณ์




ในกองทหารของทัมด๊ก
ทัมด๊กทรงต่อสู้ประลอง กำลัง กับทหาร ที่เดียว 2 คน ทัมด๊ก ทรงพระสำราญมาก ฮยอนโก มายืนมามองดู แต่สีหน้าเศร้าสร้อย ทัมด๊ก เลยปลีกพระองค์ออกมา ให้พวกแม่ทัพนายทหารสนุกกันต่อ ( ยงจุนคล่องแคล่วมาก และประวัติ ของเทควันโด ก็ เกิด ตั้งแต่ สมัยอาณาจักร โคคุเรียว)
ทัมด๊ก ได้รับการถวายรายงานเรื่องการรักษา ชอโร การรักษาด้วยยาไม่มีผลดีขึ้น เราคิดว่า สัญลักษณ์อาจรักษาผู้พิทักษ์ที่ได้รับเลือกของมัน พวกเราโชคดีที่มันได้ผล พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : เขาได้รับการรักษาให้หายได้เร็วแค่ไหน พวกเราจะเดินทางพรุ่งนี้แล้ว และข้าหวังว่า ผู้บัญชาการป้อมปราการควานมีจะไปกับเราได้
ฮยอนโก พะย่ะค่ะ และเสบียงที่เรารวบรวมได้ ก็มีมากกว่าที่เราคาดไว้มากกว่าครึ่ง ทุกคนโลภอยากได้ เกลือ ก็เป็นสิ่งดีพะย่ะค่ะ


ทัมด๊ก : ทำไมข้าไม่เห็นเด็กคนนั้น ข้าไม่เห็น ซูจินี มาสักพักแล้ว นางหลบหน้าข้าหรือ
ฮยอนโก แต่แรกที่ยังไม่ทรงเอ่ยชื่อ ซูจินี ก็แกล้งทำไม่รู้ว่า เด็กนั่น คือใคร : โอ ซูจินี ก็...ไม่นานพะย่ะค่ะ หม่อมฉันส่งนางไปไกล ไปทำธุระ มันเป็นงานที่สำคัญของหมู่บ้านโคมิล โปรดทรงเข้าพระทัยด้วยว่าหม่อมฉันไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดกับพระองค์ได้ นางไปไกล... ไกล...สักหน่อยสำหรับที่ ที่ นางไป คงจะอีกนาน นาน สักหน่อย กว่าฝ่าบาทจะได้เห็นนางอีกครั้ง
ทัมด๊ก : ท่านจะบอกอะไรกับข้า ท่านกำลังปกปิดอะไรจากข้าหรือ
ฮยอนโก : ซูจินีไปแล้ว...กลับไปยังโลกของนาง มันเป็นการตัดสินใจของนาง ด้วยรอยยิ้ม โปรดเข้าพระทัยด้วยฝ่าบาท
ทัมด๊ก ทรงพระราชดำเนินจากไป





ที่หมู่บ้านโคมิล
ชอโร ฟื้นขึ้นมา
ทัมด๊ก : ซูจินีอยู่ที่ใด เรื่องเหลวไหลอะไรกันที่ท่านกำลังพูด
ฮยอนจัง : นางไม่ได้อยู่ที่นี่ฝ่าบาท มันเป็นคำสั่งสุดท้ายของหัวหน้าคนก่อน และเป็นภารกิจ ของชาวโคมิล พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : พวกเจ้าพูดได้อย่างไรว่าต้องฆ่านาง เพราะนางอาจจะเป็นผู้พิทักษ์ฟินิกซ์
ฮยอนโก : ไม่ใช่แค่ฟินิกซ์ แต่เป็นฟินิกซ์ดำพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : แล้วผู้หญิงคนนั้น ...ผู้หญิงคนที่บอกว่านางเป็นผู้พิทักษ์ ทำไมพวกเจ้าไม่ฆ่านางเสีย
ฮยอนโก : เราไม่สามารถหาหลักฐานได้ว่า นางเป็นฟินิกซ์ดำ
ฮยอนจัง : ประการแรก นางต้องมีพลังแห่งไฟ ประการที่สองนางไม่สามารถควบคุมไฟได้และประการที่สาม สัญลักษณ์ของฟินิกซ์จะปรากฏบนร่างกายของนาง
ทัมด๊ก : ดังนั้น เพราะซูจินีโกรธจนลืมตัว และใช้พลังไฟ นางจึงต้องถูกฆ่า โดยพวกท่าน คนที่เรียกตัวเองว่าอาจารย์ของนาง
ฮยอนโก : นางได้แสดงสัญลักษณ์ฟินิกซ์ ตอนที่นางยังเด็ก หม่อมฉันเห็นด้วยตาตัวเองพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : นางอยู่ที่ใด
ฮยอนจังส่ายหน้า : พวกเราไม่รู้พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก กริ้วจัด สุรเสียงดัง : ทำไมไม่รู้ ท่านอยากให้นางตาย แต่ท่านไม่รู้ว่านางอยู่ที่ใดหรือ
ฮยอนจัง : นางไปด้วยตัวนางเอง เราไม่ได้ถามนางว่า นางจะไปที่ใด พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก หมุนพระองค์กลับ ขุนพลโก (ผู้รู้พระทัย) : ฝ่าบาท พรุ่งนี้ จะต้องเสด็จคอรัลแล้ว
ทัมด๊ก ไม่สนพระทัย


ขุนพลโก : ฝ่าบาทตรัสเองว่า เราต้องไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชน คนของเราไปถึงค่ายทหารของยอนโฮแกที่คอรัลแล้ว และกำลังทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายอยู่พะย่ะค่ะ ทรงสั่งด้วยพระองค์เอง ทรงบอกพวกเขาเป็นพิเศษว่า สิ่งนี้ต้องกระทำอย่างเร่งด่วนพะย่ะคะ
ฮยอนโก : ฝ่าบาทจะหยุดเพียงเพราะเด็กผู้หญิงคนเดียวไม่ได้ ทรงเป็นกษัตริย์นะพะย่ะค่ะ
มีเสียงประตูเปิด ชอโร ที่ยืนอยู่ที่บานประตู ทูลว่า หม่อมฉันจะไปเอง



ทัมด๊ก เสด็จพระราชดำเนินไปหาชอโร : ไปหาที่บ่อน กับโรงเหล้าก่อน ข้ามั่นใจว่านางต้องไปอยู่สถานที่พวกนั้น นางจะกลับไปโลกเก่าของนางอีกไม่ได้แม้แต่วันเดียว ..ทรงหยุด พระราชดำเนิน ... นางอาจจะเมาอยู่ จนถึงในขณะนี้
ชอโร : หม่อมฉันจะหานางให้พบ ไม่ว่านางจะไปอยู่ที่ใด พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : ข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อย ป้อมปราการควานมีของเจ้าตกเป็นของข้าแล้ว ข้าจะคิดได้ไหมว่าเจ้าเป็นคนของข้าเช่นกัน
ชอโร ยิ้ม ทูลว่า ทำไมกษัตริย์จูชินถึงทรงถามสิ่งนี้พะย่ะค่ะ



ทัมด๊ก ประทานตราประจำพระองค์ ให้ ชอโร : ตราประทับนี้เป็นตัวแทนของข้า ถ้าเจ้าแสดงที่ใดภายในอาณาจักร โคคุเรียว เจ้าจะได้รับการช่วยเหลือ หานางให้พบและพานางกลับมา
ชอโร ก้มหน้า เหมือนทูลลา ทัมด๊ก
ยอนโฮแกกลับถึงค่ายทหารใหญ่ ที่นาเกลือคอรัล
แม่ทัพ : ท่านกลับมาอย่างปลอดภัยหรือ พวกเรามีเรื่องมากมายที่จะรายงานต่อท่าน
ในปราสาทโกกแน
ขุนพลโก เป็นผู้ผูกเสื้อเกราะให้ ทัมด๊ก ด้วยตัวเอง



Copyright @ Amornbyj & SUE